“ฮุ่ยหรานถูกหลินเฟิงไอ้สวะคนนั้นทำร้ายมากี่ครั้งแล้ว และเกือบจะทำให้เสียโฉมไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย!“ถ้าคุณชายกู้สามารถสอนฮุ่ยหรานได้หนึ่งครั้ง ฮุ่ยหรานก็จะไม่ถูกรังแกง่าย ๆแบบนั้นอีก”“หึหึ นั้นก็จริงนะ”กู้เฉินยิ้มอย่างมั่นใจแล้วมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะถามว่า “เป็นยังไงบ้าง ฮุ่ยหราน วันนี้คุณมีเวลาไหม?”เดิมทีฮุ่ยหรานต้องการที่จะปฏิเสธเขา แต่ว่าเธอนึกได้ว่าตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอยู่หลายครั้ง ทั้งยังให้หลินเฟิงต้องเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลืออีกด้วยคล้ายกับเธอมองเห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างลำพองใจของถังหว่านก่อนหน้านี้เธอก็เคยได้ยินว่าถังหว่านก็เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้สูญสียการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญเนื่องจากอาการป่วยลองคิดดูในเวลานี้ถังหว่านก็ฟื้นตัวแล้ว อยากจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งอีกครั้งก็เป็นเรื่องของเวลายิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่สบายใจหลี่ฮุ่ยหรานไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันกลับไปมองกู้เฉินก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า“คุณชายกู้ ฉันก็สนใจศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน หวังว่าคุณชายกู้จะสามารถสอนเคล็ดล
“คุณปู่คุณอย่าพูดแบบนี้ คุณโทรหาผม คงจะต้องการให้ผมช่วยหลี่เยว่หรูใช่ไหม?”หลินเฟิงลองหยั่งเชิง ก็รู้สึกถึงความหนักใจในคำพูดของคุณปู่หลี่“เฟิงเอ่อร์ เดิมทีเรื่องนี้ฉันก็ไม่อยากมีส่วนร่วมด้วย แม่กับลูกสาวโจวอวี้เฟิ่งเป็นคนแบบไหน ฉันต่างก็รู้ดีกว่าคุณ แต่....”หลังจากหยุดไปเล็กน้อย คุณปู่หลี่ก็ถอนหายใจ“เฟิงเอ่อร์ คิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่จะช่วยปู่ เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากวันนี้ปู่จะไม่บังคับคุณอีก....” “คุณปู่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร!”สีหน้าของหลินเฟิงเคร่งขรึม ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆแล้วพูดว่า“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ จะมีหลินเฟิงในวันนี้ได้อย่างไร?”“เกรงว่าหลินเฟิงก็คงตายไปนานแล้ว”“เฟิงเอ่อร์ ปู่...ปู่ไม่ได้ช่วยนาย....”เมื่อได้ยินเสียงสั่นและเสียงน้ำตาของทางนั้น ในใจของหลินเฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“วางใจเถอะคุณปู่ หลี่เยว่หรู...ผมจะไปช่วยเธอเอง! คุณก็อย่าพูดอะไรครั้งสุดท้ายแบบนี้อีก ขอเพียงแค่ผมหลินเฟิงยังอยู่ จะไม่ยอมให้ตระกูลหลี่ต้องตกต่ำแน่นอน”หลังจากวางสาย หลินเฟิงก็นั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลานานในห้องรับแขกหลินเสวี่ยฮุ่ยก
“ลูกสาวของคุณเพิ่งจะเป็นภาวะไตบกพร่อง และทั้งครอบครัวของคุณต่างก็มีภาวะไตบกพร่อง”“แก!”ชายชราในชุดคลุมยาวสีดำตกตะลึงไปชั่วครู่ด้วยความโกรธ ก่อนที่จะเดินจากไป เดินทางมาไกลเพื่อให้ตัวเองจากไห่โจวรีบมาถึงที่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับสามัญชน ปอดของชายชราแทบจะเบิดออกด้วยความโกรธ“ ผู้อาวุโส ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ”จางกุ้ยหลานเห็นเรื่องต่าง ๆที่เกิดขึ้น ก็รีบยืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้เฒ่า น้องสะใภ้ของฉัน เป็นกังวลและสับสนมากเกินไป หวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าคุณชายกู้และช่วยรักษาเยว่หรูอย่างเต็มที่นะ”“เมื่องานเสร็จสิ้น ฉันตระกูลหลี่จะตอบแทนเงินจำนวนมากให้อย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคุณชายกู้จะตอบแทนให้เงินจำนวนมาก สุดท้ายชายชราผู้นี้ก็ยอมรับเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วพูดว่า“งั้นพวกคุณไปรวบรวมโสมมังกรหัวเถอะ เพียงแค่รวบรวมเครื่องปรุงยาจีนพวกนี้กลับมา ฉันถึงจะสามารถที่รักษามันได้”“ท่านผู้เฒ่า พวกเราไม่สามารถที่จะรวบรวมโสมมังกรหัวได้ในตอนนี้....”“เหอะ ต้องโทษหลินเฟิงไอ้คนสวะนั้นทั้งหมด เขาเอาโสมมังกรหัวไปใช้จนหมดแล้ว”จางซินยืนกัดด้วยความโกรธอยู่ด้านข้างเม
ตระกูลหลี่ถ้าหาความผิดเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นานหลังจากนั้น โจวอวี้เฟิ่งกับจางกุ้ยหลานที่ราวกับเป็นผู้หญิงปากร้ายก็มาหาที่วิลล่าชั้นบนสุดของอ่าวเทียวสุ่ยและตามมาด้วยอีกสองคน คือจางซินและซวีเฉียงแฟนใหม่ของจางซินตามหลักแล้ว คนพวกนี้ไม่สามารถที่จะเข้ามาในอ่าวเทียนสุ่ยได้เลย แต่เพราะว่าการเตรียมตัวของสวีเฉียง พวกเขาจึงสามารถมาถึงด้านนอกของวิลล่าได้หลังจากที่กดกริ่งแล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยก็คือ ไม่ใช่หลินเฟิงที่มาเปิดประตู แต่กลับเป็นหลินเสวี่ยฮุ่ยที่มีสีหน้าแปลก ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยที่เพิ่งเสร็จจากการทำงานในร้านของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋น และจ้าวเฉียวอวิ๋นที่กำลังทำอาหารอยู่ โดยมีเธอเป็นผู้ช่วยที่ยังสวมใส่ผ้ากันเปื้อนลายหมี“พวกคุณมาหาใคร?” หลินเสวี่ยฮุ่ยทำสีหน้าสงสัยออกมา และในความทรงจำของเธอก็จำคนพวกนี้ไม่ได้“หลินเฟิงคนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะปิดบังความจริงฮุ่ยหราน แอบเก็บไอ้สารเลวไว้ เป็นอย่างที่คิดไว้เลยเขาก็เป็นคนเลวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ!”ไม่รอให้โจวอวี้เฟิ่งได้พูด จางกุ้ยหลานก็เท้าเอวด่าว่าทันที“คนสารเลว? กำลังด่าฉันเหรอ?”ดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยเบิกกว้างด้วยความรู้สึ
“เป็นคนแบบนั้นหรือไม่ เขานับประสาอะไรกัน ลูกสาวของฉันจะใช้ความบริสุทธิ์ของเธอมาใส่ความเขาเหรอ?!”“น้อง ๆ สองสามคน ฉันเชื่อว่าในนี้จะต้องมีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันแน่ ๆ ฟลินเฟิงเขาไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน”จ้าวเฉียวอวิ๋นล้มลุกคลุกคลานมาปกป้องลูกสาวของเธอเอาไว้ และยิ้มแย้มให้กับทุกคน:“ฉันจะโทรหาหลินเฟิงตอนนี้ เขาจะต้องสามารถอธิบายความเข้าใจผิดในนี้ได้อย่างชัดเจน”“ทางที่ดีเธอโทรให้ไวหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะกรีดใบหน้าของนังแพศยาคนนี้ซะ!”โจวอวี้เฟิ่งกัดฟัน และล้วงมีดพกออกมาจากในกระเป๋าของตัวเอง จากนั้นก็แกว่งไปมาตรงหน้าสองแม่ลูกจ้าวเฉียวอวิ๋น“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”จ้าวเฉียวอวิ๋นเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก และรีบเร่งหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ในอ้อมกอด: “เสวี่ยฮุ่ย รีบโทรหาพี่ชายของลูกเร็ว ๆ หน่อย”“แม่ หนู...”“เร็วสิ หรือว่าไม่เชื่อมั่นพี่ชายของลูกเหรอ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นมองดูสองสามคนที่ท่าทางดุดัน และมีสีหน้าแน่วแน่“ค่ะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่เชื่อหลินเฟิงได้อย่างไร เขาเพียงแค่ไม่อยากหาเรื่องรบกวนหลินเฟิง เห็นแม่ของเธอท่าทางแน่วแน่แบบนี้ เธอทำได้เพียงล้วงโทรศัพท์ออกมาและในตอนที่หลินเสวี่ยฮุ่
“ฉันพูดความจริง”หลินเสวี่ยฮุ่ยน้ำตาตกด้วยความน้อยใจ เธอหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและกัดฟันพูด: “ถ้าหากคุณไม่เชื่อ ไปถามพี่ฮุ่ยหรานเองได้”“พูดจาเหลวไหล!”จางกุ้ยหลานถึงแม้สีหน้าจะยังโมโหอยู่ แต่ในใจก็มีความประหม่าเล็กน้อย เพราะลูกสาวของเธอ เธอรู้ดียิ่งกว่าใครหลายวันก่อนหน้านี้ลูกสาวมักจะออกไปทำงานแต่เช้า ถึงขั้นที่มีสองสามวันที่ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเดิมคิดว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาทำอาหารเช้าให้หลินเฟิงไอ้คนชาติชั่วคนนี้ยิ่งคิดยิ่งโมโห จางกุ้ยหลานไม่กล้าจี้ถามเรื่องนี้อีก ทำได้เพียงข่มเอาไว้ในใจชั่วคราว เตรียมจะเค้นถามลูกสาวของเธอในครั้งหน้า“เร็ว ทำไมเธอยังโทรไม่ติดอีก?”“ฉันไม่รู้ พี่หลินเฟิงน่าจะมีธุระ...เขาไม่รับสายฉัน”หลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกโมโหอยู่ในใจ สายตาของเธอกวาดมองไปยังผู้หญิงบ้าสองคนนี้ที่ล้อมรอบอยู่ จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความดื้อรั้น“หึ ฉันดูแล้วมันกลัวความผิดจนหนีไปแล้ว!”จางซินหัวเราะเยาะ“ไอ้หลินเฟิงที่สมควรตาย! แกจะไม่ได้ตายดีแน่! ฉันไม่มีทางปล่อยแกไป! ต้องโทษพวกเธอตระกูลหลี่เมืองเจียงเป่ย!”“ถ้าหากไม่ใช
“แต่ว่า?”หลี่ฮุ่ยหรานงงงวยเล็กน้อย แต่เห็นสายตาของกู้เฉินกวาดมองนักเรียนที่มาเรียนกังฟูเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ขยับปากมาใกล้ ๆ ข้างหูของหลี่ฮุ่ยหรานและพูดว่า:“แต่ว่าตระกูลกู้ของผมในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เมืองเจียงหนาน และผมก็เป็นประธานของสมาคมบู๊ไห่โจว ต้องมีความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้อยู่แล้ว”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานยังคงไม่เข้าใจ กู้เฉินยิ้มอย่างลึกลับ:“ฮุ่ยหราน ถ้าหากคุณฝึกวิทยายุทธพร้อมกับนักเรียนคนอื่น ๆ ที่นี่ งั้นอย่างน้อยจะต้องเหวี่ยงหมัดเตะขาดอยู่หลายปีถึงจะมีการพัฒนา”“คุณรอนานขนาดนั้นได้ไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานกวาดมองไปรอบ ๆ ตามสายตาของกู้เฉิน พบว่าที่นี่ลูกศิษย์จำนวนมากในนี้ต่างกำลังฝึกการแสดงพื้นฐานอยู่ เธอก็ไม่ได้เก่งไปกว่าพวกเขาสักเท่าไหร่“ในมือของคุณยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปให้ต้องจัดการ จะเหมือนกับนักเรียนทั่วไปเหล่านี้ได้อย่างไร เพียงแค่กระบวนท่าพื้นฐานทั่วไปก็ฝึกฝนหลายปี?”“ไป ผมพาคุณไปห้องลับ สอนเคล็ดลับของตระกูลกู้ของผมให้กับคุณชุดหนึ่ง”กู้เฉินวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผล แต่หลี่ฮุ่ยหรานไม่ใช่คนที่จะไม่รู้จักหนักเบา เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น:“กู้เฉ
“มาเถอะ เธอลงมือเองเถอะ!”“หลิน...หลินเฟิง...”หลี่ฮุ่ยหรานปีนป่ายไปทางกู้เฉิน เหมือนกับถูกตัณหาครอบงำ คุกเข่าทำท่ายั่วยวน และก็มีสีหน้าอ้อนวอนไปด้วย“ขอร้องล่ะ หลินเฟิง...เป็นฉัน...ฉันไม่ดีเอง...คุณ...คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ...”“หลินเฟิง...”เมื่อได้ยินหลี่ฮุ่ยหรานยังเรียกชื่อของหลินเฟิงคนนั้นในเวลาแบบนี้ ก้นบึ้งหัวใจของเขามีความอิจฉาอยู่เล็กน้อยทันทีถนนใหญ่เจียงหลิงหลังจากเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลหลินเฟิงที่ขับรถมายบัคกำลังจะย้อนกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ย กลับได้รับสายของจ้าวเทียนหวาด้วยความประหลาดใจ“คุณชายหลิน ก่อนหน้านี้คนที่คุณให้เฝ้าดูหลี่ฮุ่ยหรานได้รายงานว่า หลี่ฮุ่ยหรานกับกู้เฉินของตระกูลกู้เมืองเจียงหนานคนนั้นเข้าร่วมงานตัดริบบิ้นโรงฝึกบู๊เปิดใหม่”“กู้เฉินยังสอนหลี่ฮุ่ยหรานเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้”ได้ยินการรายงานของจ้าวเทียนหวา หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นผ่อนคลายเล็กน้อย และพูดอย่างนิ่งเฉย:“แล้วยังไง? หลี่ฮุ่ยหรานอยากไปเอง ไม่เกี่ยวกับผม ต่อไปพวกคุณไม่ต้องเฝ้าดูเธอแล้ว”“เอ่อ...”จ้าวเทียนหวาที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์เห็นได้ชัดว่าลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ:“แต่ว่าค