หลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากอยากที่จะพูด แต่ในใจกลับทำให้พูดไม่ออก“ฮุ่ยหราน ผมรู้ว่าระหว่างเราอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ผมก็หวังว่าคุณจะมองเห็นความจริง อย่าได้ถูกคนจูงจมูกได้ง่าย ๆ”“แต่ก่อนอื่นคุณก็ต้องเชื่อใจผมก่อน”หลินเฟิงหันไปมองหลี่ฮุ่ยหราน และพูดอย่างจริงจัง“คุณเชื่อใจผมไหม? หลี่ฮุ่ยหราน? ”“ฉันเชื่อคุณ หลินเฟิง ฉันเชื่อคุณ! ”ในใจหลี่ฮุ่ยหรานอยากที่จะตะโกนออกไปแบบนั้น พร้อมกับยื่นมือไปหาหลินเฟิง ตอนนี้เธออยากที่จะเหวี่ยงตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิงมากแต่ในความทรงจำ หลินเฟิงไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับเธอเลยสักครั้ง“ฮุ่ยหราน คุณคงจะไม่ลืมไปแล้วหรอกใช่ไหม? ”ในขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นในใจของเธอได้ กู้เฉินที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มเยาะเย้ย และสาดน้ำเย็นใส่เธอ“นั่นสิ! ยังมีกู้เฉิน......คุณชายหลงยวนแห่งตระกูลหลง...... ”เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็เต็มไปด้วยความขมขื่นเธออยากจะไปกับหลินเฟิง คิดอยากไปเป็นร้อยครั้งหมื่นครั้ง แต่เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง?เธอรู้อารมณ์ของหลินเฟิงดี เขาจะไม่มีวันยอมแพ้อย่างแน่นอนและการที่เขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ ก็เท่าก
“คุณตบผมงั้นเหรอ?”หลินเฟิงมองไปยังใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความไม่เชื่อ“ฉัน...... ”ฝ่ามือของหลี่ฮุ่ยหรานยังคงสั่นอยู่ เมื่อมองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของหลินเฟิง เธอรู้สึกเป็นทุกข์มากจนหัวใจของเธอสั่น แต่เธอก็ไม่สามารถขอโทษออกไปได้เธอทำได้แค่ทำเป็นบ้าใส่หลินเฟิง แล้วผลักเขาออกไป“พอได้แล้วหลินเฟิง!” หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่ตรงหน้ากู้เฉิน และตะโกนใส่หลินเฟิง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก“คุณทำร้ายคุณปู่จนตาย หรือคุณยังอยากจะฆ่าคู่หมั้นของฉันอีกคนงั้นเหรอ? ”“หลินเฟิง คุณไสหัวออกไปซะ! จากนี้ไประหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก! ”“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก คุณไสหัวไปสิ! ”หลินเฟิงมองไปยังท่าทางตีโพยตีพายของหลี่ฮุ่ยหราน ทันใดนั้นเขาก็คลายหมัดที่กำแน่นลง แล้วเผยรอยยิ้มฝืน ๆ ออกมา พร้อมกับพูดว่า “ฮุ่ยหราน คุณจำเป็นต้องขู่ผมขนาดนี้เลยเหรอ? ”“จะต้องเป็นไอ้สารเลวนั่นขู่คุณใช่ไหม? ”“คุณบอกผมมา ผมจะช่วยคุณจัดการเอง คุณเชื่อผมสิ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่กล้ามองตาของหลินเฟิงตรง ๆ เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวเธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอจึงทำได้เพียงก้มศีรษะลง และตะโกนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ไม่มีใครข่มขู่ฉันท
แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เสียดายชีวิตที่จะต้องติดตามสุภาพบุรุษคนนี้ เขากัดฟัน เงยหน้าขึ้น และดื่มไวน์แดงเข้าไปหนึ่งขวดแต่แค่เพียงครึ่งขวดก็ทำให้เขาหน้าแดง ร่างกายของเขาเซไปมา แทบจะพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ได้“จ้าวเทียนหวา นายไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองขนาดนั้นหรอก”ไวน์ขวดที่อยู่ในมือของหลินเฟิงถูกเขาดื่มจนหมดแล้ว แต่ท่าทางของเขากลับเหมือนคนที่ยังไม่ได้ดื่ม“ไม่ครับ......คุณชายหลินอย่าพูดเลยครับ ผม จ้าวเทียนหวามีวันนี้ได้ ก็ล้วนเป็นเพราะ......เป็นเพราะ...... ”เห็นได้ชัดว่าลิ้นของจ้าวเทียนหวาพันกันจนพูดจาไม่รู้ความหลินเฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เรียกบอดี้การ์ดของจ้าวเทียนหวาที่อยู่ไกลออกไปตรงหน้าประตูเข้ามา“ไปส่งเขากลับบ้านเถอะ”“ช่วงนี้นายติดตามฉันไปทำงานก็เสียแรงไปไม่น้อย ยังไงช่วงนี้ก็พักผ่อนให้มาก ๆ”จ้าวเทียนหวาพยายามดิ้น แต่ก็ถูกบอดี้การ์ดของเขาพาตัวไปจ้าวเทียนหวาจากไปแล้ว ตรงที่นั่งขนาดใหญ่ ก็เหลือเพียงแค่หลินเฟิงที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวหลังจากนั้นไม่นาน ขวดเปล่าจำนวนมากก็กองสะสมกันอยู่ตรงนั้นแม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นยอดฝีมือมาแต่กำเนิด แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ
คำพูดของหลี่ซือวี่ยิ่งช่วยกระตุ้นความโกรธของเหล่าพวกอันธพาลได้สำเร็จแน่นอนว่าหลี่ซืออวี่เองก็ไม่กลัวเช่นกันเธอเคยได้เห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อนแล้ว พวกอันธพาลไม่กี่คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงเลยสักนิดยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของหลินเฟิงผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลา ทั้งร่ำรวย แถมยังมีภูมิหลังที่ดีแบบนี้ มันทำให้หลี่ซืออวี่สนใจตั้งนานแล้ว หากว่าพี่สาวของตัวเอง หลี่ฮุ่ยหรานไม่เอาแต่ปิดบังที่อยู่ของเขากับเธอ ป่านนี้เธอคงจะตามจีบเขาไปแล้วแล้ววันนี้ก็ดันบังเอิญเจอเขาที่นี่ เธอจะปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง?อันธพาลธรรมดา ๆ อย่างเมิ่งฉือเมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้ว เมิ่งฉือก็เหมือนแมลงที่อยู่ในห้องน้ำเท่านั้น“เจ้าหนู ฉันขอแนะนำให้แกคิดดี ๆ นะ รีบไสหัวไปซะ ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย” เมิ่งฉือมองหลินเฟิงอย่างเย็นชาหลินเฟิงขมวดคิ้วและเหลือบมองหลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีมากพออยู่แล้ว นี่ยังจะมีแมลงวันพวกนี้มาคอยก่อกวนหลินเฟิงอีก“ถ้าจะหาเรื่องก็ไปหาคนอื่น ทางที่ดีพวกนายก็อย่ามายั่วโมโหฉันจะดีกว่า”หลินเฟิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหลี่ซืออวี่ได้ เขาจึงทำได้แค่ขมวดคิ้ว
หลินเฟิงเดินโซเซไปหาเมิ่งฉือ และพูดด้วยสีหน้าที่ดูไร้อารมณ์ “ฉันเคยเตือนแกแล้ว แต่แกก็ดันไม่ฟัง เพราะงั้นจะมาโทษฉันก็ไม่ได้”“พี่เหมิงถูกทำร้ายแล้ว รีบลุยเข้าไปสิวะ! ”ลูกน้องทั้งสองก็เริ่มโจมตีเข้าไปพร้อมกัน ต่างก็หยิบขวดไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ยกมันขึ้นมา หลินเฟิงก็มอบขวดไวน์ให้พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนแล้ว เขาฟาดขวดไปที่หัวของทั้งสองจนเลือดอาบ จากนั้นทั้งสองก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที“แกถ้ากล้าทำร้ายพี่เหมิง แกได้ตายสมใจอยากแน่ แกจะไม่ได้ตายดีหรอก! ”หนึ่งในลูกน้องเอามือปิดหน้าเอาไว้ เลือดหยดลงมาจากหน้าผาก พร้อมกับส่งเสียงหอนอย่างน่าสมเพช“พี่หลินเฟิงหล่อมาก พี่ฆ่าไอ้สารเลวสามคนนี้ให้ตาย ๆ ไปเลย! ” เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นทั้งสามคนได้รับบทเรียนจากหลินเฟิง เธอก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น หลินเฟิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรำคาญใจ ทำให้ความตื่นเต้นบนใบหน้าของหลี่ซืออวี่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความกลัวขึ้นมาหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หาเรื่องมาให้เขา ตัวเองก็คงจะไม่ถูกแมลงวันสามตัวนี้เข้ามาตอมไม่ใช่รึไง?หลินเฟิงโยนขว
ทุกคนที่อยู่ในบาร์ต่างก็กำลังดูละครฉากนี้อยู่เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของเหยาปินอย่างชัดเจน หลายคนก็อุทานออกมาต้องเข้าใจก่อนว่า เหยาบินคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากหากว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าที่นี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น“แย่แล้ว แย่แล้ว ฉันยังบอกอยู่เลยว่าพี่ชายขี้เมาคนนั้นหล่อมาก คิดไม่ถึงเลยว่าอันธพาลนี่จะรู้จักกับเหยาปิน พี่ชายคนนั้นจบเห่แล้วล่ะ”ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งยืนถอนหายใจกลางฟลอร์เต้นรำ“ฉันได้ยินมาว่า ถ้าถูกเหยาปินจับได้ ก็เหมือนเหลือชีวิตอยู่อีกแค่ครึ่งเดียว วันนี้พี่ชายคนนั้นโชคไม่ดีเลยจริง ๆ ที่ต้องเจอกับคนที่รับมือยากแบบนี้”“ชิ ใครใช้ให้เขาไปจีบผู้หญิงของคนอื่นกันล่ะ? ”“เธอก็แหกตาดูดี ๆ สิ เป็นฝ่ายหญิงต่างหากที่วิ่งเข้าหาเขาก่อน ดูไม่ออกรึไง? ”ในขณะที่มีการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาภายในบาร์ หลี่ซืออวี่เองก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกันเหยาปินเป็นนักจับกุมที่เก่งที่สุดในเจียงโจวเป็นคนที่มีความสามารถ อีกทั้งยังลงมือได้โหดเหี้ยมอีกต่างหากแม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักศึกษาในวิทยาลัย แต่เธอก็มักจะออกไปเที่ยวในบาร์และไนต์คลับอยู่บ่อย ๆ เธอจึงพอจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่แวววาวไปด้วยดวงดาวของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็โบกมือแล้วพูดว่า “ซืออวี่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จับกุมเหยาหน่อย วันนี้เธอกลับไปก่อนนะ”“อ่อ”หลี่ซืออวี่ทำปากมุ่ย ในใจเธอรู้สึกไม่เต็มใจนิดหน่อยแต่เธอไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ขืนตัวเองยังเอาแต่เข้าไปก่อกวนหลินเฟิง ก็มีแต่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจซะเปล่า เพราะงั้นเธอจึงเลือกเดินออกจากไดนาสตี้บาร์พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย“เสวี่ยฮุ่ยเอ้ย เสวี่ยฮุ่ย เธอนี่มันจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ! ”หลี่ซืออวี่เดินออกจากประตูบาร์พร้อมกับกระเป๋าถือในมือ และแอบกล่าวโทษหลินเสวี่ยฮุ่ยในใจพี่ชายเธอเก่งกาจมากขนาดนี้ แถมผู้จับกุมอันดับหนึ่งแห่งเจียงหลินยังให้ความเคารพมากขนาดนั้นอีก เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกเธอเลยสักนิด?หรือเธอกลัวว่าตัวเองจะแย่งพี่ชายเธอไปรึไง?อันที่จริง หลี่ซืออวี่เองก็นับว่าทำผิดต่อหลินเสวี่ยฮุยเช่นกันแม้แต่ตัวหลินเสวี่ยฮุ่ยเองก็เกรงว่าคงจะไม่คิดว่าหลินเฟิงจะเก่งกาจมากขนาดนี้เหมือนกัน ในมุมมองของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงก็เป็นเพียงแค่ประธานกรรมการระดับสูงของตระกูลถัง
“งั้นความหมายของคุณคือ?”หลินเฟิงถูกเหยาปินทำให้งุนงงเหยาปินยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า: “คุณหลิน ผมเดาว่าตอนนั้นที่ไผ่กลืนทองของผมถูกสำนักเสินฉือใช้อำนาจบีบบังคับเก็บไป อาจจะยังไม่ได้ถูกกลั่นให้เป็นยาลูกกลอน”“ตอนที่ผมเก็บไผ่กลืนทองมามันยังอ่อนแอและเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะความจำเป็นฉุกเฉิน มันจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”“เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยงหลงกับโอวหยางชิ่งกลับไปถึงตระกูลเซี่ยง เจตนาเดิมก็คือกลับมาแต่งงาน โอวหยางซือที่ถูกคุณฆ่าตาย ก็คือสักขีพยานในการแต่งงานที่สำนักเสินฉือส่งตัวมา” “คุณหมายความว่า?”หลินเฟิงดวงตาสว่างไสว“ถูกแล้ว สำนักเสินฉือนี้ เอาไผ่กลืนทองนั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการแต่งงานของโอวหยางชิ่ง และตอนนี้ไผ่กลืนทองนั้นดูท่าว่าจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยงแล้ว”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเหยาปิน ตอนที่หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน“ตอนนี้ผมกับตระกูลเซี่ยงก็ผิดใจกันแล้ว เกรงว่าตระกูลเซี่ยงไม่มีทางขายไผ่กลืนทองให้ผมได้ง่าย ๆ”“ ซื้อแบบธรรมดาไม่ได้แน่นอน”เหยาปินหัวเราะเยาะ: “อีกทั้งถ้าห