ณ วังบูรพาเซี่ยเชียนฮวันมีคนประคองลงมาจากเกี้ยวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าวัง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แม้ในยามราตรีเงียบสงัด รูปปั้นสลักเหล่านั้นยังคงเผยโครงร่างอันชัดเจนด้วยแสงจันทร์สาดส่องงดงาม ใหญ่โตราวกับสรวงสวรรค์“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเถิด” เฉินกงกงเป็นคนเดินนำทางไปเซียวเย่หลันก็เดินตามไปเช่นกันอาจเป็นเพราะเขามีความสงสัยในตัวของเซี่ยเชียนฮวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเองให้แน่ชัดเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจเขาด้วยการประคองของนางในสองคน นางเดินทางมาถึงตำหนักของพระราชนัดดาน้อย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็พบว่าพระชายาองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มว่า “เชียนฮวัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”การเรียกชื่อออกมาเช่นนี้ทำให้ดูเป็นกันเองมากเซี่ยเชียนฮวันกุมมือพระชายาองค์รัชทายาทเอาไว้ นางเองก็รู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมกับสตรีผู้อ่อนโยนคนนี้ยิ่งนัก พร้อมกล่าวด้วยเสียงบางเบาว่า “ขอโทษทีที่ข้ามาช้า เรารีบเข้าไปดูสถานการณ์ของเด็กกันเถิด” “เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนบาดเจ็บไม่น้อย”พระชายาองค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันดูไม่ดีนัก ยามเดินต้องมีคนคอยพยุง ที่คอยั
"ว่าอย่างไรนะ ถูกพิษหรือ!" ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนตกใจกับคำตอบของเซี่ยเชียนฮวันพวกเขาต่างพากันมองหน้าไปมา แสดงถึงความลังเลไม่แน่ชัดเซียวเย่หลันตะคอกขึ้นว่า "เจ้าครุ่นคิดให้ดีก่อนค่อยเอ่ยปากออกมา ที่นี่คือพระราชวังหลวง ไม่ใช่ที่ซึ่งเจ้าจะมาเอ่ยวาจาได้ตามอำเภอใจ”"ทำไมหรือ เจ้าเกรงว่าข้าพูดผิดใจใครแล้วจะลำบากเจ้าด้วยงั้นหรือ" เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วขึ้นเดิมทีนางก็มีหน้าตางดงามสะสวย บัดนี้เมื่อนางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่างดึงดูดใจคนเหลือเกินเซียวเย่หลันจ้องมองไปที่นาง ใบหน้ายังคงเยือกเย็นดังเดิม "ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด" "งั้นหรือ หมายความว่าเจ้าเป็นห่วงข้า? " เซี่ยเชียนฮวันกะพริบตา"......" เซียวเย่หลันไม่รู้จะตอบอย่างไรดีโชคดีเหลือเกินที่พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ด้านข้างเข้ามารับสถานการณ์เอาไว้ "ในพระราชวังนี้ การวางยาพิษไม่ใช่เรื่องง่าย เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าแน่ใจหรือว่าห้าวเออร์ถูกวางยาพิษจริง”"เดี๋ยวคอยดูก็รู้แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันคำนวณเวลาเอาไว้แล้วดึงเข็มเงินทั้ง 3 เล่มออกมาวางไว้บนผ้าเมื่อทุกคนมองไปก็พบว่าเข็มนั้นกลายเป
"เจ้ารู้แล้วงั้นหรือ เพราะเหตุใดเขาจึงถูกพิษเล่า" พระชายาองค์รัชทายาทตกตะลึงแล้วรีบเอ่ยถามบัดนี้แม้แต่เซียวเย่หลันเองก็เผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา เขาใช้แววตาอันสำรวจสอดส่องจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง ผลักหน้าต่างบานนั้นออก สายลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกถัวซานางหันกลับมากล่าวว่า "ตอนที่ข้าเดินทางมา ก็พบว่าที่ด้านนอกมีต้นถัวซาปลูกอยู่สองสามต้น เดิมทีผงของต้นไม้นี้ไม่มีพิษ แต่หากนำไปผสมกับซิ่งเหรินก็จะเกิดพิษขึ้นอย่างช้าๆ ” “ในฤดูนี้ลมแรงนัก ข้าคิดว่ายามนางในนำขนมซิ่งเหรินมาถวายแก่พระราชนัดดาน้อย ด้านบนคงจะมีผงของต้นไม้นี้อยู่บ้าง เมื่อวันเวลานานเข้า อาหารที่ไปสั่งสมเกิดเป็นพิษก็ยิ่งมากขึ้น จนเริ่มมีอาการอันตราย" เมื่อได้ยินการคาดเดาของเซี่ยเชียนฮวัน ทุกคนในที่นั้นก็ตัวสั่น ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา! พระชายาองค์รัชทายาทพึมพำว่า "ต้นถัวซาเหล่านั้น องค์ชายรองเป็นคนมอบให้......""หุบปากเสีย" องค์รัชทายาทหันไปใช้สายตาเตือนภรรยาของตน ไม่ให้นางกล่าวมากความ “บางทีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ หาได้มีใครจงใจวางยา เป็นเพราะพวกเร
“สัญญา?”ทั้งองค์รัชทายาทและพระชายาองค์รัชทายาทต่างหันมามองหน้ากันประโยคนี้ฟังดูแปลกพิลึก“เจ้าลองบอกข้าว่าเป็นสัญญาเช่นไร” องค์รัชทายาทกล่าว“ขอองค์รัชทายาท โปรดให้คำสัญญาว่าข้าจะสามารถออกจากวังบูรพาได้โดยยังมีชีวิตอยู่!”ประโยคนี้ของเซี่ยเชียนฮวันทำให้ทุกคนตกตะลึง!องค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน “น้องสะใภ้ ประโยคนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ในวังบูรพามีองครักษ์คุ้มกันมากมาย เจ้าจะมีอันตรายถึงชีวิตได้หรือ”“องค์รัชทายาทโปรดตอบตกลงเป็นพอ”“เอ่อ......อืม ย่อมได้ ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะมีชีวิตออกไป!”องค์รัชทายาทงุนงงยิ่งนัก แต่เมื่อพบว่าเซี่ยเชียนฮวันยืนกรานหนักแน่น เขาจึงทำได้เพียงให้คำสัญญานี้ต่อนางเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้รับการยืนยันจากองค์รัชทายาทแล้ว นางก็หันเดินไปทางเซียวเย่หลันจากนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่หลัน ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ตบลงไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างแรง“เพียะ!”ตบนี้มาโดยเซียวเย่หลันไม่ทันตั้งตัว คนอื่นก็งุนงงไปตามๆ กันนาง......นางกล้าตบจ้านอ๋อง?!เขาคืออ๋องผู้โหดเหี้ยมเด็ดขาดที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลายเชียว!บัดนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อคร
เซียวเย่หลันหันกลับมามองท่ามกลางแสงจันทร์ ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงโดดเด่นสง่างามราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ไม่มีสิ่งใดแปดเปื้อนแม้แต่น้อยเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับชายผู้นี้แม้จะน่ารังเกียจเพียงไร แต่รูปร่างหน้าตาของเขายังคงทำให้นางหลงใหลได้ทุกเมื่อนางเดินกะเผลกๆ เข้ามาแล้วชายตามองเซียวเย่หลันที่นั่งอยู่บนม้าขาว “เจ้าคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ”“ไม่เช่นนั้นเล่า?” เซียวเย่หลันมองไปที่นางด้วยความเย็นชา “ให้เจ้าตบข้าอีกครั้งค่อยไปงั้นรึ?”เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงหึๆ ออกมาจากลำคอ “บัดนี้ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับการถอนต้นไม้ ไม่มีใครพยุงข้า ที่หลังข้าบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าจะขึ้นเกี้ยวเองได้อย่างไร”“เจ้าต้องการให้ข้าพยุงเจ้า?”เซียวเย่หลันเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อยเขาสงสัยเสียจริงว่าสตรีนางนี้เอาความมั่นใจมาจากที่ใดเมื่อครู่ตบหน้าเขาต่อทุกคน บัดนี้ยังกล้าเอ่ยเงื่อนไขเช่นนี้อีก“เจ้าไม่ยินดีพยุงข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งจนกระทั่งฟ้าสาง ให้ทุกคนในวังรู้ว่าเจ้าทำร้ายคนดีและเกือบโบยภรรยาผู้เติบโตมาด้วยกันแต่เล็ก จนแทบถึงแก่ชีวิต”เซี่ยเชียนฮวันพยุงไม้ค้ำเอาไว้ แกล้งทำท่าทางจะนั่งลงอย่างช้าๆ
เซี่ยเชียนฮวันเองก็ไม่รู้ว่าตลอดทางนั้นนางผ่านมาได้อย่างไรนางนั่งโอนเอนไปมาบนหลังม้า หากไม่ทันระวังก็จะถูกเข้ากับแผลที่หลัง ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักส่วนเซียวเย่หลันชายผู้นี้หาได้ถนอมนาง เอาแต่ขี่ม้าของตนไป ต่อให้นางร้องขอชะลอความเร็ว เขาก็คิดว่านางเพียงออดอ้อนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าตนคงซวยมา 8 ภพ 8 ชาติ จึงได้มาเจอกับเซียวเย่หลันที่ดื้อรั้นเยือกเย็นคนนี้กว่าจะกลับถึงจวนอ๋องได้ไม่ใช่ง่ายเลยนางรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียถึงที่สุด ยังไม่ทันได้มองป้ายหน้าจวนอ๋อง ศีรษะของนางก็โอนเอนหมดสติไปเซียวเย่หลันก้มหน้าลงมองไปยังหญิงสาวที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ตื่นได้แล้ว”เขายื่นมือออกไปอยากจะผลักนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสัมผัสไปที่หลัง มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด หรือว่า......แผลที่หลังนางฉีก?เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “ก็แค่ถูกโบยไว้เดียว เหตุใดบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้”ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับสตรี จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีช่างอ่อนแอบอบบางด้วยความที่ไม่รู้จะทำเช่นไร เซียวเย่หลันจึงจำต้องอุ้มเซี่ยเชียนฮวันลงมาจากหลังม้าแล้วก้าวเข้
ด้วยการพยุงจากเสี่ยวตง เซี่ยเชียนฮวันจึงเดินโซซัดโซเซมาถึงเรือนจิ่นซิ่วได้สำเร็จ“พระชายาอ๋อง? มาที่นี่ทำสิ่งใดเพคะ”หญิงชราคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นเห็นเซี่ยเชียนฮวัน นางแสดงสีหน้าอันรังเกียจออกมาโดยไม่อาจปิดบังได้ แทบจะกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน” ออกมาเสียแล้วเซี่ยเชียนฮวันเหลือบตามองแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เสี่ยวตง นางผู้นี้เห็นข้าแต่ไม่คารวะ อีกทั้งกล่าววาจาเสียมารยาทไม่มีความเคารพยำเกรง จงไปตบปากนางเสีย”“เพคะ!”เสี่ยวตงว่องไวกว่าบ่าวรับใช้คนก่อนของเจ้าของร่างเดิมมากทีเดียวนางก้าวไปสองสามก้าวแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงผู้นั้น ยกมือขึ้นตบทันใดหญิงผู้นั้นถูกตบไปสักพักจึงได้สติกลับคืนมา กล่าวด้วยความโมโหว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้า? พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?!”“ตบต่อไป จนกระทั่งนางหยุด” เซี่ยเชียนฮวันเอามือกอดอกเลิกคิ้วใส่เสี่ยวตงตอบรับ จากนั้นยกมือขึ้นตบต่อโดยไม่ลังเล“เพียะ!”“เพียะๆๆ!”ภายในลาน เสียงฝ่ามือดังสนั่น!หญิงผู้นั้นคิดจะโต้กลับ แต่เสี่ยวตงหาได้เหมือนกันบ่าวรับใช้ทั่วไป นางและพี่ชายล้วนเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ ไม่ให้โอกาสใครได้ลงมือกลับแม้แต่น้อยในไม่ช้า ใบหน้า
“ไม่ว่าเจ้าคิดทำสิ่งใดต่อข้า รอเมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้วข้าจะฟ้องเขาอย่างแน่นอน!”ซูอวี้เออร์จ้องไปทางเซี่ยเชียนฮวันราวกับศัตรูตัวฉกาจเซี่ยเชียนฮวันเพียงยิ้มขึ้นเบา ๆ “ที่นี่ไม่มีชายใดอยู่ เจ้าทำท่าทีอ่อนแอเช่นนั้นให้ผู้ใดดู? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ คนที่ไปบอกกับเซียวเย่หลันเรื่องที่หาว่าข้าแอบติดต่อกับเย่ซิ่นก็คือเจ้า”“ข้า...... ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงสิ่งใด" ซูอวี้เออร์แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจต้องยอมรับว่านางได้วางแผนการเอาไว้เป็นอย่างดีคนในจวนรู้เพียงเรื่องว่าเซี่ยเชียนฮวันและเย่ซิ่นแอบติดต่อกันลับ ๆ และถูกท่านออกจับได้พอดี ทว่าไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้ว่าเป็นซูอวี้เออร์ที่นำไปบอก“ถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็ผ่านไปแล้ว วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อรักษาอาการให้แก่เจ้า นอนลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำซูอวี้เออร์เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรบัดนี้เซียวเย่หลันที่คอยคุ้มกันนางได้เดินทางออกจากจวนไป เนื่องจากเรื่องราวก่อนหน้านี้หลายเรื่องที่เกิดขึ้น คนในจวนจึงไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งของนางดังเช่นเมื่อก่อนอีกนางจึงทำได้เพียงฟังคำของเซี่ยเชียนฮวัน แล้วนอนลงอย่างระมัดระวัง