เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่แวววาวไปด้วยดวงดาวของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็โบกมือแล้วพูดว่า “ซืออวี่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จับกุมเหยาหน่อย วันนี้เธอกลับไปก่อนนะ”“อ่อ”หลี่ซืออวี่ทำปากมุ่ย ในใจเธอรู้สึกไม่เต็มใจนิดหน่อยแต่เธอไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ขืนตัวเองยังเอาแต่เข้าไปก่อกวนหลินเฟิง ก็มีแต่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจซะเปล่า เพราะงั้นเธอจึงเลือกเดินออกจากไดนาสตี้บาร์พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย“เสวี่ยฮุ่ยเอ้ย เสวี่ยฮุ่ย เธอนี่มันจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ! ”หลี่ซืออวี่เดินออกจากประตูบาร์พร้อมกับกระเป๋าถือในมือ และแอบกล่าวโทษหลินเสวี่ยฮุ่ยในใจพี่ชายเธอเก่งกาจมากขนาดนี้ แถมผู้จับกุมอันดับหนึ่งแห่งเจียงหลินยังให้ความเคารพมากขนาดนั้นอีก เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกเธอเลยสักนิด?หรือเธอกลัวว่าตัวเองจะแย่งพี่ชายเธอไปรึไง?อันที่จริง หลี่ซืออวี่เองก็นับว่าทำผิดต่อหลินเสวี่ยฮุยเช่นกันแม้แต่ตัวหลินเสวี่ยฮุ่ยเองก็เกรงว่าคงจะไม่คิดว่าหลินเฟิงจะเก่งกาจมากขนาดนี้เหมือนกัน ในมุมมองของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงก็เป็นเพียงแค่ประธานกรรมการระดับสูงของตระกูลถัง
“งั้นความหมายของคุณคือ?”หลินเฟิงถูกเหยาปินทำให้งุนงงเหยาปินยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า: “คุณหลิน ผมเดาว่าตอนนั้นที่ไผ่กลืนทองของผมถูกสำนักเสินฉือใช้อำนาจบีบบังคับเก็บไป อาจจะยังไม่ได้ถูกกลั่นให้เป็นยาลูกกลอน”“ตอนที่ผมเก็บไผ่กลืนทองมามันยังอ่อนแอและเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะความจำเป็นฉุกเฉิน มันจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”“เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยงหลงกับโอวหยางชิ่งกลับไปถึงตระกูลเซี่ยง เจตนาเดิมก็คือกลับมาแต่งงาน โอวหยางซือที่ถูกคุณฆ่าตาย ก็คือสักขีพยานในการแต่งงานที่สำนักเสินฉือส่งตัวมา” “คุณหมายความว่า?”หลินเฟิงดวงตาสว่างไสว“ถูกแล้ว สำนักเสินฉือนี้ เอาไผ่กลืนทองนั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการแต่งงานของโอวหยางชิ่ง และตอนนี้ไผ่กลืนทองนั้นดูท่าว่าจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยงแล้ว”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเหยาปิน ตอนที่หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน“ตอนนี้ผมกับตระกูลเซี่ยงก็ผิดใจกันแล้ว เกรงว่าตระกูลเซี่ยงไม่มีทางขายไผ่กลืนทองให้ผมได้ง่าย ๆ”“ ซื้อแบบธรรมดาไม่ได้แน่นอน”เหยาปินหัวเราะเยาะ: “อีกทั้งถ้าห
พูดตามตรง ที่เหยาปินสามารถนั่งในตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเขาเองแม้แต่สำนักเสินฉือก็ประหลาดใจมากหรือแม้แต่ในสำนักเสินฉือก็ยังมีคนที่หวาดกลัวเหยาปินอยู่ กลัวว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาทั้งสองคนนั่งอยู่ในบาร์จนถึงเช้ามืด หลินเฟิงกับเหยาปินต่างดื่มกันไปไม่น้อย แม้แต่บริกรก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อย“คุณหลิน เดี๋ยวผมไปส่งคุณครับ”เพราะต้องขอคำแนะนำ ดังนั้นเหยาปินจึงไม่ได้ดื่มมากเท่าหลินเฟิงขนาดนั้น เพราะงั้นจึงยังพอมีสติอยู่บ้าง“ไม่...ไม่ต้อง”หลินเฟิงลิ้นแข็งเล็กน้อย จากนั้นโบกมือก่อนจะพูดว่า:“เดียวผม...เรียกรถสักคันก็ได้แล้ว คุณกลับไปเถอะ อย่าลืมเอาศิลปะการต่อสู้ที่ผมเพิ่งสอนไปฝึกซ้อม และรวบรวมเพื่อปรับใช้งานด้วยล่ะ”“ครับ”เหยาปินรู้สึกซาบซึ้ง ท่าทางที่หลินเฟิงปฏิบัติต่อเขา ดีกว่าสำนักเสินฉือเป็นหมื่นเท่าและในเวลานี้เอง สายตาของเขามองไปไกล ก็เห็นหลี่ซืออวี่ที่หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย และขดตัวอยู่ตรงหน้ารถของหลินเฟิง“เอ๊ะ คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”เหยาปินที่กำลังประคองหลินเฟิง หลี่ซืออวี่มองเห็นก็รีบดีดตัวขึ้น ก่อนจะถูหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังค่ะ ย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงลูบคลำตัวเอง พบว่าไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น อีกทั้งหลี่ซืออวี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองก็เหมือนกัน ในจุดที่เปิดเผยใต้ผ้าห่มราวกับภาพที่เหมือนจริง“หรือว่าฉัน....”ก่อนจะกุมหน้าผากพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานหลินเฟิงจำได้แค่ว่าเขาดื่มเหล้าไปเยอะมาก และให้คำแนะนำวิทยายุทธกับเหยาปิน สุดท้ายตัวเองกับเหยาปินก็ออกจากบาร์ไป...หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว“พี่หลินเฟิง”หลี่ซืออวี่ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจับผ้าห่มไว้ เธอมองหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสาร เธอเพียงแค่เรียกชื่อหลินเฟิงและไม่พูดอะไรอีกสายตานั้น เหมือนกับว่าเมื่อคืนหลินเฟิงดุร้ายมาก และบีบบังคับที่จะมีความอะไรกับเธอ“......”ในใจรู้สึกหงุดหงิด หลินเฟิงก็อดที่จะสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองทำเรื่องที่เกินขอบเขตกับเพื่อนน้องสาวของตัวเองจริง ๆเหรอ?แต่ทำไมตัวเองถึงจำไม่ได้เลยล่ะ?“ไม่เป็นไร พี่หลินเฟิง ทั้งหมดเป็นเพราะฉันสมัครใจเอง ส่วนเสวี่ยฮุ่ย ฉันก็จะอธิบายให้เธอฟังเอง คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันหรอก”เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดด้วยความน่าสงสาร“เ
หลินเฟิงลังเลใจและกำลังจะถามเธอว่าเป็นยังไงบ้าง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงด่าเหน็บแนมของจางกุ้ยหลานจากอีกด้านของโทรศัพท์“ฮุ่ยหราน โทรแจ้งให้เขารู้ก็พอแล้ว ยังต้องใช้เวลานานขนาดไหน? คุณชายกู้กำลังรอลูกอยู่ที่ชั้นล่างนะ!”“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณปู่ เขาคู่ควรที่จะมาเข้าร่วมพิธีฝังศพเหรอ?“ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานวางสายโทรศัพท์หลินเฟิงถือโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะส่ายหัวแล้วหัวเราะเยาะตัวเองในตอนนี้เองก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร ก่อนที่หลินเฟิงจะเดินออกจากห้องไปที่ห้องรับแขกไม่นาน ทั้งสี่คนก็รวมตัวกันที่ข้างโต๊ะอาหาร บรรยากาศแปลกประหลาดเล็กน้อยจ้าวเฉียวอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่หลินเสวี่ยฮุ่ยมีสีหน้าอึมครึ้มและไม่พูดสักประโยค ไหนจะยังมีหลี่ซืออวี่ที่ยิ้มแป้นอีก“ซืออวี่ เธอมาทำไม?”ในที่สุด ในบรรยากาศที่ตึงเครียด หลินเสวี่ยฮุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตัวเอง ก่อนจะถามอย่างไม่แสดงสีหน้า“พี่หลินเฟิงให้ฉันมาที่นี่”หลี่ซืออวี่ใช้ตะเกียบจิ้มริมฝีปากสีแดง ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสาวันนี้เธอสวมเพียงแค่เครื่องแบบของมหาวิทยาลัยเจียงโจวเท่านั้น ซึ่งดูไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ที่สวยฉูดฉาดตามปกติ
หลินเฟิงไม่รู้ว่าที่หลินเสวี่ยฮุ่ยเสียใจเป็นเพราะเพื่อนสนิทขโมยคนที่ตัวเองชอบไปแล้ว เขายังคิดว่ามันเป็นความผิดของตัวเองอยู่เป็นตัวเองที่ดื่มหนักจนมีอะไรไปมั่วและส่งผลให้ความสัมพันธ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ยกับเพื่อนของเธอกลายเป็นความอึดอัดเขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหลินเสวี่ยฮุ่ยยังไงดีหลี่ซืออวี่ที่อยู่ด้านข้างกำลังคีบอาหารให้หลินเฟิงพร้อมกับคิดแผนการ ก่อนจะมองหลินเสวี่ยผ่านเข้าไปในช่องประตูซึ่งกำลังกอดแม่ร้องไห้อยู่“ช่วยไม่ได้นะเสวี่ยฮุ่ย ใครใช้ให้พี่หลินเฟิงยอดเยี่ยมขนาดนี้ล่ะ?”“ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เธอไขว่คว้าไว้ไม่ได้ ก็อย่ามาโทษเพื่อนสนิทที่ช่วยเธอไขว่คว้าเอาไว้ล่ะ”หลินเฟิงที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเสวี่ยฮุ่ย ในใจก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากกว่าเดิมวันต่อมาพิธีฝังศพของคุณปู่ถังหว่านก็โทรมาหาแต่เช้า และขอให้หลินเฟิงแสดงความเสียใจในนามของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังเธอบอกว่าตัวเองมีเรื่องธุระนิดหน่อยไม่สามารถเดินทางไปได้หลินเฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก และพาหลี่ซืออวี่ออกไปชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าของเชิงถังกรุ๊ป ให้เธอเลือกเสื้อผ้าสองชุดที่เหมาะสมกับการไปเข้าร่วมพิธีฝังศพหลี่ซืออวี่ยังค
“ใครเป็นเพื่อนกับพวกเธอกัน ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว!”หลี่ซืออวี่มองร่างที่จากไปของโจวเสี่ยวหาง ก่อนจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง“หึ” โจวเสี่ยวหางที่เดินไปไกลแล้ว ก็ชูนิ้วกลางขึ้นมาเหนือศีรษะ“เอาล่ะ อย่าดึงดูดความสนใจที่นี่”หลินเฟิงขวางหลี่ซืออวี่ที่โกรธจัด ก่อนจะรีบออกจากห้างสรรพสินค้าของเชิงถังกรุ๊ปท่ามกลางสายตาทุกคนโดยรอบสีหน้าที่ไม่ดีของหลี่ซืออวี่ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากที่หลินเฟิงซื้อสร้อยคออัญมณีมูลค่าหลายสิบล้านให้เธอ“ถ้าเสวี่ยฮุ่ยมี ฉันก็ต้องมีเหมือนกัน”จนถึงตอนนี้ หลี่ซืออวี่ก็ยังคงนึกถึงสร้อยคอแบบทำมือที่หลินเฟิงให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยคฤหาสน์ตระกูลหลี่โลงศพของคุณปู่ตระกูลหลี่วางไว้ที่ห้องไว้ทุกข์หลี่ฮุ่ยหรานที่สวมใส่ชุดสีดำและมีดอกไม้สีขาวติดอยู่บนหน้าอก คุกเข่าลงข้างหน้าโลงศพของคุณปู่ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกจางกุ้ยหลานกับคุณชายกู้และคนอื่น ๆต่างก็มาฉุดดึง แต่เธอก็ไม่ลุกขึ้นมา“ฮุ่ยหราน คุณวางใจเถอะ เพื่อจัดงานพิธีฝังศพที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณปู่ ผมขอให้พ่อของผมเชื้อเชิญคนที่มีชื่อเสียงมาจากเจียงโจว”“มีพวกเขามาเข้าร่วมพิธีงานศพที่นี่ ผมคิดว่าคุณปู่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้
