“ปล่อยข้า ข้าไม่อยากบวช ข้ายังท้องอยู่นะ ไม่มีเหตุผลที่จะบังคับให้หญิงตั้งครรภ์ออกบวช?!”เซี่ยเชียนฮวันดิ้นรนอย่างสิ้นหวังนางทุกข์ทรมานในจวนจ้านอ๋องตั้งมากมาย ผู้ที่สมควรปกป้องไม่ได้รับการปกป้อง ผู้ที่สมควรล้างแค้นกลับไม่ได้แก้แค้น นางไม่เต็มใจจริงๆ ที่จะลงเอยด้วยการเป็นชีในวัด!“พวกท่านปล่อยพระชายานะ...”เสี่ยวตงถลามาข้างหน้า ต้องการปกป้องเซี่ยเชียนฮวันแม่ชีที่นี่ปกติก็คุ้นเคยกับการทำงานหนัก แต่ละคนร่างกายแข็งแรง แม้ว่าเสี่ยวตงจะพอมีกังฟูอยู่บ้าง แต่ไม่อาจต่อกรกับพวกนางทั้งกลุ่มได้ ได้แต่มองเซี่ยเชียนฮวันถูกลากออกไปแม่ชีทั้งสองบังคับให้เซี่ยเชียนฮวันคุกเข่าลงบนเบาะ ภิกษุณีติงจิ้งโน้มตัวลงมาพร้อมมีด กระซิบที่ข้างหูนางว่า “พระชายา ยอมรับชะตากรรมเถอะ!จ้านอ๋องกับครอบครัวของท่านต่างทอดทิ้งท่าน และท่านก็ถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต อันที่จริงการใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบนั้นเป็นเรื่องที่ดี ท่านไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องทางโลกอีก”“ท่านภิกษุณี ข้ารู้ว่าศาสนาพุทธให้ความสำคัญกับการหลุดพ้น แต่ข้าเซี่ยเชียนฮวันมิใช่คนที่จะยอมรับชะตากรรมง่ายๆ ชีวิตข้า ข้าจะใช้สองมือเปลี่ยนแปลงมันเอง!” เซี
“ชิ้ง!”เซียวเย่หลันชักดาบ แล้วตัดผมส่วนใหญ่ของหลิวไท่เฟย ตัดจนหัวของนางเกลี้ยงเกลาเหมือนแม่ชีท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น แสงเย็นเยียบบนใบดาบสะท้อนใบหน้าที่หวาดกลัวของทุกคนหลิวไท่เฟยตกใจมาก และล้มลงไปกองที่พื้น นางพูดติดอ่างเสียงสั่นว่า “ท่าน...ท่านกล้าลงมือได้อย่างไร...ในแง่ของความอาวุโส ข้าเป็น...”“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร”เซียวเย่หลันฉุดเซี่ยเชียนฮวันขึ้นมาเซี่ยเชียนฮวันเดินโซเซตามเขาออกไปจากห้องโถง เงยหน้าขึ้นถามว่า “เซียวเย่หลัน ท่านมาได้อย่างไร?”“เสด็จพ่อโดนพิษงู จึงสั่งให้ข้ามาพาเจ้าไป”“แบบนี้นี่เอง...”นางก้มหน้าพลางถอนหายใจ ท้ายที่สุดเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้นาง เขาก็จะมาหานางเองเช้าวันนั้นเขาจากไปโดยไม่บอกลา มันก็แสดงให้เห็นน้ำหนักของนางในใจเขาแล้ว“ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็มา!”เสี่ยวตงร้องไห้และวิ่งมาหาเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันเซียวเย่หลันเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “ไปเก็บของ”“เจ้าค่ะ!”เสี่ยวตงดีใจมากท่านอ๋องพูดเช่นนี้ แสดงว่านางกับพระชายาจะได้ออกจากสถานที่ผีๆ นี่สักที และจะไม่กลับมาอีกจริงสิ เรื่องดีดีเช่นนี้จะต้องบอกหลินซวี่!เสี่ยวตงรีบกลับไปเก็บของ แ
