ท่าทางของกู้เฉินทำให้คนใหญ่คนโตจากเมืองเจียงโจวตกอยู่ในความเงียบขรึม“ไอ้เวร!”ซ่งเฉียนคุนที่เป็นผู้ที่ใช้กำลัง นิสัยตรงไปตรงมาเขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินเฟิงและฮุ่ยหรานอยู่แล้วถึงแม้จะหย่าร้างกัน แต่หลินเฟิงนั้นยังคงมีความผูกพันกับอดีตภรรยาอยู่ หมอนี่ที่มาจากตระกูลกู้เข้ามาแทรกแบบนี้ อยากตายเหรอ?!“พวกเราจะเอาเรื่องนี้ไปยืนยันกับสหายน้อยหลินเฟิง คุณชายกู้ ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ”พูดจบ ซ่งเฉียนคุนก็สะบัดมือเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร“นายกรัฐมนตรีฉิน นี่……”กู้เฉินก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่พ่อของตัวเองเชิญมาเหรอ?“เจ้าหนุ่มตระกูลกู้ นายคงไม่คิดว่าพ่อของนายเชิญมา พวกเราถึงมาแสดงความเสียใจในงานศพของคุณปู่ตระกูลหลี่หรอกนะ?”จางเต๋อหลินดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และหัวเราะเหยียดหยาม: “พวกนายตระกูลกู้เนี่ยนะ ยังไม่คู่ควรที่จะให้พวกเราเดินทางมาหรอก” “คุณชายกู้ ผมแนะนําให้คุณล้มเลิกความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณซะ”หลิวกั๋วฮุยไม่อยากจะมองกู้เฉิน เขาหันหลังกลับไปทันที:“คุณควรจะคิดเอาไว้ว่า จะชี้แจงกับสหายน้อยหลินเฟิงด้านนั้นอย่างไร! ตระกูลกู้ของคุณ ดันยั่ว
หลังจากวางสายในที่สุดหลินเฟิงก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว และได้ขับรถมาจอดที่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลหลี่“ขอโทษครับ คุณหลิน คุณชายกู้ออกคำสั่งเป็นพิเศษ ไม่อนุญาตให้คุณขับรถเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลหลี่”คนเฝ้าประตูขวางรถของหลินเฟิงไว้ และมีท่าทางที่แข็งกร้าว“อุ๊ยอุ๊ยอุ๊ย ทำไมกันล่ะ? จะดูถูกกันเกินไปรึเปล่า? ”หลี่ซืออวี่กดหน้าต่างและกําลังจะด่าคนเฝ้าประตู แต่ถูกหลินเฟิงห้ามเอาไว้“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ไม่อยากอยู่นาน”จากนั้นก็หาที่จอดรถข้างทาง หลินเฟิงและหลี่ซืออวี่สวมชุดสีดําเข้ามาในคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ด้วยกัน ที่นี่ แวบแรกเขาเห็นกู้เฉินกำลังพูดคุยกับเซี่ยงตงเซิงด้วยความดีใจอย่างมากศัตรูเจอหน้ากันก็มีสายตาดุดันเป็นพิเศษในตอนที่เซี่ยงตงเซิงเห็นหลินเฟิงก็สายตาดุดันขึ้นมาทันที“เหอะ”เซี่ยงตงเซิงรู้ว่าหลินเฟิงนั้นไม่ใช่หาเรื่องกันได้ง่าย ๆ จึงไม่ได้หาเรื่องใส่ตัวแต่เผยรอยยิ้มที่ไม่หวังดีให้หลินเฟิงด้วยความอึมครึม และแสยะยิ้มพูด: “ทะนุถนอมช่วงเวลาแห่งความสุขสุดท้ายของคุณเอาไว้เถอะ คุณหลิน”“จัดงานศพให้ลูกชายของคุณเมื่อไหร่? ส่งคนไปแจ้งผมที่อ่าวเทียนสุ่ย มันจะให้เกียรติแน่นอน”
“อดีตภรรยาของคุณยิ่งไร้เหตุผล ให้พวกเราออกไป”ได้ยินหลี่ซืออวี่แก้ต่าง หลี่ฮุ่ยหรานอ้าปาก กําลังจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ปิดตาลง เก็บไว้ในใจ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า:“หากคุณกล้าไม่เคารพคุณปู่อีกครั้ง ก็ออกไปให้หมด”“ไม่ต้องพูดแล้ว”หลินเฟิงจ้องมองหลี่ซืออวี่ ทำให้เธอหุบปากได้สักทีจากนั้น หลินเฟิงเดินไปหาหลี่ฮุ่ยหราน ขนานกับเธอ และคุกเข่าหน้าโลงศพของคุณปู่หลี่ไห่ซาน โค้งตัวกราบสามครั้งแรง ๆ“คุณปู่ คุณเป็นผู้มีพระคุณของผมในตอนนั้น หลินเฟิงไม่เคยลืม”“หลินเฟิงอกตัญญูไม่สามารถปกป้องตระกูลหลี่ได้ ทำให้ท่านต้องตาย เป็นบาปใหญ่อย่างมาก ผมรู้สึกเสียใจในก้นบึ้งหัวใจอยู่ตลอดเวลา หวังว่าคุณปู่จะให้อภัยเฟิงเอ่อร์”หลังจากคําพูดเหล่านี้จบลง จางกุ้ยหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มเยาะอย่างไม่พอใจว่า:“อุ๊ย รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองทําบาปร้ายแรงอะ?”“ใช่ แกทำให้คุณปู่ต้องตาย!”จางซินยังแสร้งทําเป็นร้องไห้อยู่ด้านข้าง ชี้ไปที่หลินเฟิงต่อหน้าทุกคนและด่าว่า:“นายมันเป็นฆาตกรฆ่าคน!”“แม่! ซินซิน!”หลี่ฮุ่ยหรานสูญเสียการควบคุมอารมณ์กะทันหัน เธอดวงตาแดงก่ำพูดขึ้นด้วยความโมโห: “ขอร้องพวกคุณเถอะ พูดน้อยลงหน่อย
แต่แผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงการมีตัวตนของกู้เฉิน ตลอดจนถึงจุดอ่อนที่อยู่ในมือของเขา ทําให้หลี่ฮุ่ยหรานต้องเลือกทางที่ขัดต่อความประสงค์ของเธอ เพื่อความปลอดภัยของหลินเฟิง เธอจำเป็นต้องเสียสละตัวเอง“ไม่ต้องดูแล้ว ตอนนี้พี่หลินเฟิงเป็นของฉันเรียบร้อยแล้ว”หลี่ซืออวี่พูดเบา ๆ ข้างหลี่ฮุ่ยหราน เธอเป็นผู้หญิงเหมือนกับหลี่ฮุ่ยหราน ย่อมรู้ความหมายในสายตาของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงรีบแสดงความเป็นเจ้าของออกมา“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานมองหลี่ซืออวี่ด้วยความนิ่งอึ้ง เธอน่าจะเป็นแค่นักศึกษาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ?แต่งตัวเปลือยโป๋แบบนี้ หน้าตาก็ธรรมดา พึ่งพาการแต่งหน้าทั้งหมด และดูจากคำพูดเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักคิดหลินเฟิงจะตกหลุมรักผู้หญิงอย่างเธอได้อย่างไร?ความประหลาดใจในดวงตาของหลี่ฮุ่ยหราน ทำให้ปมด้อยในก้นบึ้งของหัวใจของหลี่ซืออวี่แอบกําเริบขึ้นมาหลี่ฮุ่ยหรานเกิดมาสวยงามธรรมชาติ ท่าทางสง่างาม แม้ว่าช่วงนี้ซูบผอมลงไปไม่น้อย แต่อูฐที่ตายก็ยังใหญ่กว่าม้าหลี่ซืออวี่ก็แค่ผู้หญิงที่รู้จักแต่แต่งตัวแต่กลับไม่มีสมบัติผู้ดีภายใต้ใบหน้าที่สวยงามของหลี่ฮุ่ยหราน มองยังไงก็มองไม่พอด้วยซ้ำแ
หลินเฟิงได้รับสายของเหยาปินที่โทรเข้ามาเสียงปลายสายของเหยาปินที่กำลังหอบแฮ่กๆ แม้แต่แรงจะพูดก็ลดลงไม่น้อย“คุณหลิน เราทำสำเร็จแล้ว โอวหยางชิ่งและโอวหยางป๋อพ่อของเธอ เชื่อคำพูดของผม เชื่อว่าไม่นานคุณจะได้รับข่าวการขายไผ่กลืนทองแน่นอน”“อืม ลำบากคุณแล้ว ว่าแต่ทำไมเสียงหายใจคุณถึงอ่อนแรงแบบนี้ล่ะ?”หลินเฟิงจับโทรศัทพ์ขึ้นมา และถามอย่างแปลกใจ“หึหึ มันเป็นแผนทรมานร่างกายเพื่อให้ข้าศึกไว้ใจนิดหน่อยน่ะครับ ซี้ด...ฝีมือของผู้หญิงคนนั้นชั่วร้ายมาก ซี่โครงของผมหักไปหลายซี่ เกือบตายคามือเธอ” เหยาปิดถึงแม้จะหัวเราะอยู่ แต่หลินเฟิงก็รับรู้ได้ถึงการฝืนหัวเราะของเหยาปิน“คุณมีเวลาก็ไปที่สำนักไป๋เกาแล้วแจ้งชื่อผมได้เลย จะมีคนให้การรักษาคุณอย่างดี”“ครับ”เหยาปินรับปากในทันที แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดด้วยความกังวลเล็กน้อยว่า “คุณหลิน ผมอยากเตือนอะไรคุณหน่อย ไอ้เฒ่าปีศาจโอวหยางป๋อนั่นคือปรมาจารย์อันดับต้น ๆ ของลำดับโลก ตอนที่คุณสู้กับเขา คุณต้องระวังเขาให้มาก” “อืม ผมรู้แล้ว”หลินเฟิงวางสายไป แล้วขับรถพาหลี่ซืออวี่กลับไปยังอ่าวเทียนสุ่ยรอหลินเฟิงกลับมายังอ่าวเทียนสุ่ยเขาเห็นชายวัยกลางคนในช
หลี่ซืออวี่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาที่หน้าผากของเธอโรงแรมไป๋ถิงนี่บังเอิญเป็นสถานที่ที่เธอคิดวางแผน เพื่อให้หลินเฟิงเกิดความเข้าใจผิดว่ามีความสัมพันธ์กับเธอ และภายในโรงแรมไป๋ถิงมีกล้องวงจรปิดทั้งทางเดินและในลิฟต์แอบถ่าย?หรือว่าพฤติกรรมของตัวเองในวันนั้น จะมีคนแอบถ่ายเอาไว้ได้?หรือว่าที่คุณหนูตระกูลไป๋คนนี้ต้องการที่จะคุยกับหลินเฟิง เป็นเพราะเรื่องนี้กันนะ ?หากถูกเปิดโปงเข้างั้นก็ไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงจะโกรธมาก สิ่งของที่เขาได้มอบให้เธอก็จะถูกเอากลับคืนทั้งหมด และชีวิตรุ่งโรจน์ที่เธอฝันไว้ก็คงดับสลายไปเช่นกันเมื่อคิดมาถึงตอนนี้ หลี่ซืออวี่รีบฝืนยิ้มแล้วมองไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดว่า “พี่หลินเฟิงคะ วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ขอกลับห้องไปพักก่อนนะคะ”“อืม เธอไปเถอะ”เมื่อได้เห็นท่าทีที่ผิดปกติของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็เกิดความสงสัยเป็นอย่างมากจริงนั่นแหละในฐานะเทพปรมาจารย์ขั้นเทพ ความสามารถควบคุมตนเองแข็งแกร่งมากหากดื่มเหล้าจนหมดสติจริงๆ เขาจะทำเรื่องมิดีมิร้ายกับหลี่ซืออวี่ได้ยังไง?และในวันต่อมาเขาก็ไม่ได้พบความผิดปกติใดๆในร่างกายของตัวเองจริงๆ แล้วหลินเฟ
แต่หลินเฟิงนิ่งเฉยเหมือนภูเขาในเมื่อสงสัยว่าเธออาจจงใจวางแผนใส่ร้ายตัวเอง หลินเฟิงจะเปิดโอกาสให้เธอได้อย่างไร?“ซืออวี่ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก เรื่องชายหญิงยังไม่ขอพิจารณาในตอนนี้”พูดพลาง หลินเฟิงก็นำเสื้อผ้าตัวหนึ่งของเขาคลุมบนร่างของซืออวี่ไว้ จากนั้นผลักเธอออกจากประตู และล็อกประตู“คุณ!”หลี่ซืออวี่ยืนเท้าเปล่าอยู่หน้าประตูของหลินเฟิง เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้นภาพนี้บังเอิญถูกหลินเสวี่ยฮุ่ยที่ตื่นมาตอนกลางคืนเห็นเข้าพอดีเธอเห็นท่าทางของหลี่ซืออวี่แบบนี้ ก็มีความคิดบางอย่างเช้าตรู่ของวันต่อมาหลินเฟิงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ได้ขับรถพาหลี่ซืออวี่ไปที่ตระกูลไป๋เมืองหนานโจวกับเขาหลี่ซืออวี่ดูต่อต้านเล็กน้อย และพูดอ้อน: “พี่หลินเฟิง ไม่อย่างงั้นพี่ไปคนเดียวเถอะ ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอยู่……”“ฉันต้องการยืนยันเรื่องหนึ่ง วางใจเถอะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”ความเย็นชาของหลินเฟิงทําให้หลี่ซืออวี่ตื่นตระหนกมากขึ้นระหว่างทาง สีหน้าของหลี่ซืออวี่เปลี่ยนไปแย่ลงเรื่อย ๆเมืองหนานโจวไม่ไกลจากเมืองเจียงโจว ใช้เวลาขับรถไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมงเมื่อมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลไป๋ หลี่ซืออวี
ในใจมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย จากนั้นหลินเฟิงเข้าไปในห้องรับแขกไป๋ชิงเฉี่ยนก็รออยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว ผมดกดำ ชุดสีขาว โดดเด่นเป็นอย่างมากนอกจากไป๋ชิงเฉี่ยน และยังมีคุณหนูของตระกูลต่งอีกคนก็อยู่ที่นี่ด้วยต่งหลิงอวี้เมื่อเห็นหลินเฟิงเข้ามา ไป๋ชิงเฉี่ยนก็รีบลุกขึ้นทักทาย หลินเฟิงทำตัวสุภาพ และได้มีการสอบถามไป๋ชิงเฉี่ยนว่าช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง“ขอบคุณคุณหลินที่นึกถึงกันค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องขอบคุณหลินที่ให้การช่วยเหลือ”“อืม”หลินเฟิงพยักหน้า เขารู้ว่าตัวเองพูดเรื่องไร้สาระจริง ๆสุขภาพของไป๋ชิงเฉี่ยนหลินเฟิงนั้นรู้ดีกว่าตัวเธอเองหลังจากการรักษาของหลินเฟิง ไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เพียงกำจัดโรคภายใน จนกระทั่งเปิดจุดเทียนจิงโดยบังเอิญ ทำให้การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียว“พี่หลินเฟิงเชี่ยวชาญด้านทักษะทางการแพทย์ด้วยเหรอ?”หลี่ซืออวี่ที่เพิ่งเข้ามาก็เหลือบมองหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจไม่นานนัก เธอที่รูปลักษณ์สวยงามเหมือนนางฟ้าบัวขาวของไป๋ชิงเฉี่ยนดึงดูดความสนใจไปครั้งก่อนเป็นเพราะว่าไป๋ชิงเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บ ออร่าของเธอเองถูกรบกวนจ
“พี่หลินเฟิง...”ในตอนนี้เอง หลินเสวี่ยฮุ่ยเดินโซเซเข้ามาที่ด้านข้างของหลินเฟิง และหายใจหอบพูดขอร้องว่า:“พี่หลินเฟิง ไม่เอา...อย่าวู่วามนะ ถ้าหากฆ่าเขา...พี่ก็จะเดือดร้อน!”“พี่หลินเฟิง อย่าวู่วามเด็ดขาด อย่า...”หลินเสวี่ยฮุ่ยจับแขนของหลินเฟิงไว้ พูดขอความเมตตาได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆๆ ก็หลับตาลง และหมดสติล้มไปบนพื้น“เสวี่ยฮุ่ย!”หลินเฟิงเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยหมดสติ จึงไม่สนใจเจียงปินอีกต่อไปเขารีบผลักเจียงปินไปที่ด้านข้าง ประคองหลินเสวี่ยฮุ่ยขึ้นมา และหลับตาลงตรวจภายในร่างกายของหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่นานนัก หลินเฟิงก็พบว่าภายในร่างกายของหลินเสวี่ยฮุ่ยมีไฟหยินกลุ่มหนึ่งที่ยิ่งอยู่ยิ่งโหมกระหน่ำสำหรับอาการแบบนี้ หลินเฟิงงงงวยเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก จู่ๆ เขาก็นึกถึงเหล้าที่เจียงปินฝืนกรอกปากให้หลินเสวี่ยฮุ่ยในเหล้านั้น คงจะผสมยาที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่าง เพิ่มไฟหยินขึ้นมา“ไอ้สารเลว!”หลินเฟิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเจียงปินคิดอะไรอยู่เขาจึงโกรธขึ้นมาฉับพลัน แต่ติดตรงที่ตรงนี้อยู่ภายใต้สายตาของทุกคน ไม่สามารถถอนพิษให้เสวี่ยฮุ่ยที่ตรงนี้ได้ ดังนั้นทำได้เพียงไว้ชีวิตเจียงปินก่อนชั่วคราว
“ส่วบ!”หลินเฟิงยกมีดสปาต้าขึ้น ฟันลงอย่างแรงแต่หยุดลงบนหน้าผากของอันธพาลที่มุ่งหน้าเข้ามาด้วยความแม่นยำ ส่วนอันธพาลคนนัเนในตอนนี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ที่เท้ายังมีของเหลวที่เหม็นสาบไหลลงมา“ไสหัวไป!”หลินเฟิงเหลือบมองซ้ายขวา ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ถ้าหากทำการฆ่าฟันต่อหน้าเหล่านักศึกษา เกรงว่าจะทิ้งความทรงจำที่เลวร้ายเอาไว้ให้พวกเขาดังนั้นหลินเฟิงจึงหยุดลงมือได้ทันเวลาและเมื่อเห็นภาพนี้ อันธพาลที่อยู่รอบๆ ก็รู้แล้วว่า หลินเฟิงเป็นผู้ฝึกฝน ถึงขั้นที่ยังเป็นนักบู๊พวกเขาที่เป็นเพียงแค่คนชั้นต่ำเหล่านี้ จึงไม่สามารถสร้างอันตรายใดๆ ให้กับหลินเฟิงได้กลับกันพวกเขาอาจจะกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิตอีกด้วยคิดถึงตรงนี้ พวกอันธพาลที่เจียงปินใช้เงินจ้างมาก็หันหลังหนีเตลิด ไม่สนใจเสียงร้องตะโกนแหบแห้งของเจียงปิน“ไอ้เวร อย่าหนีนะ!”“เอาเงินของฉันไป แต่ละคนต่างเป็นเหมือนกับคนปอดแหก!”“อย่าหนี! ลุยเข้าไปให้ฉัน!”เจียงปินจับอันธพาลที่วิ่งหนีได้คนหนึ่ง ดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้สุดแรง ไม่ให้เขาหนีไปแต่อันธพาลเห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขา สีหน้าก็เปลี่ยนไปดุดันทันที“ฉันสู้เขาไม่ได้ ยังจะสู้แก
“พี่หลินเฟิง ไม่..ไม่ต้องสนใจฉัน พี่รีบหนีเร็ว!”หลินเสวี่ยฮุ่ยที่ยังคงมีสติอยู่ และเมื่อเผชิญหน้ากับอันธพาลที่ดุร้ายสี่สิบห้าสิบคน เธอก็รู้สึกว่าหลินเฟิงอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาขณะดิ้นรน ก็ตะโกนไปทางหลินเฟิง“เสวี่ยฮุ่ย.....”คิ้วของหลินเฟิงผ่อนคลายลง จากนั้นก็กำหมัดแน่น“หึ หลินเฟิง ทั้งหมดมันเป็นเพราะนาย ไอ้สารเลว วันนี้ทำให้ฉันต้องเสียหน้า ไม่ต้องห่วง หลังจากที่ฉันจัดการกับนายแล้ว ฉันก็จะปรนนิบัติสาวของแกเป็นอย่างดีเลย”เจียงปินดึงผมของหลินเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะเอาหน้าไปเข้าใกล้กับหลินเสวี่ยฮุ่ย แล้วสูดดม พูดอย่างเคลิบเคลิ้มว่า :“เป็นอย่างที่คิดไว้ สาวงามประเทศมังกรแตกต่างจากสาวต่างประเทศพวกนั้น ไม่เพียงไม่เหม็นสาบ แต่ยังมีกลิ่นที่หอมอีกด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊ หลินเฟิง นายมีน้องสาวที่ดี จริง ๆเลย ฮ่าฮ่าฮ่า....”เจียงปินหัวเราะเสียงดังลั่นหลินเสวี่ยฮุ่ยที่ถูกดึงผมเอาไว้รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจนน้ำตาไหลนองหน้า แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เธอก็ยังคงดิ้นรนต่อไป“พี่หลินเฟิง พี่รีบหนีไปเร็ว!”“ขอโทษ ฉันไม่ควรเรียกพี่มาเลย พี่หลินเฟิง พี่หนีไปเร็ว.....”“เฮ้อ....”หลังจากได้ยินคำพูดของเส