“จางเต๋อหลิน ท่านผู้นำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจวมาถึงแล้ว!”“คุณชายถังอวิ๋นเฟิงของตระกูลถังเมืองเจียงโจวมาถึงแล้ว!”เจ้าของจากบริษัทน้อยใหญ่ที่มาร่วมงานศพคุณปู่หลี่ และคู่ค้าคนอื่น ๆ ของตระกูลหลี่ก็มึนงงไปหมดแล้วเนื่องจากเสียงตะโกนนอกประตูคนใหญ่คนโตทั้งเจียงเป่ยมาถึงที่งานกันเกือบหมดแล้ว“ทำไมฉันไม่เคยรู้เกี่ยวกับตระกูลหลี่เล็ก ๆ นี้ จะรู้จักบุคคลใหญ่โตเยอะแยะขนาดนี้?”“ดูท่าต่อไปจะต้องเกาะแข้งขาของตระกูลหลี่ให้แน่นแล้ว!”“ข่าวล่าช้าไปหน่อยไหม? เพื่อนของฉันทำงานที่หลี่ซื่อกรุ๊ป”“ได้ยินมาว่าเมื่อคืน หลี่ซื่อกรุ๊ปจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฉุกเฉิน คุณหลี่ฮุ่ยหรานท่านประธานใหญ่ เปลี่ยนเป็นคุณกู้เฉินจากตระกูลกู้เมืองเจียงหนานแล้ว”“ฮะ? งั้นอย่างงี้จะต้องเรียกเป็นหลี่ซื่อกรุ๊ปอีกไหม?”“ใครจะไปรู้ล่ะ?”“บุคคลคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดต้องมาเพราะคุณชายกู้เมืองเจียงหนาน”“ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรายจากตระกูลหลี่จะสวยแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนใหญ่คนคนโตมาถึงที่นี้ได้ เพื่อใครกัน พริบตาเดียวก็สามารถมองออกได้แล้ว”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกคุณไม่ได้ลืมไปใช่ไหม? คุณหลี่ฮุ่ยหราน
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท
หลี่ฮุ่ยหรานกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า:“ฉันส่งที่อยู่ไปให้คุณแล้ว คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”“อ่อใช่ การร่วมมือต้องให้คุณเซ็นชื่อ แต่ต้องหลังจากที่พวกเราประชุมผ่านวิดีโอกันเสร็จ”“เข้าใจแล้วยัง?”“เข้าใจ”หลินเฟิงพยักหน้าหลังจากวางโทรศัพท์ หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่เงียบสงุด จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆวุ่นวายอยู่นานก็เพื่อที่จะมาดื่มชาหนึ่งแก้วหลินเฟิงไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีเวลาให้ยืดเยื้อ จึงรีบสตาร์ทรถมายบัค เร่งขับไปยังที่อยู่ที่หลี่ฮุ่ยหรานส่งให้เขาเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง สายตามองไป ก็เห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่ง“คุณคือ...คนที่ถนนเสรี...”หลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยในตอนนี้ผู้หญิงที่นั่งไขว้ห้าง สวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เผยผิวพรรณที่ขาวผ่องออกมา เธอก็คือเทพธิดาฉู่ในคืนนั้นที่ให้เบาะแสกับเขาที่ถนนเสรีเธอยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างสง่างาม และจิบหนึ่งคำเผยรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดไปทางหลินเฟิงที่เข้ามาในร้านถึงขั้นที่ยังอ้าริมฝีปากแดง เลียนิ้วมือของตัวเอง“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันไวขนาดนี้นะหนุ่มหล่อ”เธอยิ้มสวยหยาดเยิ้มหลินเฟิง
ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้น“ทำไม? ไม่ได้งั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้จิบชาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูเหมือนว่าทักษะของหยินหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากนี้ลูกก็สามารถให้เธอชงให้ลูกดื่มได้”หลินเฟิงเร่งรีบมาตลอดทาง พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของราชาหลินแห่งตอนใต้ก่อนจะนึกถึงสายตาของเขาที่แทบจะขอร้องอ้อนวอนแล้วยังบอกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว....“เหอะ!”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปเดิมทีคิดว่าคราวนี้เขาจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะยังเหมือนเดิม ทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กและไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง“คุณลุง แบบนี้...แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจากไป หยินหลิงก็มองไปทางราชาหลินแห่งตอนใต้ด้วยความกังวลเล็กน้อย“มีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอีกครั้ง“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เก็บสิ่งที่ควรจะเหลือไว้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวนั้นแล้ว บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง”“ตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากบอกเขาไปในตอนนี้ ก็กลัว
วันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็เดินออกจากบ้านตระกูลถังเพียงลำพังเขาไม่ได้บอกใครว่าตัวเองไปที่ไหน แล้วแอบขับรถไปที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองที่เมืองจิงวิลล่าแห่งนี้สร้างขึ้นในป่าไผ่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและหรูหรา แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบที่วุ่นวายเหมือนอย่างในเมืองแค่ได้เห็นวิลล่าแห่งนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสงบมากขึ้นไม่น้อยเขาผลักประตูเข้าไป และยังไม่ทันได้เข้าห้องโถง ก็ไม่กลิ่นชาจาง ๆเพียงได้ยินเสียงเก่า ๆที่คุ้นเคยดังมาจากในประตู“มาแล้วเหรอ”“อืม”หลินเฟิงก้าวเข้าไปในห้องเขามองเห็นราชาหลินแห่งตอนใต้พ่อของตัวเอง ที่ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก และล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมจาง ๆของชาที่เล็ดลอดออกมาจากชามชาโบราณในมือของเขา“พี่ชาย พี่นั่งสิ”ร่างสวยงามที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากทางไหน เธอถือถ้วยชาแบบเดียวกัน ก่อนจะวางลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับราชาหลินแห่งตอนใต้หลินเฟิงหันกลับไปมอง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยินหลิงที่เคารพนอบน้อม“......”เดิมทีหลินเฟิงอยากจะพูดขอบคุณเรื่องของถังว่านหลี่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ถังว่านหลี่กล่าวต่อไปว่า :“ในวันนั้นที่ฉันถูกกลุ่มพันธมิตรบู๊พาตัวไป เป็นหลินเฟิงที่ยืนขึ้นและขู่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ หากเธอไม่ตอบตกลงที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ตอนนั้นหลินเฟิงก็จะแตกหักกับผู้นำ!”“สุดท้าย แม้ว่าผู้นำของเมืองจิงจะโกรธอยู่ แต่ก็ปกป้องฉันไว้”“เธอพูดเรื่องของหลินเฟิงกับฉันเยอะมาก....”“จริง ๆแล้วพวกเราตระกูลถัง ไม่เหมาะสมกับหลินเฟิงเลย”ถังว่านหลี่มองหลินเฟิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า :“หลินเฟิง ต่อจากนี้ไปจะมอบถังหว่านให้กับนาย ไม่ลำบากใจใช่ไหม?”“ไม่ลำบากใจครับ”หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นกัน“ไม่ลำบากใจก็ดี....”ถังว่านหลี่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า :“หลินเฟิง จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันถังว่านหลี่ที่อยู่ตรงนี้ จะเป็นครอบครัวของนาย”“อืม”จริง ๆแล้วหลินเฟิงรู้สึกผิดหวังกับตระกูลถังแต่ท่าทางของถังว่านหลี่กับถังเจี้ยนหยวน ในที่สุดก็ทำให้หลินเฟิงกลับมาอบอุ่นในหัวใจ“สุดท้าย หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆว่า : ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงขอให้ฉันนำคำพูดมาให้คุณด้วย”“ข้อความ...อะไร?”
