หลายวันผ่านไปเสียงจักจั่นร้องดังเซียวเย่หลันยืนอยู่ตรงลานด้านหน้า สีหน้าเคร่งขรึม ข้างกายเหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาหลายวันมานี้ มักจะมีเงาของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในใจเขาเสมอ ลบอย่างไรก็ลบไม่ออกทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเดินเบาๆ เขารู้ว่าซูอวี้เออร์มา จึงปิดตา พยายามลบภาพเงาของผู้หญิงคนนั้นออกจากหัว"ท่านอ๋อง อวี้เออร์ทำเม็ดบัวต้มน้ำตาลมาให้ ท่านจะชิมสักหน่อยไหมเพคะ"ซูอวี้เออร์ยกขนมหวานมาให้ชามหนึ่ง อย่างเป็นแม่ศรีเรือน นางเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเซียวเย่หลันแต่เซียวเย่หลันกลับไม่ได้รับเอาชามมา เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่อยากกิน""ก็ได้..." ซูอวี้เออร์เม้มริมฝีปาก ปล่อยมือทั้งสองข้างลงนางยืนอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเซียวเย่หลัน ทั้งคู่ยืนเงียบกันอยู่นาน จนเมื่อทนแสงแดดที่สาดส่องมาไม่ไหว นางถึงพูดออกไปอย่างนุ่มนวลว่า "ท่านอ๋อง มีคนมาฟ้องข้า บอกว่าในจวนมีคนแอบลักลอบเล่นชู้เพคะ""ช่างพวกเขาเถอะ" เซียวเย่หลันตอบอย่างเย็นชาถึงแม้เขาจะไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิง แต่เรื่องความรักก็เป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่เหมือนพวกหัวโบรา
"พระชายา ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ"เย่ซิ่นยังคงลังเลก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขาบาดเจ็บหนักจึงได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ถึงจะถูกมองก็ไม่อาจทำอะไรได้ตอนนี้จะให้เขาถอดด้วยตัวเอง มัน...เซี่ยเชียนฮวันรับไม่ได้ที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งกลับมาบ่นพึมพำเช่นนี้ นางโบกมือก่อนพูดว่า "เจ้าคิดว่าข้าชอบดูนักหรือไง เป็นเพราะแม่กับน้องเจ้าเป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้ามีอาการป่วยหลงเหลืออยู่ มาขอร้องข้าหลายครั้งแล้ว ให้ข้าช่วยมาตรวจเจ้าอีกทีเป็นครั้งสุดท้าย"คนโบราณก็งี้ชอบเล่นตัวคิดถึงการตรวจร่างกายในสมัยนี้สิ พวกเด็กหนุ่มพวกนั้นเข้ามาก็รีบโยนชุดออกเลย แถมยังแข่งกันดูด้วยว่ากล้ามของใครแน่นกว่ากันอีกอย่าง ในสายตาของหมอ กล้ามเนื้อของคนไข้ก็เป็นเพียงกลุ่มก้อนโปรตีนที่มารวมกันอยู่ก็เท่านั้น ตอนทำงานไม่มีใครมาคิดเรื่องความเหมาะสมในการใกล้ชิดระหว่างชายหญิงหรอก"หากว่าเจ้าไม่อยากถอดจริงๆ เช่นนั้นข้าไปล่ะ" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งรีบในการรักษาชีวิตคน นางจะยึดเอาตามความยินยอมของคนไข้เมื่อเย่ซิ่นคิดไปถึงสายตาที่เป็นห่วงของคนในครอบครัว ก็ได้แต่กัดฟัน "เช่นนั้น
"ดี ดีมาก!"เซียวเย่หลันโมโหจนยิ้มออกมาเขาพลิกผ่ามือชักเอาดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมา วางไปบนลำคอของเซี่ยเชียนฮวัน แสงจากใบดาบที่เย็นเยียบสะท้อนเข้าที่นัยน์ตาของนาง"เจ้าไม่กลัวตายเลยหรือไง" เซียวเย่หลันจ้องนางอย่างดุร้าย"ข้าย่อมกลัวอยู่แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วขมวดน้อยๆ น้ำเสียงใสเย็นราวกับน้ำค้าง "แต่ว่าถ้าต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ชายที่ไม่แยกแยะถูกผิดอย่างเจ้า ถ้าเทียบกับความกลัวแล้ว ข้ากลับรู้สึกขยะแขยงมากกว่า""หึ เจ้ากระทำผิดเองแท้ๆ แต่กลับยังมีหน้ามาว่าข้าอีก!"เซียวเย่หลันไม่รู้จริงๆ ว่านางไปเอาความกล้านี้มาจากไหน!ตอนนี้คิดดูแล้ว การที่ช่วงนี้นางแว๊บก็เข้ามาทำให้จิตใจของเขาว่าวุ่น ช่างเป็นเรื่องที่ช่างโง่งมเสียจริงขนาดเรื่องนอกใจนางยังกล้าทำเลยแล้วเขายังจะคิดถึงนางอีกทำไมผู้หญิงแบบนี้ น่าจะฆ่าให้ตายไปเลยจะดีกว่า!ความโกรธของเซียวเย่หลันรุนแรง คมดาบกดลึกลงไปอีกหลายส่วน บาดผิวของเซี่ยเชียนฮวัน เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลรินลงมา"ข้าไม่เคยทำเรื่องไม่ดีอะไร" เซี่ยเชียนฮวันจ้องเขากลับนิ่งๆ ดวงตาที่ใสสะอาดของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ "แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้าใ
"ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องโปรดทบทวนใหม่อีกครั้งด้วย..."เย่ซิ่นตกใจจนใบหน้าซีดเผือดอย่าว่าแต่ห้าสิบไม้เลย ด้วยร่างกายที่อ่อนแอแบบนี้ของเซี่ยเชียนฮวัน เกรงว่าแค่สิบไม้ก็คงได้ไปเฝ้าพญายมแล้ว!แต่แล้วเซียวเย่หลันก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อไปโดยไม่ได้หันมามองเขาเลย "ใครก็ห้ามขอร้องแทนนาง"พูดจบก็สะบัดผ้าเดินออกจากห้องไปทันที!เซี่ยเชียนฮวันเองก็ถูกทหารองค์รักษ์กลุ่มนั้นลากออกไปเช่นกันนางพยายามจะดิ้นรนแล้ว แต่คนพวกนี้วรยุทธสูงส่งมาก นางแทบจะขยับร่างกายไม่ได้เลย"เซียวเย่หลัน เจ้ามันคนชั่วช้า! เมื่อกี้เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าด้วยน้ำมือของตัวเอง คงเพราะกลัวว่าตัวเองจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ มโนธรรมทำงาน ในอนาคตจะอยู่ไม่เป็นสุขน่ะสิ ตอนนี้เลยเปลี่ยนให้คนอื่นมาลงมือแทนตัวเอง เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!"ได้ฟังที่เซี่ยเชียนฮวันด่า สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดตอนที่อยู่ในสนามรบ เขาฟังคำด่าของศัตรูมาจนชินแล้ว ฆาตกร มัจจุราช ไอ้ปีศาจ...เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจเพราะการโจมตีด้วยคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งหรอก"เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าไม่เคยเป็นผู้หญิงที่ดีอยู่แล้ว" เซียวเย่หลันมองไปที่นาง สายต
“!”มีดพกของเย่ซิ่นไม่ได้แทงเข้าไปในลำคอของเขาแต่กลับถูกคนเตะให้ลอยออกไปเซียวเย่หลันมองไปที่ทหารองค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่ติดตามเขามาหลายปีแล้วก็ขำ "เจ้าช่างรักนางมากเสียเหลือเกินนะ ถึงขนาดยอมตายตามนางไปเลยเหรอ ห๊ะ""ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้พูดโกหกนะพ่ะย่ะค่ะ!"เย่ซิ่นร้อนใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงเซียวเย่หลันถึงจะเชื่อความจริงแล้วเรื่องความร้ายกาจของผู้หญิงที่ชื่อเซี่ยเชียนฮวันคนนี้ เขารู้ดีที่สุดแล้วทุกครั้งที่คอยกันนางไม่ให้เข้าพบเซียวเย่หลัน เขาก็จะถูกนางดุด่าอยู่เสมอ ว่าเป็นคนชั้นต่ำบ้าง สุนัขรับใช้บ้าง ผีอายุสั้นบ้าง ไม่ว่าหยาบแค่ไหนก็มีหมด บางครั้งยังลงมือทุบตีเขา ถุยน้ำลายใส่เขาก็มีหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่ว่าใครจะมาบอกเย่ซิ่นว่าเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"เย่ซิ่น ข้าว่าความรักคงทำให้เจ้าตาบอดไปแล้ว" เซียวเย่หลันมองคำพูดของเย่ซิ่นเป็นอากาศจริงๆทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากทางเก้าอี้ยาวเซี่ยเชียนฮวันยิ้มเยาะ สายตาเย็นเยียบมองจ้องไปที่เซียวเย่หลัน แล้วพูดว่า "นี่ เจ้าอย่าเอาคำที่ข้าใช้ด่าเจ้าไปโยนใส่คนอื่นสิ ทั้งๆ ที่คนที่
หยุดนะ!!!"เสียงตะโกนดังออกมาอย่างร้อนใจ ทำให้ไม้ในมือของทหารองค์รักษ์หยุดชะงักไปกลางอากาศในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่ได้ถูกโบยในไม้ที่สองเพียงแต่ ไม่รู้ว่าคนที่มาช่วยนางเป็นใครเสียงนั้นฟังแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชายนางลืมตาขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว สายตาประหลาดใจมองไปที่ผู้ชายที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน...พูดให้ถูกก็คือ ขันทีผู้หนึ่ง!เซี่ยเชียนฮวันพิจรณาดูที่ขันทีคนนั้น ดูจากการแต่งกายและอายุแล้วจะต้องเป็นหัวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นก็คงเข้ามาในจวนจ้านอ๋องแบบสะดวกสบายเช่นนี้ไม่ได้หรอกแต่ไม่รู้ว่า ด้วยเหตุใดทำให้เขาต้องรีบร้อนมาถึงนี่กลางดึกกลางดื่นด้วย"เฉินกงกง เจ้ามีเรื่องอะไร"กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ ถึงแม้เซียวเย่หลันจะมีท่าทีเย็นชา แต่ก็ยังให้ความเคารพอยู่ในทีแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันตัดสินเฉินกงกงได้ถูกต้องแล้วฐานะในวังของเขาต้องไม่ต่ำแน่เฉินกงกงโค้งคำนับให้เซียวเย่หลัน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ท่านอ๋อง โปรดอภัยที่บ่าวมารบกวนกลางดึกเช่นนี้ พระชายาองค์รัชทายาทส่งบ่าวมาเชิญพระชายาให้เข้าวังไปทำการรักษาโรคพ่ะย่ะค่ะ"เข้าวังไปร
ณ วังบูรพาเซี่ยเชียนฮวันมีคนประคองลงมาจากเกี้ยวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าวัง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แม้ในยามราตรีเงียบสงัด รูปปั้นสลักเหล่านั้นยังคงเผยโครงร่างอันชัดเจนด้วยแสงจันทร์สาดส่องงดงาม ใหญ่โตราวกับสรวงสวรรค์“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเถิด” เฉินกงกงเป็นคนเดินนำทางไปเซียวเย่หลันก็เดินตามไปเช่นกันอาจเป็นเพราะเขามีความสงสัยในตัวของเซี่ยเชียนฮวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเองให้แน่ชัดเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจเขาด้วยการประคองของนางในสองคน นางเดินทางมาถึงตำหนักของพระราชนัดดาน้อย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็พบว่าพระชายาองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มว่า “เชียนฮวัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”การเรียกชื่อออกมาเช่นนี้ทำให้ดูเป็นกันเองมากเซี่ยเชียนฮวันกุมมือพระชายาองค์รัชทายาทเอาไว้ นางเองก็รู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมกับสตรีผู้อ่อนโยนคนนี้ยิ่งนัก พร้อมกล่าวด้วยเสียงบางเบาว่า “ขอโทษทีที่ข้ามาช้า เรารีบเข้าไปดูสถานการณ์ของเด็กกันเถิด” “เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนบาดเจ็บไม่น้อย”พระชายาองค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันดูไม่ดีนัก ยามเดินต้องมีคนคอยพยุง ที่คอยั
"ว่าอย่างไรนะ ถูกพิษหรือ!" ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนตกใจกับคำตอบของเซี่ยเชียนฮวันพวกเขาต่างพากันมองหน้าไปมา แสดงถึงความลังเลไม่แน่ชัดเซียวเย่หลันตะคอกขึ้นว่า "เจ้าครุ่นคิดให้ดีก่อนค่อยเอ่ยปากออกมา ที่นี่คือพระราชวังหลวง ไม่ใช่ที่ซึ่งเจ้าจะมาเอ่ยวาจาได้ตามอำเภอใจ”"ทำไมหรือ เจ้าเกรงว่าข้าพูดผิดใจใครแล้วจะลำบากเจ้าด้วยงั้นหรือ" เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วขึ้นเดิมทีนางก็มีหน้าตางดงามสะสวย บัดนี้เมื่อนางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่างดึงดูดใจคนเหลือเกินเซียวเย่หลันจ้องมองไปที่นาง ใบหน้ายังคงเยือกเย็นดังเดิม "ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด" "งั้นหรือ หมายความว่าเจ้าเป็นห่วงข้า? " เซี่ยเชียนฮวันกะพริบตา"......" เซียวเย่หลันไม่รู้จะตอบอย่างไรดีโชคดีเหลือเกินที่พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ด้านข้างเข้ามารับสถานการณ์เอาไว้ "ในพระราชวังนี้ การวางยาพิษไม่ใช่เรื่องง่าย เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าแน่ใจหรือว่าห้าวเออร์ถูกวางยาพิษจริง”"เดี๋ยวคอยดูก็รู้แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันคำนวณเวลาเอาไว้แล้วดึงเข็มเงินทั้ง 3 เล่มออกมาวางไว้บนผ้าเมื่อทุกคนมองไปก็พบว่าเข็มนั้นกลายเป