“เที่ยว?”เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยในสายโทรศัพท์ชะงักงันไปชั่วครู่“แล้วหลี่ซืออวี่....”“วางใจเถอะเสวี่ยฮุ่ย ฉันกับซืออวี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันทั้งนั้น”เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดแบบนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็นิ่งอึ้งไปทันทีโทรศัพท์ในมือตกลงบนพื้นเสียงดัง “ตุ่บ” “เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย?”เสียงของหลินเฟิงดังออกมาจากโทรศัพท์“แม่...หนูไม่ได้ยินผิดใช่ไหม? แม่? แม่รีบหยิกหนูหน่อย นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?”หลินเสวี่ยฮุ่ยมองไปทางแม่ของตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ“เด็กโง่”จ้าวเฉียวอวิ๋นยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะเดินไปทำอาหาร“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พี่หลินเฟิง ฉันยังอยู่ ฉันยังอยู่”หลินเสวี่ยฮุ่ยกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนปกติในทันทีเธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากพื้นแล้วรีบพูดว่า “ไปเที่ยวกันวันมะรืนใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา โรงเรียนก็ปิดเทอมพอดีด้วย” “งั้นเป็นอันตกลงแล้ว?”“ใช่!”หลังจากที่วางสายแล้ว หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่งเสียงร้องดีใจก่อนจะโถมตัวลงบนโซฟา“ฮ่า ฉันรู้มานานแล้วว่าหลี่ซืออวี่ผู้หญิงคนนั้นต้องตั้งใจหลอกลวงพี่หลินเฟิงแ
ในตอนเย็นตระกูลไป๋ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ในระหว่างนั้น หลินเฟิงก็มาหาหลี่ซืออวี่“ซืออวี่ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยในเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ ของที่ให้กับคุณ คุณจะเก็บไว้ก็ได้ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว”“หลังจากที่กลับเจียงโจว จะต้องยืนยันให้เสวี่ยฮุ่ยเห็นว่าพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลี่ซืออวี่ตกตะลึงไปชั่วครู่“พี่หลินเฟิง ที่คุณให้ของฉัน ...พี่ไม่เอากลับไปแล้วเหรอ?”“คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม?”เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็ส่ายหน้า“คืนวันนั้นฉันยั้งสติไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้ วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธ แต่คราวหน้าอย่าใช้ความฉลาดน้อยแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เมื่อมองแววตาของหลินเฟิงที่แฝงความมีเตือนสติอยู่ หลี่ซืออวี่ก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว“ใช่แล้ว พี่หลินเฟิง ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปประลองฝีมือกับใครสักคนเหรอ?”“ใช่แล้ว”“งั้น....”หลี่ซืออวี่ว้าวุ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยังตัดสินใจได้ในที่สุด ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะเทเหล้าแล้วยกขึ้น“พี่หลินเฟิง ขอบคุณที่คุณยอมอภัยให้ฉัน เหล้าแก้วนี
“ก่อนหน้านี้ให้เกียรตินายนายกลับไม่รับไว้ จะเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวจากตระกูลไป๋ของฉันไปให้ได้ หึ ถ้าหากว่าหัวใจมังกรใต้พื้นดินยังอยู่ ลูกสาวของฉันแต่งงานกับสำนักเสินฉือจะต้องเปลืองแรงขนาดนี้เหรอ?”“นายเอาหัวใจมังกรใต้พื้นดินออกไปจากตระกูลไป๋ของเราไป และตระกูลไป๋เราก็ยังอุทิศคุณให้กับสำนักเสินฉือด้วย เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ถือว่าหายกันแล้วเถอะ!”ไป๋เจิ้นหัวที่มีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความกระตือรือร้น แต่ในใจลึก ๆกลับแอบคิดวางแผนอยู่เงียบ ๆไป๋ชิงเฉี่ยนที่อยู่ด้านข้างมองพ่อของตัวเองที่แสดงสีหน้าออกมาเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างมากหลังงานเลี้ยงอาหารเย็นไป๋ชิงเฉี่ยนมาที่ห้องหนังสือของไป๋เจิ้นหัว“พ่อ พ่อคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?”ลูกสาวของตัวเองถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แววตาของไป๋เจิ้นหัวเคร่งขรึม ก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็น “ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ ลูก ท้องฟ้ามืดแล้ว รีบเข้านอนล่ะ”“มันเกี่ยวข้องกับคู่หมั้นที่พ่อเคยพูดก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “พ่อ ถ้าพ่อวางแผนเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับหลินเฟิง หนูขอแนะนำว่าให้พ่อหยุดมือทันที”“ลูกจ
แต่หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนอ่อนแออะไรที่จะถูกการข่มขู่กระจอกแบบนี้ควบคุมเอาไว้ได้เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมไป๋ชิงเฉี่ยนได้ หลินเฟิงจึงกอดอกแล้วพูดอย่างเฉยเมย: “งั้นคุณตะโกนเถอะ ผมยังไงก็ได้”“งั้นฉันตะโกนจริง ๆ แล้วนะ?!” ไป๋ชิงเฉี่ยนกัดฟัน และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ตะโกนเถอะ”หลินเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ หลินเฟิงเขา...หลินเฟิงเขาลูบคลำฉัน ช่วยด้วย!”คิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเฉี่ยนคนนี้จะตะโกนจริง ๆ หลินเฟิงรีบปิดปากของเธอเอาไว้“คุณไม่อายเหรอ?!” หลินเฟิงแพ้ให้เธอแล้วจริง ๆ และพูดด้วยความโมโห: “นี่ก็คือการต้อนรับแขกของคุณหนูไป๋เหรอ?”“ฉันไม่สน”ไป๋ชิงเฉี่ยนอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว: “ถ้าคุณไม่พาฉันไปด้วย ฉันก็จะตะโกนต่อ ยังไงซะเมื่อถึงเวลาให้คุณคนได้รับรู้ คุณก็หนีไม่รอดแล้ว”ไป๋ฉิงเฉี่ยนคนนี้ภายนอกดูไร้พิษภัย แต่หัวรั้นขึ้นมาก็เป็นดื้อดึงจริง ๆสุดท้ายหลินเฟิงทำได้แค่รับปากเธออย่างจนใจ รอให้พรุ่งนี้เอาไผ่กลืนทองมาได้ ก็จะเชิญเธอไปเที่ยวที่เมืองเจียงโจวสักสองสามวัน แบบนี้เธอถึงจะยอมจากไปด้วยความพึงพอใจตลอดทั้งคืนไม่มีคำพูดใด ๆเช้าวันต่อมา หลินเฟิงตื่นมาแต่เช้าฝึกวิ
“ใช่ครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“ชิ บนโลกนี้ แมวหมาที่ไหนก็กล้ามาร่วมดูความครึกครื้น”ชายชราเห็นหลินเฟิงมั่นอกมั่นใจ สายตามีไหวพริบ จึงรู้ว่าหลินเฟิงมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่แน่อาจจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายในแต่ดูจากพวกคนที่เขาเพิ่งตีจนหนีไป การรับลูกศิษย์ของโรงบู๊หยินเฉวียนนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดแน่นอนไม่แน่อาจจะยังมีเทพปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้นอีกมากมายผู้ชายวัยรุ่นอย่างหลินเฟิง ถ้าหากไม่มีคนคุ้มครอง เกรงว่าตายไปก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าตายอย่างไรชายชราพูดด้วยความเหยียดหยามและโบกมือ: “ไอ้หนุ่มหลินเฟิง ฉันเกลี้ยกล่อมให้นายมาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่นเถอะ!”“เมื่อครู่นายก็เห็นแล้ว ฉันเพียงแค่เดินทางไปที่โรงบู๊หยินเฉวียนก็ถูกมือสังหารลอบโจมตีอย่างไม่มีเหตุผล ถ้าหากเป็นนาย นายจะทนได้เหรอ?”ไม่รอให้หลินเฟิงตอบสนอง หลานสาวที่อยู่ข้างกายชายชราก็ยิ้มพูด:“พี่ชาย ฉันดูพี่หน้าตาหล่อเหลาดี อย่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสถานที่ลึกลับแบบนี้ ฟังคำพูดคุณปู่ของฉัน พี่รีบกลับไปเถอะ!”เห็นปู่หลานสองคนดูถูกตัวเอง หลินเฟิงก็ไม่ได้หงุดหงิด เขายิ้มบางพูดขึ้น: “การรับสมัครลูกศิษย์ของโรงบู๊หยินเฉวียน อันที่จริ
“หุบปาก!”โอวหยางชิ่งเดินออกมาจากในโถงโรงบู๊ และโมโหจนตัวสั่นก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรอดชีวิตจึงแสร้งทำเป็นคนบ้าปัญญาอ่อนต่อหน้าหลินเฟิง เรื่องนี้เธอไม่ได้บอกใครทั้งนั้น และมันกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของเธอเธอไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้ถูกคนอื่นรับรู้ถ้าหากให้คนอื่นรู้ว่าโอวหยางชิ่งลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ ใช้วิธีแบบนี้มารักษาชีวิตของตัวเองงั้นชื่อเสียงของเธอโอวหยางชิ่งก็จะเน่าเฟะจนถึงที่สุด“ทำไม? จี้แทงจุดที่เจ็บปวดของคุณหนูโอวหยางเหรอ?” หลินเฟิงยิ้มเยาะ และพูดอย่างเนิบนาม: “คุณว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้?”“ตอนนั้นผมเห็นคุณน่าสงสาร จึงตั้งใจไว้ชีวิตคุณ?”“หลินเฟิง นายบ้าอวดแบบนี้ ฆ่าคู่หมั้นของฉัน วันนี้ก็พูดจาไม่สุภาพกับฉัน ทำให้ความบริสุทธิ์ของฉันด่างพร้อย ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่!”โอวหยางชิ่งเหลือบมองลูกน้องของสำนักเสินฉือที่หลบเลี่ยง และประหม่าเล็กน้อย เธอจึงรีบตะโกนตวาดหลินเฟิงให้เขาหุบปากจากนั้นโบกมือแล้วพูดว่า: “บุกเข้าไปให้หมด ใครจับหลินเฟิงไว้ได้ สำนักเสินฉือของฉันจะตบรางวัลเป็นวิชาลับของสำนักและสมบัติล้ำค่าห้าธาตุแต่กำเนิด!”“เข้าไปสิ!”ได้ยินของของรา
“ติ๊ง!”ชายชุดดำคนหนึ่งฟันดาบโค้งที่อยู่ในมือไปที่ไหล่ของหลินเฟิง และเกิดเป็นเสียงของโลหะกระทบกันออกมา“ฮะ? นี่มัน...กำลังภายในปล่อยออกมาข้างนอก เทพปรมาจารย์?!”ชายชรามองเห็นภาพนี้ ตกตะลึงจนอ้าปากค้างแต่นี่ยังไม่จบหลินเฟิงเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกรงเล็บ จิกไปที่ข้อมือของชายชุดดำ และแย่งชิงดาบโค้งที่อยู่ในมือของเขามา จากนั้นฟาดฟันลงไป ทันใดนั้นศีรษะของคนชุดดำสองหัวที่มีสีหน้าตกตะลึงลอยออกไป“คุณหลิน ผมหนุนกำลังคุณ!”ห่างออกไประยะหนึ่ง เหยาปินที่สวมชุดสูทสีดำที่ทรุดโทรมก็พุ่งเข้ามา เขาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า จากนกใหญ่ที่บินขึ้นสูงเปลี่ยนเป็นเสือดุ ปล่อยหมัดและเท้าเพียงเล็กน้อยก็ต่อยคนชุดดำสองคนกระเด็นออกไป“เหยาปิน แกมันไอ้คนทรยศ!”เห็นเหยาปินลงมือช่วยหลินเฟิง โอวหยางชิ่งส่งเสียงตวาดด่าทอที่ดุดัน และโมโหจนตัวสั่นไปหมด“หึ ฉันติดตามสำนักเสินฉือของพวกเธอมาหลายปีขนาดนี้ พวกเธอกลับระแวดระวังฉันเหมือนกับฉันเป็นโจร มองกลับไปที่คุณหลิน ไม่เพียงไว้ชีวิตฉัน แถมยังให้คำแนะนำกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้กับฉัน”“พวกเธอสำนักเสินฉือมีวันนี้ ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง!”“หมัดพยัคฆ์ร้าย!”เหยาปินเป็นคนที่มี
“หลี่ซืออวี่!”หลินเฟิงจับกำปั้นที่มีเลือดหยุดลง ในใจเกิดความโมโหมากมายขึ้นมาทันทีเมื่อวานเขาทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลไป๋ อันที่จริงระมัดระวังตัวมาตลอด หลังจากที่ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารและอาหารว่าไม่มีพิษแล้ว เขาถึงได้วางใจมีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้ระวัง ก็คือเหล้าแก้วนั้นที่หลี่ซืออวี่ยื่นให้เขาเดิมทีคิดว่าเด็กสาวคนนี้ต่อให้เจ้าเล่ห์ยังไง เขาก็เห็นแก่ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนของเสวี่ยฮุ่ย เมื่อถูกเปิดโปง เธอก็ควรจะวิตกเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือกระทำ และสำนึกผิดอย่างจริงจังแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงคิดไม่ถึงเลยก็คือเธอยังกล้าวางยาให้เขา?“เพียะเพียะ!”หลินเฟิงประสานอิน และนึกไม่ถึงว่าจะใช้ท่าประสานมือบุษกรของสำนักเสินฉือปลายนิ้วมือของเขากดไปที่จุดชี่ห่ายกับจุดกวนหยวน จากนั้นก็จุดเทียนทูกับจุดเหลียงเหมิน เพื่อให้กำลังภายในบีบคั้นให้ฤทธิ์ยาสลายไปอย่างรวดเร็ว“พวกแกมันไอ้พวกสวะ หลินเฟิงโดนยาพิษแล้ว รีบบุกเข้าไปสิ!”คนชุดดำที่อยู่รอบ ๆ มีท่าทางที่จะถอยออก โอวหยางชิ่งร้อนใจและด่าทอลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่พามาจากมือของคุณพ่อของเธอได้ยินลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ออกคำสั่งแล้ว