มองสายตาซาบซึ้งใจของถังว่านหลี่ หลินเฟิงยิ้มแล้วส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่เป็นไรแต่ตอนนี้ในใจเขากลับเกิดความรู้สึกผิดต่อหยินหลิงเล็กน้อยคิดว่าปกป้องถังว่านหลี่เอาไว้ หยินหลิงก็คงต้องแบกรับความลำบากเอาไว้มากมาย“ว่านหลี่ ครั้งนี้นายสามารถกลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของหลงยวนคุณชายของตระกูลหลง“ถ้าหากว่าไม่ใช่เขามีคุณธรรมลงโทษคนในครอบครัวที่ทำผิด ฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพื่ออธิบายที่ไปที่มาของเรื่องราว”“ไม่แน่ตอนนี้นายก็อาจจะยังอยู่ในคุกก็ได้!”ในตอนนี้ คนระดับสูงของตระกูลถังออกหน้าเขาแสดงท่าที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ถังว่านหลี่ซาบซึ้งต่อหลินเฟิง“จริงด้วยอาถังว่านหลี่ อาขอบคุณหลินเฟิงทำไม เป็นคุณชายหลงยวนที่ส่งคนมาจัดการปัญหาโดยเฉพาะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อาถึงกลับมาได้”“เขาพูดจาดีๆ กับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิงมากมาย”“จุ๊จุ๊ ดูท่าคุณชายหลงยวนมีความจริงใจต่อตระกูลถังของเรา พบว่าน้องสาวของตัวเองได้ทำร้ายคุณ จึงฆ่าญาติที่ทำผิดโดยตรง!”“เกรงว่าก็คงเป็นเพราะอาว่านหลี่เป็นพ่อของพี่ถังหว่านสินะ?”“เฮ้อ คุณชายหลงยวนก็ลุ่มหลงต่อพี่ถังหว่านมาก! น่าเสียดายพี่ถังหว่านจ
“ไม่...เขาฆ่าหลงเซียวของตระกูลหลง นั่นเป็นถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลหลงเชียวนะ ตระกูลหลงไม่มีทางปล่อยตระกูลถังของเราไปอย่างแน่นอน!”“เจี้ยนหยวน นายต้องให้ความสำคัญกับภาพรวมนะ!”“ให้ความสำคัญกับภาพรวมงั้นเหรอ...”ถังเจี้ยนหยวนหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นบนใบหน้าก็เผยสีหน้าเยาะหยันออกมาเล็กน้อย“ไม่สู้ คุณดูจดหมายที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาก่อนดีไหม?”ถังเจี้ยนหยวนนำจดหมายที่ถูกเปิดมาแล้วยื่นให้กับถังเทียนเต๋อ“หนังสือแจ้งตระกูลถัง”“ข้าพเจ้าผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เข้าใจถังว่านหลี่ตระกูลถังผิดไป จึงขออภัยตระกูลถังอย่างสุดซึ้ง...”ถังเทียนเต๋อจ้องมองเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายยิ่งดู สีหน้ายิ่งไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่เห็น “ลายเซ็นของผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง” ตัวอักษรสุดท้ายคนทั้งคนก็ทรุดนั่งลงบนพื้นงุนงงไปหมด“พ่อ มันคือจดหมายอะไร? ในจดหมายเขียนว่ายังไงเหรอ?”ถังว่านเฉวียนรีบถามขึ้นมา“มันคือ...คือจดหมายที่ผู้ว่ารัฐมนตรีเขียนเองกับมือ”ถังเทียนเต๋อกลืนน้ำลาย และพูดอย่างยากลำบาก:“เขารู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว อีกทั้ง...อีกทั้งทางด้านตระกูลหลงเองก็ยอ
แต่โชคดีที่ถังจวินเตรียมป้องกันไว้ตั้งนานแล้วเขาปล่อยพลังชี่แท้ออกมา สกัดกั้นเอาไว้สุดพลังกระสุนเม็ดนี้ถึงแม้จะยังคงยิงโดนหน้าอกของเขา แต่ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บให้กับเขามากเท่าไหร่นักเพียงแค่กระเทือนกระดูกซี่โครงของเขาจนหักถึงแม้จะสภาพย่ำแย่ แต่อย่างน้อยถังจวินก็รับไว้ได้เห็นถังหว่านท่าทางแน่วแน่แบบนี้ ถังเทียนเต๋อเตรียมจะเปลี่ยนวิธีการสายตาของเขามองข้ามถังหว่าน มองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า8“หลินเฟิง นายฆ่าหลงเซียวลูกหลานสายตรงของตระกูลหลง ความผิดมหันต์แบบนี้ นายยังอยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลถังของฉันงั้นเหรอ?!”“......”“หยุดเถอะ”ในที่สุดหลินเฟิงก็ลงมือแล้วเพียงแต่มือที่เขาลงมือนั้น จับไปที่ปากกระบอกปืนขของถังหว่าน เขาส่ายหน้าให้ถังหว่านช้าๆถ้าหากปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้เกรงว่าสุดท้ายคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถจบเรื่องราวได้ความคิดของถังหว่านเขาเข้าใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ถังหว่านฆ่าคน“คนที่ฆ่าหลงเซียวไม่ใช่ฉัน แต่...ความผิดนี้ฉันสามารถรับเอาไว้ได้”หลินเฟิงมองไปทางคนตระกูลถัง ยื่นมือออกไปห้ามถังหว่านที่จะพูดคำออกมาด้วยความร้อนใจและหัวเราะเยาะพูดว่
เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนเต๋อออกคำสั่ง ก็ไม่มีความคิดอย่างอื่นอีก ก่อนจะโบกมือเรียกให้หน่วยลับของตัวเองที่อยู่ใกล้ตัว จับถังหว่านและหลินเฟิงให้ได้“ออกไป!”เมื่อเห็นว่าหน่วยลับที่อยู่รอบ ๆกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามาขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดถังหว่านก็โมโหแล้วเธอหันกลับไปคว้าปืนพกสีเข้มออกมาจากใต้หมอนของตัวเอง แล้วเล็งไปที่ถังจวิน“หากพวกคุณกล้าก้าวมาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าพวกคุณ!”“ยังมีพวกแก ถังเทียนเต๋อ ไอ้แก่หนังเหนียวอย่างแก ถ้าพวกเขากล้าเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าแกก่อน!”“ถังหว่าน! เธอจะกบฏงั้นเหรอ?!”ถังเทียนเต๋อพูดด้วยความโกรธ“ถังหว่าน วางอาวุธซะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่!”ถังว่านเฉวียนก็ตะโกนอย่างเด็ดขาด“เหอะ แน่จริงก็ยิงฉันให้ตายเลย ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้เธอจะกล้ายิงฉัน”ถังว่านเชวีย ลูกชายคนรองของถังเทียนเต๋อยิ้มเยาะ แล้วเดินตรงไปหาถังหว่าน“ปัง!”ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน คิดไม่ถึงว่าถังหว่านจะเหนี่ยวไกปืนไปที่หน้าอกของถังว่านเชวียโดยตรงหลังจากถูกยิง ถังว่านเชวียยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆรอจนเขาก้มหน้ามองดูหน้าอกตรงกลางหัวใจของตัวเอง ที่มีเลือดไหลออกมา พร้อมกับแสด