เมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ไกลออกไป เซี่ยเชียนฮวันจึงพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ คนที่หลอกนางเข้าวังมาคือเซียวหมิงเซียน แต่เซียวหมิงเซียนช่างโง่เขลาและใจร้อน ด้วยเกลียดแค้นนางสุดหัวใจ จึงคิดหาวิธีนี้มาแก้แค้นนางแต่กลับถูกเฉิงกุ้ยเฟยรู้เรื่องเข้าเสียก่อนเฉิงกุ้ยเฟยใช้โอกาสนี้คิดแผนการสกปรกโสโครกขึ้นมาจัดการนางพวกนางต้องการทำให้เซี่ยเชียนฮวันแปดเปื้อน จากนั้นบังคับให้นางอยู่ในกำมือ!“หลินซวี่...”เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยเรียกองครักษ์ลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งท่ามกลางความมืดมิด ไร้คนตอบรับเซี่ยเชียนฮวันจึงนึกขึ้นได้ว่าหลินซวี่เคยบอกไว้ ในวังผู้มีวิทยายุทธสูงส่งมากมาย องครักษ์ลับเช่นเขาไม่อาจเข้าไปได้ จึงรออยู่ที่นอกประตูวังนี่อาจเป็นเหตุผลที่เซียวหมิงเซียนหลอกนางเข้ามาจัดการในวังให้ตายสิ นางรู้ว่าเฉิงกุ้ยเฟยใจกล้า แต่ไม่คิดว่าพวกนางจะใจกล้าเพียงนี้ อาศัยความโปรดปรานของฮ่องเต้ นางกล้าจะลงมือกับพระชายาอ๋องได้!“แกร๊ก”ทันใดนั้น เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาเขาย่างกายมาข้างเตียงอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงเบาๆ ยื่นมือออกมาลูบไล้แขนของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชีย
องค์ชายรองต้องการสังหารเขา แต่ละครั้งที่โจมตีล้วนเป็นจุดสำคัญแต่ชายผู้นั้นมีวิทยายุทธสูงส่งกว่าองค์ชายรองเขาปกป้องเซี่ยเชียนฮวันพลางต่อสู้กับองค์ชายรองไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยากเซี่ยเชียนฮวันถูกชายชุดดำโอบไว้ในอ้อมกอด นางรู้สึกไม่คุ้นชินจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ นางกระซิบถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”“ลืมข้าเร็วเช่นนี้เชียว?”น้ำเสียงของชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม เสียงของเขาเปลี่ยนไปดูห้าวขึ้นแต่เซี่ยเชียนฮวันก็จำเขาได้ในทันที“เป็นเจ้า?!”เซี่ยเชียนฮวันตกตะลึงยิ่งนักเขาก็คือชายปิดหน้าผู้ลึกลับคนนั้น!“เชียนฮวัน เจ้าช่างเนื้อหอมเหลือเกิน ไม่ว่าชายใดล้วนต้องการเจ้า”ชายปิดหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วใช้พัดปัดการโจมตีขององค์ชายรองหากเทียบกับการโจมตีเอาจริงเอาจังขององค์ชายรองแล้ว เขาทำเพียงป้องกัน ไม่ได้โจมตีกลับ ดูไม่มีจุดประสงค์ทำร้ายองค์ชายรอง“เจ้าเป็นมือสังหารจากที่ใดกันแน่? เหตุใดจึงไม่โจมตี?!” องค์ชายรองตะโกนถามชายปิดหน้าส่งเสียงหึๆ ออกมา ไม่ได้ตอบคำถามขององค์ชายรองเขากระซิบกับเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ “ข้าจะรั้งเขาไว้ เจ้ารีบหนีไป”ต่อให้เขาวิทยายุทธเขาสูงกว่าองค์ชายรองมาก แต่การต้องปกป้อ
ในครั้งนี้ เป็นความรู้สึกคุ้นเคยของเซี่ยเชียนฮวันนางถอนหายใจออกมาแม้ว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของนางจะดูคลุมเครือ แต่ก็ยังคงรู้และเข้าใจว่าคนที่อยู่ข้างกายตอนนี้คือเซียวเย่หลัน...“เจ้าถูกวางยางั้นหรือ?"ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันมีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ฟังจากน้ำเสียงพอจะเดาได้ว่าตอนนี้เขาคงขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจนางจับไปที่บ่าของเขา ลมหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "องค์ชายรอง เฉิงกุ้ยเฟยและองค์หญิงแปด วางแผนเรื่องนี้""มียาแก้พิษหรือไม่"บัดนี้เซียวเย่หลันไม่ได้วิ่งตามคนร้าย แต่กลับคลำไปที่เอวของเซี่ยเชียนฮวันเขาจำได้ว่านางไปไหนมาไหนมักเอายาไปด้วย เช่นยาว่านหลิงที่สามารถถอนพิษได้ทุกชนิด"มะ ไม่มี..."เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าก่อนหน้าที่จะเดินทางออกจากวังหย่งโซ่ว ยาที่นางมีล้วนถวายแก่ไทเฮาหมดแล้วที่สำคัญก็คือ การที่เซียวเย่หลันเข้ามาสัมผัสนางในตอนนี้ ราวกับไฟอันร้อนรุ่มทำให้นางรู้สึกร้อนรนทรมานกว่าเดิม!“เจ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ..."เซี่ยเชียนฮวันทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจับมือเขาเอาไว้แน่นเซียวเย่หลันสัมผัสได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของนางที่แผ่ซ่านออกมา ริมฝีปากจึงเผยอขึ้นเล
