เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินไปหาลูกน้องติดอาวุธของเขาอย่างมั่นใจ ถังจื้อสิงก็แสดงรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเขาเขาอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้วแม้ว่าเขาจะเคยเห็นนักบู๊ของประเทศมังกรมาด้วยตนเองมาแล้วหลายคน พวกเขาทั้งหมดก็มีความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้แต่จนถึงขณะนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นนักรบที่ไม่กลัวปืนและปืนใหญ่เลยแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขาในกองทัพอย่างแม่ทัพหลงอวี่ก็ไม่สามารถทำได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่านักบู๊ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย พวกเขาเก่งการต่อสู้มากกว่าคนธรรมดา และรู้จักกลยุทธและท่าทางบางอย่างแต่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำนักบู๊เริ่มจากแดนแปรภาพ ก็สามารถสร้างพลังชี่แท้ปกป้องร่างกาย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ส่วนกระสุนไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับนักบู๊ที่มีพลังชี่แท้ที่แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำหากเผชิญหน้ากับนักบู๊ขอบแขตเทพ เช่นนั้นอาวุธหนักเช่นปืนและปืนใหญ่ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแม้ว่าหลินเฟิงจะยังไม่ถึงขอบเขตเทพ แต่ด้วยการพึ่งพาเกราะพลังชี่แท้ของหยวนชี่ทั้งห้าที่แข็งแกร่ง อย่าว่าแต่กระสุนทั่วไปเลย แม้แต่กระสุนปืนใหญ่ยากที่จะโจมตีทะลุเกราะพลังชี่แท้ของเขาได้"ขึ้นล
“ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากแล้ว”"อะไรนะ?"คำพูดของผู้คุ้มกันตระกูลถัง ทำให้สมาชิกตระกูลถังทุกคนที่อยู่ที่นั่นขมวดคิ้วและเผยความไม่พอใจออกมาถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคนพวกนี้ควบคุมได้ยากไม่เรียกพวกเขามาก็คงจะดีกว่าในเมื่อตอนนี้คุณชายถังจื้อสิงก็อยู่ที่นี่แล้ว และเขากมีคนนับร้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งล้วนเป็นทหารติดอาวุธทั้งสิ้นอาศัยยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนเหล่านี้ การฆ่าอีกาแห่งหนานไห่จะไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?พวกที่เรียกตัวเองว่านักบู๊ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่อีกวันหนึ่ง ก็จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนภายในให้มากขึ้น เช่นตอนนี้ แม้แต่คนของพวกเขาเองก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วยังลำบากไปถึงคนรับใช้และแม่บ้านของตระกูลถังอีกหลายคนด้วยเสียอารมณ์เปล่าๆ“พ่อ ไอ้สารเลวพวกนี้ไม่สมควรอยู่ในสถานที่อันน่าเคารพเลย ไม่เพียงไร้ประโยชน์เท่านั้น ยังมาก่อกวนความสงบสุขของตระกูลถังของเราอีกด้วย”“ฉันจะไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปซะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ตระกูลถังของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลังจากพูดจบ ถังจื้อสิงก็เรียกลูกน้องของเขาให้รี
คนเหล่านี้รวมตัวอยู่ด้วยกัน มีบางคนดื่มเหล้าเป่ายิงฉุบ บางคนก็พูดคุยเรื่องเก่า ๆ ยิ่งบางคนตกอยู่ในอาการเมา ก็เลือกที่จะไปท้าประลองฝีมือวิชามวยกับยอดฝีมือคนอื่น ๆคนโดยรอบก็ส่งเสียงร้องเชียร์กันไม่น้อยโดยรวมแล้ว ถึงแม้ว่าจะก่อความวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีแววว่าจะทะเลาะวิวาทกัน แล้วก็ไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างต่างก็อยู่ในขอบเขตที่รับได้ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในความวุ่นวาย จู่ ๆประตูที่สามของห้องโถงจัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันเห็นเพียงแค่ชายที่สวมเครื่องแบบทหาร แล้วพาดเสื้อคลุมสีเขียวเข้มเดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขามการเคลื่อนไหวนี้ ทำให้นักบู๊ที่อยู่ในห้องโถงทั้งหมดต่างก็เงียบลง ก่อนที่ค่อย ๆพากันหันไปมองชายที่สวมเครื่องแบบทหารคนนั้น“หึ ไอ้พวกขยะ”ไม่รอให้นักบู๊เหล่านี้เอ่ยถามถึงรายละเอียดของคนนี้ ชายที่มีใบหน้าเย็นชาก็ยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะเริ่มด่าทอคนที่อยู่ในที่นั่นอย่างไม่เกรงใจ“ปัง!”คนแรกสุดที่ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ก็คือดาบคลั่งหลูข่ายหยวนถึงแม้ว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าหลินเฟิง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมาดูถูกเขาได้ง่าย ๆเข
ฉากนี้ทำให้นักบู๊ทั้งหมดที่อยู่ในที่นั้นต่างตกตะลึงกันอย่างมากต้องรู้ว่า ดาบคลั่งหลูข่ายหยวนเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขา และความแข็งแกร่งก็อยู่ในช่วงกลางแดนแปรภาพที่ยากจะเทียบได้แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายในเครื่องแบบทหาร กลับเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ ที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้ผู้คนถึงกับต้องอ้าปากค้าง“จากนี้เป็นต้นไป พวกแกทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน แน่นอนว่าใครที่ไม่เห็นด้วยก็ก้าวออกมา”ชายในเครื่องแบบทหารพ่นควันออกมาเป็นวง ก่อนจะมองอย่างล้อเลียนไปทางคนเจียงหูที่อยู่ตรงนั้นแต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนเจียงหูที่นี่ไม่มีใครสักคนที่มีศักดิ์ศรี ก่อนจะมีชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ถึงมาให้พวกเราฟังคำสั่งของคุณ?”“ใช่แล้ว ต่อให้คุณจะแข็งแกร่งอย่างมากแค่ไหน แต่คิดจะให้พวกเราทั้งหมดเชื่อฟังคุณ จะไม่อวดดีเกินไปหน่อยเหรอ?”ชายหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่าสำนักส่งมาก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างเห็นด้วยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการคัดค้านของคนพวกนี้ ชายในเครื่องแบบทหารก็เพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้นจากนั้นเขาก็ชักปืนออกมาจากในกระเป๋าของตัวเอง แล้วเล็งไปท
เมื่อดูแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเดาตัวตนของอีกาแห่งหนานไห่อีกต่อไปแล้ว“ถูกต้องแล้ว”หลงอวี่ไม่ให้เวลาแก่ถังเจี้ยนหยวนได้ครุ่นคิดบนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เป็นมิตร เขาหันไปมองที่ถังเจี้ยนหยวนและพูดว่า:“ผู้นำตระกูลถัง ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณกำลังยุ่งเรื่องการรวมกันของต้นตระกูลถังกับตระกูลย่อย จนเวียนหัวไปหมด ถึงขั้นที่มีปัญหาสุขภพ”“ก่อนหน้านี้จื้อสิงบอกเรื่องนี้กับผมมาตลอด”“วันนี้ผมเลยคิดว่า ทำไมคุณไม่ใช้โอกาสนี้ในการสละตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับจื้อสิง เหมือนอย่างที่นายท่านถังทำในตอนนั้น และเสพสุขได้เร็วหน่อยล่ะครับ?”“สามหาว!”เมื่อหลงอวี่พูดแบบนี้ออกมา ถังหว่านก็ไม่สามารถระงับความโกรธของเธอไว้ได้อีกต่อไป เธอกำหมัดแน่นและออกหน้าพูดว่า:“เรื่องของตระกูลถังของฉัน คุณคนของตระกูลหลงที่เป็นคนนอกยังไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง คุณออกไปจากตระกูลถังของฉันเดี๋ยวนี้!”"เงียบปากซะ!"เมื่อถังจื้อสิงได้ยินคำพูดของถังหว่าน เขาก็ลุกขึ้นจากพื้นทันที และหันหน้ากลับไปจ้องมองถังหว่านอย่างดุเดือด:“ฉันรับแม่ทัพหลงอวี่เป็นพี่ชายของฉันแล้ว ฉันเป็นผู้สืบทอดของผู้นำตระกูลถังคนต่อไป ดังนั้นพี่ของฉันจึงมีสิท
หลินเฟิงยืนอยู่ที่ด้านหนึ่ง จ้องมองท่าทางของถังจื้อสิงที่คิดว่าตัวเองชอบธรรมด้วยความเย็นชา แสงสว่างในดวงตาของเขาก็เย็นเยือกลงเรื่อยๆ“คุณก็คือหลินเฟิงสินะ?”แม่ทัพหลงอวี่เดินออกมา เขากอดอก ยิ้มเยาะใส่หลินเฟิงและพูดว่า:“ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณบาดหมางกับบตระกูลหลงของผมงั้นเหรอ”“แล้วไงล่ะ?”หลินเฟิงเดินออกมา และปกป้องถังหว่านและคนอื่นๆ ไว้อยู่ข้างหลังเขา“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ตอนนี้ผมยังไม่สนใจคุณ แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น”หลงอวี่สะบัดเสื้อคลุมสีเขียวเข้มที่พาดอยู่บนตัว และแสยะยิ้มพูดว่า:“แต่คุณก็พยายามกระโดดโลดเต้นให้มากที่สุดขณะที่ราชาหลินแห่งตอนใต้ยังมีชีวิตอยู่เถอะ เพราะเมื่อพ่อของคุณเสียชีวิต นั่นคือเวลาที่คุณจะต้องชดใช้หนี้”“ใช้หนี้? ใช้หนี้ของใคร?”ใบหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อ รีบถามขึ้นว่า“ฮ่าๆ เรื่องนี้ผมไม่มีความจำเป็นต้องบอกคุณ ยังไงซะ ถ้าวันนี้คุณยังถือว่าเจียมตัว ก็พาแฟนสาวของคุณออกไปจากตระกูลถังซะ”“แบบนี้ คุณยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายวัน”คำขู่ในคำพูดของหลงอวี่ไม่ได้ปกปิดอีกต่อไปแต่ทว่าหลังจากหลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ยิ้มเผยฟัน“คุณชื่อหลงอวี่สินะ? ให้ผมไสหัว
แม่ทัพหลงอวี่ยิ้มบางและพูดว่า:“ถึงแม้คนผู้นี้จะกำเริบเสิบสาน แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ธรรมดา”“เป้าหมายของคุณในตอนนี้ คือการรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ ควบคุมทุกคนของตระกูลถังในห้องจัดเลี้ยงหลัก บรรลุตำแหน่งผู้นำตระกูลของคุณ”“อย่าให้มีช่องโหว่ใดๆ แม้แต่นิด”“ครับ”เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังจื้อสิงก็ไม่มีเจตนาจะขัดขืน เขาประสานกำปั้นคารวะหลงอวี่ และนำลูกน้องของเขาออกไปก่อนจะจากไป เขายังจ้องมองหลินเฟิงด้วยความเย็นชาเหมือนมองดูคนตายประตูห้องจัดเลี้ยงหมายเลข 3 ถูกปิดลง เหลือเพียงแค่หลินเฟิงและหลงอวี่เท่านั้นที่อยู่ที่นั่น“จดหมายท้าทายจากอีกาแห่งหนานไห่ที่ว่า เป็นฝีมือของคุณสินะ?”หลินเฟิงเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ จึงเงยหน้าขึ้นและถาม“ถูกต้องแล้ว”แม่ทัพหลงอวี่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม:“เพื่อควบคุมเค้กก้อนใหญ่อย่างตระกูลถัง เราต้องหาข้ออ้างที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ?”“อีกาแห่งหนานไห่ล่ะ?”หลินเฟิงหรี่ตาลง เขาได้ยินจากถังเจี้ยนหยวน ว่าจดหมายท้าทายนั้นเขียนโดยอีกาแห่งหนานไห่ดังนั้นจดหมายท้าทายจึงถูกเขียนโดยอีกาแห่งหนานไห่ งั้นก็ยืนยันได้ว่าอีกาแห่งหนานไห่อยู่ในมือของแม่ทัพหลงอวี่“ผ
ภายใต้สายธารพลังชี่แท้สีดำที่แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าหลินเฟิงแผดเสียงออกมา พลังชี่แท้ของทั้งร่างกายของเขาก็พุ่งพล่านออกมา ค่อยๆ ควบแน่น ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นจอมมารขนาดใหญ่สีดำและแดงแขนขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากกลางอากาศและคว้าคอของมังกรดำไว้“ตาย!”หลินเฟิงคำรามออกมา มังกรดำตัวนั้นก็ถูกฝ่ามือของเขาตบจนแหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ พลังชี่แท้ที่แผ่นซ่านอยู่โดยรอบบดขยี้ห้องจัดเลี้ยงจนกลายเป็นผง“หึหึ คุณมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างจริงๆ!”ในสายลมโหมกระหน่ำ หลงอวี่หัวเราะเสียงดัง และโยนเสื้อคลุมสีเขียวเข้มที่พาดบ่าทิ้งไปเขาชักมีดสปาต้าเปื้อนเลือดออกมาจากเอวของเขา บดขยี้ก้อนหินในซากปรักหักพังใต้เท้าของเขา พุ่งตรงไปหาหลินเฟิง“มีดเล่มนี้…”หลินเฟิงสามารถบอกได้ในทันทีว่ามีดสปาต้าที่แม่ทัพหลงอวี่หยิบออกมาไม่ใช่ของธรรมดา เขาเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ในมือห่อหุ้มพลังชี่แท้หนาๆ และต่อยไปที่มีดสปาต้าสีเลือด“กริ๊ง!”เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมามีดสปาต้าสีเลือดนี้ต้านทานหมัดของหลินเฟิงเอาไว้ แต่ต้องรู้ไว้ว่า ตอนนี้ร่างกายของหลินเฟิงแข็งแกร่งจนถึงขอบเขตเทพแล้วเห็นได้ว่ามีดสปาต้าเล่มนี
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน