หลินเฟิงก้าวเท้าไปไม่เปลี่ยน รังสีอาฆาตก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ลุงซื่อ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ต้องรบกวนให้คุณแสดงฝีมือแล้ว จัดการหมอนี่ที่อวดดีให้ดี ๆ”สีหน้าของโอวหยางชิ่งเปลี่ยนเป็นเคารพนับถือ และโค้งคำนับเล็กน้อย“ลุงซื่อ?”ไม่รอที่จะให้หลินเฟิงนั้นโต้ตอบอะไร จู่ ๆ ก็มีลมพัดกระหน่ำเข้ามาด้านหลังศีรษะของเขา เสมือนว่ามีนกร้อยตัวร้องเรียก การโจมตียังไม่เริ่มต้นขึ้น เสียงดังเข้าหูทําให้หลินเฟิงหงุดหงิดพักหนึ่ง“ผู้อ่อนอาวุโส นายอวดดีซะจริง ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว จะได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!”ชายชราที่มีเสียงแหลมโผล่ออกมาจากเงามืดที่อยู่เบื้องหลังหลินเฟิง เขามีความชำนาญในการขยับนิ้วเหมือนสายฟ้า กระทบที่คอด้านหลังหลินเฟิงตรง ๆ“เหอ ฉวยโอกาสลอบทำร้ายในตอนที่กล่าวคำสั่งสอนอีก นี่คือวิธีการของสำนักเสินฉืองั้นเหรอ?!”หลินเฟิงนั้นรู้สึกถึงออร่าที่อยู่ข้างหลังเขามาอยู่มาก่อนแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าลมปราณนี้จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะไร้ยางอายเช่นนี้ปากเรียกเขาว่าผู้อ่อนอาวุโส คิไม่ถึงว่าจะลอบตีใช้กลยุทธ์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้“หยวน
เห็นแค่เพียงว่าหลินเฟิงใช้พลังเพียงนิ้วเดียว ผู้อาวุโสตอบสนองไม่ทัน ก็ถูกหลินเฟิงใช้นิ้วกดไปยังจุดฝังเข็มที่หน้าผากทันใดนั้น ความโกรธที่แท้จริงระเบิด ชี่แท้ที่เหมือนลมพายุทะลุเข้าไปในจุดฝังเข็มตรงหน้าผากบนร่างกายที่อ่อนแอของผู้อาวุโสเพียงแค่นิ้วเดียว ชายชรารู้สึกราวกับว่าสมองของเขาถูกปั่นด้วยแท่งเหล็กเพียงแค่หายใจสองครั้ง แล้วมันก็กลายเป็นสารละลาย“นิ้วชิงเหลียน…..แก……แกมันจะเป็นไปได้อย่างไ……เป็นไปได้อย่างไร……”เมื่อชายชรากําลังจะตาย ก็คว้าแขนเสื้อของหลินเฟิงเอาไว้ดวงตาถึงกับกลอกตาขาวเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทําไมหลินเฟิงถึงใช้นิ้วของสำนักเสินฉือของพวกเขาได้แต่ชายชราก็ได้ตายไป สุดท้ายเขาก็ยังไม่เต็มใจจะปล่อยมือออก ล้มลงกับพื้นอย่างปวกเปียก ไม่มีลมหายใจใด ๆเพียงแค่สองท่า!ภายใต้สองกระบวนท่า ผู้ที่มีฝีมือหนึ่งท่านที่มาจากสำนักเสินฉือได้ตายด้วยน้ำมือของหลินเฟิง“ลุงซื่อ!”เห็นว่าชายชราเสียชีวิต โอวหยางชิ่งก็ไม่ได้มีความมั่นใจที่สูงเหมือนเมื่อกี้ เธอปากสั่น ชี้นิ้วไปที่หลินเฟิงและกรีดร้อง:“หลินเฟิง! แกตายแน่!”“แกรู้ไหมว่า?! แกต้องตายแน่ ๆ !”“ลุงซื่อเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ
“เข้า...เข้า...เข้า…”บอดี้การ์ดหัวล้านคนนี้พูดติดอ่างเช่นกันแค่เมื่อเขาพูดคำว่า "เข้าไป" ใบอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ ก็เอาชนะความกลัวไปได้ ยกอาวุธขึ้นและรีบวิ่งไปข้างหน้า“เข้า...เข้า...เข้า…”บอดี้การ์ดหัวล้านมองดูเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบตัวที่รีบวิ่งไปข้างหน้า นเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว“เข้า...เข้ากับผีสิ! รีบหนีสิวะ!”ในที่สุด บอดี้การ์ดหัวล้านก็ตะโกนออกมาเต็มคำ แต่ว่าสถานการณ์มันวุ่นวายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่มีใครที่จะสามารถฟังเสียงผู้นำของตัวเองได้อย่างชัดเจนแล้ว"เอือก!"บอดี้การ์ดที่วิ่งไปข้างหน้าได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเดิมทีหลินเฟิงต้องการที่จะตวาดจนบอดี้การ์ดพวกนี้ถอยไป แต่เห็นว่าพวกเขาเรียกร้องความตายถึงขนาดนี้ ก็ทำหน้าเย็นชาลง“ในเมื่ออยากที่จะตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนายเอง”หลินเฟิงกระจายพลังออกไป จัดการกับพวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องแสดงถึงความแข็งแกร่งเท่าไหร่นักมีดยาวที่สว่างไสวฟันมาที่หลินเฟิงหลินเฟิงขยับร่างกายหลบไป เอามือบดขยี้ฝ่ามือของบอดี้การ์ดคนนั้น นี่เป็นเสียงต้นเหตุที่พวกหัวล้านได้ยินเสียงออกมาอย่างทุกข์ทรมานจากนั้นเขาก็ดึงมีดยาวออกมา ไม่สนว่าด้า
ต้องรู้ว่า สำนักจิ่วเซียวของเมืองหนานไห่ นั้นเป็นยักษ์ใหญ่ที่ทั้งเจียงโจวไม่สามารถยั่วยุได้สำนักเสินฉืออยู่ต่อหน้าเขาแล้วก็เป็นได้แค่มดภายในประตูไม่ได้มีเพียงผู้ที่มีฝีมือ มีความสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่โดยกําเนิดอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งได้ยินมาว่ายังมีพวกที่มีฝีมือขั้นยอดเยี่ยมเล่ากันว่า เมื่อสามปีก่อนผู้นำสำนักจิ่วเซียวนั้นยังไม่ก้าวข้ามผ่านสภาพเซียน!สิบอันดับแรกในรายการสวรรค์ ถูกควบคุมโดยสำนักใหญ่เหล่านี้ เจียงโจว ในสายตาของสำนักใหญ่เหล่านี้พวกเขาไม่นับว่าเป็นตดด้วยซ้ำแต่ตอนนี้หมอนี่หลินเฟิงที่อวดดีถึงขนาดที่ไม่เอาสำนักจิ่วเซียวอยู่ในสายตา?ภายในใจเหยาบินนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งมันบดบังความหวาดกลัวที่มีต่อหลินเฟิงไว้เมื่อสามปีก่อนหนานไห่นั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลินเฟิงจากสำนักเสวียนเทียนทำไมถึงมาอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ เจียงโจวได้?ไม่กล้าที่จะคิด ตอนนี้ชีวิตของเขายังคงตกอยู่ในอันตรายเหยาบินรีบร้อน หัวกระแทกพื้นเลือดอาบ“คุณหลิน เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นท่านก็ได้ยินแล้ว ผมไม่สามารถหนีการลงโทษของสำนักเสินฉือได้ เหตุการณ์ในวันนี้มันร้ายแรงเกินไป แม้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ แต่ผม
เป็นศิษย์นอกคอกอย่างเหยาบินนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้แก่นแท้ของสำนัก แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ของเขาก็ถูกรวบรวมและฝึกฝนด้วยตัวเองสำนักเสินฉือทําหน้าที่เป็นเบื้องหลังของเขาเท่านั้น นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงิน ก็ไม่มีอะไรอื่นกลับกันกับหลินเฟิงตัวเองได้เข้าร่วมสำนักเสวียนเทียน หลินเฟิงก็ไม่ไล่ตามการดูหมิ่นเขาก่อนหน้านี้ แถมยินยอมที่จะให้เขาได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของสำนักด้วยต้องรู้ว่า สำนักเสวียนเทียน แต่มันเปรียบได้กับสำนักที่ยิ่งใหญ่ของสำนักจิ่วเซียว!ศิลปะการต่อสู้ธรรมดาแบบไหนที่สำนักดังกล่าวสามารถคิดขึ้นมาได้?ดูจากหลินเฟิงก็พอจะทราบดีแล้ว!ขณะนี้ เหยาบินก็ตัดสินใจในใจแล้วแทนที่จะเป็นสุนัขภายใต้เงื้อมมือของสำนักเสินฉือนั้น ถูกประณามรับใช้ แล้วทำไมจะไม่เลือกที่จะเป็นลูกน้องช่วยเหลืองานของฝั่งคุณหลิน?เข้าร่วมสำนักจิ่วเซียว?ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้สำนักเสวียนเทียน?เขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งดังกล่าวได้ และตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าเขา!“อย่าโทษฉัน ถ้าเกิดว่าสำนักเสินฉือดีกับผมแบบนี้ ไม่เอาผมเป็นหมา ฉันยังคิดถึงความรู้สึกเก่า ๆ”เหยาบินพึมพํากับตัวเอง
