เป็นศิษย์นอกคอกอย่างเหยาบินนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้แก่นแท้ของสำนัก แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ของเขาก็ถูกรวบรวมและฝึกฝนด้วยตัวเองสำนักเสินฉือทําหน้าที่เป็นเบื้องหลังของเขาเท่านั้น นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงิน ก็ไม่มีอะไรอื่นกลับกันกับหลินเฟิงตัวเองได้เข้าร่วมสำนักเสวียนเทียน หลินเฟิงก็ไม่ไล่ตามการดูหมิ่นเขาก่อนหน้านี้ แถมยินยอมที่จะให้เขาได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของสำนักด้วยต้องรู้ว่า สำนักเสวียนเทียน แต่มันเปรียบได้กับสำนักที่ยิ่งใหญ่ของสำนักจิ่วเซียว!ศิลปะการต่อสู้ธรรมดาแบบไหนที่สำนักดังกล่าวสามารถคิดขึ้นมาได้?ดูจากหลินเฟิงก็พอจะทราบดีแล้ว!ขณะนี้ เหยาบินก็ตัดสินใจในใจแล้วแทนที่จะเป็นสุนัขภายใต้เงื้อมมือของสำนักเสินฉือนั้น ถูกประณามรับใช้ แล้วทำไมจะไม่เลือกที่จะเป็นลูกน้องช่วยเหลืองานของฝั่งคุณหลิน?เข้าร่วมสำนักจิ่วเซียว?ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้สำนักเสวียนเทียน?เขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งดังกล่าวได้ และตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าเขา!“อย่าโทษฉัน ถ้าเกิดว่าสำนักเสินฉือดีกับผมแบบนี้ ไม่เอาผมเป็นหมา ฉันยังคิดถึงความรู้สึกเก่า ๆ”เหยาบินพึมพํากับตัวเอง
พอได้ยินสิ่งนี้ หลี่ฮุ่ยหรานอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจว่าแม่ของเธอพูดมากเกินไป ทําไมถึงพูดให้คนภายนอกฟังแต่เธอไม่สามารถแสดงสีหน้าออกมาได้ ทำได้เพียงพูดออกมาอย่างเขินอาย:“กู้เฉิน นี่เป็นเรื่องตระกูลของฉัน”“ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่ถามอะไรมากแล้ว”กู้เฉินคนนี้รู้วิธีก้าวหน้าและถอย ยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของสุภาพบุรุษ:“วางใจได้เลยฮุ่ยหราน ผมได้ติดต่อหมอลับเทวดาจากไห่โจวแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะรีบมาแล้ว ไม่นาน ก็จะสามารถรักษาอาการป่วยของคุณเยว่หรูได้”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานค่อนข้างประหลาดใจ รีบขอบคุณกู้เฉิน“ขอบคุณ กู้เฉิน”“เอ๊ะ ฮุ่ยหราน คุณทำไมถึงทำเหมือนผมเป็นคนนอกเลย เรื่องของคุณไม่ใช่เรื่องของผมใช่ไหม”“ถูกต้อง ดูนายน้อยจากตระกูลกู้ มีความสามารถ แถมยังเป็นประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ของไห่โจวอีก ฮุ่ยหราน คุณต้องอยู่กับคนอื่นให้ดี”“รีบลืมเรื่องขยะที่ไร้ประโยชน์ไปได้เลย”จางกุ้ยหลานไม่รู้ว่ามาจากไหน เสียงประจบสอพลอเสียงดัง“เชอะ แค่ลูกเขยขยะของตระกูลเจียงเป่ยหลี่ จะคู่ควรกับนายน้อยกู้เฉินงั้นเหรอ? นายน้อยกู้เฉินที่ดูแลเจียงโจว ไห่โจว หนานโจวนักรบโจวทั้งสาม ลูกเขยขยะของคุณ ไม่
“ฮุ่ยหรานถูกหลินเฟิงไอ้สวะคนนั้นทำร้ายมากี่ครั้งแล้ว และเกือบจะทำให้เสียโฉมไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย!“ถ้าคุณชายกู้สามารถสอนฮุ่ยหรานได้หนึ่งครั้ง ฮุ่ยหรานก็จะไม่ถูกรังแกง่าย ๆแบบนั้นอีก”“หึหึ นั้นก็จริงนะ”กู้เฉินยิ้มอย่างมั่นใจแล้วมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะถามว่า “เป็นยังไงบ้าง ฮุ่ยหราน วันนี้คุณมีเวลาไหม?”เดิมทีฮุ่ยหรานต้องการที่จะปฏิเสธเขา แต่ว่าเธอนึกได้ว่าตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอยู่หลายครั้ง ทั้งยังให้หลินเฟิงต้องเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลืออีกด้วยคล้ายกับเธอมองเห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างลำพองใจของถังหว่านก่อนหน้านี้เธอก็เคยได้ยินว่าถังหว่านก็เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้สูญสียการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญเนื่องจากอาการป่วยลองคิดดูในเวลานี้ถังหว่านก็ฟื้นตัวแล้ว อยากจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งอีกครั้งก็เป็นเรื่องของเวลายิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่สบายใจหลี่ฮุ่ยหรานไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันกลับไปมองกู้เฉินก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า“คุณชายกู้ ฉันก็สนใจศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน หวังว่าคุณชายกู้จะสามารถสอนเคล็ดล
“คุณปู่คุณอย่าพูดแบบนี้ คุณโทรหาผม คงจะต้องการให้ผมช่วยหลี่เยว่หรูใช่ไหม?”หลินเฟิงลองหยั่งเชิง ก็รู้สึกถึงความหนักใจในคำพูดของคุณปู่หลี่“เฟิงเอ่อร์ เดิมทีเรื่องนี้ฉันก็ไม่อยากมีส่วนร่วมด้วย แม่กับลูกสาวโจวอวี้เฟิ่งเป็นคนแบบไหน ฉันต่างก็รู้ดีกว่าคุณ แต่....”หลังจากหยุดไปเล็กน้อย คุณปู่หลี่ก็ถอนหายใจ“เฟิงเอ่อร์ คิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่จะช่วยปู่ เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากวันนี้ปู่จะไม่บังคับคุณอีก....” “คุณปู่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร!”สีหน้าของหลินเฟิงเคร่งขรึม ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆแล้วพูดว่า“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ จะมีหลินเฟิงในวันนี้ได้อย่างไร?”“เกรงว่าหลินเฟิงก็คงตายไปนานแล้ว”“เฟิงเอ่อร์ ปู่...ปู่ไม่ได้ช่วยนาย....”เมื่อได้ยินเสียงสั่นและเสียงน้ำตาของทางนั้น ในใจของหลินเฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย“วางใจเถอะคุณปู่ หลี่เยว่หรู...ผมจะไปช่วยเธอเอง! คุณก็อย่าพูดอะไรครั้งสุดท้ายแบบนี้อีก ขอเพียงแค่ผมหลินเฟิงยังอยู่ จะไม่ยอมให้ตระกูลหลี่ต้องตกต่ำแน่นอน”หลังจากวางสาย หลินเฟิงก็นั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลานานในห้องรับแขกหลินเสวี่ยฮุ่ยก
“ลูกสาวของคุณเพิ่งจะเป็นภาวะไตบกพร่อง และทั้งครอบครัวของคุณต่างก็มีภาวะไตบกพร่อง”“แก!”ชายชราในชุดคลุมยาวสีดำตกตะลึงไปชั่วครู่ด้วยความโกรธ ก่อนที่จะเดินจากไป เดินทางมาไกลเพื่อให้ตัวเองจากไห่โจวรีบมาถึงที่นี่ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับสามัญชน ปอดของชายชราแทบจะเบิดออกด้วยความโกรธ“ ผู้อาวุโส ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ”จางกุ้ยหลานเห็นเรื่องต่าง ๆที่เกิดขึ้น ก็รีบยืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้เฒ่า น้องสะใภ้ของฉัน เป็นกังวลและสับสนมากเกินไป หวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าคุณชายกู้และช่วยรักษาเยว่หรูอย่างเต็มที่นะ”“เมื่องานเสร็จสิ้น ฉันตระกูลหลี่จะตอบแทนเงินจำนวนมากให้อย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคุณชายกู้จะตอบแทนให้เงินจำนวนมาก สุดท้ายชายชราผู้นี้ก็ยอมรับเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วพูดว่า“งั้นพวกคุณไปรวบรวมโสมมังกรหัวเถอะ เพียงแค่รวบรวมเครื่องปรุงยาจีนพวกนี้กลับมา ฉันถึงจะสามารถที่รักษามันได้”“ท่านผู้เฒ่า พวกเราไม่สามารถที่จะรวบรวมโสมมังกรหัวได้ในตอนนี้....”“เหอะ ต้องโทษหลินเฟิงไอ้คนสวะนั้นทั้งหมด เขาเอาโสมมังกรหัวไปใช้จนหมดแล้ว”จางซินยืนกัดด้วยความโกรธอยู่ด้านข้างเม
ตระกูลหลี่ถ้าหาความผิดเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นานหลังจากนั้น โจวอวี้เฟิ่งกับจางกุ้ยหลานที่ราวกับเป็นผู้หญิงปากร้ายก็มาหาที่วิลล่าชั้นบนสุดของอ่าวเทียวสุ่ยและตามมาด้วยอีกสองคน คือจางซินและซวีเฉียงแฟนใหม่ของจางซินตามหลักแล้ว คนพวกนี้ไม่สามารถที่จะเข้ามาในอ่าวเทียนสุ่ยได้เลย แต่เพราะว่าการเตรียมตัวของสวีเฉียง พวกเขาจึงสามารถมาถึงด้านนอกของวิลล่าได้หลังจากที่กดกริ่งแล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยก็คือ ไม่ใช่หลินเฟิงที่มาเปิดประตู แต่กลับเป็นหลินเสวี่ยฮุ่ยที่มีสีหน้าแปลก ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยที่เพิ่งเสร็จจากการทำงานในร้านของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋น และจ้าวเฉียวอวิ๋นที่กำลังทำอาหารอยู่ โดยมีเธอเป็นผู้ช่วยที่ยังสวมใส่ผ้ากันเปื้อนลายหมี“พวกคุณมาหาใคร?” หลินเสวี่ยฮุ่ยทำสีหน้าสงสัยออกมา และในความทรงจำของเธอก็จำคนพวกนี้ไม่ได้“หลินเฟิงคนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะปิดบังความจริงฮุ่ยหราน แอบเก็บไอ้สารเลวไว้ เป็นอย่างที่คิดไว้เลยเขาก็เป็นคนเลวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ!”ไม่รอให้โจวอวี้เฟิ่งได้พูด จางกุ้ยหลานก็เท้าเอวด่าว่าทันที“คนสารเลว? กำลังด่าฉันเหรอ?”ดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยเบิกกว้างด้วยความรู้สึ
“เป็นคนแบบนั้นหรือไม่ เขานับประสาอะไรกัน ลูกสาวของฉันจะใช้ความบริสุทธิ์ของเธอมาใส่ความเขาเหรอ?!”“น้อง ๆ สองสามคน ฉันเชื่อว่าในนี้จะต้องมีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันแน่ ๆ ฟลินเฟิงเขาไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน”จ้าวเฉียวอวิ๋นล้มลุกคลุกคลานมาปกป้องลูกสาวของเธอเอาไว้ และยิ้มแย้มให้กับทุกคน:“ฉันจะโทรหาหลินเฟิงตอนนี้ เขาจะต้องสามารถอธิบายความเข้าใจผิดในนี้ได้อย่างชัดเจน”“ทางที่ดีเธอโทรให้ไวหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะกรีดใบหน้าของนังแพศยาคนนี้ซะ!”โจวอวี้เฟิ่งกัดฟัน และล้วงมีดพกออกมาจากในกระเป๋าของตัวเอง จากนั้นก็แกว่งไปมาตรงหน้าสองแม่ลูกจ้าวเฉียวอวิ๋น“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”จ้าวเฉียวอวิ๋นเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก และรีบเร่งหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ในอ้อมกอด: “เสวี่ยฮุ่ย รีบโทรหาพี่ชายของลูกเร็ว ๆ หน่อย”“แม่ หนู...”“เร็วสิ หรือว่าไม่เชื่อมั่นพี่ชายของลูกเหรอ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นมองดูสองสามคนที่ท่าทางดุดัน และมีสีหน้าแน่วแน่“ค่ะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่เชื่อหลินเฟิงได้อย่างไร เขาเพียงแค่ไม่อยากหาเรื่องรบกวนหลินเฟิง เห็นแม่ของเธอท่าทางแน่วแน่แบบนี้ เธอทำได้เพียงล้วงโทรศัพท์ออกมาและในตอนที่หลินเสวี่ยฮุ่
“ฉันพูดความจริง”หลินเสวี่ยฮุ่ยน้ำตาตกด้วยความน้อยใจ เธอหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและกัดฟันพูด: “ถ้าหากคุณไม่เชื่อ ไปถามพี่ฮุ่ยหรานเองได้”“พูดจาเหลวไหล!”จางกุ้ยหลานถึงแม้สีหน้าจะยังโมโหอยู่ แต่ในใจก็มีความประหม่าเล็กน้อย เพราะลูกสาวของเธอ เธอรู้ดียิ่งกว่าใครหลายวันก่อนหน้านี้ลูกสาวมักจะออกไปทำงานแต่เช้า ถึงขั้นที่มีสองสามวันที่ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเดิมคิดว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาทำอาหารเช้าให้หลินเฟิงไอ้คนชาติชั่วคนนี้ยิ่งคิดยิ่งโมโห จางกุ้ยหลานไม่กล้าจี้ถามเรื่องนี้อีก ทำได้เพียงข่มเอาไว้ในใจชั่วคราว เตรียมจะเค้นถามลูกสาวของเธอในครั้งหน้า“เร็ว ทำไมเธอยังโทรไม่ติดอีก?”“ฉันไม่รู้ พี่หลินเฟิงน่าจะมีธุระ...เขาไม่รับสายฉัน”หลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกโมโหอยู่ในใจ สายตาของเธอกวาดมองไปยังผู้หญิงบ้าสองคนนี้ที่ล้อมรอบอยู่ จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความดื้อรั้น“หึ ฉันดูแล้วมันกลัวความผิดจนหนีไปแล้ว!”จางซินหัวเราะเยาะ“ไอ้หลินเฟิงที่สมควรตาย! แกจะไม่ได้ตายดีแน่! ฉันไม่มีทางปล่อยแกไป! ต้องโทษพวกเธอตระกูลหลี่เมืองเจียงเป่ย!”“ถ้าหากไม่ใช
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท
หลี่ฮุ่ยหรานกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า:“ฉันส่งที่อยู่ไปให้คุณแล้ว คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”“อ่อใช่ การร่วมมือต้องให้คุณเซ็นชื่อ แต่ต้องหลังจากที่พวกเราประชุมผ่านวิดีโอกันเสร็จ”“เข้าใจแล้วยัง?”“เข้าใจ”หลินเฟิงพยักหน้าหลังจากวางโทรศัพท์ หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่เงียบสงุด จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆวุ่นวายอยู่นานก็เพื่อที่จะมาดื่มชาหนึ่งแก้วหลินเฟิงไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีเวลาให้ยืดเยื้อ จึงรีบสตาร์ทรถมายบัค เร่งขับไปยังที่อยู่ที่หลี่ฮุ่ยหรานส่งให้เขาเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง สายตามองไป ก็เห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่ง“คุณคือ...คนที่ถนนเสรี...”หลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยในตอนนี้ผู้หญิงที่นั่งไขว้ห้าง สวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เผยผิวพรรณที่ขาวผ่องออกมา เธอก็คือเทพธิดาฉู่ในคืนนั้นที่ให้เบาะแสกับเขาที่ถนนเสรีเธอยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างสง่างาม และจิบหนึ่งคำเผยรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดไปทางหลินเฟิงที่เข้ามาในร้านถึงขั้นที่ยังอ้าริมฝีปากแดง เลียนิ้วมือของตัวเอง“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันไวขนาดนี้นะหนุ่มหล่อ”เธอยิ้มสวยหยาดเยิ้มหลินเฟิง
ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้น“ทำไม? ไม่ได้งั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้จิบชาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูเหมือนว่าทักษะของหยินหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากนี้ลูกก็สามารถให้เธอชงให้ลูกดื่มได้”หลินเฟิงเร่งรีบมาตลอดทาง พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของราชาหลินแห่งตอนใต้ก่อนจะนึกถึงสายตาของเขาที่แทบจะขอร้องอ้อนวอนแล้วยังบอกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว....“เหอะ!”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปเดิมทีคิดว่าคราวนี้เขาจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะยังเหมือนเดิม ทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กและไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง“คุณลุง แบบนี้...แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจากไป หยินหลิงก็มองไปทางราชาหลินแห่งตอนใต้ด้วยความกังวลเล็กน้อย“มีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอีกครั้ง“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เก็บสิ่งที่ควรจะเหลือไว้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวนั้นแล้ว บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง”“ตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากบอกเขาไปในตอนนี้ ก็กลัว
วันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็เดินออกจากบ้านตระกูลถังเพียงลำพังเขาไม่ได้บอกใครว่าตัวเองไปที่ไหน แล้วแอบขับรถไปที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองที่เมืองจิงวิลล่าแห่งนี้สร้างขึ้นในป่าไผ่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและหรูหรา แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบที่วุ่นวายเหมือนอย่างในเมืองแค่ได้เห็นวิลล่าแห่งนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสงบมากขึ้นไม่น้อยเขาผลักประตูเข้าไป และยังไม่ทันได้เข้าห้องโถง ก็ไม่กลิ่นชาจาง ๆเพียงได้ยินเสียงเก่า ๆที่คุ้นเคยดังมาจากในประตู“มาแล้วเหรอ”“อืม”หลินเฟิงก้าวเข้าไปในห้องเขามองเห็นราชาหลินแห่งตอนใต้พ่อของตัวเอง ที่ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก และล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมจาง ๆของชาที่เล็ดลอดออกมาจากชามชาโบราณในมือของเขา“พี่ชาย พี่นั่งสิ”ร่างสวยงามที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากทางไหน เธอถือถ้วยชาแบบเดียวกัน ก่อนจะวางลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับราชาหลินแห่งตอนใต้หลินเฟิงหันกลับไปมอง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยินหลิงที่เคารพนอบน้อม“......”เดิมทีหลินเฟิงอยากจะพูดขอบคุณเรื่องของถังว่านหลี่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ถังว่านหลี่กล่าวต่อไปว่า :“ในวันนั้นที่ฉันถูกกลุ่มพันธมิตรบู๊พาตัวไป เป็นหลินเฟิงที่ยืนขึ้นและขู่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ หากเธอไม่ตอบตกลงที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ตอนนั้นหลินเฟิงก็จะแตกหักกับผู้นำ!”“สุดท้าย แม้ว่าผู้นำของเมืองจิงจะโกรธอยู่ แต่ก็ปกป้องฉันไว้”“เธอพูดเรื่องของหลินเฟิงกับฉันเยอะมาก....”“จริง ๆแล้วพวกเราตระกูลถัง ไม่เหมาะสมกับหลินเฟิงเลย”ถังว่านหลี่มองหลินเฟิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า :“หลินเฟิง ต่อจากนี้ไปจะมอบถังหว่านให้กับนาย ไม่ลำบากใจใช่ไหม?”“ไม่ลำบากใจครับ”หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นกัน“ไม่ลำบากใจก็ดี....”ถังว่านหลี่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า :“หลินเฟิง จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันถังว่านหลี่ที่อยู่ตรงนี้ จะเป็นครอบครัวของนาย”“อืม”จริง ๆแล้วหลินเฟิงรู้สึกผิดหวังกับตระกูลถังแต่ท่าทางของถังว่านหลี่กับถังเจี้ยนหยวน ในที่สุดก็ทำให้หลินเฟิงกลับมาอบอุ่นในหัวใจ“สุดท้าย หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆว่า : ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงขอให้ฉันนำคำพูดมาให้คุณด้วย”“ข้อความ...อะไร?”
มองสายตาซาบซึ้งใจของถังว่านหลี่ หลินเฟิงยิ้มแล้วส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่เป็นไรแต่ตอนนี้ในใจเขากลับเกิดความรู้สึกผิดต่อหยินหลิงเล็กน้อยคิดว่าปกป้องถังว่านหลี่เอาไว้ หยินหลิงก็คงต้องแบกรับความลำบากเอาไว้มากมาย“ว่านหลี่ ครั้งนี้นายสามารถกลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของหลงยวนคุณชายของตระกูลหลง“ถ้าหากว่าไม่ใช่เขามีคุณธรรมลงโทษคนในครอบครัวที่ทำผิด ฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพื่ออธิบายที่ไปที่มาของเรื่องราว”“ไม่แน่ตอนนี้นายก็อาจจะยังอยู่ในคุกก็ได้!”ในตอนนี้ คนระดับสูงของตระกูลถังออกหน้าเขาแสดงท่าที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ถังว่านหลี่ซาบซึ้งต่อหลินเฟิง“จริงด้วยอาถังว่านหลี่ อาขอบคุณหลินเฟิงทำไม เป็นคุณชายหลงยวนที่ส่งคนมาจัดการปัญหาโดยเฉพาะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อาถึงกลับมาได้”“เขาพูดจาดีๆ กับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิงมากมาย”“จุ๊จุ๊ ดูท่าคุณชายหลงยวนมีความจริงใจต่อตระกูลถังของเรา พบว่าน้องสาวของตัวเองได้ทำร้ายคุณ จึงฆ่าญาติที่ทำผิดโดยตรง!”“เกรงว่าก็คงเป็นเพราะอาว่านหลี่เป็นพ่อของพี่ถังหว่านสินะ?”“เฮ้อ คุณชายหลงยวนก็ลุ่มหลงต่อพี่ถังหว่านมาก! น่าเสียดายพี่ถังหว่านจ
“ไม่...เขาฆ่าหลงเซียวของตระกูลหลง นั่นเป็นถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลหลงเชียวนะ ตระกูลหลงไม่มีทางปล่อยตระกูลถังของเราไปอย่างแน่นอน!”“เจี้ยนหยวน นายต้องให้ความสำคัญกับภาพรวมนะ!”“ให้ความสำคัญกับภาพรวมงั้นเหรอ...”ถังเจี้ยนหยวนหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นบนใบหน้าก็เผยสีหน้าเยาะหยันออกมาเล็กน้อย“ไม่สู้ คุณดูจดหมายที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาก่อนดีไหม?”ถังเจี้ยนหยวนนำจดหมายที่ถูกเปิดมาแล้วยื่นให้กับถังเทียนเต๋อ“หนังสือแจ้งตระกูลถัง”“ข้าพเจ้าผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เข้าใจถังว่านหลี่ตระกูลถังผิดไป จึงขออภัยตระกูลถังอย่างสุดซึ้ง...”ถังเทียนเต๋อจ้องมองเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายยิ่งดู สีหน้ายิ่งไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่เห็น “ลายเซ็นของผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง” ตัวอักษรสุดท้ายคนทั้งคนก็ทรุดนั่งลงบนพื้นงุนงงไปหมด“พ่อ มันคือจดหมายอะไร? ในจดหมายเขียนว่ายังไงเหรอ?”ถังว่านเฉวียนรีบถามขึ้นมา“มันคือ...คือจดหมายที่ผู้ว่ารัฐมนตรีเขียนเองกับมือ”ถังเทียนเต๋อกลืนน้ำลาย และพูดอย่างยากลำบาก:“เขารู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว อีกทั้ง...อีกทั้งทางด้านตระกูลหลงเองก็ยอ
แต่โชคดีที่ถังจวินเตรียมป้องกันไว้ตั้งนานแล้วเขาปล่อยพลังชี่แท้ออกมา สกัดกั้นเอาไว้สุดพลังกระสุนเม็ดนี้ถึงแม้จะยังคงยิงโดนหน้าอกของเขา แต่ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บให้กับเขามากเท่าไหร่นักเพียงแค่กระเทือนกระดูกซี่โครงของเขาจนหักถึงแม้จะสภาพย่ำแย่ แต่อย่างน้อยถังจวินก็รับไว้ได้เห็นถังหว่านท่าทางแน่วแน่แบบนี้ ถังเทียนเต๋อเตรียมจะเปลี่ยนวิธีการสายตาของเขามองข้ามถังหว่าน มองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า8“หลินเฟิง นายฆ่าหลงเซียวลูกหลานสายตรงของตระกูลหลง ความผิดมหันต์แบบนี้ นายยังอยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลถังของฉันงั้นเหรอ?!”“......”“หยุดเถอะ”ในที่สุดหลินเฟิงก็ลงมือแล้วเพียงแต่มือที่เขาลงมือนั้น จับไปที่ปากกระบอกปืนขของถังหว่าน เขาส่ายหน้าให้ถังหว่านช้าๆถ้าหากปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้เกรงว่าสุดท้ายคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถจบเรื่องราวได้ความคิดของถังหว่านเขาเข้าใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ถังหว่านฆ่าคน“คนที่ฆ่าหลงเซียวไม่ใช่ฉัน แต่...ความผิดนี้ฉันสามารถรับเอาไว้ได้”หลินเฟิงมองไปทางคนตระกูลถัง ยื่นมือออกไปห้ามถังหว่านที่จะพูดคำออกมาด้วยความร้อนใจและหัวเราะเยาะพูดว่
เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนเต๋อออกคำสั่ง ก็ไม่มีความคิดอย่างอื่นอีก ก่อนจะโบกมือเรียกให้หน่วยลับของตัวเองที่อยู่ใกล้ตัว จับถังหว่านและหลินเฟิงให้ได้“ออกไป!”เมื่อเห็นว่าหน่วยลับที่อยู่รอบ ๆกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามาขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดถังหว่านก็โมโหแล้วเธอหันกลับไปคว้าปืนพกสีเข้มออกมาจากใต้หมอนของตัวเอง แล้วเล็งไปที่ถังจวิน“หากพวกคุณกล้าก้าวมาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าพวกคุณ!”“ยังมีพวกแก ถังเทียนเต๋อ ไอ้แก่หนังเหนียวอย่างแก ถ้าพวกเขากล้าเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าแกก่อน!”“ถังหว่าน! เธอจะกบฏงั้นเหรอ?!”ถังเทียนเต๋อพูดด้วยความโกรธ“ถังหว่าน วางอาวุธซะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่!”ถังว่านเฉวียนก็ตะโกนอย่างเด็ดขาด“เหอะ แน่จริงก็ยิงฉันให้ตายเลย ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้เธอจะกล้ายิงฉัน”ถังว่านเชวีย ลูกชายคนรองของถังเทียนเต๋อยิ้มเยาะ แล้วเดินตรงไปหาถังหว่าน“ปัง!”ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน คิดไม่ถึงว่าถังหว่านจะเหนี่ยวไกปืนไปที่หน้าอกของถังว่านเชวียโดยตรงหลังจากถูกยิง ถังว่านเชวียยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆรอจนเขาก้มหน้ามองดูหน้าอกตรงกลางหัวใจของตัวเอง ที่มีเลือดไหลออกมา พร้อมกับแสด