ในชั่วพริบตา วันแต่งงานของเซียวหมิงเซียนก็มาถึงสินสอดยาวสิบลี้ เสียงฆ้องและกลองดังสนั่นไปทั่วถนน ผ้าไหมสีทองปูระนาบทั้งสองฝั่ง ผู้คนต่างเฝ้าดูความคึกคักด้วยความตื่นเต้น เบียดเสียดกันจนไปไหนไม่ได้เซี่ยเชียนฮวันที่อยู่ในจวนได้ยินเสียงคึกคักดังมาจากข้างนอกนางนึกถึงเปาอิ๋งหันที่กำลังตามหาสามีคนนั้น สุดท้ายก็วางใจไม่ได้ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เสี่ยวตง ตามข้าออกไปดูข้างนอก”“พระชายา บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่ จะเป็นอย่างไรถ้าหากมีคนไร้ตาชนเข้า” เสี่ยวตงแย้ง“ไม่เป็นไร พวกเรานั่งดูจากในรถม้าก็ได้”เสี่ยวตงไม่สามารถต้านทานการรบเร้าของเซี่ยเชียนฮวันได้ ดังนั้นจึงต้องตามนางออกไปรถม้าขับอ้อมไปยังทางแยกตรงหน้าขบวนแห่ที่กำลังจะมาถึง“พระชายา ดูเหมือนขบวนของพวกเขาจะหยุดลง”“จริงหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันยกม่านขึ้น เมื่อได้ยินเสียงสาปแช่งของผู้หญิงดังมาจากด้านนอก “ซือเสียง เจ้าช่างใจร้ายยิ่งนักที่ทอดทิ้งภรรยาและลูกๆ! ปรากฏว่าเจ้ากลายเป็นจอหงวน และอยากจะปีนขึ้นบันไดมังกร จึงไม่ต้องการพวกเรา!”เสียงนี้เป็นของเปาอิ๋งหันพร้อมกับเสียงร่ำไห้ของเด็กสองคนทุกอย่างเป็นไปตามท
เมื่อฟังคำเยาะเย้ยของผู้คนรอบตัว เปาอิ๋งหันก็ทั้งรู้สึกด้อยกว่าและเจ็บปวดใจ นางอดไม่ได้ที่จะใช้สองมือปิดหน้าตัวเอง“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องการพวกเราอีกแล้วหรือ? พวกเราตามหาท่านมานานแล้ว ทำไมท่านถึงอยากไล่พวกเราไปล่ะ??”เด็กทั้งสองถือโอกาสนี้สะบัดมือของนางออก ร้องไห้และวิ่งเข้าไปกอดต้นขาของซืออวี้สวี่แต่กลับคาดไม่ถึงว่า จะถูกเซียวหมิงเซียนตบหน้าเข้าอย่างจัง!“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”เด็กน้อยอายุประมานห้าหกขวบ เนื่องจากความยากจน ร่างกายจึงซูบผอม หลังจากที่ถูกตบก็ล้มลงกับพื้นทีละคน โดยเฉพาะคนเล็กที่กำลังป่วยอยู่ เมื่อล้มลงกับพื้นก็ไอไม่หยุด ใบหน้ายังคงมีรอยข่วนจากเล็บของเซียวหมิงเซียนจนมีเลือดไหลซิบ“ลูก!”เปาอิ๋งหันรีบถลาเข้าไปอุ้มลูกเข้ามากอดท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ซืออวี้สวี่เห็นฉากนี้ ก็รู้สึกทนไม่ไหวนิดหน่อย แต่สิ่งต่างๆ ได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว เขาอยู่ห่างจากตำแหน่งราชบุตรเขยเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้น เขามาจากครอบครัวที่ยากจน และไม่มีขุนนางในราชสำนักคนใดเต็มใจที่จะคบหากับเขา แม้แต่ลูกน้องของเขาก็รวมตัวกันกีดกันเขาหากเขาต้องกา
“ท่านแม่! ท่านแม่!”“อย่าแตะต้องท่านแม่ข้า!”เด็กทั้งสองพยายามหยุดพวกเขา แต่กลับถูกองค์รักษ์จับตัว และโยนทิ้งไปพวกเขาทำตามคำสั่งของเซียวหมิงเซียน ลากออกไปเปาอิ๋งหันออกไปอย่างไรก็ตาม เปาอิ๋งหันตัวใหญ่เกินไป ไขมันบนร่างสั่นกระเพื่อมเพราะการดิ้นรนไม่หยุด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาเล็กน้อยที่จะลากนางออกไปตอนนี้เองเสียงของเซี่ยเชียนฮวันก็ดังมาจากฝูงชน “หยุดมือ”ทุกคนต่างมองด้วยความตกใจก่อนที่เซี่ยเชียนฮวันซึ่งสวมชุดกระโปรงสีเขียวจะเดินออกมา ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าสั่งให้พวกเจ้าปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ”“นี่...”เหล่าองค์รักษ์ต่างมองหน้ากัน โดยไม่รู้จะทำอย่างไรดีคนหนึ่งคือพระชายา ส่วนอีกคนก็คือองค์หญิง พวกเขาควรจะฟังใครดี?เซียวหมิงเซียนถลึงตามองด้วยความโมโห “เซี่ยเชียนฮวัน! เจ้าต่อต้านข้าอีกครั้งแล้วนะ!”“ข้าเพียงทนดูต่อไปไม่ไหว ท่านอาศัยตำแหน่งองค์หญิงรังแกประชาชน คิดจะทุบตีผู้หญิงอ่อนแอไร้ความผิดจนตาย นับว่าทำให้ราชวงศ์ต้องขายหน้าแล้ว”แม้ว่า เมื่อพิจารณารูปร่างของเปาอิ๋งหันแล้ว หากจะบอกว่านางคือผู้หญิงที่อ่อนแอ...ก็ดูเหมือนจะฝืนใจไปหน่อยเซียวหมิงเซียนยิ้มเย็น
“ท่านหมอเทวดาได้โปรดช่วยพวกเราพาท่านพ่อกลับมาด้วยเถอะ!”“ได้โปรดเถิด ได้โปรดเถิดพระชายา...”เด็กน้อยคุกเข่าตามเปาอิ๋งหันอย่างรู้ความ และโขกศีรษะให้เซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกลำบากใจมาก “อย่าทำเช่นนี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อแบบนั้นกลับมา เขายังคงโลภมากในเกียรติยศและความมั่งคั่ง จนไม่รู้จักเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะกลับมาหาเจ้า แต่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี”นางพูดจบ พวกเด็กๆ ก็พากันร้องไห้หนักกว่าเดิมพวกเขาไม่เข้าใจหลักการสำคัญเหล่านั้น พวกเขารู้แค่ว่าพ่อของพวกเขาถูกผู้หญิงนิสัยไม่ดีลักพาตัวไป และพวกเขาคิดว่า พวกเขาแค่ต้องหาทางเอาท่านพ่อกลับคืนมาเปาอิ๋งหันอ้าแขนกอดลูกของตัวเอง พลางกล่าวอ้อนวอนว่า “เขาทำผิดพลาดมากมาย แต่เมื่อก่อนเขาปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ข้าคิดว่าเพราะเขามีชีวิตที่ยากลำบากมานานกว่า 20 ปี จึงถูกความมั่งคั่งหรูหราล่อลวง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้”“พระชายาเป็นพี่สะใภ้ขององค์หญิง ท่านสามารถโน้มน้าวองค์หญิงได้หรือไม่ ให้นางหาราชบุตรเขยคนใหม่ คืนซือเสียงให้พวกเรา? ข้าสามารถไม่มีสามีได้ แต่ลูกไม่สามารถขาดบิดาได้!”เมื่อเห็นท่าทาง
ห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้กำลังเล่นกับไข่มุกที่เพิ่งได้รับบรรณาการจากตงไหล ขณะฟังรายงานจากหน่วยองค์รักษ์อวี่หลิน ซึ่งรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวงอย่างใจเย็น“เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ ซืออวี้สวี่จึงขอให้ข้าประทานนามใหม่ให้แก่เขา ที่แท้ก็เพื่อปกปิดที่ตัวเองมีลูกและภรรยาอยู่ในจิ้งโจว”ตอนแรกเขาก็นึกว่าจอหงวนผู้นี้มีความกตัญญูต่อราชวงศ์เขามองพลาดไปสินะ“ประชาชนคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร?” ฮ่องเต้ถาม“ทูลฝ่าบาท คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงล้วนคิดว่าราชบุตรเขยนั้นโหดเหี้ยมไร้น้ำใจ บางคนถึงกับแต่งเพลงกล่อมเด็กขึ้นมา เพื่อล้อเลียนองค์หญิงแปดที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด…”องค์รักษ์อวี่หลินเห็นว่าสีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนไปไม่น่าดู จึงรีบพูดเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณพระชายาจ้านอ๋องเมื่อวานนี้ ที่ออกหน้าพูดอย่างมีเหตุผล ผู้คนจึงคิดว่ามีเพียงองค์หญิงแปดและราชบุตรเขย ที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องเลวร้ายนี้ ไม่มีใครพูดโจมตีราชวงศ์เลย”“จริงหรือ? สะใภ้เจ็ดพูดว่าอะไร?”“ตอนนั้นพระชายากล่าวว่า...”องค์รักษ์อวี่หลินทวนคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันซ้ำอีกครั้งหลังจากฟังแล้ว สีหน้าตึงเค
ในห้องโถงเซียวหมิงเซียนยืนอยู่ใกล้ประตูแล้วมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้ารำคาญเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าซืออวี้สวี่สงบกว่ามาก โดยนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆ“อวี้สวี่ จะเป็นอย่างไรถ้าหากเซี่ยเชียนฮวันปฏิเสธที่จะออกมาพบกับเราล่ะ? แผนการทั้งหมดของเราจะพังทลาย” เซียวหมิงเซียนกระซิบซืออวี้สวี่ส่ายหน้า “ในความคิดของข้า พระชายาจ้านอ๋องมีนิสัยจมูกยาว เกรงว่าเพื่ออิ๋งหันแล้ว นางคงออกมาพบพวกเรา”“หยุดเรียกชื่อนังนั่นต่อหน้าข้าได้แล้ว!”เซียวหมิงเซียนหันมาถลึงตาใส่ซืออวี้สวี่ซืออวี้สวี่ปิดปากเงียบอย่างจนใจผ่านไปสักพัก เซี่ยเชียนฮวันก็เข้ามา“วันที่สองของงานแต่งงาน เหตุใดพวกท่านสองคนไม่ใช้เวลาดีๆ ในจวนองค์หญิง แต่กลับวิ่งมาหาข้าที่จวนจ้านอ๋องแทนล่ะ”นางนั่งลงอย่างเกียจคร้าน ดูเหนื่อยล้าโดยไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นเมื่อเซียวหมิงเซียนเห็นเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของนางได้ จึงตะโกนออกมาว่า “การที่ข้ามาพบเจ้าก็เป็นการให้หน้าเจ้าแล้ว เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าอย่าไร้ยางอายนัก!”“องค์หญิงอย่าใจร้อน ลืมธุระของเราแล้วหรือ”ซืออวี้สวี่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและคว้าเซียวหมิงเซียนไว้ ใช้สายตาห้า
“เจ้าต้องการมอบสถานะให้นางเปา?”คำพูดเหล่านี้ ทำให้เซี่ยเชียนฮวันประหลาดใจซืออวี้สวี่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“องค์หญิงแปดทรงเห็นด้วย?” นางหันไปมองเซียวหมิงเซียนเซียวหมิงเซียนแสดงสีหน้าไม่อดทน “ก็แค่อนุภรรยาคนหนึ่งจะเป็นไรไป!”“แล้วลูกสองคนของนางเปาล่ะ?”“ข้าจะรับไว้ดูแล และเป็นแม่ใหญ่ของพวกเขา!”“พูดเช่นนี้แล้ว องค์หญิงทรงพระทัยกว้างขวางมาก”“ไร้สาระ”เซียวหมิงเซียนพ่นจมูกอย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเซี่ยเชียนฮวันดูละเอียดอ่อนเล็กน้อยองค์หญิงเกเรคนนี้ซึ่งทุบตีและด่าเด็กสองคนไปเมื่อวาน มาวันนี้กลับมีทัศนคติที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่จะตกลงรับพวกเขาเข้ามาเท่านั้น แต่ยังขอให้พวกเขายอมรับนางเป็นแม่ใหญ่อีกด้วยซืออวี้สวี่ใช้อะไรโน้มน้าวนาง?ด้วยนิสัยใจแคบของเซียวหมิงเซียน แค่ไม่ตัดสินใจจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นก็นับว่าดีมากแล้ว แต่จะรับพวกเขาเข้าไปอยู่ในจวนองค์หญิงนั้นเป็นไปได้หรือเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกทะแม่งๆ!“เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล รบกวนพระชายาเรียกนางเปามา เพื่อให้พวกข้าได้พูดคุยสักหน่อย ถือว่าเห็นแก่เด็กสองคน” น้ำเสียงของซืออวี้สวี่ดูจริงใจมากเซี่ยเชียนฮวันหรี
เซียวหมิงเซียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันน่าขบขันสิ้นดี คิดไม่ถึงว่าจะหัวเราะจนไม่อาจหยุดลงได้!นางชี้ไปที่ใบหน้าของเปาอิ๋งหันที่เหมือนหลุมตะโกก็ไม่ปาน แล้วกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ยว่า: “ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงที่อัปลักษณ์เช่นนี้มาก่อนเลย! หากนางอยากจะสวยขึ้น เว้นเสียแต่ว่าไปเกิดใหม่!”ซืออวี้สวี่กล่าวออกมาอย่างเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า: “องค์หญิงเหมือนดั่งแสงจันทร์บนท้องฟ้า ท่ามกลางแสงระยิบระยับของท่าน แน่นอนว่านางเปาย่อมเหมือนดั่งมดปลวกก็ไม่ปาน”เปาอิ๋งหันชะงักไปชายหนุ่มผู้นี้ก็เคยประคบประหงมนางไปจนถึงบนท้องนภา บัดนี้กลับถีบนางเข้าไปจมกองโคลนตมต่อหน้าของเมียน้อย เปรียบเปรยเป็นมดปลวก......“ท่านแม่ไม่อัปลักษณ์! ผู้หญิงเลว อย่ามารังแกแม่ข้า!”บุตรีของเปาอิ๋งหันจู่ๆก็ร้องไห้และพุ่งถลาเข้าไป สะบัดกำปั้นเล็กๆขึ้นจะไปทำร้ายเซียวหมิงเซียน!“ถิงเอ๋อร์!” เปาอิ๋งหันรีบห้ามปรามทันใดแต่ว่าไม่ทันแล้วเซียวหมิงเซียนเปล่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมาหนึ่งที ใช้มือข้างหนึ่งบีบใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวน้อยเอาไว้แน่น เผยอปากกล่าวออกมาว่า: “แม่หน้าตาอัปลักษณ์ ลูกสาวก็อัปลักษณ์เช่นกัน ดูใบหน
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา