“!”มีดพกของเย่ซิ่นไม่ได้แทงเข้าไปในลำคอของเขาแต่กลับถูกคนเตะให้ลอยออกไปเซียวเย่หลันมองไปที่ทหารองค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่ติดตามเขามาหลายปีแล้วก็ขำ "เจ้าช่างรักนางมากเสียเหลือเกินนะ ถึงขนาดยอมตายตามนางไปเลยเหรอ ห๊ะ""ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้พูดโกหกนะพ่ะย่ะค่ะ!"เย่ซิ่นร้อนใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงเซียวเย่หลันถึงจะเชื่อความจริงแล้วเรื่องความร้ายกาจของผู้หญิงที่ชื่อเซี่ยเชียนฮวันคนนี้ เขารู้ดีที่สุดแล้วทุกครั้งที่คอยกันนางไม่ให้เข้าพบเซียวเย่หลัน เขาก็จะถูกนางดุด่าอยู่เสมอ ว่าเป็นคนชั้นต่ำบ้าง สุนัขรับใช้บ้าง ผีอายุสั้นบ้าง ไม่ว่าหยาบแค่ไหนก็มีหมด บางครั้งยังลงมือทุบตีเขา ถุยน้ำลายใส่เขาก็มีหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่ว่าใครจะมาบอกเย่ซิ่นว่าเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"เย่ซิ่น ข้าว่าความรักคงทำให้เจ้าตาบอดไปแล้ว" เซียวเย่หลันมองคำพูดของเย่ซิ่นเป็นอากาศจริงๆทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากทางเก้าอี้ยาวเซี่ยเชียนฮวันยิ้มเยาะ สายตาเย็นเยียบมองจ้องไปที่เซียวเย่หลัน แล้วพูดว่า "นี่ เจ้าอย่าเอาคำที่ข้าใช้ด่าเจ้าไปโยนใส่คนอื่นสิ ทั้งๆ ที่คนที่
หยุดนะ!!!"เสียงตะโกนดังออกมาอย่างร้อนใจ ทำให้ไม้ในมือของทหารองค์รักษ์หยุดชะงักไปกลางอากาศในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่ได้ถูกโบยในไม้ที่สองเพียงแต่ ไม่รู้ว่าคนที่มาช่วยนางเป็นใครเสียงนั้นฟังแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชายนางลืมตาขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว สายตาประหลาดใจมองไปที่ผู้ชายที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน...พูดให้ถูกก็คือ ขันทีผู้หนึ่ง!เซี่ยเชียนฮวันพิจรณาดูที่ขันทีคนนั้น ดูจากการแต่งกายและอายุแล้วจะต้องเป็นหัวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นก็คงเข้ามาในจวนจ้านอ๋องแบบสะดวกสบายเช่นนี้ไม่ได้หรอกแต่ไม่รู้ว่า ด้วยเหตุใดทำให้เขาต้องรีบร้อนมาถึงนี่กลางดึกกลางดื่นด้วย"เฉินกงกง เจ้ามีเรื่องอะไร"กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ ถึงแม้เซียวเย่หลันจะมีท่าทีเย็นชา แต่ก็ยังให้ความเคารพอยู่ในทีแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันตัดสินเฉินกงกงได้ถูกต้องแล้วฐานะในวังของเขาต้องไม่ต่ำแน่เฉินกงกงโค้งคำนับให้เซียวเย่หลัน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ท่านอ๋อง โปรดอภัยที่บ่าวมารบกวนกลางดึกเช่นนี้ พระชายาองค์รัชทายาทส่งบ่าวมาเชิญพระชายาให้เข้าวังไปทำการรักษาโรคพ่ะย่ะค่ะ"เข้าวังไปร
ณ วังบูรพาเซี่ยเชียนฮวันมีคนประคองลงมาจากเกี้ยวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าวัง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แม้ในยามราตรีเงียบสงัด รูปปั้นสลักเหล่านั้นยังคงเผยโครงร่างอันชัดเจนด้วยแสงจันทร์สาดส่องงดงาม ใหญ่โตราวกับสรวงสวรรค์“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเถิด” เฉินกงกงเป็นคนเดินนำทางไปเซียวเย่หลันก็เดินตามไปเช่นกันอาจเป็นเพราะเขามีความสงสัยในตัวของเซี่ยเชียนฮวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเองให้แน่ชัดเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจเขาด้วยการประคองของนางในสองคน นางเดินทางมาถึงตำหนักของพระราชนัดดาน้อย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็พบว่าพระชายาองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มว่า “เชียนฮวัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”การเรียกชื่อออกมาเช่นนี้ทำให้ดูเป็นกันเองมากเซี่ยเชียนฮวันกุมมือพระชายาองค์รัชทายาทเอาไว้ นางเองก็รู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมกับสตรีผู้อ่อนโยนคนนี้ยิ่งนัก พร้อมกล่าวด้วยเสียงบางเบาว่า “ขอโทษทีที่ข้ามาช้า เรารีบเข้าไปดูสถานการณ์ของเด็กกันเถิด” “เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนบาดเจ็บไม่น้อย”พระชายาองค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันดูไม่ดีนัก ยามเดินต้องมีคนคอยพยุง ที่คอยั
"ว่าอย่างไรนะ ถูกพิษหรือ!" ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนตกใจกับคำตอบของเซี่ยเชียนฮวันพวกเขาต่างพากันมองหน้าไปมา แสดงถึงความลังเลไม่แน่ชัดเซียวเย่หลันตะคอกขึ้นว่า "เจ้าครุ่นคิดให้ดีก่อนค่อยเอ่ยปากออกมา ที่นี่คือพระราชวังหลวง ไม่ใช่ที่ซึ่งเจ้าจะมาเอ่ยวาจาได้ตามอำเภอใจ”"ทำไมหรือ เจ้าเกรงว่าข้าพูดผิดใจใครแล้วจะลำบากเจ้าด้วยงั้นหรือ" เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วขึ้นเดิมทีนางก็มีหน้าตางดงามสะสวย บัดนี้เมื่อนางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่างดึงดูดใจคนเหลือเกินเซียวเย่หลันจ้องมองไปที่นาง ใบหน้ายังคงเยือกเย็นดังเดิม "ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด" "งั้นหรือ หมายความว่าเจ้าเป็นห่วงข้า? " เซี่ยเชียนฮวันกะพริบตา"......" เซียวเย่หลันไม่รู้จะตอบอย่างไรดีโชคดีเหลือเกินที่พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ด้านข้างเข้ามารับสถานการณ์เอาไว้ "ในพระราชวังนี้ การวางยาพิษไม่ใช่เรื่องง่าย เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าแน่ใจหรือว่าห้าวเออร์ถูกวางยาพิษจริง”"เดี๋ยวคอยดูก็รู้แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันคำนวณเวลาเอาไว้แล้วดึงเข็มเงินทั้ง 3 เล่มออกมาวางไว้บนผ้าเมื่อทุกคนมองไปก็พบว่าเข็มนั้นกลายเป
"เจ้ารู้แล้วงั้นหรือ เพราะเหตุใดเขาจึงถูกพิษเล่า" พระชายาองค์รัชทายาทตกตะลึงแล้วรีบเอ่ยถามบัดนี้แม้แต่เซียวเย่หลันเองก็เผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา เขาใช้แววตาอันสำรวจสอดส่องจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง ผลักหน้าต่างบานนั้นออก สายลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกถัวซานางหันกลับมากล่าวว่า "ตอนที่ข้าเดินทางมา ก็พบว่าที่ด้านนอกมีต้นถัวซาปลูกอยู่สองสามต้น เดิมทีผงของต้นไม้นี้ไม่มีพิษ แต่หากนำไปผสมกับซิ่งเหรินก็จะเกิดพิษขึ้นอย่างช้าๆ ” “ในฤดูนี้ลมแรงนัก ข้าคิดว่ายามนางในนำขนมซิ่งเหรินมาถวายแก่พระราชนัดดาน้อย ด้านบนคงจะมีผงของต้นไม้นี้อยู่บ้าง เมื่อวันเวลานานเข้า อาหารที่ไปสั่งสมเกิดเป็นพิษก็ยิ่งมากขึ้น จนเริ่มมีอาการอันตราย" เมื่อได้ยินการคาดเดาของเซี่ยเชียนฮวัน ทุกคนในที่นั้นก็ตัวสั่น ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา! พระชายาองค์รัชทายาทพึมพำว่า "ต้นถัวซาเหล่านั้น องค์ชายรองเป็นคนมอบให้......""หุบปากเสีย" องค์รัชทายาทหันไปใช้สายตาเตือนภรรยาของตน ไม่ให้นางกล่าวมากความ “บางทีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ หาได้มีใครจงใจวางยา เป็นเพราะพวกเร
“สัญญา?”ทั้งองค์รัชทายาทและพระชายาองค์รัชทายาทต่างหันมามองหน้ากันประโยคนี้ฟังดูแปลกพิลึก“เจ้าลองบอกข้าว่าเป็นสัญญาเช่นไร” องค์รัชทายาทกล่าว“ขอองค์รัชทายาท โปรดให้คำสัญญาว่าข้าจะสามารถออกจากวังบูรพาได้โดยยังมีชีวิตอยู่!”ประโยคนี้ของเซี่ยเชียนฮวันทำให้ทุกคนตกตะลึง!องค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน “น้องสะใภ้ ประโยคนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ในวังบูรพามีองครักษ์คุ้มกันมากมาย เจ้าจะมีอันตรายถึงชีวิตได้หรือ”“องค์รัชทายาทโปรดตอบตกลงเป็นพอ”“เอ่อ......อืม ย่อมได้ ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะมีชีวิตออกไป!”องค์รัชทายาทงุนงงยิ่งนัก แต่เมื่อพบว่าเซี่ยเชียนฮวันยืนกรานหนักแน่น เขาจึงทำได้เพียงให้คำสัญญานี้ต่อนางเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้รับการยืนยันจากองค์รัชทายาทแล้ว นางก็หันเดินไปทางเซียวเย่หลันจากนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่หลัน ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ตบลงไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างแรง“เพียะ!”ตบนี้มาโดยเซียวเย่หลันไม่ทันตั้งตัว คนอื่นก็งุนงงไปตามๆ กันนาง......นางกล้าตบจ้านอ๋อง?!เขาคืออ๋องผู้โหดเหี้ยมเด็ดขาดที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลายเชียว!บัดนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อคร
เซียวเย่หลันหันกลับมามองท่ามกลางแสงจันทร์ ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงโดดเด่นสง่างามราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ไม่มีสิ่งใดแปดเปื้อนแม้แต่น้อยเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับชายผู้นี้แม้จะน่ารังเกียจเพียงไร แต่รูปร่างหน้าตาของเขายังคงทำให้นางหลงใหลได้ทุกเมื่อนางเดินกะเผลกๆ เข้ามาแล้วชายตามองเซียวเย่หลันที่นั่งอยู่บนม้าขาว “เจ้าคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ”“ไม่เช่นนั้นเล่า?” เซียวเย่หลันมองไปที่นางด้วยความเย็นชา “ให้เจ้าตบข้าอีกครั้งค่อยไปงั้นรึ?”เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงหึๆ ออกมาจากลำคอ “บัดนี้ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับการถอนต้นไม้ ไม่มีใครพยุงข้า ที่หลังข้าบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าจะขึ้นเกี้ยวเองได้อย่างไร”“เจ้าต้องการให้ข้าพยุงเจ้า?”เซียวเย่หลันเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อยเขาสงสัยเสียจริงว่าสตรีนางนี้เอาความมั่นใจมาจากที่ใดเมื่อครู่ตบหน้าเขาต่อทุกคน บัดนี้ยังกล้าเอ่ยเงื่อนไขเช่นนี้อีก“เจ้าไม่ยินดีพยุงข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งจนกระทั่งฟ้าสาง ให้ทุกคนในวังรู้ว่าเจ้าทำร้ายคนดีและเกือบโบยภรรยาผู้เติบโตมาด้วยกันแต่เล็ก จนแทบถึงแก่ชีวิต”เซี่ยเชียนฮวันพยุงไม้ค้ำเอาไว้ แกล้งทำท่าทางจะนั่งลงอย่างช้าๆ
เซี่ยเชียนฮวันเองก็ไม่รู้ว่าตลอดทางนั้นนางผ่านมาได้อย่างไรนางนั่งโอนเอนไปมาบนหลังม้า หากไม่ทันระวังก็จะถูกเข้ากับแผลที่หลัง ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักส่วนเซียวเย่หลันชายผู้นี้หาได้ถนอมนาง เอาแต่ขี่ม้าของตนไป ต่อให้นางร้องขอชะลอความเร็ว เขาก็คิดว่านางเพียงออดอ้อนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าตนคงซวยมา 8 ภพ 8 ชาติ จึงได้มาเจอกับเซียวเย่หลันที่ดื้อรั้นเยือกเย็นคนนี้กว่าจะกลับถึงจวนอ๋องได้ไม่ใช่ง่ายเลยนางรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียถึงที่สุด ยังไม่ทันได้มองป้ายหน้าจวนอ๋อง ศีรษะของนางก็โอนเอนหมดสติไปเซียวเย่หลันก้มหน้าลงมองไปยังหญิงสาวที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ตื่นได้แล้ว”เขายื่นมือออกไปอยากจะผลักนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสัมผัสไปที่หลัง มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด หรือว่า......แผลที่หลังนางฉีก?เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “ก็แค่ถูกโบยไว้เดียว เหตุใดบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้”ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับสตรี จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีช่างอ่อนแอบอบบางด้วยความที่ไม่รู้จะทำเช่นไร เซียวเย่หลันจึงจำต้องอุ้มเซี่ยเชียนฮวันลงมาจากหลังม้าแล้วก้าวเข้