“เสี่ยวตง เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าที่นี่ช่างเงียบเหลือเกิน?”เซี่ยเชียนฮวันมองไปรอบด้าน นางพบว่าถนนอันกว้างขวางนี้ นอกจากพวกนางแล้วมีเพียงคนไม่กี่คนไม่มีคุณตาร้องขายปิงถังหูลู่ ไม่มีคุณป้าร้องขายเครื่องประทินโฉม แม้แต่ร้านข้าขายน้ำขนมข้างทางก็ปิดเงียบเสี่ยวตงชะโงกหน้ามองไปรอบด้าน “อาจเพราะเทศกาลตงจื้อใกล้เข้ามาแล้วกระมัง ทุกคนจึงไม่อยากออกจากเรือน”“บัดนี้ก็ไม่ได้หนาวนัก เหตุใดจึงไม่ออกมาเดินเที่ยวกัน?”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกแปลกใจมากแม้ว่าชาวบ้านในต้าเซี่ยจะกลัวความหนาวเย็นกันเท่าไร แต่ก็ไม่ควรขดตัวอยู่ในบ้านตั้งแต่ฤดูหนาวยังมาไม่ถึงเช่นนี้นางนึกไม่ออกจริงๆ จากนั้นเมื่อเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้เห็นป้ายเขียนไว้ว่า “ฮัวเยว่ถัง” สามตัวโดดเด่น“ท่านพี่”เซี่ยเชียนฮวันเดินตรงเข้าไปด้านในโรงหมอ นางเอ่ยเรียกเซี่ยเหยียนที่กำลังสั่งให้คนรับใช้โยกย้ายของเซี่ยเหยียนหันกลับมามองแล้วรีบเดินเข้ามาจับมือนาง ยิ้มว่า “ข้าสั่งให้เจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนอ๋องไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเดินทางมาที่นี่”“เจ้ารักษาคนไข้ไม่เป็นสักหน่อย เปิดกิจการวันแรกหากไม่มีหมอออกตรวจจะได้อย่างไร”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้ามอ
หรือจะเป็นโรคระบาด?เซี่ยเชียนฮวันแอบสงสัยอยู่ในใจสำหรับนางแล้ว โรคหวัดไม่ใช่โรคน่ากังวลอะไร แต่ในสมัยนี้การเป็นไข้หนาวสั่นอาจถึงแก่ชีวิตได้"นี่ พวกเจ้าอย่าได้เอาแต่ไปที่ถงซ่านถัง ไม่รู้หรอกหรือว่าท่านหญิงหยวนหลี่เป็นพวกจอมปลอม? ใครที่ป่วยก็รีบมารักษาที่ฮัวเยว่ถังของเราเร็ว!"เซี่ยเหยียนเห็นว่าอีกฝั่งครึกครื้นมีคนมากมาย แต่ทางด้านของตนกลับเงียบกริบ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหเขาวิ่งออกไปตะโกนเสียงดังที่ด้านนอกผู้จัดการชิวหมิ่นเห็นเซี่ยเหยียนตะโกนดังนั้นก็หัวเราะขึ้นว่า "เป็นเรื่องปกติหากโรงเตี๊ยมจะออกไปเรียกลูกค้า แต่ไม่เคยเห็นโรงหมอต้องออกไปเรียกลูกค้าเช่นนี้มาก่อน!"เซี่ยเชียนฮวันถึงกับเหงื่อตกนางรีบเดินออกไปดึงชายเสื้อของเซี่ยเหยียนเอาไว้ กระซิบว่า "ท่านพี่ อย่างน้อยท่านก็เป็นโหวน้อย เหตุใดจึงไปทำหน้าที่เหมือนบ่าวรับใช้กันเล่า""วันนี้โณงหมอของเจ้าเปิดกิจการเป็นวันแรก พี่ไม่สนใจเรื่องรักษาหน้าตาของตนหรอก ต้องช่วยเรียกลูกค้าให้เจ้าก่อน"เซี่ยเหยียนตบไปที่หลังมือของเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ หากจะเทียบกันเรื่องเอาอกเอาใจ รักทะนุถนอมน้องสาวละก็ เขาเซี่ยโหวเหย่น้อยไม่เคยแพ้ใครมา
เซี่ยเชียนฮวันได้จัดหาห้องไว้ให้ผู้ป่วยคนคนนี้อย่างมิดชิดตามลำพังต่อให้เป็นญาติสนิทก็ไม่อาจเข้าไปเยี่ยมได้เด็กหนุ่มที่แบกผู้ป่วยมาเมื่อครู่ สีหน้าหวาดกลัวตกตะลึง เขายืนอยู่ที่ด้านนอกประตูเป็นเวลาเนิ่นนาน จนกระทั่งเซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจากห้อง"พ่อของข้าเขาจะตายหรือไม่?”เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำตานองหน้าเซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจเบาๆ "คงต้องดูที่ชะตาฟ้าลิขิต แต่ข้าจะช่วยรักษาเขาอย่างเต็มที่"อาการเจ็บป่วยของเขาค่อนข้างหนักทีเดียวนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองวัน เมืองทางตะวันตกได้ปรากฏกาฬโรคขึ้นแล้วหลังปลอบใจเด็กหนุ่ม เซี่ยเชียนฮวันก็ได้เรียกเสี่ยวตงเข้ามาหา ตั้งใจจะเดินทางกลับไปหาโอกาสเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทูลสถานการณ์นี้แด่ฮ่องเต้ เพื่อคิดหาวิธีการจัดการต่อไป"เจ้าเห็นผู้ป่วยเป็นกาฬโรค แต่กลับไม่คิดถอยหนี"ผู้จัดการหญิงชิวหมิ่นปรากฏกายขึ้นตรงทางขึ้นบันได นางยืนพิงระเบียงไว้ สายตามองไปทางเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า "หากว่าหมอยังถอยหนี ผู้ป่วยคงจะรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก""พูดได้น่าฟังดี แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยืนหยัดถึงสุดท้ายได้หร
“ถวายบังคมเพคะเสด็จพ่อ”เซี่ยเชียนฮวันคารวะด้วยหัวใจกระสับกระส่ายฮ่องเต้ทรงใช้นิ้วเคาะไปบนโต๊ะ “มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ได้เดินทางไปสถานที่เกิดโรคมา เจ้าลองเล่ามาสิว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”“ทูลเสด็จพ่อ ที่ท้องถนนของเมืองตะวันตกเงียบยิ่งนัก แต่ละบ้านล้วนปิดประตูเงียบ มีเพียงโรงหมอเท่านั้นที่มีผู้คนเบียดเสียด เกรงว่ากาฬโรคนี้ระบาดมาหลายวันแล้วเพคะ สถานการณ์น่าเป็นห่วงยิ่งนัก ขอเสด็จพ่อโปรดรับสั่งให้ปิดเมืองตะวันตกด้วยเถิดเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าตอบคิดไม่ถึงว่านางเพิ่งกล่าวจบ องค์ชายหกเซียวฮวาเฉินได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “น้องสะใภ้ เอ่ยวาจาใดให้ระวังด้วย เสด็จพ่อจะจัดการเช่นไร ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าจะเข้ามาแทรกแซง”“เพคะ ลูกบุ่มบ่ามใจร้อนเกินไป ขอเสด็จพ่อโปรดอภัย”เซี่ยเชียนฮวันทำได้เพียงคุกเข่าลงนางจำได้ว่าองค์ชายหกเซียวฮวาเฉินอยู่ข้างเดียวกับเฉิงกุ้ยเฟยบัดนี้องค์ชายรองได้รับบาดเจ็บแทนน้องสาวด้วยการโบยนับร้อยไม้ ยังนอนรักษาบาดแผลอยู่ในจวน องค์ชายหกในฐานะลูกกระจ๊อก จึงได้ออกมาพูดแทนนางเดิมทีองค์ชายหกตั้งใจเอ่ยต่อไปแต่แววตาเย็นชาของเซียวเย่หลันจับจ้องมายังเขา แววตาเช่นนั้นแหลมคม
เมื่อครู่ฮ่องเต้เพิ่งมอบหมายภารกิจนี้ให้กับเซี่ยเชียนฮวันเป็นคนจัดการแต่เมื่อท่านหญิงหยวนหลี่ปรากฏตัวขึ้นเขาจะคืนคำสั่งเมื่อครู่หรือ?หากทำเช่นนั้น เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจแม่สาวน้อยและอาจทำให้องค์ชายเจ็ดเซียวเย่หลันต้องขายหน้าฮ่องเต้ตัดสินพระทัยยากเสียจริงทันใดนั้นเอง องค์ชายห้าเซียวจ้านก็เอ่ยขึ้นแล้วยิ้มเบาๆ ว่า “ทักษะทางการแพทย์ของน้องสะใภ้เจ็ดก็โดดเด่นยิ่งนัก หากมีผู้ช่วยก็คงดี สู้ให้พวกนางทั้งสองร่วมจัดการเรื่องนี้ เสด็จพ่อเห็นว่าอย่างไร"ประโยคนี้ช่วยให้ฮ่องเต้พบกับทางออกฮ่องเต้ยกมือขึ้นลูบไปที่คางของตน พยักหน้าแล้วกล่าวว่า "เป็นดังที่เจ้าห้าพูด ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อกำจัดการโรคระบาดนี้ให้หมดสิ้น อย่าปล่อยให้เมืองหลวงมีผู้คนล้มตายมากมายเป็นกองพะเนิน!""เพคะเสด็จพ่อ" เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้จะทำอย่างไรแม้ในใจของนางจะไม่อยากร่วมมือกับสตรีที่แสร้งทำเป็นเทพธิดาไปวันๆ เช่นนี้แต่เพื่อกำจัดการโรคระบาด หากสองคนร่วมมือกันก็จะแข็งแกร่งกว่าการทำคนเดียวอย่างแน่แท้สิ่งที่เซี่ยเชียนฮวันไม่คาดคิดก็คือ ท่านหญิงหยวนหลี่เหล่ตามองนางเบาๆ เม้มริมฝีปากกล่าวว่า "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉ
ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานแม้ท่านหญิงหยวนหลี่จะกระทำการโดยไร้มารยาทและพูดจาเย่อหยิ่ง แต่การที่นางกล้าประกาศตนเป็นปรปักษ์กับเซี่ยเชียนฮวันเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านางมีความมั่นใจจริงในทางกลับกันเมื่อมองมาที่เซี่ยเชียนฮวันนางขมวดคิ้วไม่พูดจา ดูเหมือนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ไม่แน่ใจนักว่าครั้งนี้นางมั่นใจเท่าไรภายใต้การเปรียบเทียบนี้ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า"หยวนหลี่ หากเจ้าสามารถจัดการกาฬโรคได้ภายในห้าวัน ข้าจะสั่งให้คนไปถอดป้ายประกาศยอดหมอเทวดาจากโรงหมอของภรรยาเจ้าเจ็ด เอาไปไว้ที่ถงซ่านถังของเจ้า""แต่เจ้าจำไว้ หากเจ้าทำไม่ได้ล่ะก็ จะถือว่าต้องโทษหลอกลวงฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นบุตรหลานของขุนนาง โทษนั้นจะเพิ่มขึ้นอีก และข้าจำเป็นต้องลงโทษเจ้าอย่างเคร่งครัด"ฮ่องเต้ทรงประกาศออกมาอย่างกึกก้องเมื่อกาฬโรคแพร่กระจาย เมืองหลวงคงจะกลายเป็นเมืองแห่งกองซากศพ ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงลิบลับบัดนี้ทางเขตตะวันตก อาณาจักรต้าเหลียงมีความประสงค์จะออกมาเคลื่อนไหว ส่วนทางหนานจาวก็มีจิตใจทะเยอทะยานเช่นกัน พวกเขาเพียงแต่รอโอกาสเหมาะสมเพื่อที่จะโจมตี ดังนั้นเมืองหลวงจะเกิดเรื่องวุ่น
"แค่ก แค่ก แค่ก..."เซี่ยเชียนฮวันไม่สามารถควบคุมน้ำตาของตนเองเอาไว้ได้ นางไอจนหน้าแดงก่ำ ก่อนจะใช้มือส่งสัญญาณให้เสี่ยวตงที่บัดนี้ทำหน้าเป็นกังวล ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบไปหาแหล่งที่มาของกลิ่นหลังจากผ่านกลุ่มควันมาแล้วในที่สุดพวกนางก็พบว่าซูอวี้เออร์กำลังสั่งให้คนเผาบางอย่างอยู่ในสวนใกล้ๆ !เสี่ยวตงโมโหยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะตะโกนเข้าไปด่าทอ "พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่?! พระชายาอ๋องยังคงเป็นหวัดไม่หาย พวกเจ้ากลับมาเผาของทำให้นางสำลักอีก คิดจะทำร้ายพระชายาอ๋องหรืออย่างไร!"ซูอวี้เออร์กล่าวขึ้นอย่างสงบนิ่ง น้ำเสียงดูอ่อนโยนว่า "แม่นางเสี่ยวตงเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้มีโรคระบาดจึงสั่งให้บ่าวรับใช้เผาหัวหอมหัวกระเทียมเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย""เจ้าช่างเป็นหญิงที่ร้ายกาจยิ่งนัก ปัดเป่าความชั่วร้ายนั้นควรจะเผาหญ้าอ้ายเฉ่า เจ้าเผาหอมเผากระเทียมทำไม?!"เสี่ยวตงได้ยินดังนั้นก็โมโหเหลือเกินยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เผาอยู่ในเรือนจิ่นซิ่วของตน กลับมาเผาใกล้กับเรือนของเซี่ยเชียนฮวัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งใจ!ซูอวี้เออร์ยังคงทำเป็นไร้เดียงสา "เผาหอมเผากระเทียมก็สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไ
"อวี้เออร์ผิดเรื่องใด"ใบหน้าของเซียวเย่หลันยังคงเย็นชาเขาคิดเพียงว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังสร้างปัญหาและเข้าปกป้องบ่าวรับใช้อย่างไร้เหตุผลเซี่ยเชียนฮวันหัวเราะเยาะเย้ย "ในสายตาของเจ้านางทำสิ่งใดล้วนถูกต้อง ต่อให้นางรู้ว่าอาการไอของข้ายังไม่หายและยังอ่อนแอจากความหนาวเย็น นางจงใจจุดไฟเผากระเทียมข้างลานบ้านของข้าเพื่อให้ข้าไอ้มากขึ้น แต่นางก็ยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา""ท่านอ๋องเพคะ หาได้เป็นเช่นนั้น ข้าน้อยเพียงกังวลว่าร่างกายของพระชายาอ๋องที่อ่อนแอ อาจจะถูกสิ่งชั่วร้ายเข้ารุกราน ดังนั้นจึงทำการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้นาง"ซูอวี้เออร์ทำสีหน้าน่าสงสารในใจของเซียวเย่หลันนางเป็นสตรีที่จิตใจงดงาม เสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ ดังนั้นการอธิบายด้วยดวงตาแดงก่ำของนาง เขาจะไม่เชื่อได้อย่างไรเซียวเย่หลันตบหลังมือของซูอวี้เออร์เบาๆ แล้วพูดว่า "ข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้า""อีกอย่าง เมื่อพระชายาอ๋องเดินทางมาบอกว่าอาการไอกำเริบ ข้าจึงได้สั่งบ่าวรับใช้ดับไฟ แม่นางเสี่ยวตงกลับไม่ยอม ยืนกรานจะให้บทเรียนแก่ข้าให้ได้"ซูอวี้เออร์ก้มหน้าลงราวกับว่านางคือผู้ถูกกระทำ แล้วยังคงกล่าวหาต่อไปเสี่ยว