“ติ๊ง!”ชายชุดดำคนหนึ่งฟันดาบโค้งที่อยู่ในมือไปที่ไหล่ของหลินเฟิง และเกิดเป็นเสียงของโลหะกระทบกันออกมา“ฮะ? นี่มัน...กำลังภายในปล่อยออกมาข้างนอก เทพปรมาจารย์?!”ชายชรามองเห็นภาพนี้ ตกตะลึงจนอ้าปากค้างแต่นี่ยังไม่จบหลินเฟิงเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกรงเล็บ จิกไปที่ข้อมือของชายชุดดำ และแย่งชิงดาบโค้งที่อยู่ในมือของเขามา จากนั้นฟาดฟันลงไป ทันใดนั้นศีรษะของคนชุดดำสองหัวที่มีสีหน้าตกตะลึงลอยออกไป“คุณหลิน ผมหนุนกำลังคุณ!”ห่างออกไประยะหนึ่ง เหยาปินที่สวมชุดสูทสีดำที่ทรุดโทรมก็พุ่งเข้ามา เขาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า จากนกใหญ่ที่บินขึ้นสูงเปลี่ยนเป็นเสือดุ ปล่อยหมัดและเท้าเพียงเล็กน้อยก็ต่อยคนชุดดำสองคนกระเด็นออกไป“เหยาปิน แกมันไอ้คนทรยศ!”เห็นเหยาปินลงมือช่วยหลินเฟิง โอวหยางชิ่งส่งเสียงตวาดด่าทอที่ดุดัน และโมโหจนตัวสั่นไปหมด“หึ ฉันติดตามสำนักเสินฉือของพวกเธอมาหลายปีขนาดนี้ พวกเธอกลับระแวดระวังฉันเหมือนกับฉันเป็นโจร มองกลับไปที่คุณหลิน ไม่เพียงไว้ชีวิตฉัน แถมยังให้คำแนะนำกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้กับฉัน”“พวกเธอสำนักเสินฉือมีวันนี้ ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง!”“หมัดพยัคฆ์ร้าย!”เหยาปินเป็นคนที่มี
“หลี่ซืออวี่!”หลินเฟิงจับกำปั้นที่มีเลือดหยุดลง ในใจเกิดความโมโหมากมายขึ้นมาทันทีเมื่อวานเขาทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลไป๋ อันที่จริงระมัดระวังตัวมาตลอด หลังจากที่ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารและอาหารว่าไม่มีพิษแล้ว เขาถึงได้วางใจมีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้ระวัง ก็คือเหล้าแก้วนั้นที่หลี่ซืออวี่ยื่นให้เขาเดิมทีคิดว่าเด็กสาวคนนี้ต่อให้เจ้าเล่ห์ยังไง เขาก็เห็นแก่ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนของเสวี่ยฮุ่ย เมื่อถูกเปิดโปง เธอก็ควรจะวิตกเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือกระทำ และสำนึกผิดอย่างจริงจังแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงคิดไม่ถึงเลยก็คือเธอยังกล้าวางยาให้เขา?“เพียะเพียะ!”หลินเฟิงประสานอิน และนึกไม่ถึงว่าจะใช้ท่าประสานมือบุษกรของสำนักเสินฉือปลายนิ้วมือของเขากดไปที่จุดชี่ห่ายกับจุดกวนหยวน จากนั้นก็จุดเทียนทูกับจุดเหลียงเหมิน เพื่อให้กำลังภายในบีบคั้นให้ฤทธิ์ยาสลายไปอย่างรวดเร็ว“พวกแกมันไอ้พวกสวะ หลินเฟิงโดนยาพิษแล้ว รีบบุกเข้าไปสิ!”คนชุดดำที่อยู่รอบ ๆ มีท่าทางที่จะถอยออก โอวหยางชิ่งร้อนใจและด่าทอลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่พามาจากมือของคุณพ่อของเธอได้ยินลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ออกคำสั่งแล้ว
ชายวัยกลางคนกอดอกแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ ช้า ๆ ในดวงตามีความเย็นชาปรากฏออกมา“คุณหลินระวังนะครับ เขา...เขาก็คือโอวหยางซานน้องชายของผู้อาวุโสสำนักเสินฉือ เป็นเทพปรมาจารย์ ผมไม่ใช่...อั่ก...”เหยาปินที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงก็ยังพูดเตือนหลินเฟิงด้วยแรงสุดท้ายหลินเฟิงขมวดคิ้วพูด: “คุณเลิกพูดได้แล้ว นอนนิ่ง ๆ! ไม่อย่างนั้นตัดเถียนของคุณจะแตกสลายได้ง่าย และจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้”เห็นจุดตันเถียนของเหยาปินยังไม่แตกสลายไป โอวหยางซานก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“คิดไม่ถึงว่านายจะรู้จักการผนึกจุดพลังด้วย ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ที่มีชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียวของสำนักเสวียนเทียน”“สำนักเสวียนเทียน?!”ชายชราที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิงมองไปทางเขาด้วยความตกตะลึง ในสายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“คุณปู่ ทำไมเหรอ? สำนักเสวียนเทียนคืออะไรคะ?”หญิงสาวเห็นแบบนี้ก็รีบถามขึ้นมาชายชรากลับเผยความตกตะลึงออกมา: “สำนักเสวียนเทียนเมืองหนานไห่ นั่นเป็นถึงสำนักที่มีประวัติยาวนานที่สุด และลึกลับที่สุดในประเทศมังกรในตอนนั้น!”“ถึงแม้ลูกศิษย์สำนักจำนวนไม่ได้เยอะมากนัก แต่ว่าต่างเป็นจ
“อาซานระวัง ไอ้หมอนี้ไม่ธรรมดา! อาสือก็เป็นเพราะว่าประมาทไป ถึงได้พ่ายแพ้ในมือของเขา!”โอวหยางชิ่งรีบเตือนเสียงดัง“หึ โอวหยางสือไอ้แก่ไร้ประโยชน์นั่น คู่ควรที่จะเทียบกับฉันด้วยเหรอ?”ลมปราณของโอวหยางซานเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเยอะ กำลังภายในของเขาถูกปล่อยออกมาจนพื้นที่อยู่ใต้เท้าแตกออก จากนั้นก็พุ่งไปทางหลินเฟิงเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่“ชิ่งเอ่อร์ วันนี้อาจะแก้แค้แทนเซี่ยงหลงคู่หมั้นของหนูให้!”“คุณหลินระวัง เขาเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดห้าอันแรกของสำนักเสินฉือ!”ถึงแม้ว่าจะถูกบอกไม่ให้พูด แต่เหยาปินเห็นโอวหยางซานลงมือ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนเสียงดัง“ปรมาจารย์ระดับสูงสุด?”หลินเฟิงส่งเสียงเยาะหยัน“ดูท่าครั้งนี้ปลาที่ฉันตกได้ไม่ได้ถือว่าตัวเล็กนัก!”“ตกปลา? แกไอ้หมอนี่...”โอวหยางซานที่พุ่งเข้ามาสีหน้าเปลี่ยนไป เขามองไปทางหลินเฟิงที่รอบตัวมีกำลังภายในแผ่ซ่านและค่อย ๆ รวบรวมเป็นแก่นสารแท้จริง สภาพชี่แท้ที่ส่งเป็นแสงสีทองแวววับจับตา“กำลังภายในที่ปล่อยออกมาภายนอกมีแก่นสารแท้จริงถึงขนาดนี้? ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”โอวหยางซานไม่ได้ประมาท เขาลงมืออย่างรวดเร็ว เมื่อปะทะกันก็
ข่าวลือว่ากันว่าเมื่อสามปีก่อนสำนักเสวียนเทียนถูกทำลายล้าง มีเพียงเจ้าสำนักและศิษย์สายตรงหายตัวไปหรือว่าวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ก็คือศิษย์สายตรงของสำนักเสวียนเทียน?ตอนนั้นภายใต้การล้อมโจมตีของสี่สำนักใหญ่ มีลูกศิษย์คนโตของสำนักเสวียนเทียนที่ฆ่าล้างไปทั่วถนน เขาคือหลินชิงเสวียน?!อาศัยขั้นเทพก็สามารถแย่งชิงอันดับหนึ่งของลำดับโลกในตอนนั้นมาได้!นี่มันคือความสามารถระดับไหนกัน?ในตอนนี้ฟ่านอู๋จี๋ไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไปว่าสำนักเฉินสือจะสร้างความลำบากอะไรให้หลินเฟิงได้ แต่เขากลับเริ่มเป็นกังวล หลังจากที่หลินชิงเสวียนจัดการคนของสำนักเสินฉือแล้ว จะเป็นไปได้ไหมที่เลือกฆ่าปิดปากพวกเขาปู่หลานสองคน เพื่อที่จะปกปิดสถานะ“หลินเฟิง...นาย นายจะฆ่าฉันไม่ได้นะ...”เพียงแค่หมัดเดียว โอวหยางซานก็เหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้าย เขาพยายามที่จะรักษาท่าทางที่แปลกประหลาดเอาไว้ จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว: “ฉันเป็นพี่น้องร่วมสาบานของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ เป็นเพื่อนร่วมรบของเจ้าสำนัก ถ้านายฆ่าฉัน สำนักเสินฉือไม่มีทางปล่อยนายไป!”“คำสั่งเสียพูดจบแล้วยัง?”หลินเฟิงเหลือบมองโอวหยางซ
หลินเฟิงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าประตูโรงบู๊ถูกคนถีบเปิดดออก ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายความเป็นยอดฝีมือ สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาและมีผมหงอกที่ปลิวไปไสวเดินเข้ามาสายตาของชายวัยกลางคนเฉียบแหลมราวกับอีแร้ง จ้องมองหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่อึมครึมอย่างยิ่งบุคคลนี้ก็คือโอวหยางป๋อ ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ “พ่อ!" เมื่อเห็นคนที่มาถึง ความดีใจก็พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของโอวหยางชิ่งทันทีเธอล้มลุกคลุกคลานไปข้าง ๆ ชายเสื้อคลุมสีเทา ก่อนจะร้องไห้น้ำตาไหลแล้วพูดว่า “พ่อ! พ่อต้องจัดการแทนหนูนะ! หลินเฟิงเขา... หลินเฟิงเขาฆ่าคุณอาซาน!”“อะไรนะ?!”โอวหยางป๋อมองตามการชี้นำของลูกสาวตัวเอง แวบเดียวก็เห็นศพของโอวหยางป๋อที่แผ่หลาอยู่ภายในหลุมลึก แววตาที่อึมครึมราวกับจะมีน้ำหยดออกมา“มารผจญ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าฆ่าผู้อาวุโสสำนักเสินฉือของฉัน!”“ฆ่าแล้วจะทำไม?”หลินเฟิงรู้ว่า ชายเสื้อคลุมสีเทาคนนี้อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดที่ตัวเองจะต้องเผชิญหน้าในวันนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่เกรงใจใด ๆ ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ยอดฝีมือลำดับห้าของสำนักเสินฉือของพวกคุณ เพียงแค่รับหมัดของผมไปหมัดเดียวก็จะตายแ
ถ้าหากว่าพวกเขาตายแล้ว คนในครอบครัวก็ยังได้รับเงินบำเหน็จ แต่หากพวกเขาหนีสงคราม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องตาย แต่คนในครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนชุดดำที่อยู่โดยรอบ หลินเฟิงก็ไม่เมตตาอยู่แล้ว หยวนชี่ทั้งห้าโคจร ใช้ระดับเซียนเทียนบดขยี้คนชุดดำทั้งกลุ่มในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่ไม่กลัวตายของพวกเขา หลินเฟิงก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรคนพวกนี้ต่างก็เป็นลูกศิษย์กำลังภายในทั้งหมด และมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นยอดฝีมือกำลังภายในหลินเฟิงอาจจะไม่มีปัญหามากนักในการรับมือกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่รับมือกับหลายสิบคน หรือมากกว่าร้อยคน ก็อาจจะทำให้หลินเฟิงมีอุปสรรคมากขึ้นเล็กน้อยมดเยอะกัดช้างตาย หลักการข้อนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น“คุณปู่ คุณรีบไปช่วยพี่หลินเฟิงคนนั้นสิ!”หลานสาวของฟ่านอู๋จี๋เห็นหลินเฟิงรับมือได้ลำบาก เธอก็รีบตะโกนเสียงดังแต่ทว่าฟ่านอู๋จี๋กลับยืนอยู่ห่างจากเหตุการณ์ สายตาของเขาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อน หากว่าหลินเฟิงชนะ งั้นปู่และหลานทั้งสองคนก็ควรพิจารณาว่าจะรับมือยังไงกับหลินเฟิงที่เป็นลูกศิษย์สำนัก
ในเวลานี้ตระกูลไป๋กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเถาเซิ่ง ตระกูลเถาเป็นตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในหนานโจวปีนี้เถาเซิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาที่หนานโจว ก็นับว่าหวนคืนสู่บ้านเกิดในสภาพที่ได้ดีเขาและไป๋ชิงเฉี่ยนในสมัยนั้นอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นของตระกูลสูงศักดิ์ และเป็นเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนเดียวกันแถมไป๋ชิงเฉี่ยนยังหน้าตาไร้เดียงสาและสวยมากมาตั้งแต่เด็ก ในใจของเถาเซิ่งก็มีความรักใคร่ชื่นชมต่อไป๋ชิงเฉี่ยน ตอนที่จบการศึกษาก็แสดงความรักใคร่ชื่นชมของตัวเองให้กับไป๋ชิงเฉี่ยนได้เห็นแต่น่าเสียดายที่ไป๋ชิงเฉี่ยนในเวลานี้ยังคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะและปฏิเสธไม่ยอมคบกับเขา จึงทำให้เถาเซิ่งเสียใจอย่างมากนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศอย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปเรียนต่างประเทศมาหลายปี เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเฉี่ยนจะหมั้นหมายแล้ว และยังเป็นตระกูลเหยนในเจียงโจว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศกเสียใจในเมื่อเบื้องหลังของตระกูลเหยนก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจวถึงแม้ว่าตระกูลเถาจะเป็นตระกูลที่มีทั