สุรเสียงของฮ่องเต้เบามาก และมีเพียงไทเฮากับฮูหยินอันติ้งโหวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นที่ได้ยินฮูหยินอันติ้งโหวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยนางเดาเจตนาของฮ่องเต้ไม่ออกแต่ไทเฮากลับยิ้มแย้มตามปกติ “ฝ่าบาททรงเจริญพระชันษามานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีหญิงชราผู้นี้คอยปกป้องพระองค์จากลมฝนอีกต่อไป”“พระเจ้าของเสด็จแม่ ข้าจดจำไว้ในใจตลอดชีวิต”น้ำเสียงของฮ่องเต้ แฝงไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนไทเฮาพยักหน้า แล้วหันไปกวักมือเรียกเซี่ยเชียนฮวัน “ฮวันฮวัน เจ้าตามข้าไปที่วังหย่งโซ่วสิ”“เพคะ”เซี่ยเชียนฮวันจึงทูลลาฮ่องเต้ตอนที่เดินออกมานั้น ฉวยโอกาสที่เซี่ยเชียนฮวันยังตามมาไม่ทัน ฮูหยินอันติ้งโหวกระซิบถามเบาๆ ว่า “แปลกนัก เหตุใดฝ่าบาทถึงพูดถึงช่วงเวลาที่ท่านรับผิดชอบเรื่องการเมืองหลังม่านขึ้นมา?”“ฉีอู่มีนิสัยพยาบาท” ไทเฮากล่าวสั้นๆ “ในตอนนั้นข้าลังเลที่จะมอบอำนาจให้เขา เขาก็จำฝังใจมาตลอด”เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของฮ่องเต้ นางจึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการบ้านเมืองมาหลายปีแล้วเรื่องของซืออวี้สวี่อาจมองว่าเป็นเรื่องภายในของราชวงศ์ แต่มีผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป ไม่ว่าจะได้รับการจัดการเช่นไร มันก
“แต่ข้าก็ช่วยนางเปาและลูกชายไว้ได้ มันคงไม่ยุติธรรมที่พี่หญิงสี่จะไม่พูดเรื่องกับข้า...”ไม่รอให้เซี่ยเชียนฮวันพูดจบ เซียวหมิงหลานก็ร้องหึเบาๆ แล้วสะบัดแขนเสื้อจากไปเซี่ยเชียนฮวันยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ไม่มีทางเลย หลี่จิ้งหย่าพูดเรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับนางมากเกินไปต่อหน้าเซียวหมิงหลาน ซึ่งทำให้เซียวหมิงหลานรู้สึกไม่ประทับใจในตัวนางความรู้สึกเช่นนี้ไม่สามารเปลี่ยนได้ในช่วงเวลาสั้นๆนางไม่สามารถบังคับคนอื่นให้มาชอบนางได้ นางทำได้เพียงยอมรับความจริงที่ว่านางมีศัตรูเพิ่มอีกคนก็เท่านั้นเซียวเย่หลันยังคงปรึกษาหารือกับฮ่องเต้ในวังหลวง เซี่ยเชียนฮวันจึงไม่ได้รอเขา และกลับไปที่บ้านแม่พร้อมแม่ของนาง พักอยู่ในจวนอันติ้งโหวสักสองสามวัน เพื่ออยู่ห่างจากซูอวี้เออร์ผู้ซึ่งเย่อหยิ่งมากขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ นางจะได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองในช่วงเวลานี้ นางไม่ได้พบกับเซียวเย่หลันอีกเลยเพียงแค่ส่งไปแจ้งให้เขาทราบว่า นางจะพักอยู่ที่บ้านแม่อย่างไรก็ตาม เซียวเย่หลันไม่ได้ตอบกลับบางทีคนส่งสารอาจถูกสกัดกั้นโดยซูอวี้เออร์ หรือบางทีเขาอาจไม่ได้สนใจว่านางอาศัยอยู่ที่ไหนเซี่ยเชียนฮวันรู้
“ใช่แล้ว จ้านอ๋องเป็นคนอุ้มท่านออกไปด้วยมือของเขาเอง”เปาอิ๋งหันพยักหน้าเซี่ยเชียนฮวันจำความรู้สึกได้ว่า มีใครบางคนอุ้มนางขึ้นมาอย่างเลือนลางมือของเขาอบอุ่นมาก แตกต่างจากฝ่ามืออันเย็นเยียบของเซียวเย่หลันอย่างสิ้นเชิง เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ราวกับประคองแก้วมณีที่แตกหักง่ายในตอนแรกเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าคนคนนั้นคงเป็นเซี่ยเหยียน หรือเจ้าหน้าที่ศาลจิตใจดีสรุปคือไม่มีวันเป็นเซียวเย่หลันแต่ตอนนี้ เปาอิ๋งหันกลับบอกนางว่า เป็นเซียวเย่หลันที่ช่วยนางออกมาจากสุสาน...ในใจของเซี่ยเชียนฮวันเกิดอารมณ์มากมายขึ้นมา ใบหน้าที่เย็นชาของชายผู้นั้นก็ปราฏขึ้นมาในหัวของนาง และสีหน้าอันดุร้ายของเขา ในขณะที่ฆ่าซืออวี้สวี่สุดท้าย นางก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “บางทีสติสัมปชัญญะของเจ้าอาจจะไม่ได้ชัดเจนนักจึงมองผิดไป ถึงแม้ว่าเซียวเย่หลันจะช่วยข้า แต่เขาจะไม่มีวันแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาโดยเด็ดขาด”“เฮ้อ ถ้าพระชายาไม่เชื่อ ข้าน้อยก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ข้าน้อยไม่คิดว่าจ้านอ๋องจะเป็นคนใจร้ายเช่นซือเสียง” เปาอิ๋งหันพูดนอกจากการแสดงออกทางสีหน้าแล้ว อารมณ์ของตัวบุคคลนั้น ยังสามารถเห็นได้จากพฤติกรรมขอ
“เจ้าเป็นใคร?”เซี่ยเชียนฮวันหันหน้ามาสังเกตคนที่เรียกนางเอาไว้สาวใช้ที่แปลกหน้าคนหนึ่งสวมใส่แต่งตัวได้วิจิตรตระการตามาก ไม่ค่อยเหมือนว่าเป็นคนใช้ของตระกูลขุนนางเลย แต่ก็ไม่เหมือนว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาเช่นกันด้วยสาวใช้คนนั้นเดินมาที่ด้านหน้าของเซี่ยเชียนฮวัน คารวะอย่างอ่อนช้อยแล้วกล่าวว่า: “คารวะพระชายา บ่าวมีนามว่าซิ่วเซียง เป็นคนที่ปรนนิบัติข้างกายของคุณชายซังฉู่ซวินเซี่ยเชียนฮวันตะลึงงันที่แท้เป็นคนของอุทยานหลีนางไม่ได้คิดอะไรไปมาก ก็เลยปฏิเสธคำเชื้อเชิญออกมาตรงๆ “ข้าไม่ได้มีความสนิทสนมกับคุณชายซังเป็นการส่วนตัว พบกันโดยไม่มีเหตุผลใดๆก็เหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผล หากแพร่งพรายออกไปเกรงว่าจะไม่น่าฟังต่อชื่อเสียงของพวกเราได้ ชั่งมันจะดีกว่าเถอะ”สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเชียนฮวันจะปฏิเสธออกมาอย่างสิ้นเชิงนั่นเป็นถึงซังฉู่ซวินเชียวนะ......บุคคลที่โดดเด่นอันดับหนึ่งแห่งเจียงเป่ย มีคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์มากแค่ไหนที่ร้องขอก็ยังไม่ได้มาด้วยตาปริบๆเลยนะเซี่ยเชียนฮวันปฏิเสธเสร็จก็จากไปเลยนางจำได้ว่าองค์ชายห้าเซียวจ้านเคยเตือนนางที่สวนบ๊วยมาก่อน ซังