ภายในพระราชวังเฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาของนางนั่งรวมตัวกันด้วยสีหน้าไม่ดีนัก"เสด็จแม่เพคะ ตอนนี้เราจะทำเช่นไรดี? เซี่ยเชียนฮวันหนีไปยังไม่เท่าไร กลับถูกมือสังหารนิรนามพบเข้าอีก หากคนผู้นั้นนำเรื่องไปฟ้องขึ้นมา พวกเราจะทำเช่นไร!"องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเดินไปเดินมาข้างกายเฉิงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางกระสับกระส่ายองค์ชายรองสีหน้ามืดมนเช่นกัน แต่ค่อนข้างสงบกว่า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า "หากมันผู้นั้นเป็นมือสังหารจริง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปฟ้องต่อผู้ใด หากยังพอมีสมองอยู่บ้างก็คงจะไม่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับข้าเพียงเพราะสตรีคนเดียว""ฉงเออร์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เราไม่ต้องสนใจมือสังหารผู้นั้นหรอก เพียงแค่เราไม่ได้ถูกจับได้คาหนังคาเขา เซี่ยเชียนฮวันก็ไร้ซึ่งหลักฐาน พูดเพียงแค่ลมปากนางก็ไม่อาจทำสิ่งใดเราได้"เฉิงกุ้ยเฟยเดือดเนื้อร้อนใจเช่นเดียวกับธิดาของนาง แต่ยังคงไว้ซึ่งสติเซียวหมิงเซียนกระทืบเท้าปึงๆ "เซี่ยเชียนฮวัน นางสารเลวนั่นทำอะไรเราไม่ได้ก็จริง แต่หากนางไปบอกกับเสด็จพี่เจ็ดเล่า? ท่านแม่ก็รู้ว่านิสัยของเสด็จพี่เจ็ดเป็นเช่นไร...""ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาว่าเป็นเช่นไร เพียงแค่พวกเจ้าเอ
บนสมุดนั้นบันทึกสิ่งใดไว้?เฉิงกุ้ยเฟยและโอรสธิดาต่างมองหน้ากันไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระดาษเพียงไม่กี่แผ่นฮ่องเต้กลับทรงใช้เวลาอ่านอยู่ นับสิบนาทียิ่งอ่านสีพระพักตร์ก็ยิ่งมืดมนลงจนกระทั่งเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย ฮ่องเต้ได้วางบันทึกลงบนโต๊ะ มองมาทางเฉิงกุ้ยเฟยด้วยแววตาอันเยือกเย็น "อวี้หย่า นี่คือลูกที่เจ้าอบรมสั่งสอนมาหรือ""ฝ่าบาทเพคะ เกิดเรื่องใดขึ้น ท่านตรัสเช่นนี้ทำให้หม่อมฉันตื่นตระหนกตกใจจนเหงื่อตก"บัดนี้เฉิงกุ้ยเฟยกระสับกระส่ายใจยิ่งนัก"พวกเจ้าดูเองเถิด!"ฮ่องเต้โยนสมุดเล่มนั้นใส่หน้าเฉิงกุ้ยเฟยนางค่อยๆ เปิดมันออกด้วยความระมัดระวัง เมื่ออ่านดูก็ต้องตกตะลึงเนื้อความในนั้น บันทึกถึงองค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียนเข้ายึดพื้นที่ทำกิน เก็บกักอาหารไว้เป็นการส่วนตัว!และการยึดครองที่ดินเพาะปลูกและเก็บกักอาหาร เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงกังวลใจมากที่สุดในช่วงนี้เดิมทีเขาคิดว่า หลังจากประกาศกฎหมายใหม่ไปแล้ว ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าหากผู้ใดขัดขืนจะถูกโบยหนึ่งร้อยไม้!"เสด็จพ่อเพคะ เรื่องนี้ลูก ลูกถูกหลอกลวงใส่ร้าย หาได้เกี่ยวข้องกับลูกแต่อย่างใด!"เซียวหมิงเซียนหน้าเขียวหน้าเหลืองและสิ
"ลูกมีวิธีลดโทษให้แก่เซียวหมิงเซียน"จู่ๆ เซียวเย่หลันก็เอ่ยข้อเสนอขึ้นประโยคนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ"จงว่ามา" ฮ่องเต้ตรัสถามถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตนต้องตายภายใต้ไม่โบยมุมปากของเซียวเย่หลันเผยอขึ้น สื่อความหมายเยาะเย้ยเล็กน้อย แล้วมองไปทางองค์ชายรอง กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า "กฎหมายนั้นมีข้อระบุไว้อีกว่า หากผู้กระทำผิดร่างกายบอบบางเกินจะรับโทษ สามารถให้ผู้ที่เป็นญาติสนิทที่สุดรับโทษแทนได้""พี่รองฝึกวิทยายุทธมาเนิ่นนาน ร่างกายแข็งแรงกำยำยิ่งนัก ถูกโบยเพียงร้อยกว่าไม้ คาดว่าคงไม่เป็นไรมาก สองพี่น้องเจ้ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ช่วยกันรับความผิดนี้คนละนิดหน่อยเป็นไร"เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนก็ละสายตามองไปที่องค์ชายรอง!องค์ชายรองทำตัวไม่ถูกเขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า "เอ่อ...ร้อยกว่าไม้ คาดว่าข้าเองก็คงจะ..."บางทีเซียวหมิงเซียนอาจไม่ตาย แต่เขาก็จะต้องนอนซมกับบาดแผลที่ได้มาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย!"ฉงเออร์ เจ้ารับโทษแทนน้องสักหน่อยเถิด เจ้าอยากจะเห็นน้องสาวเจ้าถูกโบยจนตายงั้นหรือ?"เฉิงกุ้ยเฟยตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แล้วเข้าไปจับมือขององค์ชา
“เสี่ยวตง เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าที่นี่ช่างเงียบเหลือเกิน?”เซี่ยเชียนฮวันมองไปรอบด้าน นางพบว่าถนนอันกว้างขวางนี้ นอกจากพวกนางแล้วมีเพียงคนไม่กี่คนไม่มีคุณตาร้องขายปิงถังหูลู่ ไม่มีคุณป้าร้องขายเครื่องประทินโฉม แม้แต่ร้านข้าขายน้ำขนมข้างทางก็ปิดเงียบเสี่ยวตงชะโงกหน้ามองไปรอบด้าน “อาจเพราะเทศกาลตงจื้อใกล้เข้ามาแล้วกระมัง ทุกคนจึงไม่อยากออกจากเรือน”“บัดนี้ก็ไม่ได้หนาวนัก เหตุใดจึงไม่ออกมาเดินเที่ยวกัน?”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกแปลกใจมากแม้ว่าชาวบ้านในต้าเซี่ยจะกลัวความหนาวเย็นกันเท่าไร แต่ก็ไม่ควรขดตัวอยู่ในบ้านตั้งแต่ฤดูหนาวยังมาไม่ถึงเช่นนี้นางนึกไม่ออกจริงๆ จากนั้นเมื่อเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้เห็นป้ายเขียนไว้ว่า “ฮัวเยว่ถัง” สามตัวโดดเด่น“ท่านพี่”เซี่ยเชียนฮวันเดินตรงเข้าไปด้านในโรงหมอ นางเอ่ยเรียกเซี่ยเหยียนที่กำลังสั่งให้คนรับใช้โยกย้ายของเซี่ยเหยียนหันกลับมามองแล้วรีบเดินเข้ามาจับมือนาง ยิ้มว่า “ข้าสั่งให้เจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนอ๋องไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเดินทางมาที่นี่”“เจ้ารักษาคนไข้ไม่เป็นสักหน่อย เปิดกิจการวันแรกหากไม่มีหมอออกตรวจจะได้อย่างไร”เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้ามอ
หรือจะเป็นโรคระบาด?เซี่ยเชียนฮวันแอบสงสัยอยู่ในใจสำหรับนางแล้ว โรคหวัดไม่ใช่โรคน่ากังวลอะไร แต่ในสมัยนี้การเป็นไข้หนาวสั่นอาจถึงแก่ชีวิตได้"นี่ พวกเจ้าอย่าได้เอาแต่ไปที่ถงซ่านถัง ไม่รู้หรอกหรือว่าท่านหญิงหยวนหลี่เป็นพวกจอมปลอม? ใครที่ป่วยก็รีบมารักษาที่ฮัวเยว่ถังของเราเร็ว!"เซี่ยเหยียนเห็นว่าอีกฝั่งครึกครื้นมีคนมากมาย แต่ทางด้านของตนกลับเงียบกริบ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหเขาวิ่งออกไปตะโกนเสียงดังที่ด้านนอกผู้จัดการชิวหมิ่นเห็นเซี่ยเหยียนตะโกนดังนั้นก็หัวเราะขึ้นว่า "เป็นเรื่องปกติหากโรงเตี๊ยมจะออกไปเรียกลูกค้า แต่ไม่เคยเห็นโรงหมอต้องออกไปเรียกลูกค้าเช่นนี้มาก่อน!"เซี่ยเชียนฮวันถึงกับเหงื่อตกนางรีบเดินออกไปดึงชายเสื้อของเซี่ยเหยียนเอาไว้ กระซิบว่า "ท่านพี่ อย่างน้อยท่านก็เป็นโหวน้อย เหตุใดจึงไปทำหน้าที่เหมือนบ่าวรับใช้กันเล่า""วันนี้โณงหมอของเจ้าเปิดกิจการเป็นวันแรก พี่ไม่สนใจเรื่องรักษาหน้าตาของตนหรอก ต้องช่วยเรียกลูกค้าให้เจ้าก่อน"เซี่ยเหยียนตบไปที่หลังมือของเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ หากจะเทียบกันเรื่องเอาอกเอาใจ รักทะนุถนอมน้องสาวละก็ เขาเซี่ยโหวเหย่น้อยไม่เคยแพ้ใครมา
เซี่ยเชียนฮวันได้จัดหาห้องไว้ให้ผู้ป่วยคนคนนี้อย่างมิดชิดตามลำพังต่อให้เป็นญาติสนิทก็ไม่อาจเข้าไปเยี่ยมได้เด็กหนุ่มที่แบกผู้ป่วยมาเมื่อครู่ สีหน้าหวาดกลัวตกตะลึง เขายืนอยู่ที่ด้านนอกประตูเป็นเวลาเนิ่นนาน จนกระทั่งเซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจากห้อง"พ่อของข้าเขาจะตายหรือไม่?”เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำตานองหน้าเซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจเบาๆ "คงต้องดูที่ชะตาฟ้าลิขิต แต่ข้าจะช่วยรักษาเขาอย่างเต็มที่"อาการเจ็บป่วยของเขาค่อนข้างหนักทีเดียวนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองวัน เมืองทางตะวันตกได้ปรากฏกาฬโรคขึ้นแล้วหลังปลอบใจเด็กหนุ่ม เซี่ยเชียนฮวันก็ได้เรียกเสี่ยวตงเข้ามาหา ตั้งใจจะเดินทางกลับไปหาโอกาสเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทูลสถานการณ์นี้แด่ฮ่องเต้ เพื่อคิดหาวิธีการจัดการต่อไป"เจ้าเห็นผู้ป่วยเป็นกาฬโรค แต่กลับไม่คิดถอยหนี"ผู้จัดการหญิงชิวหมิ่นปรากฏกายขึ้นตรงทางขึ้นบันได นางยืนพิงระเบียงไว้ สายตามองไปทางเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า "หากว่าหมอยังถอยหนี ผู้ป่วยคงจะรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก""พูดได้น่าฟังดี แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยืนหยัดถึงสุดท้ายได้หร
“ถวายบังคมเพคะเสด็จพ่อ”เซี่ยเชียนฮวันคารวะด้วยหัวใจกระสับกระส่ายฮ่องเต้ทรงใช้นิ้วเคาะไปบนโต๊ะ “มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ได้เดินทางไปสถานที่เกิดโรคมา เจ้าลองเล่ามาสิว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”“ทูลเสด็จพ่อ ที่ท้องถนนของเมืองตะวันตกเงียบยิ่งนัก แต่ละบ้านล้วนปิดประตูเงียบ มีเพียงโรงหมอเท่านั้นที่มีผู้คนเบียดเสียด เกรงว่ากาฬโรคนี้ระบาดมาหลายวันแล้วเพคะ สถานการณ์น่าเป็นห่วงยิ่งนัก ขอเสด็จพ่อโปรดรับสั่งให้ปิดเมืองตะวันตกด้วยเถิดเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าตอบคิดไม่ถึงว่านางเพิ่งกล่าวจบ องค์ชายหกเซียวฮวาเฉินได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “น้องสะใภ้ เอ่ยวาจาใดให้ระวังด้วย เสด็จพ่อจะจัดการเช่นไร ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าจะเข้ามาแทรกแซง”“เพคะ ลูกบุ่มบ่ามใจร้อนเกินไป ขอเสด็จพ่อโปรดอภัย”เซี่ยเชียนฮวันทำได้เพียงคุกเข่าลงนางจำได้ว่าองค์ชายหกเซียวฮวาเฉินอยู่ข้างเดียวกับเฉิงกุ้ยเฟยบัดนี้องค์ชายรองได้รับบาดเจ็บแทนน้องสาวด้วยการโบยนับร้อยไม้ ยังนอนรักษาบาดแผลอยู่ในจวน องค์ชายหกในฐานะลูกกระจ๊อก จึงได้ออกมาพูดแทนนางเดิมทีองค์ชายหกตั้งใจเอ่ยต่อไปแต่แววตาเย็นชาของเซียวเย่หลันจับจ้องมายังเขา แววตาเช่นนั้นแหลมคม
เมื่อครู่ฮ่องเต้เพิ่งมอบหมายภารกิจนี้ให้กับเซี่ยเชียนฮวันเป็นคนจัดการแต่เมื่อท่านหญิงหยวนหลี่ปรากฏตัวขึ้นเขาจะคืนคำสั่งเมื่อครู่หรือ?หากทำเช่นนั้น เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจแม่สาวน้อยและอาจทำให้องค์ชายเจ็ดเซียวเย่หลันต้องขายหน้าฮ่องเต้ตัดสินพระทัยยากเสียจริงทันใดนั้นเอง องค์ชายห้าเซียวจ้านก็เอ่ยขึ้นแล้วยิ้มเบาๆ ว่า “ทักษะทางการแพทย์ของน้องสะใภ้เจ็ดก็โดดเด่นยิ่งนัก หากมีผู้ช่วยก็คงดี สู้ให้พวกนางทั้งสองร่วมจัดการเรื่องนี้ เสด็จพ่อเห็นว่าอย่างไร"ประโยคนี้ช่วยให้ฮ่องเต้พบกับทางออกฮ่องเต้ยกมือขึ้นลูบไปที่คางของตน พยักหน้าแล้วกล่าวว่า "เป็นดังที่เจ้าห้าพูด ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อกำจัดการโรคระบาดนี้ให้หมดสิ้น อย่าปล่อยให้เมืองหลวงมีผู้คนล้มตายมากมายเป็นกองพะเนิน!""เพคะเสด็จพ่อ" เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้จะทำอย่างไรแม้ในใจของนางจะไม่อยากร่วมมือกับสตรีที่แสร้งทำเป็นเทพธิดาไปวันๆ เช่นนี้แต่เพื่อกำจัดการโรคระบาด หากสองคนร่วมมือกันก็จะแข็งแกร่งกว่าการทำคนเดียวอย่างแน่แท้สิ่งที่เซี่ยเชียนฮวันไม่คาดคิดก็คือ ท่านหญิงหยวนหลี่เหล่ตามองนางเบาๆ เม้มริมฝีปากกล่าวว่า "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