“เรื่องอีกาแห่งหนานไห่ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบของต้นตระกูลถัง ความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้ว!"“หลายปีแล้วที่อีกาแห่งหนานไห่คนนี้วางแผนร้ายต่อตระกูลถังของเรา เธอสมคบคิดกับตระกูลหลง ไม่ใช่หลินเฟิง!”“ฉันจำได้ว่าฉันแจ้งข่าวนี้ให้ทุกคนทราบไปแล้ว ทำไมพวกคุณยังมาคาดเดาไร้สาระอยู่อีก”จริงๆ แล้วถังหว่านเคยได้ยินข่าวลือนี้มาเป็นเวลานานแล้วคนเหล่านี้จากตระกูลย่อยแอบไม่ไว้ใจหลินเฟิงพวกเขาอิงจากคำพูดของถังจื้อสิง ตั้งคำถามของตนเองออกมาและถังหว่านก็กลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธจึงรีบนำหลักฐานที่ชัดเจนก่อนหน้านี้ออกมาเพื่อล้างความเชื่อมโยงใด ๆ ให้กับหลินเฟิง“พี่ ผมจำได้ เดิมทีคุณตั้งใจจะแต่งงานกับคุณชายหลงหยวนไม่ใช่เหรอ?”ในตอนที่ทุกคนเงียบไป ถังจื้อสิงก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมย“ถูกต้อง ทำไม?”ถังจื้อสิงอยู่ห่างจากบ้านมาหลายปีแล้ว ถังหว่านก็ไม่ได้คุ้นเคยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากนัก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกที่ชัดเจนของเธอในขณะนี้ ไอ้หมอนี่มีความคิดเห็นต่อเธอและหลินเฟิง“จะเป็นไปได้ไหม…”ถังจื้อสิงค่อยๆ นั่งพิงที่นั่งของเขา นิ้วมือเคาะโต๊ะ และพูดอย่างเย็นชา:“เป็นไปได้ไหมว่าพี่ไม่อยากจะแต่
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“หากหลงเซียวต้องตายโดยอ้อมเพราะตระกูลถังของฉันจริงๆ ตระกูลหลงก็ไม่มีทางจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ”“ความจริงก็คือว่าตระกูลหลงไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อตระกูลถังของเราเนื่องจากการตายของหลงเซียวเลย นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขากินปูนร้อนท้อง”“คุณพ่อ คุณช่างไร้เดียงสาเกินไป”ถังจื้อสิงโบกมือและพูดว่า:“ช่วงนี้ผมได้ยินจากแม่ทัพหลงอวี่ ว่าผู้นำตระกูลหลงได้บรรลุจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแล้ว ตระกูลหลงจะต้องไม่ทำผิดพลาดอีก”“ดังนั้น ไม่เพียงแต่คุณชายหลงหยวนที่ทำผิดไม่ได้รับการลงโทษใดๆ แต่แม้แต่ตระกูลหลงก็ไม่ได้สืบสวนการเสียชีวิตของคุณหนูหลงเซียวที่ตายในมือของหลินเฟิงด้วยซ้ำ”“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตรวจสอบ แต่ว่าเขาไม่มีเวลาสนใจ”ถังจื้อสิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย:“พ่อ เมื่อผู้นำตระกูลหลงบรรลุ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลถังของเราเป็นอันดับแรก”“ส่วนพวกเราด้วย”“ฉันคิดว่าการล่อลวงของคนร้ายบางคนทำให้เกิดความขัดแย้งทางภายใน แต่เพราะผู้หญิงคนหนึ่งจึงสูญเสียพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเพื่อนเก่าก็กลายเป็นศัตรูของเรา”คำพูดของถังจื้อสิงมุ่งเป้าไปที่หลิ
เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินไปหาลูกน้องติดอาวุธของเขาอย่างมั่นใจ ถังจื้อสิงก็แสดงรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเขาเขาอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้วแม้ว่าเขาจะเคยเห็นนักบู๊ของประเทศมังกรมาด้วยตนเองมาแล้วหลายคน พวกเขาทั้งหมดก็มีความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้แต่จนถึงขณะนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นนักรบที่ไม่กลัวปืนและปืนใหญ่เลยแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขาในกองทัพอย่างแม่ทัพหลงอวี่ก็ไม่สามารถทำได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่านักบู๊ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย พวกเขาเก่งการต่อสู้มากกว่าคนธรรมดา และรู้จักกลยุทธและท่าทางบางอย่างแต่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำนักบู๊เริ่มจากแดนแปรภาพ ก็สามารถสร้างพลังชี่แท้ปกป้องร่างกาย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ส่วนกระสุนไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับนักบู๊ที่มีพลังชี่แท้ที่แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำหากเผชิญหน้ากับนักบู๊ขอบแขตเทพ เช่นนั้นอาวุธหนักเช่นปืนและปืนใหญ่ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแม้ว่าหลินเฟิงจะยังไม่ถึงขอบเขตเทพ แต่ด้วยการพึ่งพาเกราะพลังชี่แท้ของหยวนชี่ทั้งห้าที่แข็งแกร่ง อย่าว่าแต่กระสุนทั่วไปเลย แม้แต่กระสุนปืนใหญ่ยากที่จะโจมตีทะลุเกราะพลังชี่แท้ของเขาได้"ขึ้นล
“ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากแล้ว”"อะไรนะ?"คำพูดของผู้คุ้มกันตระกูลถัง ทำให้สมาชิกตระกูลถังทุกคนที่อยู่ที่นั่นขมวดคิ้วและเผยความไม่พอใจออกมาถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคนพวกนี้ควบคุมได้ยากไม่เรียกพวกเขามาก็คงจะดีกว่าในเมื่อตอนนี้คุณชายถังจื้อสิงก็อยู่ที่นี่แล้ว และเขากมีคนนับร้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งล้วนเป็นทหารติดอาวุธทั้งสิ้นอาศัยยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนเหล่านี้ การฆ่าอีกาแห่งหนานไห่จะไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?พวกที่เรียกตัวเองว่านักบู๊ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่อีกวันหนึ่ง ก็จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนภายในให้มากขึ้น เช่นตอนนี้ แม้แต่คนของพวกเขาเองก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วยังลำบากไปถึงคนรับใช้และแม่บ้านของตระกูลถังอีกหลายคนด้วยเสียอารมณ์เปล่าๆ“พ่อ ไอ้สารเลวพวกนี้ไม่สมควรอยู่ในสถานที่อันน่าเคารพเลย ไม่เพียงไร้ประโยชน์เท่านั้น ยังมาก่อกวนความสงบสุขของตระกูลถังของเราอีกด้วย”“ฉันจะไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปซะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ตระกูลถังของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลังจากพูดจบ ถังจื้อสิงก็เรียกลูกน้องของเขาให้รี
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากแล้ว”"อะไรนะ?"คำพูดของผู้คุ้มกันตระกูลถัง ทำให้สมาชิกตระกูลถังทุกคนที่อยู่ที่นั่นขมวดคิ้วและเผยความไม่พอใจออกมาถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคนพวกนี้ควบคุมได้ยากไม่เรียกพวกเขามาก็คงจะดีกว่าในเมื่อตอนนี้คุณชายถังจื้อสิงก็อยู่ที่นี่แล้ว และเขากมีคนนับร้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งล้วนเป็นทหารติดอาวุธทั้งสิ้นอาศัยยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนเหล่านี้ การฆ่าอีกาแห่งหนานไห่จะไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?พวกที่เรียกตัวเองว่านักบู๊ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่อีกวันหนึ่ง ก็จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนภายในให้มากขึ้น เช่นตอนนี้ แม้แต่คนของพวกเขาเองก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วยังลำบากไปถึงคนรับใช้และแม่บ้านของตระกูลถังอีกหลายคนด้วยเสียอารมณ์เปล่าๆ“พ่อ ไอ้สารเลวพวกนี้ไม่สมควรอยู่ในสถานที่อันน่าเคารพเลย ไม่เพียงไร้ประโยชน์เท่านั้น ยังมาก่อกวนความสงบสุขของตระกูลถังของเราอีกด้วย”“ฉันจะไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปซะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ตระกูลถังของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลังจากพูดจบ ถังจื้อสิงก็เรียกลูกน้องของเขาให้รี
เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินไปหาลูกน้องติดอาวุธของเขาอย่างมั่นใจ ถังจื้อสิงก็แสดงรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเขาเขาอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้วแม้ว่าเขาจะเคยเห็นนักบู๊ของประเทศมังกรมาด้วยตนเองมาแล้วหลายคน พวกเขาทั้งหมดก็มีความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้แต่จนถึงขณะนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นนักรบที่ไม่กลัวปืนและปืนใหญ่เลยแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขาในกองทัพอย่างแม่ทัพหลงอวี่ก็ไม่สามารถทำได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่านักบู๊ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย พวกเขาเก่งการต่อสู้มากกว่าคนธรรมดา และรู้จักกลยุทธและท่าทางบางอย่างแต่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำนักบู๊เริ่มจากแดนแปรภาพ ก็สามารถสร้างพลังชี่แท้ปกป้องร่างกาย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ส่วนกระสุนไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับนักบู๊ที่มีพลังชี่แท้ที่แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำหากเผชิญหน้ากับนักบู๊ขอบแขตเทพ เช่นนั้นอาวุธหนักเช่นปืนและปืนใหญ่ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแม้ว่าหลินเฟิงจะยังไม่ถึงขอบเขตเทพ แต่ด้วยการพึ่งพาเกราะพลังชี่แท้ของหยวนชี่ทั้งห้าที่แข็งแกร่ง อย่าว่าแต่กระสุนทั่วไปเลย แม้แต่กระสุนปืนใหญ่ยากที่จะโจมตีทะลุเกราะพลังชี่แท้ของเขาได้"ขึ้นล
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“หากหลงเซียวต้องตายโดยอ้อมเพราะตระกูลถังของฉันจริงๆ ตระกูลหลงก็ไม่มีทางจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ”“ความจริงก็คือว่าตระกูลหลงไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อตระกูลถังของเราเนื่องจากการตายของหลงเซียวเลย นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขากินปูนร้อนท้อง”“คุณพ่อ คุณช่างไร้เดียงสาเกินไป”ถังจื้อสิงโบกมือและพูดว่า:“ช่วงนี้ผมได้ยินจากแม่ทัพหลงอวี่ ว่าผู้นำตระกูลหลงได้บรรลุจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแล้ว ตระกูลหลงจะต้องไม่ทำผิดพลาดอีก”“ดังนั้น ไม่เพียงแต่คุณชายหลงหยวนที่ทำผิดไม่ได้รับการลงโทษใดๆ แต่แม้แต่ตระกูลหลงก็ไม่ได้สืบสวนการเสียชีวิตของคุณหนูหลงเซียวที่ตายในมือของหลินเฟิงด้วยซ้ำ”“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตรวจสอบ แต่ว่าเขาไม่มีเวลาสนใจ”ถังจื้อสิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย:“พ่อ เมื่อผู้นำตระกูลหลงบรรลุ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลถังของเราเป็นอันดับแรก”“ส่วนพวกเราด้วย”“ฉันคิดว่าการล่อลวงของคนร้ายบางคนทำให้เกิดความขัดแย้งทางภายใน แต่เพราะผู้หญิงคนหนึ่งจึงสูญเสียพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเพื่อนเก่าก็กลายเป็นศัตรูของเรา”คำพูดของถังจื้อสิงมุ่งเป้าไปที่หลิ
“เรื่องอีกาแห่งหนานไห่ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบของต้นตระกูลถัง ความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้ว!"“หลายปีแล้วที่อีกาแห่งหนานไห่คนนี้วางแผนร้ายต่อตระกูลถังของเรา เธอสมคบคิดกับตระกูลหลง ไม่ใช่หลินเฟิง!”“ฉันจำได้ว่าฉันแจ้งข่าวนี้ให้ทุกคนทราบไปแล้ว ทำไมพวกคุณยังมาคาดเดาไร้สาระอยู่อีก”จริงๆ แล้วถังหว่านเคยได้ยินข่าวลือนี้มาเป็นเวลานานแล้วคนเหล่านี้จากตระกูลย่อยแอบไม่ไว้ใจหลินเฟิงพวกเขาอิงจากคำพูดของถังจื้อสิง ตั้งคำถามของตนเองออกมาและถังหว่านก็กลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธจึงรีบนำหลักฐานที่ชัดเจนก่อนหน้านี้ออกมาเพื่อล้างความเชื่อมโยงใด ๆ ให้กับหลินเฟิง“พี่ ผมจำได้ เดิมทีคุณตั้งใจจะแต่งงานกับคุณชายหลงหยวนไม่ใช่เหรอ?”ในตอนที่ทุกคนเงียบไป ถังจื้อสิงก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมย“ถูกต้อง ทำไม?”ถังจื้อสิงอยู่ห่างจากบ้านมาหลายปีแล้ว ถังหว่านก็ไม่ได้คุ้นเคยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากนัก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกที่ชัดเจนของเธอในขณะนี้ ไอ้หมอนี่มีความคิดเห็นต่อเธอและหลินเฟิง“จะเป็นไปได้ไหม…”ถังจื้อสิงค่อยๆ นั่งพิงที่นั่งของเขา นิ้วมือเคาะโต๊ะ และพูดอย่างเย็นชา:“เป็นไปได้ไหมว่าพี่ไม่อยากจะแต่
สุดท้ายเธอก็อาละวาดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหลินเฟิงกุมหน้าผากถังหว่านเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของหลี่ฮุ่ยหรานอย่างแท้จริงเป็นอย่างที่คิด เมื่อหลินเฟิงเล่าเรื่องนี้ให้ถังหว่านฟังในวันต่อมา ถังหว่านก็กุมท้องและหัวเราะอยู่เป็นนานถึงขั้นยังโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานและล้อเลียนเธอด้วยส่วนเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันในภายหลัง หลินเฟิงเลือกที่จะไม่ฟัง เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เปิดเผยและเป็นความลับระหว่างสองสาวงามอีกต่อไปสองวันต่อมาในช่วงเย็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของตระกูลถังไม่เพียงแต่ถังเจี้ยนหยวนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลถังที่นั่งในที่นั่งหลัก แต่แม้แต่นายท่านถังที่ไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานานก็ยังมาปรากฏตัวด้วยหลังจากการรักษาครั้งก่อนของหลินเฟิง ตอนนี้เขามีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีกำลังวังชา และยังดื่มเหล้าเป็นจำนวนมากอีกด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของตระกูลถังเกือบทั้งหมด รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของตระกูลย่อยที่กลับมาสู่ต้นตระกูลถัง ต่างมารวมตัวกันที่ห้องจัดเลี้ยงนำโดยถังเจี้ยนหยวนผู้นำตระกูลถังถังหว่านและหลินเฟิงอยู่ทางซ้ายของเขา ทางด้านขวามีชายหนุ่มสวมเคร
ในอีกสองวันต่อมา หลินเฟิงได้พักอยู่อยู่ในตระกูลถังเมื่อเขามีเวลาว่าก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับอวี๋จื่อเสวียนและปฏิบัติต่ออวี๋จื่อเสวียนเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของเขาหลินเฟิงยังได้สอนหยวนชี่ทั้งห้าฉบับสมบูรณ์ให้เธออีกด้วยมีเพียงแค่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเอง และช่วยให้หลินเฟิงปกป้องผู้อื่นได้และอวี๋จื่อเสวียนก็ไม่ทำให้หลินเฟิงผิดหวังสามารถพูดได้ก็คือชีพจรมังกรในร่างของอวี๋จื่อเสวียนแข็งแกร่งอย่างมากในเวลาเพียงสองวัน อวี๋จื่อเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด จากระดับเริ่มต้นสู่เข้าสู่กำลังภายในจุดสูงสุดเธอในตอนนี้ รับมือกับพวกอันธพาล ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ที่หลินเฟิงสอนให้ รวมถึงหยวนชี่ทั้งห้าตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของอวี๋จื่อเสวียนถือว่าพอใช้ได้เลยแน่นอนว่าในขณะที่สอนศิลปะการต่อสู้แก่อวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ไม่ลืมที่จะเดินเล่นและชื่นชมดอกไม้กับถังหว่านไปทั่วถังหว่านถึงขั้นโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อโอ้อวดเลยด้วยซ้ำถึงขั้นที่เพื่อจะแกล้งหลี่ฮุ่ยหราน ถังหว่านถึงกับเล่าถึงการต่อสู้ของเธอกับหลินเฟิงเม
ถังหว่านมองทะลุความประหม่าของหลินเฟิงได้ในทันทีหลินเฟิงไม่กล้าโต้กลับอีก แต่เพียงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆช่วงนี้บำเพ็ญตนจนถึงจุดสำคัญ หลินเฟิงก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแก่นแท้ในร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆหากเขาสามารถรักษาพลังหยวนหยางของเขาไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ ร่างกายบริสุทธิ์ ก็จะสามารถฝึกฝนหยวนชี่ทั้งห้าได้เร็วยิ่งขึ้นเขายังไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นแต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงทำมันเพื่อการบำเพ็ญตนของเขาเองเมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตเทพอย่างแท้จริง เขาก็กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดบนพีระมิดแห่งประเทศมังกรถึงขั้นที่แม้แต่ผู้นำตระกูลหลงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาถึงจะวางใจได้อย่างแท้จริงเมื่อถึงเวลานั้น ความมีหยวนชี่ทั้งห้าจะไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไปไม่จำเป็นต้องรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองแล้วในระยะนี้ เขาแอบสัมผัสได้ถึงพายุที่ใกล้เข้ามาในประเทศมังกรอย่างเลือนลาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จดจ่อกับการบำเพ็ญตนเท่านั้น จะถูกรบกวนจากพลังภายนอกไม่ได้เด็ดขาดและนี่เป็นการปกป้องถังหว่าน หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ ด้วยแต่เรื่องนี้ หลินเฟิงพูดออกมาไม่มีประโยชน์ เขาจึงอ้างเพียงว่าสองสาวปฏิบัต
“สำนักจิ่วเซียว?”หลินเฟิงจ้องมองหลูข่ายหยวนด้วยความสนใจและหัวเราะเยาะพูดว่า:“นายคิดว่าฉันจะกลัวสำนักจิ่วเซียวเหรอ? ฮ่าๆ งั้นนายก็ดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“ไม่กล้าไม่กล้า”หลูข่ายหยวนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้มีดกำลังจ่ออยู่ที่คอของเขา เขาไม่กล้าที่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นหากหลินเฟิงฆ่าเขาจริงๆ เขาจะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับใคร?ถึงแม้ว่าสำนักจิ่วเซียวจะออกหน้าเพื่อเขา แต่เขาก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไร?เมื่อเห็นหลูข่ายหยวนร้องขอความเมตตาอย่างถ่อมตัว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงไท่สื่อทง และเชียนเชียน ศิษย์น้องหญิงของไท่สื่อทง ต่างก็อ้าปากกว้างพวกเขาคิดว่าพวกเขาเห็นมองผิดไปหลูข่ายหยวนผู้มีชื่อเสียงชั่วร้ายในโลกภายนอก แท้จริงแล้วกลับเป็นเหมือนปั๊กตัวหนึ่งที่คอยก้มหัวและร้องขอความเมตตาจากหลินเฟิงถึงขั้นที่น้องชายของเขาถูกคนฆ่า เขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงทำให้เขาตกตะลึงมากแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไท่สื่อทงดูไม่ค่อยมีดีสักเท่าไรในเมื่อเขาเพิ่งแนะนำหลินเฟิงให้ปล่อยมือจากถังหว่าน เพื่อเอาใจหลูข่ายหยวน เมื่อมองย้
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาจากตัวหลินเฟิง รู้สึกแค่ว่าหลินเฟิงกำลังถามคำถามที่เย็นชากับเขาและในสายตาของหลูข่ายหยวนกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือดและมีความสูงหลายร้อยฟุต กำลังคำรามใส่เขาด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะนี้หลูข่ายหยวนหน้าซีดด้วยความตกใจ"เชี่ย นี่...ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่?!"“ทำไมบนตัวเขา...ทำไมมีความกดดันเหมือนกับเจ้าสำนักจิ่วเซียวของเรา!”“ยอดฝีมือขอบเขตเทพ? หรือจะเป็นปีศาจที่ชุบชีวิตให้เป็นหนุ่ม?”หลูข่ายหยวนในตอนนี้รู้สึกกลัวมากจนมึนงงเล็กน้อยในขณะเดียวกันหลูอวี่ต๋าน้องชายของหลูข่ายหยวน ยังไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของพี่ชายตัวเอง ตะโกนด้วยความตื่นเต้น:“พี่ลุยสิ สับมันให้เลยไปเลย!”“ไอ้หมอนี่รนหาที่ตาย รอให้พี่เล่นผู้หญิงของเขาเสร็จแล้ว อย่าลืมให้ฉันเล่นด้วย ฉัน...”"ปัง!"ไม่รอให้น้องชายของหลูข่ายหยวนจะพูดจบ ศีรษะของเขาก็ระเบิดเละเหมือนกับแตงโมเมื่อเห็นสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่ว หลูข่ายหยวนก็จ้องมองหลินเฟิงด้วยความเหม่อลอย เขาไม่รู้เลยว่าหลินเฟิงลงมือตอนไหนน้องชายของเขาเหมือนต