“คุณตบผมงั้นเหรอ?”หลินเฟิงมองไปยังใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความไม่เชื่อ“ฉัน...... ”ฝ่ามือของหลี่ฮุ่ยหรานยังคงสั่นอยู่ เมื่อมองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของหลินเฟิง เธอรู้สึกเป็นทุกข์มากจนหัวใจของเธอสั่น แต่เธอก็ไม่สามารถขอโทษออกไปได้เธอทำได้แค่ทำเป็นบ้าใส่หลินเฟิง แล้วผลักเขาออกไป“พอได้แล้วหลินเฟิง!” หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่ตรงหน้ากู้เฉิน และตะโกนใส่หลินเฟิง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก“คุณทำร้ายคุณปู่จนตาย หรือคุณยังอยากจะฆ่าคู่หมั้นของฉันอีกคนงั้นเหรอ? ”“หลินเฟิง คุณไสหัวออกไปซะ! จากนี้ไประหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก! ”“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก คุณไสหัวไปสิ! ”หลินเฟิงมองไปยังท่าทางตีโพยตีพายของหลี่ฮุ่ยหราน ทันใดนั้นเขาก็คลายหมัดที่กำแน่นลง แล้วเผยรอยยิ้มฝืน ๆ ออกมา พร้อมกับพูดว่า “ฮุ่ยหราน คุณจำเป็นต้องขู่ผมขนาดนี้เลยเหรอ? ”“จะต้องเป็นไอ้สารเลวนั่นขู่คุณใช่ไหม? ”“คุณบอกผมมา ผมจะช่วยคุณจัดการเอง คุณเชื่อผมสิ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่กล้ามองตาของหลินเฟิงตรง ๆ เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวเธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอจึงทำได้เพียงก้มศีรษะลง และตะโกนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ไม่มีใครข่มขู่ฉันท
แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เสียดายชีวิตที่จะต้องติดตามสุภาพบุรุษคนนี้ เขากัดฟัน เงยหน้าขึ้น และดื่มไวน์แดงเข้าไปหนึ่งขวดแต่แค่เพียงครึ่งขวดก็ทำให้เขาหน้าแดง ร่างกายของเขาเซไปมา แทบจะพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ได้“จ้าวเทียนหวา นายไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองขนาดนั้นหรอก”ไวน์ขวดที่อยู่ในมือของหลินเฟิงถูกเขาดื่มจนหมดแล้ว แต่ท่าทางของเขากลับเหมือนคนที่ยังไม่ได้ดื่ม“ไม่ครับ......คุณชายหลินอย่าพูดเลยครับ ผม จ้าวเทียนหวามีวันนี้ได้ ก็ล้วนเป็นเพราะ......เป็นเพราะ...... ”เห็นได้ชัดว่าลิ้นของจ้าวเทียนหวาพันกันจนพูดจาไม่รู้ความหลินเฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เรียกบอดี้การ์ดของจ้าวเทียนหวาที่อยู่ไกลออกไปตรงหน้าประตูเข้ามา“ไปส่งเขากลับบ้านเถอะ”“ช่วงนี้นายติดตามฉันไปทำงานก็เสียแรงไปไม่น้อย ยังไงช่วงนี้ก็พักผ่อนให้มาก ๆ”จ้าวเทียนหวาพยายามดิ้น แต่ก็ถูกบอดี้การ์ดของเขาพาตัวไปจ้าวเทียนหวาจากไปแล้ว ตรงที่นั่งขนาดใหญ่ ก็เหลือเพียงแค่หลินเฟิงที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวหลังจากนั้นไม่นาน ขวดเปล่าจำนวนมากก็กองสะสมกันอยู่ตรงนั้นแม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นยอดฝีมือมาแต่กำเนิด แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ
คำพูดของหลี่ซือวี่ยิ่งช่วยกระตุ้นความโกรธของเหล่าพวกอันธพาลได้สำเร็จแน่นอนว่าหลี่ซืออวี่เองก็ไม่กลัวเช่นกันเธอเคยได้เห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อนแล้ว พวกอันธพาลไม่กี่คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงเลยสักนิดยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของหลินเฟิงผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลา ทั้งร่ำรวย แถมยังมีภูมิหลังที่ดีแบบนี้ มันทำให้หลี่ซืออวี่สนใจตั้งนานแล้ว หากว่าพี่สาวของตัวเอง หลี่ฮุ่ยหรานไม่เอาแต่ปิดบังที่อยู่ของเขากับเธอ ป่านนี้เธอคงจะตามจีบเขาไปแล้วแล้ววันนี้ก็ดันบังเอิญเจอเขาที่นี่ เธอจะปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง?อันธพาลธรรมดา ๆ อย่างเมิ่งฉือเมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้ว เมิ่งฉือก็เหมือนแมลงที่อยู่ในห้องน้ำเท่านั้น“เจ้าหนู ฉันขอแนะนำให้แกคิดดี ๆ นะ รีบไสหัวไปซะ ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย” เมิ่งฉือมองหลินเฟิงอย่างเย็นชาหลินเฟิงขมวดคิ้วและเหลือบมองหลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีมากพออยู่แล้ว นี่ยังจะมีแมลงวันพวกนี้มาคอยก่อกวนหลินเฟิงอีก“ถ้าจะหาเรื่องก็ไปหาคนอื่น ทางที่ดีพวกนายก็อย่ามายั่วโมโหฉันจะดีกว่า”หลินเฟิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหลี่ซืออวี่ได้ เขาจึงทำได้แค่ขมวดคิ้ว
หลินเฟิงเดินโซเซไปหาเมิ่งฉือ และพูดด้วยสีหน้าที่ดูไร้อารมณ์ “ฉันเคยเตือนแกแล้ว แต่แกก็ดันไม่ฟัง เพราะงั้นจะมาโทษฉันก็ไม่ได้”“พี่เหมิงถูกทำร้ายแล้ว รีบลุยเข้าไปสิวะ! ”ลูกน้องทั้งสองก็เริ่มโจมตีเข้าไปพร้อมกัน ต่างก็หยิบขวดไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ยกมันขึ้นมา หลินเฟิงก็มอบขวดไวน์ให้พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนแล้ว เขาฟาดขวดไปที่หัวของทั้งสองจนเลือดอาบ จากนั้นทั้งสองก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที“แกถ้ากล้าทำร้ายพี่เหมิง แกได้ตายสมใจอยากแน่ แกจะไม่ได้ตายดีหรอก! ”หนึ่งในลูกน้องเอามือปิดหน้าเอาไว้ เลือดหยดลงมาจากหน้าผาก พร้อมกับส่งเสียงหอนอย่างน่าสมเพช“พี่หลินเฟิงหล่อมาก พี่ฆ่าไอ้สารเลวสามคนนี้ให้ตาย ๆ ไปเลย! ” เมื่อหลี่ซืออวี่เห็นทั้งสามคนได้รับบทเรียนจากหลินเฟิง เธอก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น หลินเฟิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรำคาญใจ ทำให้ความตื่นเต้นบนใบหน้าของหลี่ซืออวี่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความกลัวขึ้นมาหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หาเรื่องมาให้เขา ตัวเองก็คงจะไม่ถูกแมลงวันสามตัวนี้เข้ามาตอมไม่ใช่รึไง?หลินเฟิงโยนขว
ทุกคนที่อยู่ในบาร์ต่างก็กำลังดูละครฉากนี้อยู่เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของเหยาปินอย่างชัดเจน หลายคนก็อุทานออกมาต้องเข้าใจก่อนว่า เหยาบินคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากหากว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าที่นี่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น“แย่แล้ว แย่แล้ว ฉันยังบอกอยู่เลยว่าพี่ชายขี้เมาคนนั้นหล่อมาก คิดไม่ถึงเลยว่าอันธพาลนี่จะรู้จักกับเหยาปิน พี่ชายคนนั้นจบเห่แล้วล่ะ”ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งยืนถอนหายใจกลางฟลอร์เต้นรำ“ฉันได้ยินมาว่า ถ้าถูกเหยาปินจับได้ ก็เหมือนเหลือชีวิตอยู่อีกแค่ครึ่งเดียว วันนี้พี่ชายคนนั้นโชคไม่ดีเลยจริง ๆ ที่ต้องเจอกับคนที่รับมือยากแบบนี้”“ชิ ใครใช้ให้เขาไปจีบผู้หญิงของคนอื่นกันล่ะ? ”“เธอก็แหกตาดูดี ๆ สิ เป็นฝ่ายหญิงต่างหากที่วิ่งเข้าหาเขาก่อน ดูไม่ออกรึไง? ”ในขณะที่มีการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาภายในบาร์ หลี่ซืออวี่เองก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกันเหยาปินเป็นนักจับกุมที่เก่งที่สุดในเจียงโจวเป็นคนที่มีความสามารถ อีกทั้งยังลงมือได้โหดเหี้ยมอีกต่างหากแม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักศึกษาในวิทยาลัย แต่เธอก็มักจะออกไปเที่ยวในบาร์และไนต์คลับอยู่บ่อย ๆ เธอจึงพอจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่แวววาวไปด้วยดวงดาวของหลี่ซืออวี่ หลินเฟิงก็โบกมือแล้วพูดว่า “ซืออวี่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จับกุมเหยาหน่อย วันนี้เธอกลับไปก่อนนะ”“อ่อ”หลี่ซืออวี่ทำปากมุ่ย ในใจเธอรู้สึกไม่เต็มใจนิดหน่อยแต่เธอไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ขืนตัวเองยังเอาแต่เข้าไปก่อกวนหลินเฟิง ก็มีแต่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจซะเปล่า เพราะงั้นเธอจึงเลือกเดินออกจากไดนาสตี้บาร์พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย“เสวี่ยฮุ่ยเอ้ย เสวี่ยฮุ่ย เธอนี่มันจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ! ”หลี่ซืออวี่เดินออกจากประตูบาร์พร้อมกับกระเป๋าถือในมือ และแอบกล่าวโทษหลินเสวี่ยฮุ่ยในใจพี่ชายเธอเก่งกาจมากขนาดนี้ แถมผู้จับกุมอันดับหนึ่งแห่งเจียงหลินยังให้ความเคารพมากขนาดนั้นอีก เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่บอกเธอเลยสักนิด?หรือเธอกลัวว่าตัวเองจะแย่งพี่ชายเธอไปรึไง?อันที่จริง หลี่ซืออวี่เองก็นับว่าทำผิดต่อหลินเสวี่ยฮุยเช่นกันแม้แต่ตัวหลินเสวี่ยฮุ่ยเองก็เกรงว่าคงจะไม่คิดว่าหลินเฟิงจะเก่งกาจมากขนาดนี้เหมือนกัน ในมุมมองของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงก็เป็นเพียงแค่ประธานกรรมการระดับสูงของตระกูลถัง
“งั้นความหมายของคุณคือ?”หลินเฟิงถูกเหยาปินทำให้งุนงงเหยาปินยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า: “คุณหลิน ผมเดาว่าตอนนั้นที่ไผ่กลืนทองของผมถูกสำนักเสินฉือใช้อำนาจบีบบังคับเก็บไป อาจจะยังไม่ได้ถูกกลั่นให้เป็นยาลูกกลอน”“ตอนที่ผมเก็บไผ่กลืนทองมามันยังอ่อนแอและเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะความจำเป็นฉุกเฉิน มันจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”“เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยงหลงกับโอวหยางชิ่งกลับไปถึงตระกูลเซี่ยง เจตนาเดิมก็คือกลับมาแต่งงาน โอวหยางซือที่ถูกคุณฆ่าตาย ก็คือสักขีพยานในการแต่งงานที่สำนักเสินฉือส่งตัวมา” “คุณหมายความว่า?”หลินเฟิงดวงตาสว่างไสว“ถูกแล้ว สำนักเสินฉือนี้ เอาไผ่กลืนทองนั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการแต่งงานของโอวหยางชิ่ง และตอนนี้ไผ่กลืนทองนั้นดูท่าว่าจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลเซี่ยงแล้ว”เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเหยาปิน ตอนที่หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน“ตอนนี้ผมกับตระกูลเซี่ยงก็ผิดใจกันแล้ว เกรงว่าตระกูลเซี่ยงไม่มีทางขายไผ่กลืนทองให้ผมได้ง่าย ๆ”“ ซื้อแบบธรรมดาไม่ได้แน่นอน”เหยาปินหัวเราะเยาะ: “อีกทั้งถ้าห
พูดตามตรง ที่เหยาปินสามารถนั่งในตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเขาเองแม้แต่สำนักเสินฉือก็ประหลาดใจมากหรือแม้แต่ในสำนักเสินฉือก็ยังมีคนที่หวาดกลัวเหยาปินอยู่ กลัวว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาทั้งสองคนนั่งอยู่ในบาร์จนถึงเช้ามืด หลินเฟิงกับเหยาปินต่างดื่มกันไปไม่น้อย แม้แต่บริกรก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อย“คุณหลิน เดี๋ยวผมไปส่งคุณครับ”เพราะต้องขอคำแนะนำ ดังนั้นเหยาปินจึงไม่ได้ดื่มมากเท่าหลินเฟิงขนาดนั้น เพราะงั้นจึงยังพอมีสติอยู่บ้าง“ไม่...ไม่ต้อง”หลินเฟิงลิ้นแข็งเล็กน้อย จากนั้นโบกมือก่อนจะพูดว่า:“เดียวผม...เรียกรถสักคันก็ได้แล้ว คุณกลับไปเถอะ อย่าลืมเอาศิลปะการต่อสู้ที่ผมเพิ่งสอนไปฝึกซ้อม และรวบรวมเพื่อปรับใช้งานด้วยล่ะ”“ครับ”เหยาปินรู้สึกซาบซึ้ง ท่าทางที่หลินเฟิงปฏิบัติต่อเขา ดีกว่าสำนักเสินฉือเป็นหมื่นเท่าและในเวลานี้เอง สายตาของเขามองไปไกล ก็เห็นหลี่ซืออวี่ที่หนาวจนตัวสั่นเล็กน้อย และขดตัวอยู่ตรงหน้ารถของหลินเฟิง“เอ๊ะ คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”เหยาปินที่กำลังประคองหลินเฟิง หลี่ซืออวี่มองเห็นก็รีบดีดตัวขึ้น ก่อนจะถูหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังค่ะ ย
เห็นได้ชัดว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยหลินเฟิง แล้วเดินลงจากเวทีไปอย่างไม่เต็มใจ“คุณหลิน บอกฉันหน่อย คุณคิดยังไงกับหลินเสวี่ยฮุ่ย?”โจวเสี่ยวหางรับใบปริญญา พร้อมกับเอ่ยถามเสียงต่ำว่า :“เสวี่ยฮุ่ย? เธอเป็นน้องสาวของผม เป็นคนที่อาจารย์ของผมฝากฝังให้ดูแลไปตลอดชีวิต”หลินเฟิงยิ้มเบา ๆอย่างสงบเสงี่ยมแล้วพูดขึ้นว่า :“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”โจวเสี่ยวหางพยักหน้า ก่อนจะโค้งคำนับหลินเฟิง แล้วเดินออกจากเวทีไปพร้อมกับใบปริญญาเมื่อมองไปที่ร่างของโจวเสี่ยวหาง หลินเฟิงก็เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างเห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อน ๆหลังจากมอบใบปริญญาเสร็จแล้วก็เป็นการแสดงทางศิลปวรรณคดีอิ่นนั่วเจียขึ้นนำไปบนเวทีเพื่อแสดงเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วร้องเพลงให้ครูและนักเรียนทุกคนฟัง ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง และทำได้แค่เพียงพูดว่าสมแล้วที่เป็นซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกร ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านการแสดงเท่านั้น แต่น้ำเสียงก็ยังยอดเยี่ยมอีกด้วยหลังจากที่อิ่นนั่วเจียลงจากเวทีไปก็มีคนที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้น“ฮ่าฮ่า ศาสตราจารย์หลิน คิดไม่ถึงเ
เมื่อเผชิญหน้ากับการจากไปของเจียงปิน บรรยากาศของพิธีสำเร็จการศึกษาก็อึมครึมลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นได้ยินเสียงเข็มหล่นกันเลยทีเดียว“เอ๊ะ....เด็กคนนี้มีนิสัยแบบนี้ ทำให้ความหวังดีของพ่อเขาเสียเปล่าจริง ๆ”เมื่อจางเต๋อหลินเห็นฉากนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆหากพูดตรง ๆคุณสมบัติของเจียงปินก็ไม่เลวเขายังมีความคิดที่จะรับเขาเป็นลูกศิษย์ด้วยแล้วทุกอย่างที่ทำไปเมื่อครู่ก็เพื่อปลูกฝังนิสัยของเขา ให้เขาได้เรียนรู้ความอ่อนน้อมถ้อมตนและความชอบธรรม แล้วยังอยากแสดงให้หลินเฟิงได้เห็นอีกด้วยอย่างน้อยก็ทำให้หลินเฟิงได้เห็นถึงท่าทางของเขาบางทีหากมีความสุข หลินเฟิงอาจจะละทิ้งความแค้นในอดีตแล้วให้คำแนะนำได้แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไม่รับน้ำใจ ถึงขั้นแสดงอารมณ์ออกมาต่อหน้าทุกคน มันทำให้คนผิดหวังอย่างมาก“การเสียลูกศิษย์แบบนี้ไปก็ไม่เป็นไรหรอก คนที่มีนิสัยไม่ดี ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย”จางเต๋อหลินก็คิดได้ในที่สุดแต่ทว่าจางเต๋อหลินก็ไม่รู้เช่นกันพ่อของเจียงปินสั่งให้เจียงปินไปรับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเจียงโจวไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จในต่างประเทศได้ขนาดนี้ และก็คงไม
“ถุย! เขาเทียบขนขาของศาสตราจารย์หลินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”“เชี่ย อย่ามาดูถูกขนขาของศาสตราจารย์หลินนะ!”“อะไรนะ? ขนขาของศาสตราจารย์หลิน? ฉันจะจ่ายเงินซื้อ ราคาเท่าไหร่?”เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ย ทั้งแสดงความคิดเห็นและกลอกตาไปมาของเหล่านักศึกษาที่อยู่ด้านล่าง เจียงปินที่ก้มหน้าอยู่ ก็เกือบจะกัดฟันของตัวเองจนหัก“ไอ้สารเลว....”เขาก้มหน้าพร้อมกับด่าในใจอย่างบ้าคลั่งแถมที่ด้านหลังของเขาก็เป็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และไม่อาจทนให้เธอเห็นสภาพนี้ได้ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้จีบเลยจากนี้ไปเขา เจียงปินก็จะเป็นหนูเร่ร่อนข้างถนน และชื่อเสียงที่เหม็นโฉ่และถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงเมืองเจิ้งเต๋อ พ่อของเขาที่อยู่ที่นั่นละก็เกรงว่าสิ่งที่รอเขาอยู่จะไม่ใช่เพียงการดุด่าเท่านั้น แต่รวมถึงการถูกทุบตีจากพ่อและตัดการสนับสนุนทางการเงินอีกด้วย เพราะการกระทำของเขา ทำให้ชื่อเสียงพ่อของเขาได้รับความเสียหายอย่างมากหลังจากนี้หากมีใครก็ตามที่มาหาพ่อของเขา แล้วพูดถึงเจียงปิน เช่นนั้นจะต้องเป็นการถูกคนอื่นหัวเราะเยาะและล้อเลียนแน่ ๆ!“หลินเฟิง....หลินเสวี่ยฮุ่ย โจวเสี่ยวหาง พวกแก...พวกนายรอฉันก่อนเถอะ ฉันจะ
“เอาล่ะ”จางเต๋อหลิน ท่านผู้นำของอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจวได้ออกมาเพื่อหยุดเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย ก่อนที่เขาจะจ้องไปที่เจียงปินที่มีใบหน้าซีดเผือด แล้วโบกมือพร้อมกับพูดว่า :“ค่อยคุยเรื่องเก่า ๆ ตอนนี้มาดำเนินพิธีสำเร็จการศึกษากันก่อนดีกว่า”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็กลับมาควบคุมได้ในที่สุดภายใต้การจับจ้องของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด หลินเฟิงก็ค่อย ๆเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆบุคคลสำคัญเหล่านั้น“หึหึ”หลินเฟิงกะพริบตาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ด้านล่างเวทีหลินเสวี่ยฮุ่ยปิดปากพร้อมกับหัวเราะออกมา พี่ชายคนนี้ของเธอไม่ได้โกหก คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเขาที่เรียกมาที่นี่เมื่อเห็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ทั้งหมดนี้ จู่ ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันทีส่วนเจียงปินใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แล้วจ้องมองอย่างใจลอยไปทางหลินเฟิงที่กำลังกระซิบกับพวกคนใหญ่คนโตที่อยู่รอบ ๆบนเวที จนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? เป็นแบบนี้ได้ยังไง....”บรรยากาศของพิธีรับปริญญาบัตรครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่อถึงคราวขอ
“อ่อ”เมื่อได้ยินเสียงโน้มน้าวของผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง หลินเฟิงก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่บุคคลทใหญ่โตของเจียงโจวที่อยู่บนเวที พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย“หึหึ ทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ประโยคแรกนี้ทำให้อาจารย์และนักศึกษาที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วครู่โจวเสี่ยวหางและหลินเสวี่ยฮุ่ยอ้าปากกว้าง พร้อมกับสีหน้าสีตกตะลึง ประโยคนี้หมายความว่ายังไง?เป็นการรำลึกความหลังงั้นเหรอ?หรือว่าหลินเฟิงก็รู้จักกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มานานแล้ว?หรือว่า....เขาเสแสร้งออกมางั้นเหรอ?แกล้งทำเป็นรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้งั้นเหรอ? นี่จะพยายามมากเกินไปสำหรับศักดิ์ศรีของเขาแล้วไหม?เจียงปินก็ยังคงยิ้มเยาะโดยที่ยืนอยู่แข็งทื่ออยู่ที่เดิมเหมือนเป็นรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ลางสังหรณ์ค่อย ๆผุดขึ้นมาในใจของเขา“หรือว่า....หรือว่าคนเหล่านี้ จะเป็นไอ้แมงดาคนนั้นเชิญมาที่นี่? มันจะเป็นไปได้ยังไง?!”“เขาจะมีเกียรติแบบนี้ได้อย่างไร? มีความสามารถแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”แต่ไม่นาน จินตนาการครั้งสุดท้ายของเจียงปินก็พังทลายลงเพียงแค่เห็นผู้ว่าเจียงโจวที่อยู่บนเวที หลิวกั๋วฮุยผู้ท
“เสวี่ยฮุ่ย เธอเชื่อฉันไหม?”หลินเฟิงขยับไปด้านข้างหลินเซว่ฮุ่ย ถามด้วยรอยยิ้มในดวงตา“เชื่อ ฉันจะไม่เชื่อพี่หลินเฟิงได้ยังไง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ฉันบอกว่าฉันเรียกคนพวกนี้มา แต่ไอ้หมอนี่กำลังโกหก เธอเชื่อไหม?”หลินเฟิงมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยรอยยิ้มไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยพูด เจียงปินก็ขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและพูดดูถูกว่า:“ศาสตราจารย์หลิน คุณอายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ ตระกูลถังน่าจะลงแรงอยู่เบื้องหลังอย่างมากสินะ?”“ผมแนะนำให้คุณอย่าหาเรื่องใส่ตัว”“พวกเราต่างรู้ว่าคุณพึ่งพาอะไรขึ้นตำแหน่ง ถ้าหากจะให้พูดให้ชัดเจน งั้นก็จะอับอายขายหน้าอย่างมาก”“คุณไม่รู้สึกอะไร แต่คุณเคยคิดถึงเสวี่ยฮุ่ยไหม?”“พี่ชายที่เกาะผู้หญิงกิน มีผลกระทบมากแค่ไหนต่ออนาคตของหมอคนหนึ่ง คุณน่าจะรู้ดียิ่งกว่าผมนะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็แสดงความโกรธขึ้นมาทันที และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ดัง “พรึ่บ” และมองเจียงปินพูดอย่างโมโหว่า:“เจียงปิน นายหมายความว่ายังไง?!”“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไง”เจียงปินจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ย และพูด
“ถูกต้อง”เห็นหลินเฟิงท่าทางสับสน เจียงปินมองว่าเป็นท่าทางประหม่า เขาคิดว่าเขารู้จักภูมิหลังของหลินเฟิงเป็นอย่างดี จึงเงยหน้าพูดขึ้น“พ่อของผมไม่มีความสามารถ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเถิงหูเมืองเจิ้งเต๋อ และโรงพยาบาลแห่งนี้ของพ่อผม ยังเป็นบริษัทในเครือของซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในหัวตงอีกด้วย“อะไรนะ?!”ได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ เพื่อนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวพากันมองเจียงปินด้วยความตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขา จะเป็นลูกน้องของเผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ตำแหน่งนี้น่าหวาดกลัวจริงๆดูท่าสามารถเชิญบุคคลใหญ่โตเหล่านี้มาได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลแต่ความจริงนั้นมีเพียงเจียงปินที่รู้ดีเผิงกวงฉีได้เปิดโรงพยาบาลหลายร้อยแห่งในตงหัว พ่อของเขาเป็นเพียงหนึ่งในโรงพยาบาลเล็กๆฟังดูน่ากลัว แต่อันที่เป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งในมือของเผิงกวงฉี่เท่านั้นเองเขาสั่งแค่ประโยคเดียวก็สามารถถีบหัวส่งพ่อของเขาได้แล้วดังนั้นจีงไม่มีสิทธิพิเศษอะไร คนที่อยู่นอกวงการเกรงว่าได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ก็คงจะตกใจมากแต่สำหรับบุคคลใหญ่โตของเมืองเจียงโจวเหล่านี้ เคยเห็นจนชิน คุณที่เป็นแค่ผู้อำนว
เจียงปินนิ่งอึ้งสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคน เจียงปินความคิดพุ่งพล่าน เวลาเพียงครึ่งวินาที เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้เขาจะต้องเสแสร้งต่อไปไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแค่เสียหน้าต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยเท่านั้น ถึงขั้นที่อาจจะกลายเป็นตัวตลกของเพื่อนนักศึกษาทั้งมหาลัยถึงขั้นที่กลายเป็นเรื่องคุยเล่นหลังทานข้าวของทั้งมหาวิทยาลัยเจียงโจวถึงเวลา “ชื่อเสียง” ของเขาเจียงปินก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งเจียงโจว แลการพูดปากต่อปากของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาเจียงปินต่อไปอย่าว่าแต่ทำงานอยู่ในสังคมแพทย์ในประเทศมังกรอีกทั้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลแพทย์ในเมืองเจิ้งเต๋อถ้าหากถูกเปิดเผยออกไป จะไม่ทำให้ธุรกิจของพ่อถูกโจมตีอย่างร้ายแรงเหรอ?ถึงเวลาใครยังจะกล้ามาซื้อยามารักษาโรคที่พ่ออีก?เจียงปินหนังหน้ากระตุกเล็กน้อยรีบเปลี่ยนจากความตกตะลึงเป็นความโมโห“คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงเข้ามาในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวของเราได้? ไม่ใช่ว่าไม่ให้คนนอกเข้ามาหรอกเหรอ?!”เจียงปินเอ่ยปากกล่าวโทษหลินเฟิงอยากจะไล่เขาออกไปโดยตรง“เจียงปิน นี่คือพี่ชายของฉัน หลินเฟิง เขาไม่ใช่คนนอก”“จริงด้วย เพื่อนเจียงปิน นา
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว