เมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ไกลออกไป เซี่ยเชียนฮวันจึงพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ คนที่หลอกนางเข้าวังมาคือเซียวหมิงเซียน แต่เซียวหมิงเซียนช่างโง่เขลาและใจร้อน ด้วยเกลียดแค้นนางสุดหัวใจ จึงคิดหาวิธีนี้มาแก้แค้นนางแต่กลับถูกเฉิงกุ้ยเฟยรู้เรื่องเข้าเสียก่อนเฉิงกุ้ยเฟยใช้โอกาสนี้คิดแผนการสกปรกโสโครกขึ้นมาจัดการนางพวกนางต้องการทำให้เซี่ยเชียนฮวันแปดเปื้อน จากนั้นบังคับให้นางอยู่ในกำมือ!“หลินซวี่...”เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยเรียกองครักษ์ลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งท่ามกลางความมืดมิด ไร้คนตอบรับเซี่ยเชียนฮวันจึงนึกขึ้นได้ว่าหลินซวี่เคยบอกไว้ ในวังผู้มีวิทยายุทธสูงส่งมากมาย องครักษ์ลับเช่นเขาไม่อาจเข้าไปได้ จึงรออยู่ที่นอกประตูวังนี่อาจเป็นเหตุผลที่เซียวหมิงเซียนหลอกนางเข้ามาจัดการในวังให้ตายสิ นางรู้ว่าเฉิงกุ้ยเฟยใจกล้า แต่ไม่คิดว่าพวกนางจะใจกล้าเพียงนี้ อาศัยความโปรดปรานของฮ่องเต้ นางกล้าจะลงมือกับพระชายาอ๋องได้!“แกร๊ก”ทันใดนั้น เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาเขาย่างกายมาข้างเตียงอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงเบาๆ ยื่นมือออกมาลูบไล้แขนของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชีย
องค์ชายรองต้องการสังหารเขา แต่ละครั้งที่โจมตีล้วนเป็นจุดสำคัญแต่ชายผู้นั้นมีวิทยายุทธสูงส่งกว่าองค์ชายรองเขาปกป้องเซี่ยเชียนฮวันพลางต่อสู้กับองค์ชายรองไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยากเซี่ยเชียนฮวันถูกชายชุดดำโอบไว้ในอ้อมกอด นางรู้สึกไม่คุ้นชินจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ นางกระซิบถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”“ลืมข้าเร็วเช่นนี้เชียว?”น้ำเสียงของชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม เสียงของเขาเปลี่ยนไปดูห้าวขึ้นแต่เซี่ยเชียนฮวันก็จำเขาได้ในทันที“เป็นเจ้า?!”เซี่ยเชียนฮวันตกตะลึงยิ่งนักเขาก็คือชายปิดหน้าผู้ลึกลับคนนั้น!“เชียนฮวัน เจ้าช่างเนื้อหอมเหลือเกิน ไม่ว่าชายใดล้วนต้องการเจ้า”ชายปิดหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วใช้พัดปัดการโจมตีขององค์ชายรองหากเทียบกับการโจมตีเอาจริงเอาจังขององค์ชายรองแล้ว เขาทำเพียงป้องกัน ไม่ได้โจมตีกลับ ดูไม่มีจุดประสงค์ทำร้ายองค์ชายรอง“เจ้าเป็นมือสังหารจากที่ใดกันแน่? เหตุใดจึงไม่โจมตี?!” องค์ชายรองตะโกนถามชายปิดหน้าส่งเสียงหึๆ ออกมา ไม่ได้ตอบคำถามขององค์ชายรองเขากระซิบกับเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ “ข้าจะรั้งเขาไว้ เจ้ารีบหนีไป”ต่อให้เขาวิทยายุทธเขาสูงกว่าองค์ชายรองมาก แต่การต้องปกป้อ
ในครั้งนี้ เป็นความรู้สึกคุ้นเคยของเซี่ยเชียนฮวันนางถอนหายใจออกมาแม้ว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของนางจะดูคลุมเครือ แต่ก็ยังคงรู้และเข้าใจว่าคนที่อยู่ข้างกายตอนนี้คือเซียวเย่หลัน...“เจ้าถูกวางยางั้นหรือ?"ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันมีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ฟังจากน้ำเสียงพอจะเดาได้ว่าตอนนี้เขาคงขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจนางจับไปที่บ่าของเขา ลมหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "องค์ชายรอง เฉิงกุ้ยเฟยและองค์หญิงแปด วางแผนเรื่องนี้""มียาแก้พิษหรือไม่"บัดนี้เซียวเย่หลันไม่ได้วิ่งตามคนร้าย แต่กลับคลำไปที่เอวของเซี่ยเชียนฮวันเขาจำได้ว่านางไปไหนมาไหนมักเอายาไปด้วย เช่นยาว่านหลิงที่สามารถถอนพิษได้ทุกชนิด"มะ ไม่มี..."เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าก่อนหน้าที่จะเดินทางออกจากวังหย่งโซ่ว ยาที่นางมีล้วนถวายแก่ไทเฮาหมดแล้วที่สำคัญก็คือ การที่เซียวเย่หลันเข้ามาสัมผัสนางในตอนนี้ ราวกับไฟอันร้อนรุ่มทำให้นางรู้สึกร้อนรนทรมานกว่าเดิม!“เจ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ..."เซี่ยเชียนฮวันทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจับมือเขาเอาไว้แน่นเซียวเย่หลันสัมผัสได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของนางที่แผ่ซ่านออกมา ริมฝีปากจึงเผยอขึ้นเล
เซียวเย่หลันเบิกตากว้างในน้ำก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันตามติดก้นเขา วันๆ เอาแต่บอกว่าจะแต่งงานกับเขา ตอนนั้นนางก็เคยทำท่าทางใกล้ชิดเช่นนี้แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกต่างจากครั้งก่อนๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าริมฝีปากของเซี่ยเชียนฮวันจะหวานขนาดนี้ในไม่ช้า เซียวเย่หลันที่ถูกกระตุ้นทางร่างกายก็กอดเซี่ยเชียนฮวันไว้แน่น จากผู้ถูกกระทำกลายเป็นผู้กระทำเสียเอง แล้วดื่มด่ำอยู่ท่ามกลางความหอมหวานนี้กับนาง...หลังเที่ยงคืนเซียวเย่หลันที่ร่างกายเปียกปอนอุ้มเซี่ยเชียนฮวันกลับมายังจวนจ้านอ๋อง ทุกคนพากันตกตะลึง“รีบไปตามหมอมา” เขาออกคำสั่งด้วยความเย็นชาเมื่อทุกคนเห็นว่าพระชายาอ๋องสลบไสลไม่ได้สติ ต่างก็ไม่กล้ารอช้า รีบเดินทางออกไปตามหมอทุกคนคิดว่าเซียวเย่หลันจะอุ้มเซี่ยเชียนฮวันไปยังเรือนหลันเซียง แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มนางเข้าไปในห้องของเขาจึงไม่มีใครกล้าตามเข้าไปเสี่ยวตงกระซิบถามเย่ซิ่นด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “เหนียงเหนียงเป็นอะไรไป นางตกน้ำหรือ?”“เกรงว่าจะใช่”“แต่เหนียงเหนียงเดินทางเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮา จู่ๆ จะตกน้ำได้อย่างไร?”“ท่านอ๋องไม่ได้บอก” เย่ซิ่นส่ายหน้าระหว่างนั้นเกิด
ณ เรือนจิ่นซิ่วตอนที่เซียวเย่หลันเดินทางมาถึงนั้น เขาได้ยินเสียงพิณลอยมาเบาๆ เมื่อเปิดม่านขึ้น จึงพบว่าซูอวี้เออร์กำลังนั่งบรรเลงพิณอยู่บนเตียงตั่ง นางเงยหน้ามองเขาอย่างเปี่ยมด้วยความรัก“ยังปวดหัวอยู่หรือไม่?”เซียวเย่หลันนั่งลงข้างกายนางซูอวี้เออร์ถอนหายใจออกมา “ปวดสิเจ้าคะ แต่ว่า หากมีท่านอ๋องอยู่ที่นี่ด้วย ก็คงไม่ปวดเท่าไรนัก”“กินยาคงจะดีขึ้น ข้าจะไปเอายามาให้เจ้า”เซียวเย่หลันตบบ่าของซูอวี้เออร์เบาๆ จากนั้นลุกขึ้นยืน“ท่านอ๋องเพคะ!”ซูอวี้เออร์รีบร้อนจนโยนพิณออกไปแล้วใช้มือทั้งสองข้างกอดเอวเซียวเย่หลันไว้แน่นนางเอ่ยถามด้วยความน่าสงสารว่า “แม้อวี้เออร์จะเป็นไข้ทางกาย แต่ไข้ทางใจก็ใช่น้อย! ทุกคราเมื่อคิดถึงว่านับแต่แต่งเข้ามาในจวน ท่านอ๋องก็ไม่เคยแตะต้องข้าน้อยเลยสักครั้ง ข้าน้อยรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ข้าทำให้ท่านอ๋องรู้สึกรังเกียจเช่นนั้นเชียวหรือ?”“หาได้เป็นเช่นนั้น”เซียวเย่หลันลูบไล้ไปยังมือขาวผ่องของซูอวี้เออร์เขาหันกลับมาแล้วถอนหายใจ “แต่ไหนแต่ไรมา เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี”“ท่านไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี เรื่องนี้ข้าน้อยเข้าใจ แต่ว่า ข้าอยากเป็นกรณียกเว
ภายในพระราชวังเฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาของนางนั่งรวมตัวกันด้วยสีหน้าไม่ดีนัก"เสด็จแม่เพคะ ตอนนี้เราจะทำเช่นไรดี? เซี่ยเชียนฮวันหนีไปยังไม่เท่าไร กลับถูกมือสังหารนิรนามพบเข้าอีก หากคนผู้นั้นนำเรื่องไปฟ้องขึ้นมา พวกเราจะทำเช่นไร!"องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเดินไปเดินมาข้างกายเฉิงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางกระสับกระส่ายองค์ชายรองสีหน้ามืดมนเช่นกัน แต่ค่อนข้างสงบกว่า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า "หากมันผู้นั้นเป็นมือสังหารจริง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปฟ้องต่อผู้ใด หากยังพอมีสมองอยู่บ้างก็คงจะไม่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับข้าเพียงเพราะสตรีคนเดียว""ฉงเออร์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เราไม่ต้องสนใจมือสังหารผู้นั้นหรอก เพียงแค่เราไม่ได้ถูกจับได้คาหนังคาเขา เซี่ยเชียนฮวันก็ไร้ซึ่งหลักฐาน พูดเพียงแค่ลมปากนางก็ไม่อาจทำสิ่งใดเราได้"เฉิงกุ้ยเฟยเดือดเนื้อร้อนใจเช่นเดียวกับธิดาของนาง แต่ยังคงไว้ซึ่งสติเซียวหมิงเซียนกระทืบเท้าปึงๆ "เซี่ยเชียนฮวัน นางสารเลวนั่นทำอะไรเราไม่ได้ก็จริง แต่หากนางไปบอกกับเสด็จพี่เจ็ดเล่า? ท่านแม่ก็รู้ว่านิสัยของเสด็จพี่เจ็ดเป็นเช่นไร...""ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาว่าเป็นเช่นไร เพียงแค่พวกเจ้าเอ
บนสมุดนั้นบันทึกสิ่งใดไว้?เฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาต่างมองหน้ากันไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระดาษเพียงไม่กี่แผ่นฮ่องเต้กลับทรงใช้เวลาอ่านอยู่ นับสิบนาทียิ่งอ่านสีพระพักตร์ก็ยิ่งมืดมนลงจนกระทั่งเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย ฮ่องเต้ได้วางบันทึกลงบนโต๊ะ มองมาทางเฉิงกุ้ยเฟยด้วยแววตาอันเยือกเย็น "อวี้หย่า นี่คือลูกที่เจ้าอบรมสั่งสอนมาหรือ""ฝ่าบาทเพคะ เกิดเรื่องใดขึ้น ท่านตรัสเช่นนี้ทำให้หม่อมฉันตื่นตระหนกตกใจจนเหงื่อตก"บัดนี้เฉิงกุ้ยเฟยกระสับกระส่ายใจยิ่งนัก"พวกเจ้าดูเองเถิด!"ฮ่องเต้โยนสมุดเล่มนั้นใส่หน้าเฉิงกุ้ยเฟยนางค่อยๆ เปิดมันออกด้วยความระมัดระวัง เมื่ออ่านดูก็ต้องตกตะลึงเนื้อความในนั้น บันทึกถึงองค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเข้ายึดพื้นที่ทำกิน เก็บกักอาหารไว้เป็นการส่วนตัว!และการยึดครองที่ดินเพาะปลูกและเก็บกักอาหาร เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงกังวลใจมากที่สุดในช่วงนี้เดิมทีเขาคิดว่า หลังจากประกาศกฎหมายใหม่ไปแล้ว ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าหากผู้ใดขัดขืนจะถูกโบยหนึ่งร้อยไม้!"เสด็จพ่อเพคะ เรื่องนี้ลูก ลูกถูกหลอกลวงใส่ร้าย หาได้เกี่ยวข้องกับลูกแต่อย่างใด!"เซียวหมิงเซียนหน้าเขียวหน้าเหลืองและสิ
"ลูกมีวิธีลดโทษให้แก่เซียวหมิงเซียน"จู่ๆ เซียวเย่หลันก็เอ่ยข้อเสนอขึ้นประโยคนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ"จงว่ามา" ฮ่องเต้ตรัสถามถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตนต้องตายภายใต้ไม่โบยมุมปากของเซียวเย่หลันเผยอขึ้น สื่อความหมายเยาะเย้ยเล็กน้อย แล้วมองไปทางองค์ชายรอง กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า "กฎหมายนั้นมีข้อระบุไว้อีกว่า หากผู้กระทำผิดร่างกายบอบบางเกินจะรับโทษ สามารถให้ผู้ที่เป็นญาติสนิทที่สุดรับโทษแทนได้""พี่รองฝึกวิทยายุทธมาเนิ่นนาน ร่างกายแข็งแรงกำยำยิ่งนัก ถูกโบยเพียงร้อยกว่าไม้ คาดว่าคงไม่เป็นไรมาก สองพี่น้องเจ้ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ช่วยกันรับความผิดนี้คนละนิดหน่อยเป็นไร"เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนก็ละสายตามองไปที่องค์ชายรอง!องค์ชายรองทำตัวไม่ถูกเขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า "เอ่อ...ร้อยกว่าไม้ คาดว่าข้าเองก็คงจะ..."บางทีเซียวหมิงเซียนอาจไม่ตาย แต่เขาก็จะต้องนอนซมกับบาดแผลที่ได้มาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย!"ฉงเออร์ เจ้ารับโทษแทนน้องสักหน่อยเถิด เจ้าอยากจะเห็นน้องสาวเจ้าถูกโบยจนตายงั้นหรือ?"เฉิงกุ้ยเฟยตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แล้วเข้าไปจับมือขององค์ชา