“เสี่ยวตง เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าที่นี่ช่างเงียบเหลือเกิน?”เซี่ยเชียนฮวันมองไปรอบด้าน นางพบว่าถนนอันกว้างขวางนี้ นอกจากพวกนางแล้วมีเพียงคนไม่กี่คนไม่มีคุณตาร้องขายปิงถังหูลู่ ไม่มีคุณป้าร้องขายเครื่องประทินโฉม แม้แต่ร้านข้าขายน้ำขนมข้างทางก็ปิดเงียบเสี่ยวตงชะโงกหน้ามองไปรอบด้าน “อาจเพราะเทศกาลตงจื้อใกล้เข้ามาแล้วกระมัง ทุกคนจึงไม่อยากออกจากเรือน”“บัดนี้ก็ไม่ได้หนาวนัก เหตุใดจึงไม่ออกมาเดินเที่ยวกัน?”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกแปลกใจมากแม้ว่าชาวบ้านในต้าเซี่ยจะกลัวความหนาวเย็นกันเท่าไร แต่ก็ไม่ควรขดตัวอยู่ในบ้านตั้งแต่ฤดูหนาวยังมาไม่ถึงเช่นนี้นางนึกไม่ออกจริงๆ จากนั้นเมื่อเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้เห็นป้ายเขียนไว้ว่า “ฮัวเยว่ถัง” สามตัวโดดเด่น“ท่านพี่”เซี่ยเชียนฮวันเดินตรงเข้าไปด้านในโรงหมอ นางเอ่ยเรียกเซี่ยเหยียนที่กำลังสั่งให้คนรับใช้โยกย้ายของเซี่ยเหยียนหันกลับมามองแล้วรีบเดินเข้ามาจับมือนาง ยิ้มว่า “ข้าสั่งให้เจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนอ๋องไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเดินทางมาที่นี่”“เจ้ารักษาคนไข้ไม่เป็นสักหน่อย เปิดกิจการวันแรกหากไม่มีหมอออกตรวจจะได้อย่างไร”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้ามอ
หรือจะเป็นโรคระบาด?เซี่ยเชียนฮวันแอบสงสัยอยู่ในใจสำหรับนางแล้ว โรคหวัดไม่ใช่โรคน่ากังวลอะไร แต่ในสมัยนี้การเป็นไข้หนาวสั่นอาจถึงแก่ชีวิตได้"นี่ พวกเจ้าอย่าได้เอาแต่ไปที่ถงซ่านถัง ไม่รู้หรอกหรือว่าท่านหญิงหยวนหลี่เป็นพวกจอมปลอม? ใครที่ป่วยก็รีบมารักษาที่ฮัวเยว่ถังของเราเร็ว!"เซี่ยเหยียนเห็นว่าอีกฝั่งครึกครื้นมีคนมากมาย แต่ทางด้านของตนกลับเงียบกริบ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหเขาวิ่งออกไปตะโกนเสียงดังที่ด้านนอกผู้จัดการชิวหมิ่นเห็นเซี่ยเหยียนตะโกนดังนั้นก็หัวเราะขึ้นว่า "เป็นเรื่องปกติหากโรงเตี๊ยมจะออกไปเรียกลูกค้า แต่ไม่เคยเห็นโรงหมอต้องออกไปเรียกลูกค้าเช่นนี้มาก่อน!"เซี่ยเชียนฮวันถึงกับเหงื่อตกนางรีบเดินออกไปดึงชายเสื้อของเซี่ยเหยียนเอาไว้ กระซิบว่า "ท่านพี่ อย่างน้อยท่านก็เป็นโหวน้อย เหตุใดจึงไปทำหน้าที่เหมือนบ่าวรับใช้กันเล่า""วันนี้โณงหมอของเจ้าเปิดกิจการเป็นวันแรก พี่ไม่สนใจเรื่องรักษาหน้าตาของตนหรอก ต้องช่วยเรียกลูกค้าให้เจ้าก่อน"เซี่ยเหยียนตบไปที่หลังมือของเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ หากจะเทียบกันเรื่องเอาอกเอาใจ รักทะนุถนอมน้องสาวละก็ เขาเซี่ยโหวเหย่น้อยไม่เคยแพ้ใครมา
เซี่ยเชียนฮวันได้จัดหาห้องไว้ให้ผู้ป่วยคนคนนี้อย่างมิดชิดตามลำพังต่อให้เป็นญาติสนิทก็ไม่อาจเข้าไปเยี่ยมได้เด็กหนุ่มที่แบกผู้ป่วยมาเมื่อครู่ สีหน้าหวาดกลัวตกตะลึง เขายืนอยู่ที่ด้านนอกประตูเป็นเวลาเนิ่นนาน จนกระทั่งเซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจากห้อง"พ่อของข้าเขาจะตายหรือไม่?”เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำตานองหน้าเซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจเบาๆ "คงต้องดูที่ชะตาฟ้าลิขิต แต่ข้าจะช่วยรักษาเขาอย่างเต็มที่"อาการเจ็บป่วยของเขาค่อนข้างหนักทีเดียวนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองวัน เมืองทางตะวันตกได้ปรากฏกาฬโรคขึ้นแล้วหลังปลอบใจเด็กหนุ่ม เซี่ยเชียนฮวันก็ได้เรียกเสี่ยวตงเข้ามาหา ตั้งใจจะเดินทางกลับไปหาโอกาสเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทูลสถานการณ์นี้แด่ฮ่องเต้ เพื่อคิดหาวิธีการจัดการต่อไป"เจ้าเห็นผู้ป่วยเป็นกาฬโรค แต่กลับไม่คิดถอยหนี"ผู้จัดการหญิงชิวหมิ่นปรากฏกายขึ้นตรงทางขึ้นบันได นางยืนพิงระเบียงไว้ สายตามองไปทางเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า "หากว่าหมอยังถอยหนี ผู้ป่วยคงจะรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก""พูดได้น่าฟังดี แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยืนหยัดถึงสุดท้ายได้หร
“ถวายบังคมเพคะเสด็จพ่อ”เซี่ยเชียนฮวันคารวะด้วยหัวใจกระสับกระส่ายฮ่องเต้ทรงใช้นิ้วเคาะไปบนโต๊ะ “มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ได้เดินทางไปสถานที่เกิดโรคมา เจ้าลองเล่ามาสิว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”“ทูลเสด็จพ่อ ที่ท้องถนนของเมืองตะวันตกเงียบยิ่งนัก แต่ละบ้านล้วนปิดประตูเงียบ มีเพียงโรงหมอเท่านั้นที่มีผู้คนเบียดเสียด เกรงว่ากาฬโรคนี้ระบาดมาหลายวันแล้วเพคะ สถานการณ์น่าเป็นห่วงยิ่งนัก ขอเสด็จพ่อโปรดรับสั่งให้ปิดเมืองตะวันตกด้วยเถิดเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าตอบคิดไม่ถึงว่านางเพิ่งกล่าวจบ องค์ชายหกเซียวฮวาเฉินได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “น้องสะใภ้ เอ่ยวาจาใดให้ระวังด้วย เสด็จพ่อจะจัดการเช่นไร ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าจะเข้ามาแทรกแซง”“เพคะ ลูกบุ่มบ่ามใจร้อนเกินไป ขอเสด็จพ่อโปรดอภัย”เซี่ยเชียนฮวันทำได้เพียงคุกเข่าลงนางจำได้ว่าองค์ชายหกเซียวฮวาเฉินอยู่ข้างเดียวกับเฉิงกุ้ยเฟยบัดนี้องค์ชายรองได้รับบาดเจ็บแทนน้องสาวด้วยการโบยนับร้อยไม้ ยังนอนรักษาบาดแผลอยู่ในจวน องค์ชายหกในฐานะลูกกระจ๊อก จึงได้ออกมาพูดแทนนางเดิมทีองค์ชายหกตั้งใจเอ่ยต่อไปแต่แววตาเย็นชาของเซียวเย่หลันจับจ้องมายังเขา แววตาเช่นนั้นแหลมคม
เมื่อครู่ฮ่องเต้เพิ่งมอบหมายภารกิจนี้ให้กับเซี่ยเชียนฮวันเป็นคนจัดการแต่เมื่อท่านหญิงหยวนหลี่ปรากฏตัวขึ้นเขาจะคืนคำสั่งเมื่อครู่หรือ?หากทำเช่นนั้น เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจแม่สาวน้อยและอาจทำให้องค์ชายเจ็ดเซียวเย่หลันต้องขายหน้าฮ่องเต้ตัดสินพระทัยยากเสียจริงทันใดนั้นเอง องค์ชายห้าเซียวจ้านก็เอ่ยขึ้นแล้วยิ้มเบาๆ ว่า “ทักษะทางการแพทย์ของน้องสะใภ้เจ็ดก็โดดเด่นยิ่งนัก หากมีผู้ช่วยก็คงดี สู้ให้พวกนางทั้งสองร่วมจัดการเรื่องนี้ เสด็จพ่อเห็นว่าอย่างไร"ประโยคนี้ช่วยให้ฮ่องเต้พบกับทางออกฮ่องเต้ยกมือขึ้นลูบไปที่คางของตน พยักหน้าแล้วกล่าวว่า "เป็นดังที่เจ้าห้าพูด ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อกำจัดการโรคระบาดนี้ให้หมดสิ้น อย่าปล่อยให้เมืองหลวงมีผู้คนล้มตายมากมายเป็นกองพะเนิน!""เพคะเสด็จพ่อ" เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้จะทำอย่างไรแม้ในใจของนางจะไม่อยากร่วมมือกับสตรีที่แสร้งทำเป็นเทพธิดาไปวันๆ เช่นนี้แต่เพื่อกำจัดการโรคระบาด หากสองคนร่วมมือกันก็จะแข็งแกร่งกว่าการทำคนเดียวอย่างแน่แท้สิ่งที่เซี่ยเชียนฮวันไม่คาดคิดก็คือ ท่านหญิงหยวนหลี่เหล่ตามองนางเบาๆ เม้มริมฝีปากกล่าวว่า "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉ
ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานแม้ท่านหญิงหยวนหลี่จะกระทำการโดยไร้มารยาทและพูดจาเย่อหยิ่ง แต่การที่นางกล้าประกาศตนเป็นปรปักษ์กับเซี่ยเชียนฮวันเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านางมีความมั่นใจจริงในทางกลับกันเมื่อมองมาที่เซี่ยเชียนฮวันนางขมวดคิ้วไม่พูดจา ดูเหมือนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ไม่แน่ใจนักว่าครั้งนี้นางมั่นใจเท่าไรภายใต้การเปรียบเทียบนี้ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า"หยวนหลี่ หากเจ้าสามารถจัดการกาฬโรคได้ภายในห้าวัน ข้าจะสั่งให้คนไปถอดป้ายประกาศยอดหมอเทวดาจากโรงหมอของภรรยาเจ้าเจ็ด เอาไปไว้ที่ถงซ่านถังของเจ้า""แต่เจ้าจำไว้ หากเจ้าทำไม่ได้ล่ะก็ จะถือว่าต้องโทษหลอกลวงฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นบุตรหลานของขุนนาง โทษนั้นจะเพิ่มขึ้นอีก และข้าจำเป็นต้องลงโทษเจ้าอย่างเคร่งครัด"ฮ่องเต้ทรงประกาศออกมาอย่างกึกก้องเมื่อกาฬโรคแพร่กระจาย เมืองหลวงคงจะกลายเป็นเมืองแห่งกองซากศพ ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงลิบลับบัดนี้ทางเขตตะวันตก อาณาจักรต้าเหลียงมีความประสงค์จะออกมาเคลื่อนไหว ส่วนทางหนานจาวก็มีจิตใจทะเยอทะยานเช่นกัน พวกเขาเพียงแต่รอโอกาสเหมาะสมเพื่อที่จะโจมตี ดังนั้นเมืองหลวงจะเกิดเรื่องวุ่น
"แค่ก แค่ก แค่ก..."เซี่ยเชียนฮวันไม่สามารถควบคุมน้ำตาของตนเองเอาไว้ได้ นางไอจนหน้าแดงก่ำ ก่อนจะใช้มือส่งสัญญาณให้เสี่ยวตงที่บัดนี้ทำหน้าเป็นกังวล ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบไปหาแหล่งที่มาของกลิ่นหลังจากผ่านกลุ่มควันมาแล้วในที่สุดพวกนางก็พบว่าซูอวี้เออร์กำลังสั่งให้คนเผาบางอย่างอยู่ในสวนใกล้ๆ !เสี่ยวตงโมโหยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะตะโกนเข้าไปด่าทอ "พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่?! พระชายาอ๋องยังคงเป็นหวัดไม่หาย พวกเจ้ากลับมาเผาของทำให้นางสำลักอีก คิดจะทำร้ายพระชายาอ๋องหรืออย่างไร!"ซูอวี้เออร์กล่าวขึ้นอย่างสงบนิ่ง น้ำเสียงดูอ่อนโยนว่า "แม่นางเสี่ยวตงเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้มีโรคระบาดจึงสั่งให้บ่าวรับใช้เผาหัวหอมหัวกระเทียมเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย""เจ้าช่างเป็นหญิงที่ร้ายกาจยิ่งนัก ปัดเป่าความชั่วร้ายนั้นควรจะเผาหญ้าอ้ายเฉ่า เจ้าเผาหอมเผากระเทียมทำไม?!"เสี่ยวตงได้ยินดังนั้นก็โมโหเหลือเกินยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เผาอยู่ในเรือนจิ่นซิ่วของตน กลับมาเผาใกล้กับเรือนของเซี่ยเชียนฮวัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งใจ!ซูอวี้เออร์ยังคงทำเป็นไร้เดียงสา "เผาหอมเผากระเทียมก็สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไ
"อวี้เออร์ผิดเรื่องใด"ใบหน้าของเซียวเย่หลันยังคงเย็นชาเขาคิดเพียงว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังสร้างปัญหาและเข้าปกป้องบ่าวรับใช้อย่างไร้เหตุผลเซี่ยเชียนฮวันหัวเราะเยาะเย้ย "ในสายตาของเจ้านางทำสิ่งใดล้วนถูกต้อง ต่อให้นางรู้ว่าอาการไอของข้ายังไม่หายและยังอ่อนแอจากความหนาวเย็น นางจงใจจุดไฟเผากระเทียมข้างลานบ้านของข้าเพื่อให้ข้าไอ้มากขึ้น แต่นางก็ยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา""ท่านอ๋องเพคะ หาได้เป็นเช่นนั้น ข้าน้อยเพียงกังวลว่าร่างกายของพระชายาอ๋องที่อ่อนแอ อาจจะถูกสิ่งชั่วร้ายเข้ารุกราน ดังนั้นจึงทำการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้นาง"ซูอวี้เออร์ทำสีหน้าน่าสงสารในใจของเซียวเย่หลันนางเป็นสตรีที่จิตใจงดงาม เสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ ดังนั้นการอธิบายด้วยดวงตาแดงก่ำของนาง เขาจะไม่เชื่อได้อย่างไรเซียวเย่หลันตบหลังมือของซูอวี้เออร์เบาๆ แล้วพูดว่า "ข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้า""อีกอย่าง เมื่อพระชายาอ๋องเดินทางมาบอกว่าอาการไอกำเริบ ข้าจึงได้สั่งบ่าวรับใช้ดับไฟ แม่นางเสี่ยวตงกลับไม่ยอม ยืนกรานจะให้บทเรียนแก่ข้าให้ได้"ซูอวี้เออร์ก้มหน้าลงราวกับว่านางคือผู้ถูกกระทำ แล้วยังคงกล่าวหาต่อไปเสี่ยว
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา