เซี่ยเชียนฮวันเองก็ไม่รู้ว่าตลอดทางนั้นนางผ่านมาได้อย่างไรนางนั่งโอนเอนไปมาบนหลังม้า หากไม่ทันระวังก็จะถูกเข้ากับแผลที่หลัง ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักส่วนเซียวเย่หลันชายผู้นี้หาได้ถนอมนาง เอาแต่ขี่ม้าของตนไป ต่อให้นางร้องขอชะลอความเร็ว เขาก็คิดว่านางเพียงออดอ้อนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าตนคงซวยมา 8 ภพ 8 ชาติ จึงได้มาเจอกับเซียวเย่หลันที่ดื้อรั้นเยือกเย็นคนนี้กว่าจะกลับถึงจวนอ๋องได้ไม่ใช่ง่ายเลยนางรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียถึงที่สุด ยังไม่ทันได้มองป้ายหน้าจวนอ๋อง ศีรษะของนางก็โอนเอนหมดสติไปเซียวเย่หลันก้มหน้าลงมองไปยังหญิงสาวที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ตื่นได้แล้ว”เขายื่นมือออกไปอยากจะผลักนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสัมผัสไปที่หลัง มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด หรือว่า......แผลที่หลังนางฉีก?เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “ก็แค่ถูกโบยไว้เดียว เหตุใดบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้”ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับสตรี จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีช่างอ่อนแอบอบบางด้วยความที่ไม่รู้จะทำเช่นไร เซียวเย่หลันจึงจำต้องอุ้มเซี่ยเชียนฮวันลงมาจากหลังม้าแล้วก้าวเข้
ด้วยการพยุงจากเสี่ยวตง เซี่ยเชียนฮวันจึงเดินโซซัดโซเซมาถึงเรือนจิ่นซิ่วได้สำเร็จ“พระชายาอ๋อง? มาที่นี่ทำสิ่งใดเพคะ”หญิงชราคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นเห็นเซี่ยเชียนฮวัน นางแสดงสีหน้าอันรังเกียจออกมาโดยไม่อาจปิดบังได้ แทบจะกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน” ออกมาเสียแล้วเซี่ยเชียนฮวันเหลือบตามองแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เสี่ยวตง นางผู้นี้เห็นข้าแต่ไม่คารวะ อีกทั้งกล่าววาจาเสียมารยาทไม่มีความเคารพยำเกรง จงไปตบปากนางเสีย”“เพคะ!”เสี่ยวตงว่องไวกว่าบ่าวรับใช้คนก่อนของเจ้าของร่างเดิมมากทีเดียวนางก้าวไปสองสามก้าวแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงผู้นั้น ยกมือขึ้นตบทันใดหญิงผู้นั้นถูกตบไปสักพักจึงได้สติกลับคืนมา กล่าวด้วยความโมโหว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้า? พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?!”“ตบต่อไป จนกระทั่งนางหยุด” เซี่ยเชียนฮวันเอามือกอดอกเลิกคิ้วใส่เสี่ยวตงตอบรับ จากนั้นยกมือขึ้นตบต่อโดยไม่ลังเล“เพียะ!”“เพียะๆๆ!”ภายในลาน เสียงฝ่ามือดังสนั่น!หญิงผู้นั้นคิดจะโต้กลับ แต่เสี่ยวตงหาได้เหมือนกันบ่าวรับใช้ทั่วไป นางและพี่ชายล้วนเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ ไม่ให้โอกาสใครได้ลงมือกลับแม้แต่น้อยในไม่ช้า ใบหน้า
“ไม่ว่าเจ้าคิดทำสิ่งใดต่อข้า รอเมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้วข้าจะฟ้องเขาอย่างแน่นอน!”ซูอวี้เออร์จ้องไปทางเซี่ยเชียนฮวันราวกับศัตรูตัวฉกาจเซี่ยเชียนฮวันเพียงยิ้มขึ้นเบา ๆ “ที่นี่ไม่มีชายใดอยู่ เจ้าทำท่าทีอ่อนแอเช่นนั้นให้ผู้ใดดู? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ คนที่ไปบอกกับเซียวเย่หลันเรื่องที่หาว่าข้าแอบติดต่อกับเย่ซิ่นก็คือเจ้า”“ข้า...... ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงสิ่งใด" ซูอวี้เออร์แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจต้องยอมรับว่านางได้วางแผนการเอาไว้เป็นอย่างดีคนในจวนรู้เพียงเรื่องว่าเซี่ยเชียนฮวันและเย่ซิ่นแอบติดต่อกันลับ ๆ และถูกท่านออกจับได้พอดี ทว่าไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้ว่าเป็นซูอวี้เออร์ที่นำไปบอก“ถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็ผ่านไปแล้ว วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อรักษาอาการให้แก่เจ้า นอนลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำซูอวี้เออร์เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรบัดนี้เซียวเย่หลันที่คอยคุ้มกันนางได้เดินทางออกจากจวนไป เนื่องจากเรื่องราวก่อนหน้านี้หลายเรื่องที่เกิดขึ้น คนในจวนจึงไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งของนางดังเช่นเมื่อก่อนอีกนางจึงทำได้เพียงฟังคำของเซี่ยเชียนฮวัน แล้วนอนลงอย่างระมัดระวัง
ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่งเซียวเย่หลันนั่งอยู่ที่ข้างหน้าต่าง มองไปยังอาหารเลิศรสมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า "เหตุใดวันนี้เสด็จพี่จึงอารมณ์ดี คิดจะนัดแนะข้าออกมาดื่มสุราด้วยเล่า" ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คือองค์รัชทายาทนั่นเององค์ทายาทรินสุราให้แก่ตนเองเต็มแก้ว ก่อนจะยิ้มขึ้นว่า “ในวันนี้ร่างกายของห้าวเออร์ดีขึ้นมากทีเดียว ข้าจึงรู้สึกมีความสุข คิดไปคิดมา ในบรรดาพี่น้องของเราผู้ที่สามารถร่วมดื่มสุรากับข้าได้ก็คงจะมีเพียงเจ้าเท่านั้น" เซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขายกแก้วสุราขึ้นดื่มในราชวังนั้นเต็มไปด้วยอันตรายกว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องระแวดระวังตลอดเวลา ผู้ที่เขาสามารถเชื่อถือได้มีไม่มากนัก ก่อนหน้านี้อาจมีเพียงเซียวเย่หลันคนเดียวตอนนี้......บางทีอาจจะเพิ่มเซี่ยเชียนฮวันขึ้นมาอีกคน? "น้องสะใภ้ดีขึ้นบ้างหรือไม่” องค์รัชทายาทเอ่ยทักถาม "เมื่อคืนนี้ตอนที่ข้าเห็น สีหน้าของนางซีดเผือดจนน่าตกใจเหลือเกิน"สีหน้าของเซียวเย่หลันแข็งทื่อ “น่าจะดีขึ้นแล้ว" “เหตุใดเจ้าจึงพูดว่าน่าจะ?" เมื่อได้ยินประโยคนี้ องค์รัชทายาทก็ทำส
“ตอนที่เจ้าพูดอย่าได้เข้าใกล้ข้า" เซียวเย่หลันกล่าวแล้วยกมือขึ้นปิดจมูก ถอยหลังออกไปสองก้าวนอกจากที่นางจะมีกลิ่นเหม็นเพราะของเสียแล้ว ยามซูอวี้เออร์เอ่ยปากพูดก็ยังมีกลิ่นเหม็นออกจากปากอย่างแปลกๆ ......ซูอวี้เออร์เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงทำได้เพียงใช้แขนเสื้อยกขึ้นปิดปาก นั่งลงบนพื้นแล้วเงยหน้ามองเซียวเย่หลันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านอ๋องเพคะ อวี้เออร์เองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ ท่านอย่าได้รังเกียจอวี้เออร์" “เจ้าว่ามาว่าเกิดเรื่องใดขึ้น" เซียวเย่หลันชี้ไปที่ซวงชิงซวงชิงรีบวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่หลัน ร่ำไห้แล้วเล่าเรื่องที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมารักษาอาการกำเริบทั้งยังก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่คุณหนูของพวกเรานะเพคะ!" ซวงชิงและซูอวี้เออร์ต่างพากันร่ำไห้ออกมาเสียงดัง ทำเอาเสียเซียวเย่หลันปวดหัวเขาโบกมือขึ้น "เอาล่ะข้ารู้แล้ว" กล่าวจบ เขาก็ไม่สนใจว่าซูอวี้เออร์จะตะโกนเรียกว่าอย่างไรอีก ได้แต่หันหลังกลับออกไปจากเรือนจิ่นซิ่ว......ตอนที่เซียวเย่หลันเดินทางมา เซี่ยเชียนฮวันกำลังนั่งกินผลไม้และถั่วที่ตนเป็นคนทำเ
“ไม่มีอาการโดนพิษหรือ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”เสี่ยวตงยังไม่เข้าใจเซี่ยเชียนฮวันบีบเปลือกถั่วลิสงแตกละเอียด และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น อย่างแรก ซูอวี้เออร์ไปช่วยเซียวเย่หลัน แต่โชคดีที่ไม่โดนพิษฉิงฮวา จึงแกล้งทำเป็นอ่อนเพลียเพื่อหลอกให้เซียวเย่หลันเห็นอกเห็นใจ อย่างที่สอง ซูอวี้เออร์ไม่ได้ช่วยเซียวเย่หลัน คนที่โดนพิษฉิงฮวามักจะไร้สติ แม้จะมีคนช่วยเขาแก้พิษ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร บวกกับแผนการในใจของซูอวี้เออร์ หากนางต้องการสวมรอยว่าเป็นผู้แก้พิษให้นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก”ครานี้ เสี่ยวตงเข้าใจกระจ่างแล้วนางกล่าวด้วยความดีใจว่า “นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง เท่ากับซูอวี้เออร์โกหกทั้งสิ้น! พระชายา เรารีบไปหาท่านอ๋อง และเปิดโปงนางเถอะเพคะ!”เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่มีประโยชน์หรอก ทุกคนล้วนแต่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองทั้งนั้น เซียวเย่หลันเห็นข้าเป็นคนชั่วจิตใจโหดเหี้ยม เห็นซูอวี้เออร์โพธิสัตว์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เว้นแต่ว่าเขาจะเจอหลักฐานที่แน่ชัดเท่านั้น มิเช่นนั้นเขาจะคิดว่าข้าทำไปเพราะความ
“ก็แค่เรื่องซุบซิบนินทาของเจ้ากับจ้านอ๋อง อย่างไรเสียเจ้าก็ชินกับเรื่องเหล่านี้แล้วไม่ใช่หรอกหรือ”ดูเหมือนว่าเซี่ยเหยียนไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจแต่อย่างใดเลยในสายตาเขา เมื่อใดที่น้องสาวของเขาไม่ถูกผู้คนนินทา เมื่อนั้นแหละถึงจะเป็นเรื่องแปลกก็ใครใช้ให้นางได้ชื่อว่าบ้าผู้ชายที่สุดแห่งเมืองหลวงกันเล่าเซี่ยเชียนฮวันกลับหรี่ตาเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านพี่ ข้าอยากรู้ว่าคนพวกนั้นว่าอะไรข้าบ้าง”“เอ่อ…เจ้าแน่ใจหรือ”“อืม”“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าออกไปข้างนอกกับข้าประเดี๋ยวสิ เราสองพี่น้องไม่ได้ไปเดินเล่นด้วยกันนานแล้วนะ”เซี่ยเหยียนวางถ้วยชาในมือลงเขามีคบค้าสมาคมกับตระกูลชั้นสูงอย่างกว้างขวางในเมืองหลวง และเป็นลูกค้าประจำในหอสุราและหอน้ำชา วันนี้จึงพาเซี่ยเชียนฮวันมาที่โรงน้ำชาที่ครึกครื้นที่สุดแห่งหนึ่งเซี่ยเชียนฮวันรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในจวนอ๋องมาโดยตลอด ยากนักกว่าจะมีโอกาสออกมาเดินเล่นเช่นนี้ได้นางเห็นทุกอย่างเป็นของแปลกใหม่หมดเซี่ยเหยียนมองนางด้วยความรัก แม้ว่าน้องสาวของเขาจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่เขายังคงเห็นว่านางเป็นเด็กอยู่เสมอ ไม่ว่านางจะชื่นชอบ และปรารถนาสิ่
เซี่ยเชียนฮวันเอาโอสถขวดเล็กออกมาขวดหนึ่งนางดึงจุกปิดขวดออก เทยาในขวดใส่ลงไปในถ้วยชา พลางกล่าวเสียงเบาว่า “สมุนไพรที่ใช้ทำโอสถนี้กว่าเสี่ยวตงจะรวบรวมมาได้ครบมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นึกไม่ถึงว่าจะต้องใช้มันเร็วเพียงนี้”“มันคือสิ่งใดกัน” เซี่ยเหยียนกล่าวถาม“มันคือโอสถพูดความจริง” เซี่ยเชียนฮวันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช้สมุนไพรที่สามารถกระตุ้นประสาทส่วนกลางหลายชนิด หลังจากดื่มมันเข้าไป คนผู้นั้นก็จะพูดความจริงออกมาอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้”“ฮวันฮวัน นี่เจ้าปรุงยาเป็นตั้งแต่เมื่อใดกันนี่”เซี่ยเหยียนแสดงสีหน้าท่าทางตกใจออกมาเซี่ยเชียนฮวันยังคงใช้คำพูดเหมือนตอนอยู่วังบูรพามาอธิบายนางเทโอสถลงไปในถ้วยชาสองใบ ผลักไปที่เซี่ยเหยียน พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านพี่ ท่านพี่ข้ารูปงามถึงเพียงนี้ แม่นางน้อยผู้นั้นไม่มีทางปฏิเสธของที่ท่านมอบให้เป็นแน่”เซี่ยเหยียนเข้าใจความหมายของนาง เอามือตบหน้าออกด้วยความมั่นใจพลางกล่าว “มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”กล่าวจบ เขาก็ถือถ้วยชาสองใบเดินไปตรงหน้าซวงชิง ปลอมเป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ผู้มีนิสัยขี้เล่น อันที่จริงแล้วไม่ต้องปลอมตัวก็ได้ เพราะเขาก็เป็