หลังจากที่ฮ่องเต้กินยาของเซี่ยเชียนฮวัน สถานการณ์ดีขึ้นมาก ในที่สุดหัวใจที่หล่นไปที่ตาตุ่มของเหล่าขุนนางบุ๋นบู้ก็ค่อยๆ กลับขึ้นมาเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ การล่าสัตว์ในปีนี้จึงดำเนินต่อไปไม่ได้ทุกคนพร้อมที่จะติดตามฮ่องเต้กลับไปเมืองหลวงสองสามีภรรยาจ้านอ๋องนั่งรถม้าด้วยกัน ตีคู่เคียงข้างรถม้ามังกรของฮ่องเต้ เดินทางกันจนเย็น ก็แวะพักระหว่างทางพระจันทร์ลอยเด่นเหนือยอดไม้ บรรยากาศเงียบสงัดเมื่อเซี่ยเชียนฮวันดูแลพระอาการของฮ่องเต้เสร็จ นางก็เดินไปตามทางเดินเพื่อกลับห้องของตัวเอง เมื่อเห็นเปลวเทียนสั่นไหวอยู่ในห้อง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกลังเลขึ้นมา ฝีเท้าของนางช้าลงเรื่อยๆตอนนี้เอง นางก็หันหน้าเดินไปอีกทาง“เจ้าจะไปไหน?”ทันใดนั้นเสียงของเซียวเย่หลันก็ดังมาจากด้านหลังเซี่ยเชียนฮวันสะดุ้งตกใจ แล้วหันหลับมายิ้มแห้งๆ ให้ “ท่านไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือ”“พูดแบบนี้ แสดงว่าที่เจ้าไม่อยากกลับไปพักผ่อน เพราะคิดว่าข้าอยู่ในห้อง”เซียวเย่หลันกล่าวเสียงเบาหรือว่าเขาเป็นน้ำเหนือและสัตว์ร้าย ที่ทำให้นางอยากจะหลบเลี่ยง?เซี่ยเชียนฮวันหมุนตัวกลับไปพลางจับราวบันได “ไม่ใช่ว่าไม่อยาก เพียงแ
“คนที่ควรแต่งงานกับท่านไม่ใช่ข้าตั้งแต่แรก”เซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างเกลียดชังกล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่ยอมมองหน้าเขาอีก เซียวเย่หลันหน้าเปลี่ยนสี ก้าวตามไปสองก้าว “เซี่ยเชียนฮวัน ที่เจ้าพูดหมายถึงอะไร?”อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับคําตอบ และทำได้เพียงยืนอยู่กับที่ด้วยความสับสน จ้องมองชายกระโปรงของนางปลิวไสว วิ่งจากไปเนื่องจากใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาว ศาลาชิวเย่ จึงเย็นกว่าปกติเป็นพิเศษ เซี่ยเชียนฮวันนั่งอยู่ในศาลากลางทะเลสาบ แกว่งเท้าเล็กและบอบบางคู่นั้นเหนือบ่อน้ำ เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวังที่ไม่อาจบรรยายได้“แม้นมีความรู้สึกนานัปการ แต่จักกล่าวให้ใครฟัง...”นางรำพึงรำพันออกมา ทันใดนั้นก็พบว่าในยามที่ตัวเองน้อยใจ จะหาคนที่จริงใจสักคนมาพูดคุยด้วยก็ไม่มี ทันใดนั้นเซี่ยเชียนฮวันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ตามมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ของบุรุษผู้หนึ่ง “หากน้องสะใภ้กังวลสิ่งใด ก็สามารถบอกกล่าวแก่ข้าได้”“ใคร?”เซี่ยเชียนฮวันหันไปมองด้วยความประหลาดใจ ผู้ที่เดินมาจากด้านหลังก็คือองค์ชายห้า เซียวจ้านเซียวจ้านถือพับจีบที่สวยงามไว้ในมือ ร่างกายแผ่กลิ
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นพี่ห้ากับน้องสะใภ้นี่เอง”ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาก็ทำลายการคุยเล่นระหว่างเซี่ยเชียนฮวันกับเซียวจ้านเซียวจ้านสะดุ้งเล็กน้อย และหันกลับไปมอง ก่อนจะกล่าวอย่างเนือยๆ ว่า “เจ้าหก!เหตุใดเจ้าถึงเดินมาเงียบๆ เช่นนี้ ทำตัวคล้ายโจรไปได้”ผู้มาใหม่ก็คือองค์ชายหกปกติเขาไม่ค่อยมีตัวตน แต่ในเวลานี้คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย สีหน้าดูไม่พอใจ เขามองเซี่ยเชียนฮวันทีเซียวจ้านที ราวกับว่าพวกเขากำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่“ในเมื่อพี่หกมาแล้ว เช่นนั้นข้าไม่อยู่รบกวนการสนทนากันระหว่างพี่น้องของพวกท่าน ข้าขอกลับห้องไปก่อน เชิญพวกท่านคุยกันตามสบาย”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าบรรยากาศนั้นละเอียดอ่อน จึงรีบขอตัวจากไปก่อน เพื่อเลี่ยงปัญหา นางกระโดดกลับไปที่พื้น ยกมือคำนับเซียวจ้าน จับมุมกระโปรงแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองเซียวจ้านโบกมืออย่างยิ้มๆ รอจนเซี่ยเชียนฮวันเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่สภาพขี้เล่นตามปกติ“พี่ห้า ท่านควรดูแลตัวเอง พระชายาจ้านอ๋องเป็นน้องสะใภ้เรา หาใช่นางกำนัลในวังที่ท่านจะเจ้าชู้อย่างไรก็ได้” องค์ชายหกกล่าวเสียงขรึมเซียวจ้านเหลือบมองเขาอย่างเก
เซี่ยเชียนฮวันถูกพลิกไปมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางยังต้องลุกขึ้นดูแลฮ่องเต้ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาการป่วยของฮ่องเต้จะดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ไม่เร็วจนเกินไปแม้จะมีรอยคล้ำที่ใต้ตา แต่ในที่สุดนางกลับมาถึงจวนจ้านอ๋องจนได้“พระชายา!”เสี่ยวตงที่กลับมาก่อนก็ดีใจมาก นางวิ่งออกมาต้อนรับทันทีเซี่ยเชียนฮวันยิ้มน้อยๆ และจับมือนาง หลังจากที่พักผ่อนในหอหลันเซียงสักพัก นางก็ทนไม่ไหวรีบไปยังโรงหมอที่เมืองตะวันตก และทำการเปิดใหม่อีกครั้งผู้คนในละแวกนั้นเกือบจะจุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลองในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังยุ่ง จู่ๆ ก็เห็นชิวหมิ่นเจ้าของร้านสาวของหอฮวาเยว่เดินยิ้มเข้ามา นางหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมา แล้วส่งให้นาง “มีคนฝากมาให้เจ้า”“ให้ข้า?”เซี่ยเชียนฮวันแสดงสีหน้าประหลาดใจ นางรับหนังสือเล่มเล็กจากมือของชิวหมิ่นซึ่งไม่มีแม้แต่ปกชิวหมิ่นพูดสบายๆ ว่า “คนคนนั้นบอกว่าถ้าหากเจ้าสามารถกลับมาจากภูเขาจื่อเสียได้ แสดงว่าเจ้ามีโชคชะตากับสิ่งนี้ และให้ข้ามอบมันให้กับเจ้า”“แปลกมาก”ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันยังคิดว่าคงเป็นคนป่วยที่นางเคยรักษาทิ้งของขวัญไว้ให้ แต่พอได้ฟั