พอได้ยินสิ่งนี้ หลี่ฮุ่ยหรานอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจว่าแม่ของเธอพูดมากเกินไป ทําไมถึงพูดให้คนภายนอกฟังแต่เธอไม่สามารถแสดงสีหน้าออกมาได้ ทำได้เพียงพูดออกมาอย่างเขินอาย:“กู้เฉิน นี่เป็นเรื่องตระกูลของฉัน”“ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่ถามอะไรมากแล้ว”กู้เฉินคนนี้รู้วิธีก้าวหน้าและถอย ยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของสุภาพบุรุษ:“วางใจได้เลยฮุ่ยหราน ผมได้ติดต่อหมอลับเทวดาจากไห่โจวแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะรีบมาแล้ว ไม่นาน ก็จะสามารถรักษาอาการป่วยของคุณเยว่หรูได้”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานค่อนข้างประหลาดใจ รีบขอบคุณกู้เฉิน“ขอบคุณ กู้เฉิน”“เอ๊ะ ฮุ่ยหราน คุณทำไมถึงทำเหมือนผมเป็นคนนอกเลย เรื่องของคุณไม่ใช่เรื่องของผมใช่ไหม”“ถูกต้อง ดูนายน้อยจากตระกูลกู้ มีความสามารถ แถมยังเป็นประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ของไห่โจวอีก ฮุ่ยหราน คุณต้องอยู่กับคนอื่นให้ดี”“รีบลืมเรื่องขยะที่ไร้ประโยชน์ไปได้เลย”จางกุ้ยหลานไม่รู้ว่ามาจากไหน เสียงประจบสอพลอเสียงดัง“เชอะ แค่ลูกเขยขยะของตระกูลเจียงเป่ยหลี่ จะคู่ควรกับนายน้อยกู้เฉินงั้นเหรอ? นายน้อยกู้เฉินที่ดูแลเจียงโจว ไห่โจว หนานโจวนักรบโจวทั้งสาม ลูกเขยขยะของคุณ ไม่
“ฮุ่ยหรานถูกหลินเฟิงไอ้สวะคนนั้นทำร้ายมากี่ครั้งแล้ว และเกือบจะทำให้เสียโฉมไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย!“ถ้าคุณชายกู้สามารถสอนฮุ่ยหรานได้หนึ่งครั้ง ฮุ่ยหรานก็จะไม่ถูกรังแกง่าย ๆแบบนั้นอีก”“หึหึ นั้นก็จริงนะ”กู้เฉินยิ้มอย่างมั่นใจแล้วมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะถามว่า “เป็นยังไงบ้าง ฮุ่ยหราน วันนี้คุณมีเวลาไหม?”เดิมทีฮุ่ยหรานต้องการที่จะปฏิเสธเขา แต่ว่าเธอนึกได้ว่าตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอยู่หลายครั้ง ทั้งยังให้หลินเฟิงต้องเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลืออีกด้วยคล้ายกับเธอมองเห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างลำพองใจของถังหว่านก่อนหน้านี้เธอก็เคยได้ยินว่าถังหว่านก็เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้สูญสียการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญเนื่องจากอาการป่วยลองคิดดูในเวลานี้ถังหว่านก็ฟื้นตัวแล้ว อยากจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งอีกครั้งก็เป็นเรื่องของเวลายิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่สบายใจหลี่ฮุ่ยหรานไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันกลับไปมองกู้เฉินก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า“คุณชายกู้ ฉันก็สนใจศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน หวังว่าคุณชายกู้จะสามารถสอนเคล็ดล
“คุณปู่คุณอย่าพูดแบบนี้ คุณโทรหาผม คงจะต้องการให้ผมช่วยหลี่เยว่หรูใช่ไหม?”หลินเฟิงลองหยั่งเชิง ก็รู้สึกถึงความหนักใจในคำพูดของคุณปู่หลี่“เฟิงเอ่อร์ เดิมทีเรื่องนี้ฉันก็ไม่อยากมีส่วนร่วมด้วย แม่กับลูกสาวโจวอวี้เฟิ่งเป็นคนแบบไหน ฉันต่างก็รู้ดีกว่าคุณ แต่....”หลังจากหยุดไปเล็กน้อย คุณปู่หลี่ก็ถอนหายใจ“เฟิงเอ่อร์ คิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่จะช่วยปู่ เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากวันนี้ปู่จะไม่บังคับคุณอีก....” “คุณปู่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร!”สีหน้าของหลินเฟิงเคร่งขรึม ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆแล้วพูดว่า“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ จะมีหลินเฟิงในวันนี้ได้อย่างไร?”“เกรงว่าหลินเฟิงก็คงตายไปนานแล้ว”“เฟิงเอ่อร์ ปู่...ปู่ไม่ได้ช่วยนาย....”เมื่อได้ยินเสียงสั่นและเสียงน้ำตาของทางนั้น ในใจของหลินเฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“วางใจเถอะคุณปู่ หลี่เยว่หรู...ผมจะไปช่วยเธอเอง! คุณก็อย่าพูดอะไรครั้งสุดท้ายแบบนี้อีก ขอเพียงแค่ผมหลินเฟิงยังอยู่ จะไม่ยอมให้ตระกูลหลี่ต้องตกต่ำแน่นอน”หลังจากวางสาย หลินเฟิงก็นั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลานานในห้องรับแขกหลินเสวี่ยฮุ่ยก
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท
หลี่ฮุ่ยหรานกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า:“ฉันส่งที่อยู่ไปให้คุณแล้ว คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”“อ่อใช่ การร่วมมือต้องให้คุณเซ็นชื่อ แต่ต้องหลังจากที่พวกเราประชุมผ่านวิดีโอกันเสร็จ”“เข้าใจแล้วยัง?”“เข้าใจ”หลินเฟิงพยักหน้าหลังจากวางโทรศัพท์ หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่เงียบสงุด จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆวุ่นวายอยู่นานก็เพื่อที่จะมาดื่มชาหนึ่งแก้วหลินเฟิงไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีเวลาให้ยืดเยื้อ จึงรีบสตาร์ทรถมายบัค เร่งขับไปยังที่อยู่ที่หลี่ฮุ่ยหรานส่งให้เขาเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง สายตามองไป ก็เห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่ง“คุณคือ...คนที่ถนนเสรี...”หลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยในตอนนี้ผู้หญิงที่นั่งไขว้ห้าง สวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เผยผิวพรรณที่ขาวผ่องออกมา เธอก็คือเทพธิดาฉู่ในคืนนั้นที่ให้เบาะแสกับเขาที่ถนนเสรีเธอยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างสง่างาม และจิบหนึ่งคำเผยรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดไปทางหลินเฟิงที่เข้ามาในร้านถึงขั้นที่ยังอ้าริมฝีปากแดง เลียนิ้วมือของตัวเอง“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันไวขนาดนี้นะหนุ่มหล่อ”เธอยิ้มสวยหยาดเยิ้มหลินเฟิง
ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้น“ทำไม? ไม่ได้งั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้จิบชาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูเหมือนว่าทักษะของหยินหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากนี้ลูกก็สามารถให้เธอชงให้ลูกดื่มได้”หลินเฟิงเร่งรีบมาตลอดทาง พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของราชาหลินแห่งตอนใต้ก่อนจะนึกถึงสายตาของเขาที่แทบจะขอร้องอ้อนวอนแล้วยังบอกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว....“เหอะ!”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปเดิมทีคิดว่าคราวนี้เขาจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะยังเหมือนเดิม ทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กและไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง“คุณลุง แบบนี้...แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจากไป หยินหลิงก็มองไปทางราชาหลินแห่งตอนใต้ด้วยความกังวลเล็กน้อย“มีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอีกครั้ง“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เก็บสิ่งที่ควรจะเหลือไว้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวนั้นแล้ว บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง”“ตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากบอกเขาไปในตอนนี้ ก็กลัว
วันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็เดินออกจากบ้านตระกูลถังเพียงลำพังเขาไม่ได้บอกใครว่าตัวเองไปที่ไหน แล้วแอบขับรถไปที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองที่เมืองจิงวิลล่าแห่งนี้สร้างขึ้นในป่าไผ่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและหรูหรา แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบที่วุ่นวายเหมือนอย่างในเมืองแค่ได้เห็นวิลล่าแห่งนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสงบมากขึ้นไม่น้อยเขาผลักประตูเข้าไป และยังไม่ทันได้เข้าห้องโถง ก็ไม่กลิ่นชาจาง ๆเพียงได้ยินเสียงเก่า ๆที่คุ้นเคยดังมาจากในประตู“มาแล้วเหรอ”“อืม”หลินเฟิงก้าวเข้าไปในห้องเขามองเห็นราชาหลินแห่งตอนใต้พ่อของตัวเอง ที่ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก และล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมจาง ๆของชาที่เล็ดลอดออกมาจากชามชาโบราณในมือของเขา“พี่ชาย พี่นั่งสิ”ร่างสวยงามที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากทางไหน เธอถือถ้วยชาแบบเดียวกัน ก่อนจะวางลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับราชาหลินแห่งตอนใต้หลินเฟิงหันกลับไปมอง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยินหลิงที่เคารพนอบน้อม“......”เดิมทีหลินเฟิงอยากจะพูดขอบคุณเรื่องของถังว่านหลี่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ถังว่านหลี่กล่าวต่อไปว่า :“ในวันนั้นที่ฉันถูกกลุ่มพันธมิตรบู๊พาตัวไป เป็นหลินเฟิงที่ยืนขึ้นและขู่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ หากเธอไม่ตอบตกลงที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ตอนนั้นหลินเฟิงก็จะแตกหักกับผู้นำ!”“สุดท้าย แม้ว่าผู้นำของเมืองจิงจะโกรธอยู่ แต่ก็ปกป้องฉันไว้”“เธอพูดเรื่องของหลินเฟิงกับฉันเยอะมาก....”“จริง ๆแล้วพวกเราตระกูลถัง ไม่เหมาะสมกับหลินเฟิงเลย”ถังว่านหลี่มองหลินเฟิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า :“หลินเฟิง ต่อจากนี้ไปจะมอบถังหว่านให้กับนาย ไม่ลำบากใจใช่ไหม?”“ไม่ลำบากใจครับ”หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นกัน“ไม่ลำบากใจก็ดี....”ถังว่านหลี่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า :“หลินเฟิง จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันถังว่านหลี่ที่อยู่ตรงนี้ จะเป็นครอบครัวของนาย”“อืม”จริง ๆแล้วหลินเฟิงรู้สึกผิดหวังกับตระกูลถังแต่ท่าทางของถังว่านหลี่กับถังเจี้ยนหยวน ในที่สุดก็ทำให้หลินเฟิงกลับมาอบอุ่นในหัวใจ“สุดท้าย หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆว่า : ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงขอให้ฉันนำคำพูดมาให้คุณด้วย”“ข้อความ...อะไร?”
มองสายตาซาบซึ้งใจของถังว่านหลี่ หลินเฟิงยิ้มแล้วส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่เป็นไรแต่ตอนนี้ในใจเขากลับเกิดความรู้สึกผิดต่อหยินหลิงเล็กน้อยคิดว่าปกป้องถังว่านหลี่เอาไว้ หยินหลิงก็คงต้องแบกรับความลำบากเอาไว้มากมาย“ว่านหลี่ ครั้งนี้นายสามารถกลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของหลงยวนคุณชายของตระกูลหลง“ถ้าหากว่าไม่ใช่เขามีคุณธรรมลงโทษคนในครอบครัวที่ทำผิด ฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพื่ออธิบายที่ไปที่มาของเรื่องราว”“ไม่แน่ตอนนี้นายก็อาจจะยังอยู่ในคุกก็ได้!”ในตอนนี้ คนระดับสูงของตระกูลถังออกหน้าเขาแสดงท่าที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ถังว่านหลี่ซาบซึ้งต่อหลินเฟิง“จริงด้วยอาถังว่านหลี่ อาขอบคุณหลินเฟิงทำไม เป็นคุณชายหลงยวนที่ส่งคนมาจัดการปัญหาโดยเฉพาะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อาถึงกลับมาได้”“เขาพูดจาดีๆ กับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิงมากมาย”“จุ๊จุ๊ ดูท่าคุณชายหลงยวนมีความจริงใจต่อตระกูลถังของเรา พบว่าน้องสาวของตัวเองได้ทำร้ายคุณ จึงฆ่าญาติที่ทำผิดโดยตรง!”“เกรงว่าก็คงเป็นเพราะอาว่านหลี่เป็นพ่อของพี่ถังหว่านสินะ?”“เฮ้อ คุณชายหลงยวนก็ลุ่มหลงต่อพี่ถังหว่านมาก! น่าเสียดายพี่ถังหว่านจ
“ไม่...เขาฆ่าหลงเซียวของตระกูลหลง นั่นเป็นถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลหลงเชียวนะ ตระกูลหลงไม่มีทางปล่อยตระกูลถังของเราไปอย่างแน่นอน!”“เจี้ยนหยวน นายต้องให้ความสำคัญกับภาพรวมนะ!”“ให้ความสำคัญกับภาพรวมงั้นเหรอ...”ถังเจี้ยนหยวนหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นบนใบหน้าก็เผยสีหน้าเยาะหยันออกมาเล็กน้อย“ไม่สู้ คุณดูจดหมายที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาก่อนดีไหม?”ถังเจี้ยนหยวนนำจดหมายที่ถูกเปิดมาแล้วยื่นให้กับถังเทียนเต๋อ“หนังสือแจ้งตระกูลถัง”“ข้าพเจ้าผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เข้าใจถังว่านหลี่ตระกูลถังผิดไป จึงขออภัยตระกูลถังอย่างสุดซึ้ง...”ถังเทียนเต๋อจ้องมองเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายยิ่งดู สีหน้ายิ่งไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่เห็น “ลายเซ็นของผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง” ตัวอักษรสุดท้ายคนทั้งคนก็ทรุดนั่งลงบนพื้นงุนงงไปหมด“พ่อ มันคือจดหมายอะไร? ในจดหมายเขียนว่ายังไงเหรอ?”ถังว่านเฉวียนรีบถามขึ้นมา“มันคือ...คือจดหมายที่ผู้ว่ารัฐมนตรีเขียนเองกับมือ”ถังเทียนเต๋อกลืนน้ำลาย และพูดอย่างยากลำบาก:“เขารู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว อีกทั้ง...อีกทั้งทางด้านตระกูลหลงเองก็ยอ
แต่โชคดีที่ถังจวินเตรียมป้องกันไว้ตั้งนานแล้วเขาปล่อยพลังชี่แท้ออกมา สกัดกั้นเอาไว้สุดพลังกระสุนเม็ดนี้ถึงแม้จะยังคงยิงโดนหน้าอกของเขา แต่ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บให้กับเขามากเท่าไหร่นักเพียงแค่กระเทือนกระดูกซี่โครงของเขาจนหักถึงแม้จะสภาพย่ำแย่ แต่อย่างน้อยถังจวินก็รับไว้ได้เห็นถังหว่านท่าทางแน่วแน่แบบนี้ ถังเทียนเต๋อเตรียมจะเปลี่ยนวิธีการสายตาของเขามองข้ามถังหว่าน มองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า8“หลินเฟิง นายฆ่าหลงเซียวลูกหลานสายตรงของตระกูลหลง ความผิดมหันต์แบบนี้ นายยังอยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลถังของฉันงั้นเหรอ?!”“......”“หยุดเถอะ”ในที่สุดหลินเฟิงก็ลงมือแล้วเพียงแต่มือที่เขาลงมือนั้น จับไปที่ปากกระบอกปืนขของถังหว่าน เขาส่ายหน้าให้ถังหว่านช้าๆถ้าหากปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้เกรงว่าสุดท้ายคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถจบเรื่องราวได้ความคิดของถังหว่านเขาเข้าใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ถังหว่านฆ่าคน“คนที่ฆ่าหลงเซียวไม่ใช่ฉัน แต่...ความผิดนี้ฉันสามารถรับเอาไว้ได้”หลินเฟิงมองไปทางคนตระกูลถัง ยื่นมือออกไปห้ามถังหว่านที่จะพูดคำออกมาด้วยความร้อนใจและหัวเราะเยาะพูดว่
เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนเต๋อออกคำสั่ง ก็ไม่มีความคิดอย่างอื่นอีก ก่อนจะโบกมือเรียกให้หน่วยลับของตัวเองที่อยู่ใกล้ตัว จับถังหว่านและหลินเฟิงให้ได้“ออกไป!”เมื่อเห็นว่าหน่วยลับที่อยู่รอบ ๆกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามาขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดถังหว่านก็โมโหแล้วเธอหันกลับไปคว้าปืนพกสีเข้มออกมาจากใต้หมอนของตัวเอง แล้วเล็งไปที่ถังจวิน“หากพวกคุณกล้าก้าวมาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าพวกคุณ!”“ยังมีพวกแก ถังเทียนเต๋อ ไอ้แก่หนังเหนียวอย่างแก ถ้าพวกเขากล้าเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าแกก่อน!”“ถังหว่าน! เธอจะกบฏงั้นเหรอ?!”ถังเทียนเต๋อพูดด้วยความโกรธ“ถังหว่าน วางอาวุธซะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่!”ถังว่านเฉวียนก็ตะโกนอย่างเด็ดขาด“เหอะ แน่จริงก็ยิงฉันให้ตายเลย ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้เธอจะกล้ายิงฉัน”ถังว่านเชวีย ลูกชายคนรองของถังเทียนเต๋อยิ้มเยาะ แล้วเดินตรงไปหาถังหว่าน“ปัง!”ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน คิดไม่ถึงว่าถังหว่านจะเหนี่ยวไกปืนไปที่หน้าอกของถังว่านเชวียโดยตรงหลังจากถูกยิง ถังว่านเชวียยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆรอจนเขาก้มหน้ามองดูหน้าอกตรงกลางหัวใจของตัวเอง ที่มีเลือดไหลออกมา พร้อมกับแสด