“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”หลูข่ายหยวนนิ่งอึ้งทันที เขาไม่ได้ฟังที่หลินเฟิงพูดเมื่อครู่ ได้ยินเพียงแค่ว่าชายคนนี้กำลังดูหมิ่นน้องชายของเขาเท่านั้น“เมื่อคุณได้ยินไม่ชัดเจน งั้นผมก็พูดอีกเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความหวังดี”หลินเฟิงกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วพูดอย่างเย็นชา:“พวกเราทุกคนได้รับคำเชิญจากตระกูลถัง เพื่ออีกาแห่งหนานไห่ ผม่ไม่ต้องการฆ่าใครที่นี่ ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทุกคน”“นายพูดว่าอะไรนะ?”เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ หลูข่ายหยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า......"เมื่อผู้คนรอบๆ เห็นหลูข่ายหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทั้งหมดก็เม้มริมฝีปากและมองหลินเฟิงด้วยความกระอักกระอ่วนถูกต้องแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นผู้มีความสามารถที่ได้รับคำเชิญจากตระกูลย่อยของตระกูลถังจากสถานที่ต่างๆมีนักบู๊ระดับเซียนเทียนอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นพวกเขา ไท่สื่อทง หรือหลูข่ายหยวน ต่างก็สัมผัสถึงร่องรอยของพลังชี่แท้ที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างของหลินเฟิงไม่ได้แบบนี้หมายความว่ายังไง?นั่นหมายความว่าหลินเฟิงเป็นเพียงคนทั่วไปที่ไม่มีทักษะก
หลูข่ายหยวนเป็นหมาบ้าที่เจอใครก็กัดไปทั่วจริงๆเขาไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น“ผู้นำตระกูลถัง คุณถอยไปเถอะ”เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฟิงรู้ว่าวันนี้ไม่มีโอกาสที่จะเจรจาหลูข่ายหยวนได้แล้วเขาขวางอยู่ตรงหน้าของถังเจี้ยนหยวน จ้องมองตรงไปที่หลูข่ายหยวนที่ร่างกายสูงใหญ่และพูดว่า:“กำเริบเสิบสานที่ตระกูลถังถึงขนาดนี้ แถมยังเหยียดหยามผู้หญิงของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนว่าวันนี้นายคงไม่อยากมีชีวิตตออกไปจากที่นี่แล้ว”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลูข่ายหยวนตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา“ไอ้หนุ่ม แกคุยโวอย่างหน้าไม่อายจริงๆ แกคิดว่าแผนตบตาศัตรูของแกสามารถทำให้ฉันกลัวได้งั้นเหรอ!”หลูข่ายหยวนแสยะยิ้มและพูดว่า:"แกก็แค่คนทั่วไปที่ไม่มีพลังความสามารถ!"“พวกเราที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มองออกได้ในพริบตา ว่าแกทำเป็นข่มขู่อยู่ตรงนี้ เหมือนกับตัวตลก”“ดูเหมือนว่าตระกูลถังไม่มีผู้ที่มีความสามารถจริงๆ ด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันหลายๆ คนเห็นด้วยกับมุมมองของหลูข่ายหยวน ในเมื่อจากที่พวกเขาดู หลินเฟิงไม่มีวิทยายุทธใดๆ เลยด้วยซ้ำแค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“หลินเฟิง อย่าเอาไ
“หลินเฟิง ระวัง!”ไท่สื่อทงรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าหลูข่ายหยวนลอบโจมตีได้อย่างหน้าไม่อายแบบนี้สิ่งแรกที่เขาทำคือไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดดาบให้หลินเฟิง แต่กลับกระโดดหนีเองเขามีความคิดอันมืดมนอย่างยิ่งอยู่ในใจของเขาหากหลูข่ายหยวนฆ่าหลินเฟิง งั้นคุคณถังหว่าน เขาก็มีโอกาสแล้วไม่ใช่เหรอ?ดังนั้น แม้ว่าไท่สื่อทงจะเตือนหลินเฟิง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือเพื่อสกัดการโจมตีให้หลินเฟิงพูดตรงๆ ว่าไท่สื่อทงไม่มีความมั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้แต่ทว่าหลินเฟิงไม่ได้ตื่นตระหนกเขาจ้องดูไท่สื่อทงที่กระโดดหนีอย่างใจเย็น เพียงแวบเดียว เขาก็มองความคิดของไท่สื่อทงได้อย่างชัดเจนหากหลูข่ายหยวนถูกมองว่าเป็นคนต่ำช้าถ้าเช่นนั้นไท่สื่อทงก็อาจถูกมองว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคดได้ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัว เกรงว่าเขาคงไม่ลงมือเมื่อครู่เขาขวางอยู่หน้าหลูข่ายหยวน เพื่ออยากจะออกหน้าให้ถังหว่านเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของหลูข่ายหยวน เขาก็ถอยออก“มันน่าผิดหวังจริงๆ”หลินเฟิงส่ายหัวมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาในขณะที่มีดสปาต้าของหลูข่ายหยวนเกือบจะสัมผัสหนัง
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาจากตัวหลินเฟิง รู้สึกแค่ว่าหลินเฟิงกำลังถามคำถามที่เย็นชากับเขาและในสายตาของหลูข่ายหยวนกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือดและมีความสูงหลายร้อยฟุต กำลังคำรามใส่เขาด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะนี้หลูข่ายหยวนหน้าซีดด้วยความตกใจ"เชี่ย นี่...ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่?!"“ทำไมบนตัวเขา...ทำไมมีความกดดันเหมือนกับเจ้าสำนักจิ่วเซียวของเรา!”“ยอดฝีมือขอบเขตเทพ? หรือจะเป็นปีศาจที่ชุบชีวิตให้เป็นหนุ่ม?”หลูข่ายหยวนในตอนนี้รู้สึกกลัวมากจนมึนงงเล็กน้อยในขณะเดียวกันหลูอวี่ต๋าน้องชายของหลูข่ายหยวน ยังไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของพี่ชายตัวเอง ตะโกนด้วยความตื่นเต้น:“พี่ลุยสิ สับมันให้เลยไปเลย!”“ไอ้หมอนี่รนหาที่ตาย รอให้พี่เล่นผู้หญิงของเขาเสร็จแล้ว อย่าลืมให้ฉันเล่นด้วย ฉัน...”"ปัง!"ไม่รอให้น้องชายของหลูข่ายหยวนจะพูดจบ ศีรษะของเขาก็ระเบิดเละเหมือนกับแตงโมเมื่อเห็นสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่ว หลูข่ายหยวนก็จ้องมองหลินเฟิงด้วยความเหม่อลอย เขาไม่รู้เลยว่าหลินเฟิงลงมือตอนไหนน้องชายของเขาเหมือนต
“สำนักจิ่วเซียว?”หลินเฟิงจ้องมองหลูข่ายหยวนด้วยความสนใจและหัวเราะเยาะพูดว่า:“นายคิดว่าฉันจะกลัวสำนักจิ่วเซียวเหรอ? ฮ่าๆ งั้นนายก็ดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“ไม่กล้าไม่กล้า”หลูข่ายหยวนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้มีดกำลังจ่ออยู่ที่คอของเขา เขาไม่กล้าที่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นหากหลินเฟิงฆ่าเขาจริงๆ เขาจะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับใคร?ถึงแม้ว่าสำนักจิ่วเซียวจะออกหน้าเพื่อเขา แต่เขาก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไร?เมื่อเห็นหลูข่ายหยวนร้องขอความเมตตาอย่างถ่อมตัว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงไท่สื่อทง และเชียนเชียน ศิษย์น้องหญิงของไท่สื่อทง ต่างก็อ้าปากกว้างพวกเขาคิดว่าพวกเขาเห็นมองผิดไปหลูข่ายหยวนผู้มีชื่อเสียงชั่วร้ายในโลกภายนอก แท้จริงแล้วกลับเป็นเหมือนปั๊กตัวหนึ่งที่คอยก้มหัวและร้องขอความเมตตาจากหลินเฟิงถึงขั้นที่น้องชายของเขาถูกคนฆ่า เขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงทำให้เขาตกตะลึงมากแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไท่สื่อทงดูไม่ค่อยมีดีสักเท่าไรในเมื่อเขาเพิ่งแนะนำหลินเฟิงให้ปล่อยมือจากถังหว่าน เพื่อเอาใจหลูข่ายหยวน เมื่อมองย้
ถังหว่านมองทะลุความประหม่าของหลินเฟิงได้ในทันทีหลินเฟิงไม่กล้าโต้กลับอีก แต่เพียงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆช่วงนี้บำเพ็ญตนจนถึงจุดสำคัญ หลินเฟิงก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแก่นแท้ในร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆหากเขาสามารถรักษาพลังหยวนหยางของเขาไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ ร่างกายบริสุทธิ์ ก็จะสามารถฝึกฝนหยวนชี่ทั้งห้าได้เร็วยิ่งขึ้นเขายังไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นแต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงทำมันเพื่อการบำเพ็ญตนของเขาเองเมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตเทพอย่างแท้จริง เขาก็กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดบนพีระมิดแห่งประเทศมังกรถึงขั้นที่แม้แต่ผู้นำตระกูลหลงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาถึงจะวางใจได้อย่างแท้จริงเมื่อถึงเวลานั้น ความมีหยวนชี่ทั้งห้าจะไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไปไม่จำเป็นต้องรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองแล้วในระยะนี้ เขาแอบสัมผัสได้ถึงพายุที่ใกล้เข้ามาในประเทศมังกรอย่างเลือนลาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จดจ่อกับการบำเพ็ญตนเท่านั้น จะถูกรบกวนจากพลังภายนอกไม่ได้เด็ดขาดและนี่เป็นการปกป้องถังหว่าน หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ ด้วยแต่เรื่องนี้ หลินเฟิงพูดออกมาไม่มีประโยชน์ เขาจึงอ้างเพียงว่าสองสาวปฏิบัต
ในอีกสองวันต่อมา หลินเฟิงได้พักอยู่อยู่ในตระกูลถังเมื่อเขามีเวลาว่าก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับอวี๋จื่อเสวียนและปฏิบัติต่ออวี๋จื่อเสวียนเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของเขาหลินเฟิงยังได้สอนหยวนชี่ทั้งห้าฉบับสมบูรณ์ให้เธออีกด้วยมีเพียงแค่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเอง และช่วยให้หลินเฟิงปกป้องผู้อื่นได้และอวี๋จื่อเสวียนก็ไม่ทำให้หลินเฟิงผิดหวังสามารถพูดได้ก็คือชีพจรมังกรในร่างของอวี๋จื่อเสวียนแข็งแกร่งอย่างมากในเวลาเพียงสองวัน อวี๋จื่อเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด จากระดับเริ่มต้นสู่เข้าสู่กำลังภายในจุดสูงสุดเธอในตอนนี้ รับมือกับพวกอันธพาล ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ที่หลินเฟิงสอนให้ รวมถึงหยวนชี่ทั้งห้าตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของอวี๋จื่อเสวียนถือว่าพอใช้ได้เลยแน่นอนว่าในขณะที่สอนศิลปะการต่อสู้แก่อวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ไม่ลืมที่จะเดินเล่นและชื่นชมดอกไม้กับถังหว่านไปทั่วถังหว่านถึงขั้นโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อโอ้อวดเลยด้วยซ้ำถึงขั้นที่เพื่อจะแกล้งหลี่ฮุ่ยหราน ถังหว่านถึงกับเล่าถึงการต่อสู้ของเธอกับหลินเฟิงเม
สุดท้ายเธอก็อาละวาดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหลินเฟิงกุมหน้าผากถังหว่านเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของหลี่ฮุ่ยหรานอย่างแท้จริงเป็นอย่างที่คิด เมื่อหลินเฟิงเล่าเรื่องนี้ให้ถังหว่านฟังในวันต่อมา ถังหว่านก็กุมท้องและหัวเราะอยู่เป็นนานถึงขั้นยังโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานและล้อเลียนเธอด้วยส่วนเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันในภายหลัง หลินเฟิงเลือกที่จะไม่ฟัง เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เปิดเผยและเป็นความลับระหว่างสองสาวงามอีกต่อไปสองวันต่อมาในช่วงเย็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของตระกูลถังไม่เพียงแต่ถังเจี้ยนหยวนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลถังที่นั่งในที่นั่งหลัก แต่แม้แต่นายท่านถังที่ไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานานก็ยังมาปรากฏตัวด้วยหลังจากการรักษาครั้งก่อนของหลินเฟิง ตอนนี้เขามีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีกำลังวังชา และยังดื่มเหล้าเป็นจำนวนมากอีกด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของตระกูลถังเกือบทั้งหมด รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของตระกูลย่อยที่กลับมาสู่ต้นตระกูลถัง ต่างมารวมตัวกันที่ห้องจัดเลี้ยงนำโดยถังเจี้ยนหยวนผู้นำตระกูลถังถังหว่านและหลินเฟิงอยู่ทางซ้ายของเขา ทางด้านขวามีชายหนุ่มสวมเคร
สุดท้ายเธอก็อาละวาดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหลินเฟิงกุมหน้าผากถังหว่านเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของหลี่ฮุ่ยหรานอย่างแท้จริงเป็นอย่างที่คิด เมื่อหลินเฟิงเล่าเรื่องนี้ให้ถังหว่านฟังในวันต่อมา ถังหว่านก็กุมท้องและหัวเราะอยู่เป็นนานถึงขั้นยังโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานและล้อเลียนเธอด้วยส่วนเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันในภายหลัง หลินเฟิงเลือกที่จะไม่ฟัง เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เปิดเผยและเป็นความลับระหว่างสองสาวงามอีกต่อไปสองวันต่อมาในช่วงเย็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของตระกูลถังไม่เพียงแต่ถังเจี้ยนหยวนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลถังที่นั่งในที่นั่งหลัก แต่แม้แต่นายท่านถังที่ไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานานก็ยังมาปรากฏตัวด้วยหลังจากการรักษาครั้งก่อนของหลินเฟิง ตอนนี้เขามีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีกำลังวังชา และยังดื่มเหล้าเป็นจำนวนมากอีกด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของตระกูลถังเกือบทั้งหมด รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของตระกูลย่อยที่กลับมาสู่ต้นตระกูลถัง ต่างมารวมตัวกันที่ห้องจัดเลี้ยงนำโดยถังเจี้ยนหยวนผู้นำตระกูลถังถังหว่านและหลินเฟิงอยู่ทางซ้ายของเขา ทางด้านขวามีชายหนุ่มสวมเคร
ในอีกสองวันต่อมา หลินเฟิงได้พักอยู่อยู่ในตระกูลถังเมื่อเขามีเวลาว่าก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับอวี๋จื่อเสวียนและปฏิบัติต่ออวี๋จื่อเสวียนเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของเขาหลินเฟิงยังได้สอนหยวนชี่ทั้งห้าฉบับสมบูรณ์ให้เธออีกด้วยมีเพียงแค่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเอง และช่วยให้หลินเฟิงปกป้องผู้อื่นได้และอวี๋จื่อเสวียนก็ไม่ทำให้หลินเฟิงผิดหวังสามารถพูดได้ก็คือชีพจรมังกรในร่างของอวี๋จื่อเสวียนแข็งแกร่งอย่างมากในเวลาเพียงสองวัน อวี๋จื่อเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด จากระดับเริ่มต้นสู่เข้าสู่กำลังภายในจุดสูงสุดเธอในตอนนี้ รับมือกับพวกอันธพาล ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ที่หลินเฟิงสอนให้ รวมถึงหยวนชี่ทั้งห้าตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของอวี๋จื่อเสวียนถือว่าพอใช้ได้เลยแน่นอนว่าในขณะที่สอนศิลปะการต่อสู้แก่อวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ไม่ลืมที่จะเดินเล่นและชื่นชมดอกไม้กับถังหว่านไปทั่วถังหว่านถึงขั้นโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อโอ้อวดเลยด้วยซ้ำถึงขั้นที่เพื่อจะแกล้งหลี่ฮุ่ยหราน ถังหว่านถึงกับเล่าถึงการต่อสู้ของเธอกับหลินเฟิงเม
ถังหว่านมองทะลุความประหม่าของหลินเฟิงได้ในทันทีหลินเฟิงไม่กล้าโต้กลับอีก แต่เพียงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆช่วงนี้บำเพ็ญตนจนถึงจุดสำคัญ หลินเฟิงก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแก่นแท้ในร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆหากเขาสามารถรักษาพลังหยวนหยางของเขาไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ ร่างกายบริสุทธิ์ ก็จะสามารถฝึกฝนหยวนชี่ทั้งห้าได้เร็วยิ่งขึ้นเขายังไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นแต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงทำมันเพื่อการบำเพ็ญตนของเขาเองเมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตเทพอย่างแท้จริง เขาก็กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดบนพีระมิดแห่งประเทศมังกรถึงขั้นที่แม้แต่ผู้นำตระกูลหลงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาถึงจะวางใจได้อย่างแท้จริงเมื่อถึงเวลานั้น ความมีหยวนชี่ทั้งห้าจะไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไปไม่จำเป็นต้องรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองแล้วในระยะนี้ เขาแอบสัมผัสได้ถึงพายุที่ใกล้เข้ามาในประเทศมังกรอย่างเลือนลาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จดจ่อกับการบำเพ็ญตนเท่านั้น จะถูกรบกวนจากพลังภายนอกไม่ได้เด็ดขาดและนี่เป็นการปกป้องถังหว่าน หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ ด้วยแต่เรื่องนี้ หลินเฟิงพูดออกมาไม่มีประโยชน์ เขาจึงอ้างเพียงว่าสองสาวปฏิบัต
“สำนักจิ่วเซียว?”หลินเฟิงจ้องมองหลูข่ายหยวนด้วยความสนใจและหัวเราะเยาะพูดว่า:“นายคิดว่าฉันจะกลัวสำนักจิ่วเซียวเหรอ? ฮ่าๆ งั้นนายก็ดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“ไม่กล้าไม่กล้า”หลูข่ายหยวนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้มีดกำลังจ่ออยู่ที่คอของเขา เขาไม่กล้าที่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นหากหลินเฟิงฆ่าเขาจริงๆ เขาจะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับใคร?ถึงแม้ว่าสำนักจิ่วเซียวจะออกหน้าเพื่อเขา แต่เขาก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไร?เมื่อเห็นหลูข่ายหยวนร้องขอความเมตตาอย่างถ่อมตัว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงไท่สื่อทง และเชียนเชียน ศิษย์น้องหญิงของไท่สื่อทง ต่างก็อ้าปากกว้างพวกเขาคิดว่าพวกเขาเห็นมองผิดไปหลูข่ายหยวนผู้มีชื่อเสียงชั่วร้ายในโลกภายนอก แท้จริงแล้วกลับเป็นเหมือนปั๊กตัวหนึ่งที่คอยก้มหัวและร้องขอความเมตตาจากหลินเฟิงถึงขั้นที่น้องชายของเขาถูกคนฆ่า เขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงทำให้เขาตกตะลึงมากแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไท่สื่อทงดูไม่ค่อยมีดีสักเท่าไรในเมื่อเขาเพิ่งแนะนำหลินเฟิงให้ปล่อยมือจากถังหว่าน เพื่อเอาใจหลูข่ายหยวน เมื่อมองย้
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาจากตัวหลินเฟิง รู้สึกแค่ว่าหลินเฟิงกำลังถามคำถามที่เย็นชากับเขาและในสายตาของหลูข่ายหยวนกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือดและมีความสูงหลายร้อยฟุต กำลังคำรามใส่เขาด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะนี้หลูข่ายหยวนหน้าซีดด้วยความตกใจ"เชี่ย นี่...ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่?!"“ทำไมบนตัวเขา...ทำไมมีความกดดันเหมือนกับเจ้าสำนักจิ่วเซียวของเรา!”“ยอดฝีมือขอบเขตเทพ? หรือจะเป็นปีศาจที่ชุบชีวิตให้เป็นหนุ่ม?”หลูข่ายหยวนในตอนนี้รู้สึกกลัวมากจนมึนงงเล็กน้อยในขณะเดียวกันหลูอวี่ต๋าน้องชายของหลูข่ายหยวน ยังไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของพี่ชายตัวเอง ตะโกนด้วยความตื่นเต้น:“พี่ลุยสิ สับมันให้เลยไปเลย!”“ไอ้หมอนี่รนหาที่ตาย รอให้พี่เล่นผู้หญิงของเขาเสร็จแล้ว อย่าลืมให้ฉันเล่นด้วย ฉัน...”"ปัง!"ไม่รอให้น้องชายของหลูข่ายหยวนจะพูดจบ ศีรษะของเขาก็ระเบิดเละเหมือนกับแตงโมเมื่อเห็นสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่ว หลูข่ายหยวนก็จ้องมองหลินเฟิงด้วยความเหม่อลอย เขาไม่รู้เลยว่าหลินเฟิงลงมือตอนไหนน้องชายของเขาเหมือนต
“หลินเฟิง ระวัง!”ไท่สื่อทงรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าหลูข่ายหยวนลอบโจมตีได้อย่างหน้าไม่อายแบบนี้สิ่งแรกที่เขาทำคือไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดดาบให้หลินเฟิง แต่กลับกระโดดหนีเองเขามีความคิดอันมืดมนอย่างยิ่งอยู่ในใจของเขาหากหลูข่ายหยวนฆ่าหลินเฟิง งั้นคุคณถังหว่าน เขาก็มีโอกาสแล้วไม่ใช่เหรอ?ดังนั้น แม้ว่าไท่สื่อทงจะเตือนหลินเฟิง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือเพื่อสกัดการโจมตีให้หลินเฟิงพูดตรงๆ ว่าไท่สื่อทงไม่มีความมั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้แต่ทว่าหลินเฟิงไม่ได้ตื่นตระหนกเขาจ้องดูไท่สื่อทงที่กระโดดหนีอย่างใจเย็น เพียงแวบเดียว เขาก็มองความคิดของไท่สื่อทงได้อย่างชัดเจนหากหลูข่ายหยวนถูกมองว่าเป็นคนต่ำช้าถ้าเช่นนั้นไท่สื่อทงก็อาจถูกมองว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคดได้ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัว เกรงว่าเขาคงไม่ลงมือเมื่อครู่เขาขวางอยู่หน้าหลูข่ายหยวน เพื่ออยากจะออกหน้าให้ถังหว่านเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของหลูข่ายหยวน เขาก็ถอยออก“มันน่าผิดหวังจริงๆ”หลินเฟิงส่ายหัวมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาในขณะที่มีดสปาต้าของหลูข่ายหยวนเกือบจะสัมผัสหนัง
หลูข่ายหยวนเป็นหมาบ้าที่เจอใครก็กัดไปทั่วจริงๆเขาไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น“ผู้นำตระกูลถัง คุณถอยไปเถอะ”เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฟิงรู้ว่าวันนี้ไม่มีโอกาสที่จะเจรจาหลูข่ายหยวนได้แล้วเขาขวางอยู่ตรงหน้าของถังเจี้ยนหยวน จ้องมองตรงไปที่หลูข่ายหยวนที่ร่างกายสูงใหญ่และพูดว่า:“กำเริบเสิบสานที่ตระกูลถังถึงขนาดนี้ แถมยังเหยียดหยามผู้หญิงของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนว่าวันนี้นายคงไม่อยากมีชีวิตตออกไปจากที่นี่แล้ว”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลูข่ายหยวนตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา“ไอ้หนุ่ม แกคุยโวอย่างหน้าไม่อายจริงๆ แกคิดว่าแผนตบตาศัตรูของแกสามารถทำให้ฉันกลัวได้งั้นเหรอ!”หลูข่ายหยวนแสยะยิ้มและพูดว่า:"แกก็แค่คนทั่วไปที่ไม่มีพลังความสามารถ!"“พวกเราที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มองออกได้ในพริบตา ว่าแกทำเป็นข่มขู่อยู่ตรงนี้ เหมือนกับตัวตลก”“ดูเหมือนว่าตระกูลถังไม่มีผู้ที่มีความสามารถจริงๆ ด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันหลายๆ คนเห็นด้วยกับมุมมองของหลูข่ายหยวน ในเมื่อจากที่พวกเขาดู หลินเฟิงไม่มีวิทยายุทธใดๆ เลยด้วยซ้ำแค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“หลินเฟิง อย่าเอาไ
“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”หลูข่ายหยวนนิ่งอึ้งทันที เขาไม่ได้ฟังที่หลินเฟิงพูดเมื่อครู่ ได้ยินเพียงแค่ว่าชายคนนี้กำลังดูหมิ่นน้องชายของเขาเท่านั้น“เมื่อคุณได้ยินไม่ชัดเจน งั้นผมก็พูดอีกเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความหวังดี”หลินเฟิงกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วพูดอย่างเย็นชา:“พวกเราทุกคนได้รับคำเชิญจากตระกูลถัง เพื่ออีกาแห่งหนานไห่ ผม่ไม่ต้องการฆ่าใครที่นี่ ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทุกคน”“นายพูดว่าอะไรนะ?”เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ หลูข่ายหยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า......"เมื่อผู้คนรอบๆ เห็นหลูข่ายหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทั้งหมดก็เม้มริมฝีปากและมองหลินเฟิงด้วยความกระอักกระอ่วนถูกต้องแล้วผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นผู้มีความสามารถที่ได้รับคำเชิญจากตระกูลย่อยของตระกูลถังจากสถานที่ต่างๆมีนักบู๊ระดับเซียนเทียนอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นพวกเขา ไท่สื่อทง หรือหลูข่ายหยวน ต่างก็สัมผัสถึงร่องรอยของพลังชี่แท้ที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างของหลินเฟิงไม่ได้แบบนี้หมายความว่ายังไง?นั่นหมายความว่าหลินเฟิงเป็นเพียงคนทั่วไปที่ไม่มีทักษะก
ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว คนที่ออกหน้าไม่ควรจะเป็นเขา แต่เป็นหลินเฟิงถึงจะถูก แต่ท่าทางของหลินเฟิงทำให้เขาผิดหวังมากจริงๆจะมีผู้ชายทนเห็นคนอื่นพูดจาเหยียดหยามผู้หญิงของตัวเองโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ได้อย่างไร?พูดได้ดีขนาดนั้น บอกว่าสถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่าแต่ความจริงก็คือไม่กล้าสินะ! ไม่กล้าที่จะสู้กับหลูข่ายหยวนไม่รู้จริงๆ ว่าคุณถังหว่านชอบผู้ชายคนนี้ตรงไหนทำให้คนผิดหวังอย่างถึงที่สุดจริงๆในตอนนี้เอง น้องชายของหลูข่ายหยวนดูเหมือนจะนึกอะไรได้ และชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ:“นายเองเหรอ?! คนที่ชนรถฉันเมื่อวานนี้!”“ชนรถนายเหรอ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อยหลังจากสังเกตใบหน้าของน้องชายของหลูข่ายหยวนอย่างละเอียด เขาก็รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือหนุ่มเจ้าชู้ที่เมาแล้วขับชนท้ายเขาเมื่อวานนี้ ตอนที่เขาและอวี๋จื่อเสวียนออกจากมาจากกองถ่ายทั้งๆ ที่เขาชนท้าย แต่จากตรงนี้มันกลายเป็นว่าหลินเฟิงชนเขา มันน่าขันเกินไปจริงๆ“หือ? อวี่ต๋า เกิดอะไรขึ้น นายรู้จักคนนั้นเหรอ”หลูข่ายหยวนหันกลับมามองน้องชายของเขาด้วยความสับสน“พี่ เขานี่แหละ เมื่อวานขับรถชนรถฉัน แถมยังไม่ขอโทษฉันด้วย เขาถึงขั้น