“ตอนที่ไปล่าสัตว์ ข้าจับสายลับชาวซีเหลียงได้สองคน ตอนนี้พวกเขาลี้ภัยกับข้า และนี่คือสิ่งที่พวกเขามอบให้”เซียวเย่หลันรู้สึกปวดหัวจนนวดหว่างคิ้วซูอวี้เออร์กล่าวอย่างประหลาดใจ “เป็นไปได้ไหมว่า รายชื่อบนกระดาษล้วนเกี่ยวข้องกับชาวซีเหลียง?”“ใช่แล้ว”เซียวเย่หลันพยักหน้ารายชื่อเหล่านี้ไม่ใช่ขุนนางที่มีอำนาจ แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว กลับมีน้ำหนักอยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนขององค์รัชทายาท หากเขานำรายชื่อเหล่านี้ไปมอบให้กับฮ่องเต้ เกรงว่าราชสำนักคงถึงคราวสั่นสะเทือน ถึงตอนนั้นคงมีบางคนฉวยโอกาสเล่นงานองค์รัชทายาท และอาจจะมีคนยุยงฮ่องเต้ได้ ซูอวี้เออร์พูดอย่างกังวลใจว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ท่านควรจะมอบรายชื่อพวกนี้ให้ฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นถ้าหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป อาจจะมีบางคนที่อยากปิดปาก และลงมือทำบางอย่างขึ้น”“วางใจเถอะ ไม่มีใครสามารถปิดปากข้าได้” เซียวเย่หลันหัวเราะเบาเบา ก่อนตบหลังมือซูอวี้เออร์ “เจ้าอยู่ข้างกายข้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”“ในเมื่อท่านอ๋องพูดเช่นนี้ อวี้เออร์ก็ไม่กังวลแล้ว” ซูอวี้เออร์กล่าวเสียงอ่อนโยน“ข้าต้องไปสอบปาก
วันนี้ เซี่ยเชียนฮวันเชิญฮูหยินอันติ้งโหวมาที่จวนจ้านอ๋อง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฮูหยินอันติ้งโหว เซี่ยเชียนฮวันก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่นางจากเมืองหลวงไปนั้น มารดาของนางคงเป็นห่วงทุกเช้าค่ำ และกังวลว่าเมื่อนางอยู่บนภูเขาจื่อเสียจะกินไม่อิ่ม สวมเสื้อผ้าไม่อบอุ่น“ท่านแม่ ที่ผ่านมาลำบากท่านแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันจับมือฮูหยินอันติ้งโหว กล่าวเสียงเบาฮูหยินอันติ้งโหวถอนหายใจ “ข้าลำบากที่ไหนกัน? เป็นเจ้ามากกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตเคยลำบากเสียที่ไหน แต่จู่ๆ ก็ถูกส่งไปสวดมนต์ขอพรที่ภูเขาอันห่างไกลนั่น ทั้งที่ยังตั้งครรภ์อยู่ มันทําให้ข้ากังวลจริงๆ”“อันที่จริงได้ไปสถานที่แบบนั้นก็ได้มีโอกาสออกกำลังกายเป็นครั้งคราวเหมือนกัน ซึ่งมันดีต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์! ท่านดูข้าสิ ตอนนี้เอวข้าไม่เจ็บแล้ว แถมมือยังแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าข้าก็จะคลอดลูกแล้ว โอกาสที่จะคลอดลูกยากก็ลดลง” เซี่ยเชียนฮวันยิ้มพลางพับแขนเสื้อขึ้น แสดงแขนขาวสะอาดให้มารดาดูฮูหยินอันติ้งโหวโบกมืออย่างจนใจ แต่ก็ทำให้นางคลายความกังวลลงไปมาก “เอาล่ะๆ พูดอะไรโง่ๆ เช่นนั้น เจ้าจะต้องคลอดลูกได้อย่างราบรื