แต่หลินเฟิงนิ่งเฉยเหมือนภูเขาในเมื่อสงสัยว่าเธออาจจงใจวางแผนใส่ร้ายตัวเอง หลินเฟิงจะเปิดโอกาสให้เธอได้อย่างไร?“ซืออวี่ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก เรื่องชายหญิงยังไม่ขอพิจารณาในตอนนี้”พูดพลาง หลินเฟิงก็นำเสื้อผ้าตัวหนึ่งของเขาคลุมบนร่างของซืออวี่ไว้ จากนั้นผลักเธอออกจากประตู และล็อกประตู“คุณ!”หลี่ซืออวี่ยืนเท้าเปล่าอยู่หน้าประตูของหลินเฟิง เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้นภาพนี้บังเอิญถูกหลินเสวี่ยฮุ่ยที่ตื่นมาตอนกลางคืนเห็นเข้าพอดีเธอเห็นท่าทางของหลี่ซืออวี่แบบนี้ ก็มีความคิดบางอย่างเช้าตรู่ของวันต่อมาหลินเฟิงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ได้ขับรถพาหลี่ซืออวี่ไปที่ตระกูลไป๋เมืองหนานโจวกับเขาหลี่ซืออวี่ดูต่อต้านเล็กน้อย และพูดอ้อน: “พี่หลินเฟิง ไม่อย่างงั้นพี่ไปคนเดียวเถอะ ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอยู่……”“ฉันต้องการยืนยันเรื่องหนึ่ง วางใจเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”ความเย็นชาของหลินเฟิงทําให้หลี่ซืออวี่ตื่นตระหนกมากขึ้นระหว่างทาง สีหน้าของหลี่ซืออวี่เปลี่ยนไปแย่ลงเรื่อย ๆเมืองหนานโจวไม่ไกลจากเมืองเจียงโจว ใช้เวลาขับรถไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมงเมื่อมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลไป๋ หลี่ซืออวี
ในใจมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย จากนั้นหลินเฟิงเข้าไปในห้องรับแขกไป๋ชิงเฉี่ยนก็รออยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว ผมดกดำ ชุดสีขาว โดดเด่นเป็นอย่างมากนอกจากไป๋ชิงเฉี่ยน และยังมีคุณหนูของตระกูลต่งอีกคนก็อยู่ที่นี่ด้วยต่งหลิงอวี้เมื่อเห็นหลินเฟิงเข้ามา ไป๋ชิงเฉี่ยนก็รีบลุกขึ้นทักทาย หลินเฟิงทำตัวสุภาพ และได้มีการสอบถามไป๋ชิงเฉี่ยนว่าช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง“ขอบคุณคุณหลินที่นึกถึงกันค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องขอบคุณหลินที่ให้การช่วยเหลือ”“อืม”หลินเฟิงพยักหน้า เขารู้ว่าตัวเองพูดเรื่องไร้สาระจริง ๆสุขภาพของไป๋ชิงเฉี่ยนหลินเฟิงนั้นรู้ดีกว่าตัวเธอเองหลังจากการรักษาของหลินเฟิง ไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เพียงกำจัดโรคภายใน จนกระทั่งเปิดจุดเทียนจิงโดยบังเอิญ ทำให้การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียว“พี่หลินเฟิงเชี่ยวชาญด้านทักษะทางการแพทย์ด้วยเหรอ?”หลี่ซืออวี่ที่เพิ่งเข้ามาก็เหลือบมองหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจไม่นานนัก เธอที่รูปลักษณ์สวยงามเหมือนนางฟ้าบัวขาวของไป๋ชิงเฉี่ยนดึงดูดความสนใจไปครั้งก่อนเป็นเพราะว่าไป๋ชิงเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บ ออร่าของเธอเองถูกรบกวนจ
หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาไป๋ชิงเฉี่ยนตกตะลึง: “คุณหลินเฟิง เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ?” “ไม่มีอะไร”หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ที่คุณพูดว่าโรงบู๊หยินเฉวียน พวกเขาจะเปิดรับลูกศิษย์เมื่อไหร่?”“พรุ่งนี้ตอนเที่ยง”“พรุ่งนี้เหรอ?”หลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเฉี่ยนแอบสังเกตดูสีหน้าของหลินเฟิงอยู่สักพัก เอ่ยปากว่า: “จากที่นี่ ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสามสิบนาทีไปยังโรงบู๊หยินเฉวียน ถ้าหากคุณหลินไม่รังเกียจ วันนี้ก็พักที่ตระกูลไป๋ของฉันสักคืน?” “ก็ดี”หลินเฟิงก็ไม่เกรงใจเช่นกันเขามองดูหน้าของไป๋ชิงเฉี่ยนก็รู้ว่าเธอยังมีเรื่องที่อยากจะพูดอีก ดูเหมือนว่าเรื่องต่อไปก็คงเป็นเรื่องของโรงแรมไป๋ถิ่งแล้วในเวลานี้ อยู่ ๆ หลี่ซืออวี่ก็ลุกขึ้นเธอยิ้มอย่างฝืน ๆ พูดว่า: “ดูเหมือนว่าคุณไป๋ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนกับพี่หลินเฟิง งั้นฉันก็เลี่ยงไปก่อนก็ได้ค่ะ”ไป๋ชิงเฉี่ยนเหลือบมองไปที่หลี่ซืออวี่ และไม่ได้หยุดรั้งเธอไว้ไป๋ชิงเฉี่ยนสั่งต่งหลิงอวี้ว่า: “หลิงอวี้ คุณไปเป็นเพื่อนคุณหลี่ซืออวี่เดินเล่นที่สวนดอกไม้เถอะ” “ฉันไม่เอา” ต่งหลิงอวี้ต่อต้านหลี่ซืออวี่อย่างเห็นได้ชัด
กลุ้มใจหลี่ซืออวี่กลุ้มใจอย่างมากเธอเดินเร็วในคฤหาสน์โบราณของตระกูลไป๋ ดอกไม้สดใสที่อยู่ข้างๆ เธอไม่สามารถทําให้อารมณ์ของเธอสงบลงได้แม้แต่น้อย“ไอ้ตระกูลไป๋ที่สมควรตาย! ไอ้เลว!”ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของไป๋ชิงเฉี่ยนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในใจ หลี่ซืออวี่กําหมัดแน่นและด่าทอด้วยเสียงต่ํา: “พวกไอ้สารเลว ทั้งหมดก็แค่อิจฉาตาร้อนที่ฉันมีชีวิตที่ดีขึ้น”“โจวเสี่ยวหางก็เป็นแบบนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ด้วย ตระกูลไป๋ ก็เป็นแบบนี้!”“ฉันไปหาเรื่องพวกคุณแกเหรอ?!”ยิ่งคิด หลี่ซืออวี่ก็ยิ่งน้อยใจ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ นั่งยอง ๆ กับพื้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา“ฉันแค่อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ฉันผิดอะไร? พวกแกทำไมทำทุกวิถีทางเพื่อแกล้งฉัน?!”“ฉันทำผิดอะไร?!”หลี่ซืออวี่ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเสียงดังมากขึ้น ในที่สุดก็ดึงดูดไป๋เจิ้นหัวที่อยู่ด้านข้างในตอนที่ไป๋เจิ้นหัวเห็นหลี่ซืออวี่ครั้งแรก สายตาก็แสดงการดูถูกเหยียดหยามออกมาเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ตบมือขึ้นมา เผยยิ้มแย้มอย่างพอใจออกมา“คุณชื่อหลี่ซืออวี่ใช่ไหม? เป็นแฟนของคุณหลินเฟิงใช่ไหม?”ไป๋เจิ้นหัวมองหลี่ซืออวี่ด้วยสายตาที่ใจดี
ในไม่นาน ร่างกายของหลี่ซืออวี่ก็สั่น เธอดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ รีบเงยหน้าขึ้นและถามว่า: “ถ้าเกิดออกจากบ้านตระกูลไป๋ล่ะ? ถ้าเกิดออกจากบ้านตระกูลไป๋ คุณไป๋เจิ้นหัว ท่าน……ท่านยังสามารถที่จะปกป้องฉันได้อยู่รึเปล่า?” “เอ่อ…..”ไป๋เจิ้นหัวเสแสร้งลำบากใจ ส่ายหัวไปมาพูดว่า: “ขอโทษคุณหลี่ซืออวี่ ถ้าออกจากตระกูลไป๋ไป เกรงว่าคุณหลินเฟิงก็จะไม่สามารถที่จะเกรงใจพวกเราแล้ว” หลี่ซืออวี่ตกใจหนักมาก ความสบายใจเมื่อกี้ตกลงไปในเหวอีกครั้งทันที“คุณไป๋ ได้โปรดช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยอธิบายกัยคุณหลินเฟิงให้ฉัน ฉันแค่...... ฉันแค่สับสน ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นเลยจริง ๆ ฉันชอบคุณพี่หลินเฟิง ฉัน……”เห็นผู้หญิงคนนี้โง่แบบนี้ ถูกตัวเองเล่นงานได้ง่ายขนาดนี้ ไป๋เจิ้นหัวดูถูกเธอสุดขั้วในใจของเขา แต่การแสดงสีหน้าก็ไม่สามารถที่จะทำออกมาได้เพราะว่าเขาจะผลประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ ทำแผนการของตัวเองให้สำเร็จ“งั้นอย่างนี้”หลังจากที่เสแสร้งครุ่นคิดอยู่สักพัก ไป๋เจิ้นหัวไปข้างหน้า ใจดีช่วยพยุงหลี่ซืออวี่ขึ้นจากพื้น และแอบกระซิบข้างหูของเธอว่า: “จะให้คุณหลินปล่อยคุณไป เกรงว่าจะไม่มีวิธีแล้ว”“เรื่องราวมาถ
“หลินเฟิง ฉันแนะนำทางที่ดีให้คุณละทิ้งความคิดที่ไม่ดีของคุณไป”ในตอนบ่าย ต่งหลิงอวี้ ได้มาหาหลินเฟิงที่บำเพ็ญฌานอยู่ในห้องพักแขกเธอเปิดปากแล้วพูดออกมาตรง ๆ“ความคิดไม่ดี? ผมจะมีความคิดไม่ดีอะไรได้ล่ะ?”หลินเฟิงถูกคำพูดของต่งหลิงอวี้หลอกให้สับสน จนขมวดคิ้วมุ่น“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”ต่งหลิงอวี้นั่งลงบนโซฟาแล้วไขว้ขา ก่อนจะพูอย่างทะนงตัวว่า “ผู้นำตระกูลไป๋ได้พบเจอกับคู่หมั้นของชิงเฉี่ยนแล้ว คุณต้องรู้จักเอาตัวรอด ทางที่ดีควรจะรักษาระยะห่างกับชิงเฉี่ยนไว้นะ”“เรื่องมันเกี่ยวอะไรกับผม?”หลินเฟิงรู้สึกว่าต่งหลิงอวี้แปลกประหลาดเล็กน้อย“คุณยังมองไม่ออกอีกเหรอ?”