“ยังมีใครดีเลิศกว่าคุณอีก?”โจวเสี่ยวหางยกคิ้วขึ้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมกับเอ่ยว่า :“คุณหลิน คุณนี่น่าสนใจจริง ๆ คุณเก่งเรื่องการให้ความหวังยิ่งกว่าประธานในบริษัทเหล่านั้นอีกนะ”“ดีกว่าคุณ....พูดได้น่าฟัง บนโลกนี้ยังจะมีอีกสักกี่คนที่เก่งกว่าคุณบ้าง?”“แค่กแค่ก นักศึกษาโจวเสี่ยวหางชมกันเกินไป จริง ๆแล้วผมก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ที่แต่งงานไปอยู่บ้านภรรยา แล้วถูกเขาไล่ออกมา”หลินเฟิงแตะที่จมูก พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า :“คนที่เก่งกว่าผมมีอีกตั้งมากมาย”“เอาล่ะ ไม่ล้อเล่นกับคุณแล้ว”โจวเสี่ยวหางพูดขึ้นน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังว่า :“เกี่ยวกับเสวี่ยฮุ่ย ฉันได้ถามลองเชิงเธอแล้ว และเธอก็ชอบคุณจริง ๆ”“คุณหลิน ถ้าหวังดีกับเสวี่ยฮุ่ย วันนี้คุณไม่ควรจะมาปรากฏตัวเลย และยิ่งไม่ควรทำตัวโดดเด่นขนาดนี้ต่อหน้าเธอด้วย”“ในเมื่อคุณทำถึงขนาดนี้แล้ว งั้นก็ต้องรับผิดชอบเธอด้วย”“เข้าใจหรือเปล่า? คุณหลิน?”โจวเสี่ยวหางพูดจริงจังอย่างมาก ก่อนจะจ้องมองไปที่หลินเฟิงหลินเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย น้องสาวคนนี้อายุน้อยกว่าเขามาก แถมอาจารย์ก็ยังมอบความไว้วางใจให้เขาดู
เห็นได้ชัดว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยหลินเฟิง แล้วเดินลงจากเวทีไปอย่างไม่เต็มใจ“คุณหลิน บอกฉันหน่อย คุณคิดยังไงกับหลินเสวี่ยฮุ่ย?”โจวเสี่ยวหางรับใบปริญญา พร้อมกับเอ่ยถามเสียงต่ำว่า :“เสวี่ยฮุ่ย? เธอเป็นน้องสาวของผม เป็นคนที่อาจารย์ของผมฝากฝังให้ดูแลไปตลอดชีวิต”หลินเฟิงยิ้มเบา ๆอย่างสงบเสงี่ยมแล้วพูดขึ้นว่า :“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”โจวเสี่ยวหางพยักหน้า ก่อนจะโค้งคำนับหลินเฟิง แล้วเดินออกจากเวทีไปพร้อมกับใบปริญญาเมื่อมองไปที่ร่างของโจวเสี่ยวหาง หลินเฟิงก็เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างเห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อน ๆหลังจากมอบใบปริญญาเสร็จแล้วก็เป็นการแสดงทางศิลปวรรณคดีอิ่นนั่วเจียขึ้นนำไปบนเวทีเพื่อแสดงเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วร้องเพลงให้ครูและนักเรียนทุกคนฟัง ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง และทำได้แค่เพียงพูดว่าสมแล้วที่เป็นซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกร ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านการแสดงเท่านั้น แต่น้ำเสียงก็ยังยอดเยี่ยมอีกด้วยหลังจากที่อิ่นนั่วเจียลงจากเวทีไปก็มีคนที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้น“ฮ่าฮ่า ศาสตราจารย์หลิน คิดไม่ถึงเ
เมื่อเผชิญหน้ากับการจากไปของเจียงปิน บรรยากาศของพิธีสำเร็จการศึกษาก็อึมครึมลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นได้ยินเสียงเข็มหล่นกันเลยทีเดียว“เอ๊ะ....เด็กคนนี้มีนิสัยแบบนี้ ทำให้ความหวังดีของพ่อเขาเสียเปล่าจริง ๆ”เมื่อจางเต๋อหลินเห็นฉากนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆหากพูดตรง ๆคุณสมบัติของเจียงปินก็ไม่เลวเขายังมีความคิดที่จะรับเขาเป็นลูกศิษย์ด้วยแล้วทุกอย่างที่ทำไปเมื่อครู่ก็เพื่อปลูกฝังนิสัยของเขา ให้เขาได้เรียนรู้ความอ่อนน้อมถ้อมตนและความชอบธรรม แล้วยังอยากแสดงให้หลินเฟิงได้เห็นอีกด้วยอย่างน้อยก็ทำให้หลินเฟิงได้เห็นถึงท่าทางของเขาบางทีหากมีความสุข หลินเฟิงอาจจะละทิ้งความแค้นในอดีตแล้วให้คำแนะนำได้แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไม่รับน้ำใจ ถึงขั้นแสดงอารมณ์ออกมาต่อหน้าทุกคน มันทำให้คนผิดหวังอย่างมาก“การเสียลูกศิษย์แบบนี้ไปก็ไม่เป็นไรหรอก คนที่มีนิสัยไม่ดี ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย”จางเต๋อหลินก็คิดได้ในที่สุดแต่ทว่าจางเต๋อหลินก็ไม่รู้เช่นกันพ่อของเจียงปินสั่งให้เจียงปินไปรับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเจียงโจวไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จในต่างประเทศได้ขนาดนี้ และก็คงไม
“ถุย! เขาเทียบขนขาของศาสตราจารย์หลินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”“เชี่ย อย่ามาดูถูกขนขาของศาสตราจารย์หลินนะ!”“อะไรนะ? ขนขาของศาสตราจารย์หลิน? ฉันจะจ่ายเงินซื้อ ราคาเท่าไหร่?”เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ย ทั้งแสดงความคิดเห็นและกลอกตาไปมาของเหล่านักศึกษาที่อยู่ด้านล่าง เจียงปินที่ก้มหน้าอยู่ ก็เกือบจะกัดฟันของตัวเองจนหัก“ไอ้สารเลว....”เขาก้มหน้าพร้อมกับด่าในใจอย่างบ้าคลั่งแถมที่ด้านหลังของเขาก็เป็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และไม่อาจทนให้เธอเห็นสภาพนี้ได้ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้จีบเลยจากนี้ไปเขา เจียงปินก็จะเป็นหนูเร่ร่อนข้างถนน และชื่อเสียงที่เหม็นโฉ่และถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงเมืองเจิ้งเต๋อ พ่อของเขาที่อยู่ที่นั่นละก็เกรงว่าสิ่งที่รอเขาอยู่จะไม่ใช่เพียงการดุด่าเท่านั้น แต่รวมถึงการถูกทุบตีจากพ่อและตัดการสนับสนุนทางการเงินอีกด้วย เพราะการกระทำของเขา ทำให้ชื่อเสียงพ่อของเขาได้รับความเสียหายอย่างมากหลังจากนี้หากมีใครก็ตามที่มาหาพ่อของเขา แล้วพูดถึงเจียงปิน เช่นนั้นจะต้องเป็นการถูกคนอื่นหัวเราะเยาะและล้อเลียนแน่ ๆ!“หลินเฟิง....หลินเสวี่ยฮุ่ย โจวเสี่ยวหาง พวกแก...พวกนายรอฉันก่อนเถอะ ฉันจะ
“เอาล่ะ”จางเต๋อหลิน ท่านผู้นำของอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจวได้ออกมาเพื่อหยุดเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย ก่อนที่เขาจะจ้องไปที่เจียงปินที่มีใบหน้าซีดเผือด แล้วโบกมือพร้อมกับพูดว่า :“ค่อยคุยเรื่องเก่า ๆ ตอนนี้มาดำเนินพิธีสำเร็จการศึกษากันก่อนดีกว่า”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็กลับมาควบคุมได้ในที่สุดภายใต้การจับจ้องของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด หลินเฟิงก็ค่อย ๆเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆบุคคลสำคัญเหล่านั้น“หึหึ”หลินเฟิงกะพริบตาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ด้านล่างเวทีหลินเสวี่ยฮุ่ยปิดปากพร้อมกับหัวเราะออกมา พี่ชายคนนี้ของเธอไม่ได้โกหก คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเขาที่เรียกมาที่นี่เมื่อเห็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ทั้งหมดนี้ จู่ ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันทีส่วนเจียงปินใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แล้วจ้องมองอย่างใจลอยไปทางหลินเฟิงที่กำลังกระซิบกับพวกคนใหญ่คนโตที่อยู่รอบ ๆบนเวที จนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? เป็นแบบนี้ได้ยังไง....”บรรยากาศของพิธีรับปริญญาบัตรครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่อถึงคราวขอ
“อ่อ”เมื่อได้ยินเสียงโน้มน้าวของผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง หลินเฟิงก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่บุคคลทใหญ่โตของเจียงโจวที่อยู่บนเวที พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย“หึหึ ทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ประโยคแรกนี้ทำให้อาจารย์และนักศึกษาที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วครู่โจวเสี่ยวหางและหลินเสวี่ยฮุ่ยอ้าปากกว้าง พร้อมกับสีหน้าสีตกตะลึง ประโยคนี้หมายความว่ายังไง?เป็นการรำลึกความหลังงั้นเหรอ?หรือว่าหลินเฟิงก็รู้จักกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มานานแล้ว?หรือว่า....เขาเสแสร้งออกมางั้นเหรอ?แกล้งทำเป็นรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้งั้นเหรอ? นี่จะพยายามมากเกินไปสำหรับศักดิ์ศรีของเขาแล้วไหม?เจียงปินก็ยังคงยิ้มเยาะโดยที่ยืนอยู่แข็งทื่ออยู่ที่เดิมเหมือนเป็นรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ลางสังหรณ์ค่อย ๆผุดขึ้นมาในใจของเขา“หรือว่า....หรือว่าคนเหล่านี้ จะเป็นไอ้แมงดาคนนั้นเชิญมาที่นี่? มันจะเป็นไปได้ยังไง?!”“เขาจะมีเกียรติแบบนี้ได้อย่างไร? มีความสามารถแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”แต่ไม่นาน จินตนาการครั้งสุดท้ายของเจียงปินก็พังทลายลงเพียงแค่เห็นผู้ว่าเจียงโจวที่อยู่บนเวที หลิวกั๋วฮุยผู้ท