คำพูดของหลี่ซือวี่ยิ่งช่วยกระตุ้นความโกรธของเหล่าพวกอันธพาลได้สำเร็จแน่นอนว่าหลี่ซืออวี่เองก็ไม่กลัวเช่นกันเธอเคยได้เห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อนแล้ว พวกอันธพาลไม่กี่คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงเลยสักนิดยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของหลินเฟิงผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลา ทั้งร่ำรวย แถมยังมีภูมิหลังที่ดีแบบนี้ มันทำให้หลี่ซืออวี่สนใจตั้งนานแล้ว หากว่าพี่สาวของตัวเอง หลี่ฮุ่ยหรานไม่เอาแต่ปิดบังที่อยู่ของเขากับเธอ ป่านนี้เธอคงจะตามจีบเขาไปแล้วแล้ววันนี้ก็ดันบังเอิญเจอเขาที่นี่ เธอจะปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง?อันธพาลธรรมดา ๆ อย่างเมิ่งฉือเมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้ว เมิ่งฉือก็เหมือนแมลงที่อยู่ในห้องน้ำเท่านั้น“เจ้าหนู ฉันขอแนะนำให้แกคิดดี ๆ นะ รีบไสหัวไปซะ ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย” เมิ่งฉือมองหลินเฟิงอย่างเย็นชาหลินเฟิงขมวดคิ้วและเหลือบมองหลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีมากพออยู่แล้ว นี่ยังจะมีแมลงวันพวกนี้มาคอยก่อกวนหลินเฟิงอีก“ถ้าจะหาเรื่องก็ไปหาคนอื่น ทางที่ดีพวกนายก็อย่ามายั่วโมโหฉันจะดีกว่า”หลินเฟิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหลี่ซืออวี่ได้ เขาจึงทำได้แค่ขมวดคิ้ว
หลินเฟิงเดินโซเซไปหาเมิ่งฉือ และพูดด้วยสีหน้าที่ดูไร้อารมณ์ “ฉันเคยเตือนแกแล้ว แต่แกก็ดันไม่ฟัง เพราะงั้นจะมาโทษฉันก็ไม่ได้”“พี่เหมิงถูกทำร้ายแล้ว รีบลุยเข้าไปสิวะ! ”ลูกน้องทั้งสองก็เริ่มโจมตีเข้าไปพร้อมกัน ต่างก็หยิบขวดไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ยกมันขึ้นมา หลินเฟิงก็มอบขวดไวน์ให้พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนแล้ว เขาฟาดขวดไปที่หัวของทั้งสองจนเลือดอาบ จากนั้นทั้งสองก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที“แกถ้ากล้าทำร้ายพี่เหมิง แกได้ตายสมใจอยากแน่ แกจะไม่ได้ตายดีหรอก! ”หนึ่งในลูกน้องเอามือปิดหน้าเอาไว้ เลือดหยดลงมาจากหน้าผาก พร้อมกับส่งเสียงหอนอย่างน่าสมเพช“พี่หลินเฟิงหล่อมาก พี่ฆ่าไอ้สารเลวสามคนนี้ให้ตาย ๆ ไปเลย! ” เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นทั้งสามคนได้รับบทเรียนจากหลินเฟิง เธอก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น หลินเฟิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรำคาญใจ ทำให้ความตื่นเต้นบนใบหน้าของหลี่ซืออวี่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความกลัวขึ้นมาหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หาเรื่องมาให้เขา ตัวเองก็คงจะไม่ถูกแมลงวันสามตัวนี้เข้ามาตอมไม่ใช่รึไง?หลินเฟิงโยนขว
ทุกคนที่อยู่ในบาร์ต่างก็กำลังดูละครฉากนี้อยู่เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของเหยาปินอย่างชัดเจน หลายคนก็อุทานออกมาต้องเข้าใจก่อนว่า เหยาบินคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากหากว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าที่นี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น“แย่แล้ว แย่แล้ว ฉันยังบอกอยู่เลยว่าพี่ชายขี้เมาคนนั้นหล่อมาก คิดไม่ถึงเลยว่าอันธพาลนี่จะรู้จักกับเหยาปิน พี่ชายคนนั้นจบเห่แล้วล่ะ”ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งยืนถอนหายใจกลางฟลอร์เต้นรำ“ฉันได้ยินมาว่า ถ้าถูกเหยาปินจับได้ ก็เหมือนเหลือชีวิตอยู่อีกแค่ครึ่งเดียว วันนี้พี่ชายคนนั้นโชคไม่ดีเลยจริง ๆ ที่ต้องเจอกับคนที่รับมือยากแบบนี้”“ชิ ใครใช้ให้เขาไปจีบผู้หญิงของคนอื่นกันล่ะ? ”“เธอก็แหกตาดูดี ๆ สิ เป็นฝ่ายหญิงต่างหากที่วิ่งเข้าหาเขาก่อน ดูไม่ออกรึไง? ”ในขณะที่มีการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาภายในบาร์ หลี่ซืออวี่เองก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกันเหยาปินเป็นนักจับกุมที่เก่งที่สุดในเจียงโจวเป็นคนที่มีความสามารถ อีกทั้งยังลงมือได้โหดเหี้ยมอีกต่างหากแม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักศึกษาในวิทยาลัย แต่เธอก็มักจะออกไปเที่ยวในบาร์และไนต์คลับอยู่บ่อย ๆ เธอจึงพอจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่แวววาวไปด้วยดวงดาวของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็โบกมือแล้วพูดว่า “ซืออวี่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จับกุมเหยาหน่อย วันนี้เธอกลับไปก่อนนะ”“อ่อ”หลี่ซืออวี่ทำปากมุ่ย ในใจเธอรู้สึกไม่เต็มใจนิดหน่อยแต่เธอไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ขืนตัวเองยังเอาแต่เข้าไปก่อกวนหลินเฟิง ก็มีแต่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจซะเปล่า เพราะงั้นเธอจึงเลือกเดินออกจากไดนาสตี้บาร์พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย“เสวี่ยฮุ่ยเอ้ย เสวี่ยฮุ่ย เธอนี่มันจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ! ”หลี่ซืออวี่เดินออกจากประตูบาร์พร้อมกับกระเป๋าถือในมือ และแอบกล่าวโทษหลินเสวี่ยฮุ่ยในใจพี่ชายเธอเก่งกาจมากขนาดนี้ แถมผู้จับกุมอันดับหนึ่งแห่งเจียงหลินยังให้ความเคารพมากขนาดนั้นอีก เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกเธอเลยสักนิด?หรือเธอกลัวว่าตัวเองจะแย่งพี่ชายเธอไปรึไง?อันที่จริง หลี่ซืออวี่เองก็นับว่าทำผิดต่อหลินเสวี่ยฮุยเช่นกันแม้แต่ตัวหลินเสวี่ยฮุ่ยเองก็เกรงว่าคงจะไม่คิดว่าหลินเฟิงจะเก่งกาจมากขนาดนี้เหมือนกัน ในมุมมองของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงก็เป็นเพียงแค่ประธานกรรมการระดับสูงของตระกูลถัง
“งั้นความหมายของคุณคือ?”หลินเฟิงถูกเหยาปินทำให้งุนงงเหยาปินยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า: “คุณหลิน ผมเดาว่าตอนนั้นที่ไผ่กลืนทองของผมถูกสำนักเสินฉือใช้อำนาจบีบบังคับเก็บไป อาจจะยังไม่ได้ถูกกลั่นให้เป็นยาลูกกลอน”“ตอนที่ผมเก็บไผ่กลืนทองมามันยังอ่อนแอและเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะความจำเป็นฉุกเฉิน มันจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”“เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยงหลงกับโอวหยางชิ่งกลับไปถึงตระกูลเซี่ยง เจตนาเดิมก็คือกลับมาแต่งงาน โอวหยางซือที่ถูกคุณฆ่าตาย ก็คือสักขีพยานในการแต่งงานที่สำนักเสินฉือส่งตัวมา” “คุณหมายความว่า?”หลินเฟิงดวงตาสว่างไสว“ถูกแล้ว สำนักเสินฉือนี้ เอาไผ่กลืนทองนั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการแต่งงานของโอวหยางชิ่ง และตอนนี้ไผ่กลืนทองนั้นดูท่าว่าจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยงแล้ว”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเหยาปิน ตอนที่หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน“ตอนนี้ผมกับตระกูลเซี่ยงก็ผิดใจกันแล้ว เกรงว่าตระกูลเซี่ยงไม่มีทางขายไผ่กลืนทองให้ผมได้ง่าย ๆ”“ ซื้อแบบธรรมดาไม่ได้แน่นอน”เหยาปินหัวเราะเยาะ: “อีกทั้งถ้าห
พูดตามตรง ที่เหยาปินสามารถนั่งในตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเขาเองแม้แต่สำนักเสินฉือก็ประหลาดใจมากหรือแม้แต่ในสำนักเสินฉือก็ยังมีคนที่หวาดกลัวเหยาปินอยู่ กลัวว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาทั้งสองคนนั่งอยู่ในบาร์จนถึงเช้ามืด หลินเฟิงกับเหยาปินต่างดื่มกันไปไม่น้อย แม้แต่บริกรก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อย“คุณหลิน เดี๋ยวผมไปส่งคุณครับ”เพราะต้องขอคำแนะนำ ดังนั้นเหยาปินจึงไม่ได้ดื่มมากเท่าหลินเฟิงขนาดนั้น เพราะงั้นจึงยังพอมีสติอยู่บ้าง“ไม่...ไม่ต้อง”หลินเฟิงลิ้นแข็งเล็กน้อย จากนั้นโบกมือก่อนจะพูดว่า:“เดียวผม...เรียกรถสักคันก็ได้แล้ว คุณกลับไปเถอะ อย่าลืมเอาศิลปะการต่อสู้ที่ผมเพิ่งสอนไปฝึกซ้อม และรวบรวมเพื่อปรับใช้งานด้วยล่ะ”“ครับ”เหยาปินรู้สึกซาบซึ้ง ท่าทางที่หลินเฟิงปฏิบัติต่อเขา ดีกว่าสำนักเสินฉือเป็นหมื่นเท่าและในเวลานี้เอง สายตาของเขามองไปไกล ก็เห็นหลี่ซืออวี่ที่หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย และขดตัวอยู่ตรงหน้ารถของหลินเฟิง“เอ๊ะ คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”เหยาปินที่กำลังประคองหลินเฟิง หลี่ซืออวี่มองเห็นก็รีบดีดตัวขึ้น ก่อนจะถูหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังค่ะ ย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงลูบคลำตัวเอง พบว่าไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น อีกทั้งหลี่ซืออวี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองก็เหมือนกัน ในจุดที่เปิดเผยใต้ผ้าห่มราวกับภาพที่เหมือนจริง“หรือว่าฉัน....”ก่อนจะกุมหน้าผากพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหลินเฟิงจำได้แค่ว่าเขาดื่มเหล้าไปเยอะมาก และให้คำแนะนำวิทยายุทธกับเหยาปิน สุดท้ายตัวเองกับเหยาปินก็ออกจากบาร์ไป...หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว“พี่หลินเฟิง”หลี่ซืออวี่ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจับผ้าห่มไว้ เธอมองหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสาร เธอเพียงแค่เรียกชื่อหลินเฟิงและไม่พูดอะไรอีกสายตานั้น เหมือนกับว่าเมื่อคืนหลินเฟิงดุร้ายมาก และบีบบังคับที่จะมีความอะไรกับเธอ“......”ในใจรู้สึกหงุดหงิด หลินเฟิงก็อดที่จะสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองทำเรื่องที่เกินขอบเขตกับเพื่อนน้องสาวของตัวเองจริง ๆเหรอ?แต่ทำไมตัวเองถึงจำไม่ได้เลยล่ะ?“ไม่เป็นไร พี่หลินเฟิง ทั้งหมดเป็นเพราะฉันสมัครใจเอง ส่วนเสวี่ยฮุ่ย ฉันก็จะอธิบายให้เธอฟังเอง คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันหรอก”เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดด้วยความน่าสงสาร“เ
หลินเฟิงลังเลใจและกำลังจะถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงด่าเหน็บแนมของจางกุ้ยหลานจากอีกด้านของโทรศัพท์“ฮุ่ยหราน โทรแจ้งให้เขารู้ก็พอแล้ว ยังต้องใช้เวลานานขนาดไหน? คุณชายกู้กำลังรอลูกอยู่ที่ชั้นล่างนะ!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณปู่ เขาคู่ควรที่จะมาเข้าร่วมพิธีฝังศพเหรอ?“ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานวางสายโทรศัพท์หลินเฟิงถือโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะส่ายหัวแล้วหัวเราะเยาะตัวเองในตอนนี้เองก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร ก่อนที่หลินเฟิงจะเดินออกจากห้องไปที่ห้องรับแขกไม่นาน ทั้งสี่คนก็รวมตัวกันที่ข้างโต๊ะอาหาร บรรยากาศแปลกประหลาดเล็กน้อยจ้าวเฉียวอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่หลินเสวี่ยฮุ่ยมีสีหน้าอึมครึ้มและไม่พูดสักประโยค ไหนจะยังมีหลี่ซืออวี่ที่ยิ้มแป้นอีก“ซืออวี่ เธอมาทำไม?”ในที่สุด ในบรรยากาศที่ตึงเครียด หลินเสวี่ยฮุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตัวเอง ก่อนจะถามอย่างไม่แสดงสีหน้า“พี่หลินเฟิงให้ฉันมาที่นี่”หลี่ซืออวี่ใช้ตะเกียบจิ้มริมฝีปากสีแดง ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสาวันนี้เธอสวมเพียงแค่เครื่องแบบของมหาวิทยาลัยเจียงโจวเท่านั้น ซึ่งดูไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ที่สวยฉูดฉาดตามปกติ