เซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ"ข้าดูเหมือนคนที่กำลังก่อความวุ่นวายอยู่หรือไง"เซียวเย่หลันพยายามระงับความโกรธ "เจ้าไม่รู้เรื่องการรักษาสักหน่อย แค่ได้เรียนรู้วิธีการช่วยชีวิตคนจมน้ำมาจากชาวบ้าน เลยคิดว่าตัวเองเป็นหมอเทวดาหรือไง""......" เซี่ยเชียนฮวันได้แต่เงียบนางไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงหรือจะให้นางยอมรับออกไปตรงๆ ล่ะว่า ใช่แล้ว ไม่ผิด ข้านี่แหละหมอเทวดา"บางทีอาจเป็นเพราะห้าวเออร์แช่อยู่ในน้ำนานเกินไป ก็เลยมีอาการไม่สบาย น้องสะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวกลับไป ข้าจะให้หมอหลวงเก่งๆ มาตรวจอาการให้เอง"พระชายาองค์รัชทายาทพยักหน้าให้กับเซี่ยเชียนฮวันจากนั้น นางกับองค์รัชทายาทก็พาพระราชนัดดาน้อยออกไปพร้อมกันส่วนหมอไร้ความสามารถคนนั้น ก็แน่นอนว่าไม่กล้าจะเสนอหน้าอยู่ต่ออีก จึงรีบเดินตามหลังพวกองค์รัชทายาทออกไปอย่างรวดเร็วเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้รั้งต่อ ในสายตาของคนชั้นสูงในเมืองหลวงนี้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงคนโง่ที่ไม่มีความรู้ความสามารถ พระชายาองค์รัชทายาทไม่ให้ค่ากับคำเตือนของนางก็เป็นเรื่องปกติแล้วต่อไป เกรงว่านางคงต้องคิดหาวิธีไปรักษาพระราชนัดดาน้อยเองอีกทีถึงอย่างไรก็ไม่อา
หลายวันผ่านไปเสียงจักจั่นร้องดังเซียวเย่หลันยืนอยู่ตรงลานด้านหน้า สีหน้าเคร่งขรึม ข้างกายเหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาหลายวันมานี้ มักจะมีเงาของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในใจเขาเสมอ ลบอย่างไรก็ลบไม่ออกทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเดินเบาๆ เขารู้ว่าซูอวี้เออร์มา จึงปิดตา พยายามลบภาพเงาของผู้หญิงคนนั้นออกจากหัว"ท่านอ๋อง อวี้เออร์ทำเม็ดบัวต้มน้ำตาลมาให้ ท่านจะชิมสักหน่อยไหมเพคะ"ซูอวี้เออร์ยกขนมหวานมาให้ชามหนึ่ง อย่างเป็นแม่ศรีเรือน นางเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเซียวเย่หลันแต่เซียวเย่หลันกลับไม่ได้รับเอาชามมา เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่อยากกิน""ก็ได้..." ซูอวี้เออร์เม้มริมฝีปาก ปล่อยมือทั้งสองข้างลงนางยืนอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเซียวเย่หลัน ทั้งคู่ยืนเงียบกันอยู่นาน จนเมื่อทนแสงแดดที่สาดส่องมาไม่ไหว นางถึงพูดออกไปอย่างนุ่มนวลว่า "ท่านอ๋อง มีคนมาฟ้องข้า บอกว่าในจวนมีคนแอบลักลอบเล่นชู้เพคะ""ช่างพวกเขาเถอะ" เซียวเย่หลันตอบอย่างเย็นชาถึงแม้เขาจะไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิง แต่เรื่องความรักก็เป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่เหมือนพวกหัวโบรา
"พระชายา ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ"เย่ซิ่นยังคงลังเลก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขาบาดเจ็บหนักจึงได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ถึงจะถูกมองก็ไม่อาจทำอะไรได้ตอนนี้จะให้เขาถอดด้วยตัวเอง มัน...เซี่ยเชียนฮวันรับไม่ได้ที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งกลับมาบ่นพึมพำเช่นนี้ นางโบกมือก่อนพูดว่า "เจ้าคิดว่าข้าชอบดูนักหรือไง เป็นเพราะแม่กับน้องเจ้าเป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้ามีอาการป่วยหลงเหลืออยู่ มาขอร้องข้าหลายครั้งแล้ว ให้ข้าช่วยมาตรวจเจ้าอีกทีเป็นครั้งสุดท้าย"คนโบราณก็งี้ชอบเล่นตัวคิดถึงการตรวจร่างกายในสมัยนี้สิ พวกเด็กหนุ่มพวกนั้นเข้ามาก็รีบโยนชุดออกเลย แถมยังแข่งกันดูด้วยว่ากล้ามของใครแน่นกว่ากันอีกอย่าง ในสายตาของหมอ กล้ามเนื้อของคนไข้ก็เป็นเพียงกลุ่มก้อนโปรตีนที่มารวมกันอยู่ก็เท่านั้น ตอนทำงานไม่มีใครมาคิดเรื่องความเหมาะสมในการใกล้ชิดระหว่างชายหญิงหรอก"หากว่าเจ้าไม่อยากถอดจริงๆ เช่นนั้นข้าไปล่ะ" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งรีบในการรักษาชีวิตคน นางจะยึดเอาตามความยินยอมของคนไข้เมื่อเย่ซิ่นคิดไปถึงสายตาที่เป็นห่วงของคนในครอบครัว ก็ได้แต่กัดฟัน "เช่นนั้น
"ดี ดีมาก!"เซียวเย่หลันโมโหจนยิ้มออกมาเขาพลิกผ่ามือชักเอาดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมา วางไปบนลำคอของเซี่ยเชียนฮวัน แสงจากใบดาบที่เย็นเยียบสะท้อนเข้าที่นัยน์ตาของนาง"เจ้าไม่กลัวตายเลยหรือไง" เซียวเย่หลันจ้องนางอย่างดุร้าย"ข้าย่อมกลัวอยู่แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วขมวดน้อยๆ น้ำเสียงใสเย็นราวกับน้ำค้าง "แต่ว่าถ้าต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ชายที่ไม่แยกแยะถูกผิดอย่างเจ้า ถ้าเทียบกับความกลัวแล้ว ข้ากลับรู้สึกขยะแขยงมากกว่า""หึ เจ้ากระทำผิดเองแท้ๆ แต่กลับยังมีหน้ามาว่าข้าอีก!"เซียวเย่หลันไม่รู้จริงๆ ว่านางไปเอาความกล้านี้มาจากไหน!ตอนนี้คิดดูแล้ว การที่ช่วงนี้นางแว๊บก็เข้ามาทำให้จิตใจของเขาว่าวุ่น ช่างเป็นเรื่องที่ช่างโง่งมเสียจริงขนาดเรื่องนอกใจนางยังกล้าทำเลยแล้วเขายังจะคิดถึงนางอีกทำไมผู้หญิงแบบนี้ น่าจะฆ่าให้ตายไปเลยจะดีกว่า!ความโกรธของเซียวเย่หลันรุนแรง คมดาบกดลึกลงไปอีกหลายส่วน บาดผิวของเซี่ยเชียนฮวัน เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลรินลงมา"ข้าไม่เคยทำเรื่องไม่ดีอะไร" เซี่ยเชียนฮวันจ้องเขากลับนิ่งๆ ดวงตาที่ใสสะอาดของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ "แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้าใ
"ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องโปรดทบทวนใหม่อีกครั้งด้วย..."เย่ซิ่นตกใจจนใบหน้าซีดเผือดอย่าว่าแต่ห้าสิบไม้เลย ด้วยร่างกายที่อ่อนแอแบบนี้ของเซี่ยเชียนฮวัน เกรงว่าแค่สิบไม้ก็คงได้ไปเฝ้าพญายมแล้ว!แต่แล้วเซียวเย่หลันก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อไปโดยไม่ได้หันมามองเขาเลย "ใครก็ห้ามขอร้องแทนนาง"พูดจบก็สะบัดผ้าเดินออกจากห้องไปทันที!เซี่ยเชียนฮวันเองก็ถูกทหารองค์รักษ์กลุ่มนั้นลากออกไปเช่นกันนางพยายามจะดิ้นรนแล้ว แต่คนพวกนี้วรยุทธสูงส่งมาก นางแทบจะขยับร่างกายไม่ได้เลย"เซียวเย่หลัน เจ้ามันคนชั่วช้า! เมื่อกี้เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าด้วยน้ำมือของตัวเอง คงเพราะกลัวว่าตัวเองจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ มโนธรรมทำงาน ในอนาคตจะอยู่ไม่เป็นสุขน่ะสิ ตอนนี้เลยเปลี่ยนให้คนอื่นมาลงมือแทนตัวเอง เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!"ได้ฟังที่เซี่ยเชียนฮวันด่า สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดตอนที่อยู่ในสนามรบ เขาฟังคำด่าของศัตรูมาจนชินแล้ว ฆาตกร มัจจุราช ไอ้ปีศาจ...เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจเพราะการโจมตีด้วยคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งหรอก"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าไม่เคยเป็นผู้หญิงที่ดีอยู่แล้ว" เซียวเย่หลันมองไปที่นาง สายต
“!”มีดพกของเย่ซิ่นไม่ได้แทงเข้าไปในลำคอของเขาแต่กลับถูกคนเตะให้ลอยออกไปเซียวเย่หลันมองไปที่ทหารองค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่ติดตามเขามาหลายปีแล้วก็ขำ "เจ้าช่างรักนางมากเสียเหลือเกินนะ ถึงขนาดยอมตายตามนางไปเลยเหรอ ห๊ะ""ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้พูดโกหกนะพ่ะย่ะค่ะ!"เย่ซิ่นร้อนใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงเซียวเย่หลันถึงจะเชื่อความจริงแล้วเรื่องความร้ายกาจของผู้หญิงที่ชื่อเซี่ยเชียนฮวันคนนี้ เขารู้ดีที่สุดแล้วทุกครั้งที่คอยกันนางไม่ให้เข้าพบเซียวเย่หลัน เขาก็จะถูกนางดุด่าอยู่เสมอ ว่าเป็นคนชั้นต่ำบ้าง สุนัขรับใช้บ้าง ผีอายุสั้นบ้าง ไม่ว่าหยาบแค่ไหนก็มีหมด บางครั้งยังลงมือทุบตีเขา ถุยน้ำลายใส่เขาก็มีหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่ว่าใครจะมาบอกเย่ซิ่นว่าเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"เย่ซิ่น ข้าว่าความรักคงทำให้เจ้าตาบอดไปแล้ว" เซียวเย่หลันมองคำพูดของเย่ซิ่นเป็นอากาศจริงๆทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากทางเก้าอี้ยาวเซี่ยเชียนฮวันยิ้มเยาะ สายตาเย็นเยียบมองจ้องไปที่เซียวเย่หลัน แล้วพูดว่า "นี่ เจ้าอย่าเอาคำที่ข้าใช้ด่าเจ้าไปโยนใส่คนอื่นสิ ทั้งๆ ที่คนที่
หยุดนะ!!!"เสียงตะโกนดังออกมาอย่างร้อนใจ ทำให้ไม้ในมือของทหารองค์รักษ์หยุดชะงักไปกลางอากาศในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่ได้ถูกโบยในไม้ที่สองเพียงแต่ ไม่รู้ว่าคนที่มาช่วยนางเป็นใครเสียงนั้นฟังแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชายนางลืมตาขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว สายตาประหลาดใจมองไปที่ผู้ชายที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน...พูดให้ถูกก็คือ ขันทีผู้หนึ่ง!เซี่ยเชียนฮวันพิจรณาดูที่ขันทีคนนั้น ดูจากการแต่งกายและอายุแล้วจะต้องเป็นหัวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นก็คงเข้ามาในจวนจ้านอ๋องแบบสะดวกสบายเช่นนี้ไม่ได้หรอกแต่ไม่รู้ว่า ด้วยเหตุใดทำให้เขาต้องรีบร้อนมาถึงนี่กลางดึกกลางดื่นด้วย"เฉินกงกง เจ้ามีเรื่องอะไร"กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ ถึงแม้เซียวเย่หลันจะมีท่าทีเย็นชา แต่ก็ยังให้ความเคารพอยู่ในทีแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันตัดสินเฉินกงกงได้ถูกต้องแล้วฐานะในวังของเขาต้องไม่ต่ำแน่เฉินกงกงโค้งคำนับให้เซียวเย่หลัน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ท่านอ๋อง โปรดอภัยที่บ่าวมารบกวนกลางดึกเช่นนี้ พระชายาองค์รัชทายาทส่งบ่าวมาเชิญพระชายาให้เข้าวังไปทำการรักษาโรคพ่ะย่ะค่ะ"เข้าวังไปร
ณ วังบูรพาเซี่ยเชียนฮวันมีคนประคองลงมาจากเกี้ยวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าวัง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แม้ในยามราตรีเงียบสงัด รูปปั้นสลักเหล่านั้นยังคงเผยโครงร่างอันชัดเจนด้วยแสงจันทร์สาดส่องงดงาม ใหญ่โตราวกับสรวงสวรรค์“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเถิด” เฉินกงกงเป็นคนเดินนำทางไปเซียวเย่หลันก็เดินตามไปเช่นกันอาจเป็นเพราะเขามีความสงสัยในตัวของเซี่ยเชียนฮวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเองให้แน่ชัดเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจเขาด้วยการประคองของนางในสองคน นางเดินทางมาถึงตำหนักของพระราชนัดดาน้อย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็พบว่าพระชายาองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มว่า “เชียนฮวัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”การเรียกชื่อออกมาเช่นนี้ทำให้ดูเป็นกันเองมากเซี่ยเชียนฮวันกุมมือพระชายาองค์รัชทายาทเอาไว้ นางเองก็รู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมกับสตรีผู้อ่อนโยนคนนี้ยิ่งนัก พร้อมกล่าวด้วยเสียงบางเบาว่า “ขอโทษทีที่ข้ามาช้า เรารีบเข้าไปดูสถานการณ์ของเด็กกันเถิด” “เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนบาดเจ็บไม่น้อย”พระชายาองค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันดูไม่ดีนัก ยามเดินต้องมีคนคอยพยุง ที่คอยั
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา