ณ วังบูรพาเซี่ยเชียนฮวันมีคนประคองลงมาจากเกี้ยวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าวัง ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แม้ในยามราตรีเงียบสงัด รูปปั้นสลักเหล่านั้นยังคงเผยโครงร่างอันชัดเจนด้วยแสงจันทร์สาดส่องงดงาม ใหญ่โตราวกับสรวงสวรรค์“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเถิด” เฉินกงกงเป็นคนเดินนำทางไปเซียวเย่หลันก็เดินตามไปเช่นกันอาจเป็นเพราะเขามีความสงสัยในตัวของเซี่ยเชียนฮวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเองให้แน่ชัดเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจเขาด้วยการประคองของนางในสองคน นางเดินทางมาถึงตำหนักของพระราชนัดดาน้อย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็พบว่าพระชายาองค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มว่า “เชียนฮวัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!”การเรียกชื่อออกมาเช่นนี้ทำให้ดูเป็นกันเองมากเซี่ยเชียนฮวันกุมมือพระชายาองค์รัชทายาทเอาไว้ นางเองก็รู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมกับสตรีผู้อ่อนโยนคนนี้ยิ่งนัก พร้อมกล่าวด้วยเสียงบางเบาว่า “ขอโทษทีที่ข้ามาช้า เรารีบเข้าไปดูสถานการณ์ของเด็กกันเถิด” “เจ้าเป็นอะไรไป ดูเหมือนบาดเจ็บไม่น้อย”พระชายาองค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันดูไม่ดีนัก ยามเดินต้องมีคนคอยพยุง ที่คอยั
"ว่าอย่างไรนะ ถูกพิษหรือ!" ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนตกใจกับคำตอบของเซี่ยเชียนฮวันพวกเขาต่างพากันมองหน้าไปมา แสดงถึงความลังเลไม่แน่ชัดเซียวเย่หลันตะคอกขึ้นว่า "เจ้าครุ่นคิดให้ดีก่อนค่อยเอ่ยปากออกมา ที่นี่คือพระราชวังหลวง ไม่ใช่ที่ซึ่งเจ้าจะมาเอ่ยวาจาได้ตามอำเภอใจ”"ทำไมหรือ เจ้าเกรงว่าข้าพูดผิดใจใครแล้วจะลำบากเจ้าด้วยงั้นหรือ" เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วขึ้นเดิมทีนางก็มีหน้าตางดงามสะสวย บัดนี้เมื่อนางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่างดึงดูดใจคนเหลือเกินเซียวเย่หลันจ้องมองไปที่นาง ใบหน้ายังคงเยือกเย็นดังเดิม "ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด" "งั้นหรือ หมายความว่าเจ้าเป็นห่วงข้า? " เซี่ยเชียนฮวันกะพริบตา"......" เซียวเย่หลันไม่รู้จะตอบอย่างไรดีโชคดีเหลือเกินที่พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ด้านข้างเข้ามารับสถานการณ์เอาไว้ "ในพระราชวังนี้ การวางยาพิษไม่ใช่เรื่องง่าย เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าแน่ใจหรือว่าห้าวเออร์ถูกวางยาพิษจริง”"เดี๋ยวคอยดูก็รู้แล้ว" เซี่ยเชียนฮวันคำนวณเวลาเอาไว้แล้วดึงเข็มเงินทั้ง 3 เล่มออกมาวางไว้บนผ้าเมื่อทุกคนมองไปก็พบว่าเข็มนั้นกลายเป
"เจ้ารู้แล้วงั้นหรือ เพราะเหตุใดเขาจึงถูกพิษเล่า" พระชายาองค์รัชทายาทตกตะลึงแล้วรีบเอ่ยถามบัดนี้แม้แต่เซียวเย่หลันเองก็เผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา เขาใช้แววตาอันสำรวจสอดส่องจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง ผลักหน้าต่างบานนั้นออก สายลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกถัวซานางหันกลับมากล่าวว่า "ตอนที่ข้าเดินทางมา ก็พบว่าที่ด้านนอกมีต้นถัวซาปลูกอยู่สองสามต้น เดิมทีผงของต้นไม้นี้ไม่มีพิษ แต่หากนำไปผสมกับซิ่งเหรินก็จะเกิดพิษขึ้นอย่างช้าๆ ” “ในฤดูนี้ลมแรงนัก ข้าคิดว่ายามนางในนำขนมซิ่งเหรินมาถวายแก่พระราชนัดดาน้อย ด้านบนคงจะมีผงของต้นไม้นี้อยู่บ้าง เมื่อวันเวลานานเข้า อาหารที่ไปสั่งสมเกิดเป็นพิษก็ยิ่งมากขึ้น จนเริ่มมีอาการอันตราย" เมื่อได้ยินการคาดเดาของเซี่ยเชียนฮวัน ทุกคนในที่นั้นก็ตัวสั่น ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา! พระชายาองค์รัชทายาทพึมพำว่า "ต้นถัวซาเหล่านั้น องค์ชายรองเป็นคนมอบให้......""หุบปากเสีย" องค์รัชทายาทหันไปใช้สายตาเตือนภรรยาของตน ไม่ให้นางกล่าวมากความ “บางทีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ หาได้มีใครจงใจวางยา เป็นเพราะพวกเร
“สัญญา?”ทั้งองค์รัชทายาทและพระชายาองค์รัชทายาทต่างหันมามองหน้ากันประโยคนี้ฟังดูแปลกพิลึก“เจ้าลองบอกข้าว่าเป็นสัญญาเช่นไร” องค์รัชทายาทกล่าว“ขอองค์รัชทายาท โปรดให้คำสัญญาว่าข้าจะสามารถออกจากวังบูรพาได้โดยยังมีชีวิตอยู่!”ประโยคนี้ของเซี่ยเชียนฮวันทำให้ทุกคนตกตะลึง!องค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน “น้องสะใภ้ ประโยคนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ในวังบูรพามีองครักษ์คุ้มกันมากมาย เจ้าจะมีอันตรายถึงชีวิตได้หรือ”“องค์รัชทายาทโปรดตอบตกลงเป็นพอ”“เอ่อ......อืม ย่อมได้ ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะมีชีวิตออกไป!”องค์รัชทายาทงุนงงยิ่งนัก แต่เมื่อพบว่าเซี่ยเชียนฮวันยืนกรานหนักแน่น เขาจึงทำได้เพียงให้คำสัญญานี้ต่อนางเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้รับการยืนยันจากองค์รัชทายาทแล้ว นางก็หันเดินไปทางเซียวเย่หลันจากนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่หลัน ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ตบลงไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างแรง“เพียะ!”ตบนี้มาโดยเซียวเย่หลันไม่ทันตั้งตัว คนอื่นก็งุนงงไปตามๆ กันนาง......นางกล้าตบจ้านอ๋อง?!เขาคืออ๋องผู้โหดเหี้ยมเด็ดขาดที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลายเชียว!บัดนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อคร
เซียวเย่หลันหันกลับมามองท่ามกลางแสงจันทร์ ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงโดดเด่นสง่างามราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ไม่มีสิ่งใดแปดเปื้อนแม้แต่น้อยเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับชายผู้นี้แม้จะน่ารังเกียจเพียงไร แต่รูปร่างหน้าตาของเขายังคงทำให้นางหลงใหลได้ทุกเมื่อนางเดินกะเผลกๆ เข้ามาแล้วชายตามองเซียวเย่หลันที่นั่งอยู่บนม้าขาว “เจ้าคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ”“ไม่เช่นนั้นเล่า?” เซียวเย่หลันมองไปที่นางด้วยความเย็นชา “ให้เจ้าตบข้าอีกครั้งค่อยไปงั้นรึ?”เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงหึๆ ออกมาจากลำคอ “บัดนี้ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับการถอนต้นไม้ ไม่มีใครพยุงข้า ที่หลังข้าบาดเจ็บเช่นนี้ ข้าจะขึ้นเกี้ยวเองได้อย่างไร”“เจ้าต้องการให้ข้าพยุงเจ้า?”เซียวเย่หลันเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อยเขาสงสัยเสียจริงว่าสตรีนางนี้เอาความมั่นใจมาจากที่ใดเมื่อครู่ตบหน้าเขาต่อทุกคน บัดนี้ยังกล้าเอ่ยเงื่อนไขเช่นนี้อีก“เจ้าไม่ยินดีพยุงข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งจนกระทั่งฟ้าสาง ให้ทุกคนในวังรู้ว่าเจ้าทำร้ายคนดีและเกือบโบยภรรยาผู้เติบโตมาด้วยกันแต่เล็ก จนแทบถึงแก่ชีวิต”เซี่ยเชียนฮวันพยุงไม้ค้ำเอาไว้ แกล้งทำท่าทางจะนั่งลงอย่างช้าๆ
เซี่ยเชียนฮวันเองก็ไม่รู้ว่าตลอดทางนั้นนางผ่านมาได้อย่างไรนางนั่งโอนเอนไปมาบนหลังม้า หากไม่ทันระวังก็จะถูกเข้ากับแผลที่หลัง ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนักส่วนเซียวเย่หลันชายผู้นี้หาได้ถนอมนาง เอาแต่ขี่ม้าของตนไป ต่อให้นางร้องขอชะลอความเร็ว เขาก็คิดว่านางเพียงออดอ้อนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าตนคงซวยมา 8 ภพ 8 ชาติ จึงได้มาเจอกับเซียวเย่หลันที่ดื้อรั้นเยือกเย็นคนนี้กว่าจะกลับถึงจวนอ๋องได้ไม่ใช่ง่ายเลยนางรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียถึงที่สุด ยังไม่ทันได้มองป้ายหน้าจวนอ๋อง ศีรษะของนางก็โอนเอนหมดสติไปเซียวเย่หลันก้มหน้าลงมองไปยังหญิงสาวที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ตื่นได้แล้ว”เขายื่นมือออกไปอยากจะผลักนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสัมผัสไปที่หลัง มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด หรือว่า......แผลที่หลังนางฉีก?เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “ก็แค่ถูกโบยไว้เดียว เหตุใดบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้”ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับสตรี จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีช่างอ่อนแอบอบบางด้วยความที่ไม่รู้จะทำเช่นไร เซียวเย่หลันจึงจำต้องอุ้มเซี่ยเชียนฮวันลงมาจากหลังม้าแล้วก้าวเข้
ด้วยการพยุงจากเสี่ยวตง เซี่ยเชียนฮวันจึงเดินโซซัดโซเซมาถึงเรือนจิ่นซิ่วได้สำเร็จ“พระชายาอ๋อง? มาที่นี่ทำสิ่งใดเพคะ”หญิงชราคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นเห็นเซี่ยเชียนฮวัน นางแสดงสีหน้าอันรังเกียจออกมาโดยไม่อาจปิดบังได้ แทบจะกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน” ออกมาเสียแล้วเซี่ยเชียนฮวันเหลือบตามองแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เสี่ยวตง นางผู้นี้เห็นข้าแต่ไม่คารวะ อีกทั้งกล่าววาจาเสียมารยาทไม่มีความเคารพยำเกรง จงไปตบปากนางเสีย”“เพคะ!”เสี่ยวตงว่องไวกว่าบ่าวรับใช้คนก่อนของเจ้าของร่างเดิมมากทีเดียวนางก้าวไปสองสามก้าวแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงผู้นั้น ยกมือขึ้นตบทันใดหญิงผู้นั้นถูกตบไปสักพักจึงได้สติกลับคืนมา กล่าวด้วยความโมโหว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้า? พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?!”“ตบต่อไป จนกระทั่งนางหยุด” เซี่ยเชียนฮวันเอามือกอดอกเลิกคิ้วใส่เสี่ยวตงตอบรับ จากนั้นยกมือขึ้นตบต่อโดยไม่ลังเล“เพียะ!”“เพียะๆๆ!”ภายในลาน เสียงฝ่ามือดังสนั่น!หญิงผู้นั้นคิดจะโต้กลับ แต่เสี่ยวตงหาได้เหมือนกันบ่าวรับใช้ทั่วไป นางและพี่ชายล้วนเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ ไม่ให้โอกาสใครได้ลงมือกลับแม้แต่น้อยในไม่ช้า ใบหน้า
“ไม่ว่าเจ้าคิดทำสิ่งใดต่อข้า รอเมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้วข้าจะฟ้องเขาอย่างแน่นอน!”ซูอวี้เออร์จ้องไปทางเซี่ยเชียนฮวันราวกับศัตรูตัวฉกาจเซี่ยเชียนฮวันเพียงยิ้มขึ้นเบา ๆ “ที่นี่ไม่มีชายใดอยู่ เจ้าทำท่าทีอ่อนแอเช่นนั้นให้ผู้ใดดู? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ คนที่ไปบอกกับเซียวเย่หลันเรื่องที่หาว่าข้าแอบติดต่อกับเย่ซิ่นก็คือเจ้า”“ข้า...... ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงสิ่งใด" ซูอวี้เออร์แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจต้องยอมรับว่านางได้วางแผนการเอาไว้เป็นอย่างดีคนในจวนรู้เพียงเรื่องว่าเซี่ยเชียนฮวันและเย่ซิ่นแอบติดต่อกันลับ ๆ และถูกท่านออกจับได้พอดี ทว่าไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้ว่าเป็นซูอวี้เออร์ที่นำไปบอก“ถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็ผ่านไปแล้ว วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อรักษาอาการให้แก่เจ้า นอนลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำซูอวี้เออร์เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรบัดนี้เซียวเย่หลันที่คอยคุ้มกันนางได้เดินทางออกจากจวนไป เนื่องจากเรื่องราวก่อนหน้านี้หลายเรื่องที่เกิดขึ้น คนในจวนจึงไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งของนางดังเช่นเมื่อก่อนอีกนางจึงทำได้เพียงฟังคำของเซี่ยเชียนฮวัน แล้วนอนลงอย่างระมัดระวัง
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา