“งั้นความหมายของคุณคือ?”หลินเฟิงถูกเหยาปินทำให้งุนงงเหยาปินยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า: “คุณหลิน ผมเดาว่าตอนนั้นที่ไผ่กลืนทองของผมถูกสำนักเสินฉือใช้อำนาจบีบบังคับเก็บไป อาจจะยังไม่ได้ถูกกลั่นให้เป็นยาลูกกลอน”“ตอนที่ผมเก็บไผ่กลืนทองมามันยังอ่อนแอและเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะความจำเป็นฉุกเฉิน มันจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”“เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยงหลงกับโอวหยางชิ่งกลับไปถึงตระกูลเซี่ยง เจตนาเดิมก็คือกลับมาแต่งงาน โอวหยางซือที่ถูกคุณฆ่าตาย ก็คือสักขีพยานในการแต่งงานที่สำนักเสินฉือส่งตัวมา” “คุณหมายความว่า?”หลินเฟิงดวงตาสว่างไสว“ถูกแล้ว สำนักเสินฉือนี้ เอาไผ่กลืนทองนั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการแต่งงานของโอวหยางชิ่ง และตอนนี้ไผ่กลืนทองนั้นดูท่าว่าจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยงแล้ว”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเหยาปิน ตอนที่หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน“ตอนนี้ผมกับตระกูลเซี่ยงก็ผิดใจกันแล้ว เกรงว่าตระกูลเซี่ยงไม่มีทางขายไผ่กลืนทองให้ผมได้ง่าย ๆ”“ ซื้อแบบธรรมดาไม่ได้แน่นอน”เหยาปินหัวเราะเยาะ: “อีกทั้งถ้าห
พูดตามตรง ที่เหยาปินสามารถนั่งในตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเขาเองแม้แต่สำนักเสินฉือก็ประหลาดใจมากหรือแม้แต่ในสำนักเสินฉือก็ยังมีคนที่หวาดกลัวเหยาปินอยู่ กลัวว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาทั้งสองคนนั่งอยู่ในบาร์จนถึงเช้ามืด หลินเฟิงกับเหยาปินต่างดื่มกันไปไม่น้อย แม้แต่บริกรก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อย“คุณหลิน เดี๋ยวผมไปส่งคุณครับ”เพราะต้องขอคำแนะนำ ดังนั้นเหยาปินจึงไม่ได้ดื่มมากเท่าหลินเฟิงขนาดนั้น เพราะงั้นจึงยังพอมีสติอยู่บ้าง“ไม่...ไม่ต้อง”หลินเฟิงลิ้นแข็งเล็กน้อย จากนั้นโบกมือก่อนจะพูดว่า:“เดียวผม...เรียกรถสักคันก็ได้แล้ว คุณกลับไปเถอะ อย่าลืมเอาศิลปะการต่อสู้ที่ผมเพิ่งสอนไปฝึกซ้อม และรวบรวมเพื่อปรับใช้งานด้วยล่ะ”“ครับ”เหยาปินรู้สึกซาบซึ้ง ท่าทางที่หลินเฟิงปฏิบัติต่อเขา ดีกว่าสำนักเสินฉือเป็นหมื่นเท่าและในเวลานี้เอง สายตาของเขามองไปไกล ก็เห็นหลี่ซืออวี่ที่หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย และขดตัวอยู่ตรงหน้ารถของหลินเฟิง“เอ๊ะ คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”เหยาปินที่กำลังประคองหลินเฟิง หลี่ซืออวี่มองเห็นก็รีบดีดตัวขึ้น ก่อนจะถูหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังค่ะ ย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงลูบคลำตัวเอง พบว่าไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น อีกทั้งหลี่ซืออวี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองก็เหมือนกัน ในจุดที่เปิดเผยใต้ผ้าห่มราวกับภาพที่เหมือนจริง“หรือว่าฉัน....”ก่อนจะกุมหน้าผากพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหลินเฟิงจำได้แค่ว่าเขาดื่มเหล้าไปเยอะมาก และให้คำแนะนำวิทยายุทธกับเหยาปิน สุดท้ายตัวเองกับเหยาปินก็ออกจากบาร์ไป...หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว“พี่หลินเฟิง”หลี่ซืออวี่ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจับผ้าห่มไว้ เธอมองหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสาร เธอเพียงแค่เรียกชื่อหลินเฟิงและไม่พูดอะไรอีกสายตานั้น เหมือนกับว่าเมื่อคืนหลินเฟิงดุร้ายมาก และบีบบังคับที่จะมีความอะไรกับเธอ“......”ในใจรู้สึกหงุดหงิด หลินเฟิงก็อดที่จะสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองทำเรื่องที่เกินขอบเขตกับเพื่อนน้องสาวของตัวเองจริง ๆเหรอ?แต่ทำไมตัวเองถึงจำไม่ได้เลยล่ะ?“ไม่เป็นไร พี่หลินเฟิง ทั้งหมดเป็นเพราะฉันสมัครใจเอง ส่วนเสวี่ยฮุ่ย ฉันก็จะอธิบายให้เธอฟังเอง คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันหรอก”เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดด้วยความน่าสงสาร“เ
หลินเฟิงลังเลใจและกำลังจะถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงด่าเหน็บแนมของจางกุ้ยหลานจากอีกด้านของโทรศัพท์“ฮุ่ยหราน โทรแจ้งให้เขารู้ก็พอแล้ว ยังต้องใช้เวลานานขนาดไหน? คุณชายกู้กำลังรอลูกอยู่ที่ชั้นล่างนะ!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณปู่ เขาคู่ควรที่จะมาเข้าร่วมพิธีฝังศพเหรอ?“ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานวางสายโทรศัพท์หลินเฟิงถือโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะส่ายหัวแล้วหัวเราะเยาะตัวเองในตอนนี้เองก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร ก่อนที่หลินเฟิงจะเดินออกจากห้องไปที่ห้องรับแขกไม่นาน ทั้งสี่คนก็รวมตัวกันที่ข้างโต๊ะอาหาร บรรยากาศแปลกประหลาดเล็กน้อยจ้าวเฉียวอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่หลินเสวี่ยฮุ่ยมีสีหน้าอึมครึ้มและไม่พูดสักประโยค ไหนจะยังมีหลี่ซืออวี่ที่ยิ้มแป้นอีก“ซืออวี่ เธอมาทำไม?”ในที่สุด ในบรรยากาศที่ตึงเครียด หลินเสวี่ยฮุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตัวเอง ก่อนจะถามอย่างไม่แสดงสีหน้า“พี่หลินเฟิงให้ฉันมาที่นี่”หลี่ซืออวี่ใช้ตะเกียบจิ้มริมฝีปากสีแดง ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสาวันนี้เธอสวมเพียงแค่เครื่องแบบของมหาวิทยาลัยเจียงโจวเท่านั้น ซึ่งดูไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ที่สวยฉูดฉาดตามปกติ
หลินเฟิงไม่รู้ว่าที่หลินเสวี่ยฮุ่ยเสียใจเป็นเพราะเพื่อนสนิทขโมยคนที่ตัวเองชอบไปแล้ว เขายังคิดว่ามันเป็นความผิดของตัวเองอยู่เป็นตัวเองที่ดื่มหนักจนมีอะไรไปมั่วและส่งผลให้ความสัมพันธ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ยกับเพื่อนของเธอกลายเป็นความอึดอัดเขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหลินเสวี่ยฮุ่ยยังไงดีหลี่ซืออวี่ที่อยู่ด้านข้างกำลังคีบอาหารให้หลินเฟิงพร้อมกับคิดแผนการ ก่อนจะมองหลินเสวี่ยผ่านเข้าไปในช่องประตูซึ่งกำลังกอดแม่ร้องไห้อยู่“ช่วยไม่ได้นะเสวี่ยฮุ่ย ใครใช้ให้พี่หลินเฟิงยอดเยี่ยมขนาดนี้ล่ะ?”“ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เธอไขว่คว้าไว้ไม่ได้ ก็อย่ามาโทษเพื่อนสนิทที่ช่วยเธอไขว่คว้าเอาไว้ล่ะ”หลินเฟิงที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเสวี่ยฮุ่ย ในใจก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากกว่าเดิมวันต่อมาพิธีฝังศพของคุณปู่ถังหว่านก็โทรมาหาแต่เช้า และขอให้หลินเฟิงแสดงความเสียใจในนามของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังเธอบอกว่าตัวเองมีเรื่องธุระนิดหน่อยไม่สามารถเดินทางไปได้หลินเฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก และพาหลี่ซืออวี่ออกไปชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าของเชิงถังกรุ๊ป ให้เธอเลือกเสื้อผ้าสองชุดที่เหมาะสมกับการไปเข้าร่วมพิธีฝังศพหลี่ซืออวี่ยังค
“ใครเป็นเพื่อนกับพวกเธอกัน ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว!”หลี่ซืออวี่มองร่างที่จากไปของโจวเสี่ยวหาง ก่อนจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง“หึ” โจวเสี่ยวหางที่เดินไปไกลแล้ว ก็ชูนิ้วกลางขึ้นมาเหนือศีรษะ“เอาล่ะ อย่าดึงดูดความสนใจที่นี่”หลินเฟิงขวางหลี่ซืออวี่ที่โกรธจัด ก่อนจะรีบออกจากห้างสรรพสินค้าของเชิงถังกรุ๊ปท่ามกลางสายตาทุกคนโดยรอบสีหน้าที่ไม่ดีของหลี่ซืออวี่ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากที่หลินเฟิงซื้อสร้อยคออัญมณีมูลค่าหลายสิบล้านให้เธอ“ถ้าเสวี่ยฮุ่ยมี ฉันก็ต้องมีเหมือนกัน”จนถึงตอนนี้ หลี่ซืออวี่ก็ยังคงนึกถึงสร้อยคอแบบทำมือที่หลินเฟิงให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยคฤหาสน์ตระกูลหลี่โลงศพของคุณปู่ตระกูลหลี่วางไว้ที่ห้องไว้ทุกข์หลี่ฮุ่ยหรานที่สวมใส่ชุดสีดำและมีดอกไม้สีขาวติดอยู่บนหน้าอก คุกเข่าลงข้างหน้าโลงศพของคุณปู่ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกจางกุ้ยหลานกับคุณชายกู้และคนอื่น ๆต่างก็มาฉุดดึง แต่เธอก็ไม่ลุกขึ้นมา“ฮุ่ยหราน คุณวางใจเถอะ เพื่อจัดงานพิธีฝังศพที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณปู่ ผมขอให้พ่อของผมเชื้อเชิญคนที่มีชื่อเสียงมาจากเจียงโจว”“มีพวกเขามาเข้าร่วมพิธีงานศพที่นี่ ผมคิดว่าคุณปู่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้
“จางเต๋อหลิน ท่านผู้นำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจวมาถึงแล้ว!”“คุณชายถังอวิ๋นเฟิงของตระกูลถังเมืองเจียงโจวมาถึงแล้ว!”เจ้าของจากบริษัทน้อยใหญ่ที่มาร่วมงานศพคุณปู่หลี่ และคู่ค้าคนอื่น ๆ ของตระกูลหลี่ก็มึนงงไปหมดแล้วเนื่องจากเสียงตะโกนนอกประตูคนใหญ่คนโตทั้งเจียงเป่ยมาถึงที่งานกันเกือบหมดแล้ว“ทำไมฉันไม่เคยรู้เกี่ยวกับตระกูลหลี่เล็ก ๆ นี้ จะรู้จักบุคคลใหญ่โตเยอะแยะขนาดนี้?”“ดูท่าต่อไปจะต้องเกาะแข้งขาของตระกูลหลี่ให้แน่นแล้ว!”“ข่าวล่าช้าไปหน่อยไหม? เพื่อนของฉันทำงานที่หลี่ซื่อกรุ๊ป”“ได้ยินมาว่าเมื่อคืน หลี่ซื่อกรุ๊ปจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฉุกเฉิน คุณหลี่ฮุ่ยหรานท่านประธานใหญ่ เปลี่ยนเป็นคุณกู้เฉินจากตระกูลกู้เมืองเจียงหนานแล้ว”“ฮะ? งั้นอย่างงี้จะต้องเรียกเป็นหลี่ซื่อกรุ๊ปอีกไหม?”“ใครจะไปรู้ล่ะ?”“บุคคลคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดต้องมาเพราะคุณชายกู้เมืองเจียงหนาน”“ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรายจากตระกูลหลี่จะสวยแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนใหญ่คนคนโตมาถึงที่นี้ได้ เพื่อใครกัน พริบตาเดียวก็สามารถมองออกได้แล้ว”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกคุณไม่ได้ลืมไปใช่ไหม? คุณหลี่ฮุ่ยหราน
ท่าทางของกู้เฉินทำให้คนใหญ่คนโตจากเมืองเจียงโจวตกอยู่ในความเงียบขรึม“ไอ้เวร!”ซ่งเฉียนคุนที่เป็นผู้ที่ใช้กำลัง นิสัยตรงไปตรงมาเขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินเฟิงและฮุ่ยหรานอยู่แล้วถึงแม้จะหย่าร้างกัน แต่หลินเฟิงนั้นยังคงมีความผูกพันกับอดีตภรรยาอยู่ หมอนี่ที่มาจากตระกูลกู้เข้ามาแทรกแบบนี้ อยากตายเหรอ?!“พวกเราจะเอาเรื่องนี้ไปยืนยันกับสหายน้อยหลินเฟิง คุณชายกู้ ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ”พูดจบ ซ่งเฉียนคุนก็สะบัดมือเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร“นายกรัฐมนตรีฉิน นี่……”กู้เฉินก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่พ่อของตัวเองเชิญมาเหรอ?“เจ้าหนุ่มตระกูลกู้ นายคงไม่คิดว่าพ่อของนายเชิญมา พวกเราถึงมาแสดงความเสียใจในงานศพของคุณปู่ตระกูลหลี่หรอกนะ?”จางเต๋อหลินดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และหัวเราะเหยียดหยาม: “พวกนายตระกูลกู้เนี่ยนะ ยังไม่คู่ควรที่จะให้พวกเราเดินทางมาหรอก” “คุณชายกู้ ผมแนะนําให้คุณล้มเลิกความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณซะ”หลิวกั๋วฮุยไม่อยากจะมองกู้เฉิน เขาหันหลังกลับไปทันที:“คุณควรจะคิดเอาไว้ว่า จะชี้แจงกับสหายน้อยหลินเฟิงด้านนั้นอย่างไร! ตระกูลกู้ของคุณ ดันยั่ว
ตู้เหลียนเซิงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อหลายปีขนาดนี้ และก็เคยพบวิบากขวากหนามมามากมายเขาตั้งสติกลับมาได้ รู้ว่าใช้ความรุนแรงไม่สำเร็จ ก็ต้องเจรจาไม่ว่ายังไง จะสูญเสียลูกชายของตัวเองไปไม่ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลตู้ของเขาก็จะไม่มีทายาทอีกแล้ว“เดี๋ยว”คิดไม่ถึงว่าฟ่านหลิงเยว่ไม่มีความคิดที่จะเจรจากับเขาด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าพูดว่า:“มีคนสั่งให้ฉันเฝ้าตู้จิ่นเชาเอาไว้ให้ดี รอเธอกลับมาแล้วค่อยจัดการ”“งั้นก็หมายความว่าไม่สามารถเจรจาได้แล้ว?”ตู้เหลียนเซิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ถูกต้อง”ฟ่านหลิงเยว่หาเก้าอี้มาตัวหนึ่งและนั่งลงด้วยความเอ้อระเหยรอยชายหันกลับมาดูฉีจวินกับตู้เหลียนเซิงทั้งสองคน ยืนอยู่ที่ด้านข้างตู้จิ่นเชาด้วยสีหน้าไม่ดีตู้เหลียนเซิงมองไปทางฉีจวิน และถามว่า:“ฉีจวิน จิ่นเชาเป็นแบบนี้ เขายังจะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน?”“ยืนหยัดได้นานแค่ไหน?”ฉีจวินนิ่งอึ้งเล็กน้อย และรีบเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของตู้จิ่นเชามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ฉีจวินมองไปทางตู้เหลียนเซิงด้วยความนิ่งอึ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า:“พ่อ จิ่นเชาเขา ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต”“อะไรนะ?”ได้ฟังถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซ
เมื่อฉีจวินและตู้เหลียนเซิงวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วย ทั้งสองต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเห็นได้ว่าในห้องผู้ป่วยนั้นรกอย่างไม่เป็นระเบียบ มีร่างของบอดี้การ์ดตระกูลตู้หลายคนนอนอยู่ส่วนตู้จิ่นเชาในขณะนี้นอนอยู่กับพื้น กำลังร้องไห้สะอื้นๆ พร้อมกับมือปิดบังช่วงล่างที่กำลังไหลเป็นเลือดไม่หยุดเครื่องมือทางการแพทย์รอบๆ ก็แตกกระจายไปหมด“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?!”ตู้เหลียนเซิงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพลูกชายของตนเองส่วนฉีจวินหันไปมองฟ่านหลิงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปถามด้วยเสียงเข้มว่า“เธอเป็นใคร? ใครให้เธอมาที่นี่?!”ฟ่านหลิงเยว่ทำหน้าเบ้เล็กน้อยแล้วตอบว่า“ฉันมีหน้าที่อะไรต้องตอบคำถามของคุณเหรอ?”“เธอ!”ฉีจวินพยายามควบคุมอารมณ์โกรธในใจ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงตู้จิ่นเชากับตู้เหลียนเซิงยิ่งดูยิ่งตกใจฉีจวินพบว่าช่วงล่างของตู้จิ่นเชากลายเป็นเนื้อเยื่อปนเลือดเละเทะไปแล้ว ถูกทำร้ายจนพิการดูเหมือนว่า...เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างแน่นอน“ลูกชายของฉัน...เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”ตู้เหลียนเซิงถามด้วยความร้อนรน แต่ยังคงรักษาสติไว้ได้ต้องการถามให้ร
ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ล้มลงหมดสติแน่นอน เครื่องมือในห้องผู้ป่วยหนักก็เสียหายเกือบทั้งหมด“เมื่อกี้คุณพูดว่าอยากให้เสวี่ยฮุ่ยถอดเสื้อผ้าคุกเข่าใช่มั้ย?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะ เดินไปหาตู้จิ่นเชา แล้วตบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร“เพี๊ยะ!”ตู้จิ่นเชาเซไปเพราะถูกตบตู้จิ่นเชาที่ตกใจกับพลังของฟ่านหลิงเยว่ตอนนี้ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้ความโกรธและความอับอายครอบงำจิตใจเขา“คุณ!”“คุณกล้าตบผม?! คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?!”ตู้จิ่นเชากำหมัดตะโกน“คุณเป็นใคร สำคัญกับฉันหรือ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตบหน้าเขาอย่างเสียงดังอีกครั้ง“กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณรู้ไหมว่านี่ที่ไหน?”“ไอ้บ้า!”ตู้จิ่นเชาไม่คาดคิดว่าจะโดนตบอีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่เจ็บปวด แต่ยังอับอายอีกด้วยเขารีบวิ่งเข้าหาฟ่านหลิงเยว่ราวกับคนบ้าแต่ฟ่านหลิงเยว่เตะเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตู้จิ่นเชาต้องกอดขา กุมอวัยวะเพศ คุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา ดูน่าสนุกจังวันนี้ตู้จิ่นเชาพังยับเยินเขาก้มหน้าลง มองที่อวัยวะเพศที่เลือดออก เจ็บปวดจนพูดไม่ออกในขณะนั้นมีเสียงที่คุ
“อย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเลย”เมื่อเห็นหวังลี่ลี่กังวล หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเพื่อปลอบใจเธอ แล้วหันไปมองตู้จิ่นเชา“ใครทำร้ายคน คนนั้นต้องจ่าย และต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า”รอยยิ้มของตู้จิ่นเชาก็แข็งทื่อ“สาวน้อย”ใบหน้าของตู้จิ่นเชาแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย“หมายความว่าให้ผมจ่ายเงินงั้นเหรอ?”“คุณไม่ยอมเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่พูดมาก ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่าๆ สาวน้อย เธอเสแสร้งเก่งจริงๆนะ?”ตู้จิ่นเชาโกรธไปบ้างแล้วจริงๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ฟังอะไรเลย ทำให้เขาเสียหน้าอย่าพูดถึงหวังลี่ลี่ที่อยู่ข้างๆรวมถึงบอดี้การ์ดหลายคนที่พามาด้วย พวกเขาก็เห็นเขาเสียหน้าเช่นกัน“เชื่อฉันสิ เดี๋ยวคุณก็ต้องคุกเข่าขอร้องฉันให้จ่ายเงินเอง”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้อารมณ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาก็ชะงักไป แล้วก็โกรธมาก“แค่เธอเหรอ?”ตู้จิ่นเชาตะโกนเสียงดัง“ฝันไปเถอะ ให้ผมคุกเข่าขอร้องเธอ?!”“พวกแก จับนังเด็กสาวนั่นมาให้ได้ วันนี้กูจะดูว่านังเด็กสาวนี่มีดีอะไรถึงได้บังคับกูให้คุกเข่า?!”บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของตู้จิ่นเชาก็จ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยสายตาที่ดุร้าย
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม
“แต่การกระทำแบบนี้ของคุณ ก็คือการขอตาย”ตู้จิ่นเชาหัวเราะเยาะ หมุนข้อเท้าไปมา เสียงร้องของพ่อหวังลี่ลี่ก็ยิ่งเจ็บปวดหนักขึ้นแต่ชายชราคนนี้ก็เข้มแข็งมากถึงแม้จะเหงื่อท่วมหน้า ร้องโอดโอย ก็ไม่ขอความเมตตาแม้แต่คำเดียว“พอได้แล้ว!”เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ ยืนนิ่งอยู่กับที่ หน้าซีดเผือด ตะโกนด้วยความโกรธ“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”“โรงพยาบาลเป็นที่ที่พวกคุณจะทำร้ายผู้คนหรือไง?”ตกใจกับเสียงประตูที่เปิดออกอย่างไม่คาดคิด เมื่อตู้จิ่นเชากลับมารู้สึกตัว เขาก็หันไปมอง แล้วก็ตาเป็นประกายหญิงสาวสวยหน้าเด็ก สวมเสื้อชั้นในสีดำ กางเกงขายาวแนบเนื้อ สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดอยู่ด้านหลังริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาสดใส คิ้วขมวดเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความสว่างไสวและความยุติธรรม“โอ้?”เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาแทบจะน้ำลายไหลถึงแม้หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่สวยราวกับนางฟ้าอย่างหลี่ฮุ่ยหราน แต่เธอก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นคนที่เห็นแล้วจะลืมไม่ลงตู้จิ่นเชาที่หื่นมาก เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ก็ลืมหวังลี่ลี่ไปเลย“คุณมองฉันทำไม?
“หวังลี่ลี่ ถ้าคุณไม่มาเจอผมที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อภายในครึ่งชั่วโมง พ่อของคุณจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อทันที”“คุณตัดสินใจเองเถอะ!”“ตู้ด...ตู้ด...ตู้ด...”ตู้จิ่นเชาตัดสายไป หวังลี่ลี่รู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวถ้าเธอไม่ไปจริงๆตู้จิ่นเชาอาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ขณะที่หวังลี่ลี่รีบไปโรงพยาบาล หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการพอดีวันนี้เขาไปดูงานของหลินเสวี่ยฮุ่ยและอธิบายกรณีพิเศษและโรคที่ยากจะรักษาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยและหมอเทวดาเลี่ยวที่เฝ้าดูอยู่ที่นี่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หมอเทวดาเลี่ยวได้เรียนรู้มากมายเขาประทับใจอย่างมากที่ได้อาจารย์ที่ดีแบบนี้ถึงแม้จะยังหนุ่ม แต่ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ก็เหนือกว่าเขาในที่สุดเขาก็เริ่มอายที่จะถามหลินเฟิงว่า อายุมากขนาดนี้ยังสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกหรือไม่เพราะว่าวิชาการแพทย์ชั้นสูงหลายอย่างจำเป็นต้องใช้ร่วมชี่แท้กับพลังภายในหลินเฟิงมองเขา แล้วส่ายหัวอายุมากขนาดนี้ แค่ชกหมัดเดียวก็อาจจะปวดเอวได้ ให้หมอเทวดาเลี่ยวฝึกศิลปะการต่อสู้ นั่นไม่ใช่การทำร้ายเขาหรือ?เมื่อเห็นท่าทางของ
“พ่อค่ะ”หวังลี่ลี่ชะงักไป แล้วก้มหน้าถอนหายใจพูดว่า:“หนูกับหลินเฟิงไม่ใช่คนโลกเดียวกันค่ะ หนูเป็นแค่พนักงานขายรถ แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของคุณเผิงกวงฉี่ และเป็นนักสู้ด้วย”“หนูไม่คู่ควรกับเขาหรอกค่ะ”“ฮ่าๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็หัวเราะ“พวกเธอบังเอิญเจอกันถึงสองครั้ง นี่ไม่ใช่สัญญาณของโชคชะตาหรือ?”“ถ้ามีโชคชะตา ก็จงพยายามดู”“ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน”เมื่อได้ยินคำสั่งสอนของพ่อ หวังลี่ลี่จึงพยักหน้า“หนูรู้แล้วค่ะ”จากนั้น หวังลี่ลี่มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับพ่อว่า:“พ่อค่ะ หนูต้องไปทำงานแล้วค่ะ บ่ายนี้หนูต้องไปที่บ้านคุณหลินเพื่อจัดการเรื่องซื้อรถให้เสร็จ”“ดีๆๆ ไปได้แล้ว”ชายชรายิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดว่า“อย่าลืมคำสั่งสอนของพ่อเมื่อกี้นะ”“หนูรู้แล้วค่ะ”หวังลี่ลี่รู้สึกขำกลั้นไม่อยู่ เมื่อเดินออกจากห้องพัก เธอดูที่อยู่จากกระเป๋าเอกสาร ใบหน้าแสดงถึงความผิดหวังเธอเองก็อยากจะเข้าใกล้หลินเฟิงแต่ความเป็นจริงโหดร้ายเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาหลังจากที่สืบหาข้อมูลมาหลายทางเธอรู้มาว่ารอบๆ ตัวหลินเฟิงมีทั้งประธานหลี่ซื่อกรุ๊ปและคุณหนูตระกูลถังเธอไม่มีโอกาสเลยสัก
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่