ต่งหลิงอวี้เหมือนถูกแทงด้วยเข็ม ก่อนจะกระโดดขึ้นมาแล้วชี้ไปที่จมูกของหลินเฟิง“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้คุณมีดีอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าชิงเฉี่ยนจะตกหลุมรักคุณแล้ว และวัน ๆไม่กินไม่นอน ฉันบอกคุณเลยนะ เพื่อความสุขของชิงเฉี่ยน ทางที่ดีก็อยู่ห่าง ๆ จากชิงเฉี่ยนไว้” “คุณไปบอกเธอเถอะ มาหาผมทำไม?” หลินเฟิงหมดคำพูด ก่อนจะโบกมือส่งแขกแล้วพูดว่า “คุณหนูตระกูลของพวกคุณจะเป็นยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม ต่อให้ตระกูลเหยี่ยนเมื่อก่อน หรือเป็
“เที่ยว?”เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยในสายโทรศัพท์ชะงักงันไปชั่วครู่“แล้วหลี่ซืออวี่....”“วางใจเถอะเสวี่ยฮุ่ย ฉันกับซืออวี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันทั้งนั้น”เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดแบบนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็นิ่งอึ้งไปทันทีโทรศัพท์ในมือตกลงบนพื้นเสียงดัง “ตุ่บ” “เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย?”เสียงของหลินเฟิงดังออกมาจากโทรศัพท์“แม่...หนูไม่ได้ยินผิดใช่ไหม? แม่? แม่รีบหยิกหนูหน่อย นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม?”หลินเสวี่ยฮุ่ยมองไปทางแม่ของตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ“เด็กโง่”จ้าวเฉียวอวิ๋นยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะเดินไปทำอาหาร“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พี่หลินเฟิง ฉันยังอยู่ ฉันยังอยู่”หลินเสวี่ยฮุ่ยกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนปกติในทันทีเธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากพื้นแล้วรีบพูดว่า “ไปเที่ยวกันวันมะรืนใช่ไหม? ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา โรงเรียนก็ปิดเทอมพอดีด้วย” “งั้นเป็นอันตกลงแล้ว?”“ใช่!”หลังจากที่วางสายแล้ว หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่งเสียงร้องดีใจก่อนจะโถมตัวลงบนโซฟา“ฮ่า ฉันรู้มานานแล้วว่าหลี่ซืออวี่ผู้หญิงคนนั้นต้องตั้งใจหลอกลวงพี่หลินเฟิงแ
ในตอนเย็นตระกูลไป๋ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อใหญ่ในระหว่างนั้น หลินเฟิงก็มาหาหลี่ซืออวี่“ซืออวี่ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยในเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ ของที่ให้กับคุณ คุณจะเก็บไว้ก็ได้ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว”“หลังจากที่กลับเจียงโจว จะต้องยืนยันให้เสวี่ยฮุ่ยเห็นว่าพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลี่ซืออวี่ตกตะลึงไปชั่วครู่“พี่หลินเฟิง ที่คุณให้ของฉัน ...พี่ไม่เอากลับไปแล้วเหรอ?”“คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม?”เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็ส่ายหน้า“คืนวันนั้นฉันยั้งสติไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงจะไม่กลายเป็นแบบนี้ วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธ แต่คราวหน้าอย่าใช้ความฉลาดน้อยแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เมื่อมองแววตาของหลินเฟิงที่แฝงความมีเตือนสติอยู่ หลี่ซืออวี่ก็พยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว“ใช่แล้ว พี่หลินเฟิง ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้คุณต้องไปประลองฝีมือกับใครสักคนเหรอ?”“ใช่แล้ว”“งั้น....”หลี่ซืออวี่ว้าวุ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยังตัดสินใจได้ในที่สุด ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะเทเหล้าแล้วยกขึ้น“พี่หลินเฟิง ขอบคุณที่คุณยอมอภัยให้ฉัน เหล้าแก้วนี