เซียวเย่หลันเบิกตากว้างในน้ำก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันตามติดก้นเขา วันๆ เอาแต่บอกว่าจะแต่งงานกับเขา ตอนนั้นนางก็เคยทำท่าทางใกล้ชิดเช่นนี้แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกต่างจากครั้งก่อนๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าริมฝีปากของเซี่ยเชียนฮวันจะหวานขนาดนี้ในไม่ช้า เซียวเย่หลันที่ถูกกระตุ้นทางร่างกายก็กอดเซี่ยเชียนฮวันไว้แน่น จากผู้ถูกกระทำกลายเป็นผู้กระทำเสียเอง แล้วดื่มด่ำอยู่ท่ามกลางความหอมหวานนี้กับนาง...หลังเที่ยงคืนเซียวเย่หลันที่ร่างกายเปียกปอนอุ้มเซี่ยเชียนฮวันกลับมายังจวนจ้านอ๋อง ทุกคนพากันตกตะลึง“รีบไปตามหมอมา” เขาออกคำสั่งด้วยความเย็นชาเมื่อทุกคนเห็นว่าพระชายาอ๋องสลบไสลไม่ได้สติ ต่างก็ไม่กล้ารอช้า รีบเดินทางออกไปตามหมอทุกคนคิดว่าเซียวเย่หลันจะอุ้มเซี่ยเชียนฮวันไปยังเรือนหลันเซียง แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มนางเข้าไปในห้องของเขาจึงไม่มีใครกล้าตามเข้าไปเสี่ยวตงกระซิบถามเย่ซิ่นด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “เหนียงเหนียงเป็นอะไรไป นางตกน้ำหรือ?”“เกรงว่าจะใช่”“แต่เหนียงเหนียงเดินทางเข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮา จู่ๆ จะตกน้ำได้อย่างไร?”“ท่านอ๋องไม่ได้บอก” เย่ซิ่นส่ายหน้าระหว่างนั้นเกิด
ณ เรือนจิ่นซิ่วตอนที่เซียวเย่หลันเดินทางมาถึงนั้น เขาได้ยินเสียงพิณลอยมาเบาๆ เมื่อเปิดม่านขึ้น จึงพบว่าซูอวี้เออร์กำลังนั่งบรรเลงพิณอยู่บนเตียงตั่ง นางเงยหน้ามองเขาอย่างเปี่ยมด้วยความรัก“ยังปวดหัวอยู่หรือไม่?”เซียวเย่หลันนั่งลงข้างกายนางซูอวี้เออร์ถอนหายใจออกมา “ปวดสิเจ้าคะ แต่ว่า หากมีท่านอ๋องอยู่ที่นี่ด้วย ก็คงไม่ปวดเท่าไรนัก”“กินยาคงจะดีขึ้น ข้าจะไปเอายามาให้เจ้า”เซียวเย่หลันตบบ่าของซูอวี้เออร์เบาๆ จากนั้นลุกขึ้นยืน“ท่านอ๋องเพคะ!”ซูอวี้เออร์รีบร้อนจนโยนพิณออกไปแล้วใช้มือทั้งสองข้างกอดเอวเซียวเย่หลันไว้แน่นนางเอ่ยถามด้วยความน่าสงสารว่า “แม้อวี้เออร์จะเป็นไข้ทางกาย แต่ไข้ทางใจก็ใช่น้อย! ทุกคราเมื่อคิดถึงว่านับแต่แต่งเข้ามาในจวน ท่านอ๋องก็ไม่เคยแตะต้องข้าน้อยเลยสักครั้ง ข้าน้อยรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ข้าทำให้ท่านอ๋องรู้สึกรังเกียจเช่นนั้นเชียวหรือ?”“หาได้เป็นเช่นนั้น”เซียวเย่หลันลูบไล้ไปยังมือขาวผ่องของซูอวี้เออร์เขาหันกลับมาแล้วถอนหายใจ “แต่ไหนแต่ไรมา เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี”“ท่านไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี เรื่องนี้ข้าน้อยเข้าใจ แต่ว่า ข้าอยากเป็นกรณียกเว
ภายในพระราชวังเฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาของนางนั่งรวมตัวกันด้วยสีหน้าไม่ดีนัก"เสด็จแม่เพคะ ตอนนี้เราจะทำเช่นไรดี? เซี่ยเชียนฮวันหนีไปยังไม่เท่าไร กลับถูกมือสังหารนิรนามพบเข้าอีก หากคนผู้นั้นนำเรื่องไปฟ้องขึ้นมา พวกเราจะทำเช่นไร!"องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเดินไปเดินมาข้างกายเฉิงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางกระสับกระส่ายองค์ชายรองสีหน้ามืดมนเช่นกัน แต่ค่อนข้างสงบกว่า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า "หากมันผู้นั้นเป็นมือสังหารจริง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปฟ้องต่อผู้ใด หากยังพอมีสมองอยู่บ้างก็คงจะไม่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับข้าเพียงเพราะสตรีคนเดียว""ฉงเออร์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เราไม่ต้องสนใจมือสังหารผู้นั้นหรอก เพียงแค่เราไม่ได้ถูกจับได้คาหนังคาเขา เซี่ยเชียนฮวันก็ไร้ซึ่งหลักฐาน พูดเพียงแค่ลมปากนางก็ไม่อาจทำสิ่งใดเราได้"เฉิงกุ้ยเฟยเดือดเนื้อร้อนใจเช่นเดียวกับธิดาของนาง แต่ยังคงไว้ซึ่งสติเซียวหมิงเซียนกระทืบเท้าปึงๆ "เซี่ยเชียนฮวัน นางสารเลวนั่นทำอะไรเราไม่ได้ก็จริง แต่หากนางไปบอกกับเสด็จพี่เจ็ดเล่า? ท่านแม่ก็รู้ว่านิสัยของเสด็จพี่เจ็ดเป็นเช่นไร...""ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาว่าเป็นเช่นไร เพียงแค่พวกเจ้าเอ
บนสมุดนั้นบันทึกสิ่งใดไว้?เฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาต่างมองหน้ากันไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระดาษเพียงไม่กี่แผ่นฮ่องเต้กลับทรงใช้เวลาอ่านอยู่ นับสิบนาทียิ่งอ่านสีพระพักตร์ก็ยิ่งมืดมนลงจนกระทั่งเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย ฮ่องเต้ได้วางบันทึกลงบนโต๊ะ มองมาทางเฉิงกุ้ยเฟยด้วยแววตาอันเยือกเย็น "อวี้หย่า นี่คือลูกที่เจ้าอบรมสั่งสอนมาหรือ""ฝ่าบาทเพคะ เกิดเรื่องใดขึ้น ท่านตรัสเช่นนี้ทำให้หม่อมฉันตื่นตระหนกตกใจจนเหงื่อตก"บัดนี้เฉิงกุ้ยเฟยกระสับกระส่ายใจยิ่งนัก"พวกเจ้าดูเองเถิด!"ฮ่องเต้โยนสมุดเล่มนั้นใส่หน้าเฉิงกุ้ยเฟยนางค่อยๆ เปิดมันออกด้วยความระมัดระวัง เมื่ออ่านดูก็ต้องตกตะลึงเนื้อความในนั้น บันทึกถึงองค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเข้ายึดพื้นที่ทำกิน เก็บกักอาหารไว้เป็นการส่วนตัว!และการยึดครองที่ดินเพาะปลูกและเก็บกักอาหาร เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงกังวลใจมากที่สุดในช่วงนี้เดิมทีเขาคิดว่า หลังจากประกาศกฎหมายใหม่ไปแล้ว ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าหากผู้ใดขัดขืนจะถูกโบยหนึ่งร้อยไม้!"เสด็จพ่อเพคะ เรื่องนี้ลูก ลูกถูกหลอกลวงใส่ร้าย หาได้เกี่ยวข้องกับลูกแต่อย่างใด!"เซียวหมิงเซียนหน้าเขียวหน้าเหลืองและสิ
"ลูกมีวิธีลดโทษให้แก่เซียวหมิงเซียน"จู่ๆ เซียวเย่หลันก็เอ่ยข้อเสนอขึ้นประโยคนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ"จงว่ามา" ฮ่องเต้ตรัสถามถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตนต้องตายภายใต้ไม่โบยมุมปากของเซียวเย่หลันเผยอขึ้น สื่อความหมายเยาะเย้ยเล็กน้อย แล้วมองไปทางองค์ชายรอง กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า "กฎหมายนั้นมีข้อระบุไว้อีกว่า หากผู้กระทำผิดร่างกายบอบบางเกินจะรับโทษ สามารถให้ผู้ที่เป็นญาติสนิทที่สุดรับโทษแทนได้""พี่รองฝึกวิทยายุทธมาเนิ่นนาน ร่างกายแข็งแรงกำยำยิ่งนัก ถูกโบยเพียงร้อยกว่าไม้ คาดว่าคงไม่เป็นไรมาก สองพี่น้องเจ้ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ช่วยกันรับความผิดนี้คนละนิดหน่อยเป็นไร"เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนก็ละสายตามองไปที่องค์ชายรอง!องค์ชายรองทำตัวไม่ถูกเขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า "เอ่อ...ร้อยกว่าไม้ คาดว่าข้าเองก็คงจะ..."บางทีเซียวหมิงเซียนอาจไม่ตาย แต่เขาก็จะต้องนอนซมกับบาดแผลที่ได้มาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย!"ฉงเออร์ เจ้ารับโทษแทนน้องสักหน่อยเถิด เจ้าอยากจะเห็นน้องสาวเจ้าถูกโบยจนตายงั้นหรือ?"เฉิงกุ้ยเฟยตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แล้วเข้าไปจับมือขององค์ชา
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา