“ตอนที่เจ้าพูดอย่าได้เข้าใกล้ข้า" เซียวเย่หลันกล่าวแล้วยกมือขึ้นปิดจมูก ถอยหลังออกไปสองก้าวนอกจากที่นางจะมีกลิ่นเหม็นเพราะของเสียแล้ว ยามซูอวี้เออร์เอ่ยปากพูดก็ยังมีกลิ่นเหม็นออกจากปากอย่างแปลกๆ ......ซูอวี้เออร์เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงทำได้เพียงใช้แขนเสื้อยกขึ้นปิดปาก นั่งลงบนพื้นแล้วเงยหน้ามองเซียวเย่หลันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านอ๋องเพคะ อวี้เออร์เองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ ท่านอย่าได้รังเกียจอวี้เออร์" “เจ้าว่ามาว่าเกิดเรื่องใดขึ้น" เซียวเย่หลันชี้ไปที่ซวงชิงซวงชิงรีบวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่หลัน ร่ำไห้แล้วเล่าเรื่องที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมารักษาอาการกำเริบทั้งยังก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่คุณหนูของพวกเรานะเพคะ!" ซวงชิงและซูอวี้เออร์ต่างพากันร่ำไห้ออกมาเสียงดัง ทำเอาเสียเซียวเย่หลันปวดหัวเขาโบกมือขึ้น "เอาล่ะข้ารู้แล้ว" กล่าวจบ เขาก็ไม่สนใจว่าซูอวี้เออร์จะตะโกนเรียกว่าอย่างไรอีก ได้แต่หันหลังกลับออกไปจากเรือนจิ่นซิ่ว......ตอนที่เซียวเย่หลันเดินทางมา เซี่ยเชียนฮวันกำลังนั่งกินผลไม้และถั่วที่ตนเป็นคนทำเ
“ไม่มีอาการโดนพิษหรือ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”เสี่ยวตงยังไม่เข้าใจเซี่ยเชียนฮวันบีบเปลือกถั่วลิสงแตกละเอียด และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น อย่างแรก ซูอวี้เออร์ไปช่วยเซียวเย่หลัน แต่โชคดีที่ไม่โดนพิษฉิงฮวา จึงแกล้งทำเป็นอ่อนเพลียเพื่อหลอกให้เซียวเย่หลันเห็นอกเห็นใจ อย่างที่สอง ซูอวี้เออร์ไม่ได้ช่วยเซียวเย่หลัน คนที่โดนพิษฉิงฮวามักจะไร้สติ แม้จะมีคนช่วยเขาแก้พิษ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร บวกกับแผนการในใจของซูอวี้เออร์ หากนางต้องการสวมรอยว่าเป็นผู้แก้พิษให้นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก”ครานี้ เสี่ยวตงเข้าใจกระจ่างแล้วนางกล่าวด้วยความดีใจว่า “นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง เท่ากับซูอวี้เออร์โกหกทั้งสิ้น! พระชายา เรารีบไปหาท่านอ๋อง และเปิดโปงนางเถอะเพคะ!”เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่มีประโยชน์หรอก ทุกคนล้วนแต่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองทั้งนั้น เซียวเย่หลันเห็นข้าเป็นคนชั่วจิตใจโหดเหี้ยม เห็นซูอวี้เออร์โพธิสัตว์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เว้นแต่ว่าเขาจะเจอหลักฐานที่แน่ชัดเท่านั้น มิเช่นนั้นเขาจะคิดว่าข้าทำไปเพราะความ
“ก็แค่เรื่องซุบซิบนินทาของเจ้ากับจ้านอ๋อง อย่างไรเสียเจ้าก็ชินกับเรื่องเหล่านี้แล้วไม่ใช่หรอกหรือ”ดูเหมือนว่าเซี่ยเหยียนไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจแต่อย่างใดเลยในสายตาเขา เมื่อใดที่น้องสาวของเขาไม่ถูกผู้คนนินทา เมื่อนั้นแหละถึงจะเป็นเรื่องแปลกก็ใครใช้ให้นางได้ชื่อว่าบ้าผู้ชายที่สุดแห่งเมืองหลวงกันเล่าเซี่ยเชียนฮวันกลับหรี่ตาเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านพี่ ข้าอยากรู้ว่าคนพวกนั้นว่าอะไรข้าบ้าง”“เอ่อ…เจ้าแน่ใจหรือ”“อืม”“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าออกไปข้างนอกกับข้าประเดี๋ยวสิ เราสองพี่น้องไม่ได้ไปเดินเล่นด้วยกันนานแล้วนะ”เซี่ยเหยียนวางถ้วยชาในมือลงเขามีคบค้าสมาคมกับตระกูลชั้นสูงอย่างกว้างขวางในเมืองหลวง และเป็นลูกค้าประจำในหอสุราและหอน้ำชา วันนี้จึงพาเซี่ยเชียนฮวันมาที่โรงน้ำชาที่ครึกครื้นที่สุดแห่งหนึ่งเซี่ยเชียนฮวันรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในจวนอ๋องมาโดยตลอด ยากนักกว่าจะมีโอกาสออกมาเดินเล่นเช่นนี้ได้นางเห็นทุกอย่างเป็นของแปลกใหม่หมดเซี่ยเหยียนมองนางด้วยความรัก แม้ว่าน้องสาวของเขาจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่เขายังคงเห็นว่านางเป็นเด็กอยู่เสมอ ไม่ว่านางจะชื่นชอบ และปรารถนาสิ่
เซี่ยเชียนฮวันเอาโอสถขวดเล็กออกมาขวดหนึ่งนางดึงจุกปิดขวดออก เทยาในขวดใส่ลงไปในถ้วยชา พลางกล่าวเสียงเบาว่า “สมุนไพรที่ใช้ทำโอสถนี้กว่าเสี่ยวตงจะรวบรวมมาได้ครบมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นึกไม่ถึงว่าจะต้องใช้มันเร็วเพียงนี้”“มันคือสิ่งใดกัน” เซี่ยเหยียนกล่าวถาม“มันคือโอสถพูดความจริง” เซี่ยเชียนฮวันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช้สมุนไพรที่สามารถกระตุ้นประสาทส่วนกลางหลายชนิด หลังจากดื่มมันเข้าไป คนผู้นั้นก็จะพูดความจริงออกมาอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้”“ฮวันฮวัน นี่เจ้าปรุงยาเป็นตั้งแต่เมื่อใดกันนี่”เซี่ยเหยียนแสดงสีหน้าท่าทางตกใจออกมาเซี่ยเชียนฮวันยังคงใช้คำพูดเหมือนตอนอยู่วังบูรพามาอธิบายนางเทโอสถลงไปในถ้วยชาสองใบ ผลักไปที่เซี่ยเหยียน พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านพี่ ท่านพี่ข้ารูปงามถึงเพียงนี้ แม่นางน้อยผู้นั้นไม่มีทางปฏิเสธของที่ท่านมอบให้เป็นแน่”เซี่ยเหยียนเข้าใจความหมายของนาง เอามือตบหน้าออกด้วยความมั่นใจพลางกล่าว “มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”กล่าวจบ เขาก็ถือถ้วยชาสองใบเดินไปตรงหน้าซวงชิง ปลอมเป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ผู้มีนิสัยขี้เล่น อันที่จริงแล้วไม่ต้องปลอมตัวก็ได้ เพราะเขาก็เป็
ข่าวลือที่แพร่สะพัดในโรงน้ำชามาหลายวัน ความจริงได้ถูกเปิดเผยกระจ่างแจ้งแล้ว“มิน่าล่ะ บ้านข้าก็มีคฤหาสน์อยู่หลังหนึ่ง อยู่ใกล้ๆ กับคฤหาสน์ของจ้านอ๋อง ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้มักจะได้กลิ่นเหมือนหลุมส้วม เหม็นยิ่งนัก”คนผู้หนึ่งขมวดคิ้วพลางกล่าวหลังจากที่ทุกคนขบคิดขึ้นได้ พวกเขารู้สึกรังเกียจซูอวี้เออร์กับซวงชิงมาก“ข่าวลือทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพราะว่าซูอวี้เออร์กลัวตนเองไม่ได้รับความโปรดปราน จึงจงใจให้สาวใช้ข้างกายไปแพร่ข่าวลือทั่วเมืองเช่นนี้“ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้วางแผนเก่งกาจเช่นนั้นหรอก นางซื่อบื้อ ไร้ความสามารถเหมือนพี่ชายนางต่างหากเล่า”“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายนางสอบคัดเลือกติดกันสามครั้งแล้วก็ยังไม่ผ่าน แม้แต่ตำแหน่งซิ่วไฉก็ยังสอบเข้าไม่ได้ น้องสาวเขาจะมีปัญญาเพียงใดกันเล่าเซี่ยเหยียนที่นั่งอยู่มุมร้านได้ยินเช่นนี้ก็พูดไม่ออก “...”จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของอะไรมาทิ่มแทงใจแต่เขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของคนเหล่านี้ รอยยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งกินใจกลับปรากฏที่มุมปากของเขา“ท่านพี่ ประเดี๋ยวข้ามานะ”เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว นางจึงลุกข
เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วมุ่นคนเฝ้าประตูนรกยังไม่ทันมา อ๋องมารพญายมนั่นกลับชิงมาเสียก่อนจนได้แค่เขามาก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีในขณะที่เซียวเย่หลันปรากฏตัวนั้น โรงน้ำชาที่เดิมทีส่งเสียงครึกครื้น พลันเงียบลงทันใดทุกคนไม่กล้าพูดเสียงดังอีก ต่างพากันกล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะท่านอ๋อง”เซียวเย่หลันเพ่งมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันเขาก้าวเท้าเดินมาตรงหน้านาง ดวงตาราวกับคมมีดอันเย็นยะเยือกสามารถสังหารคนได้ เขากล่าวเสียงขรึมว่า “จะขายสาวใช้ผู้นี้ไม่ได้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่มีงานราชสำนักทำหรืออย่างไร ถึงได้มาสนใจแม้กระทั่งเรื่องหยุมหยิมของสาวใช้วังหลังเช่นนี้” เซี่ยเชียนฮวันกรอกตามองบนอย่างฮึกเหิมเซียวเย่หลันกล่าว “นางติดตามอวี้เออร์มานานหลายปี แม่ว่านางจะทำผิด คนที่ตัดสินก็ควรเป็นอวี้เออร์กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณะชน เท่ากับเป็นการตบหน้าเซี่ยเชียนฮวันอย่างโหดร้ายโดยมิต้องสงสัยเลย!นางเป็นถึงพระชายาผู้สูงศักดิ์เชียวนะกลับไม่มีแม้กระทั่งอำนาจลงโทษสาวใช้ผู้หนึ่งคล้ายดั่งว่าซูอวี้เออร์ผู้ที่รูทวารไม่มีหูรูดและถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่นผู้นั้นได้ตำแหน่งพระชายาตัวจริงก็มิปานมุมปากเซี่ยเช
“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าโวยวายพอแล้วหรือยัง”เซียวเย่หลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อให้จะยากใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับเพียงไหน สตรีผู้นี้ก็ทำเกินไปแล้วจริงๆเซี่ยเชียนฮวันมุมปากยกยิ้มหยัน “จ้านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โวยวายนะ สองสามวันมานี้นอกจากพักรักษากาย สิ่งเดียวที่หม่อมฉันตั้งใจทำมากเป็นพิเศษก็เขียนหนังสือหย่าฉบับนี้”“พักรักษากาย? รักษากายจากอะไร! ฮวันฮวัน เจ้าได้รับบาดจิบตรงไหนรึ”เซี่ยเหยียนพอได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นเขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วท่าทีการเดินเหินของน้องสาวเขาไม่ค่อยถูกต้องนักเหมือนว่าหลังโดนบิด“ในจวนจ้านอ๋องนี้ แม้ข้าจะได้รับของมาไม่มาก แต่บาดแผลนั้นกลับได้มาไม่น้อย”เซี่ยเชียนฮวันพูดไปด้วย แล้วค่อยๆ ถอดผ้าพันคอไหมที่พันอยู่รอบคอ บาดแผลที่ยังไม่หายดีปรากฏต่อหน้าผู้คนรอยแผลแดงประหนึ่งโลหิตสุด แสดงให้เห็นชัดว่าความทุกข์ที่นางถูกข่มขู่ชีวิต“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เซี่ยเหยียนขมวดคิ้วจ้องอย่างกริ้วโกรธ กำหมัดแน่น คุณชายที่ดูสุภาพเรียบร้อยเปลี่ยนไปเป็นประหนึ่งสิงโตที่บ้าเลือด“......”เซียวเย่หลันไม่มีวาจาจะตอบกลับรอยแผลนี้ เขาเป็นคนทำเองจริงๆเซ
เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งจะโยนหนังสือหย่าของนางและเขาออกมาในเมื่อครู่ หันหลังเพียงแวบเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าผลตรวจของท่านหมอบอกว่านางตั้งครรภ์เหล่าบรรดาผู้สอดแนมทั้งหลายในเมืองหลวงตาแสดงสีหน้าท่าทางราวกับว่าตนเองไม่เคยสอดแนมเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้วินิจฉัยผิดพลาด น้องสาวข้าตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ” เซี่ยเหยียนไม่อยากจะเชื่อ“ตอบนายท่าน ถึงแม้ว่าข้าน้อยเหมยหรงซีจะไม่ได้มีชื่อเสียงใหญ่โต แต่ก็ตั้งมานานนับยี่สิบปีแล้ว ข้าน้อยมิใช่หมอยาต้มตุ๋นที่ไร้ความสามารถแม้กระทั่งจับชีพจรครรภ์ไม่ได้นะขอรับ”“แล้วที่นางเป็นลมล้มลงไป หรือเป็นเพราะการเคลื่อนไหลของทารกในครรภ์นางอย่างนั้นหรือ”“เป็นเช่นนั้นขอรับ หลังจากที่สตรีตั้งครรภ์ก็มักจะมีอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะพระชายา พระนางยังปรับตัวกับทารกในครรภ์ไม่ได้ ทางที่ดีพระนางควรพักผ่อนให้มากๆ และควรดื่มโอสถบำรุงครรภ์ให้มากพ่ะย่ะค่ะ…”เซี่ยเชียนฮวันที่นอนสะลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดของคนข้างกายในใจนางมีเพียงความคิดเดียวแย่แล้วหลายวันที่ผ่านมานี้ ร่างกายของนางบอกเป็นนัยหลายครั้งแล้ว แต่นางกลับไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงนั้น และในที่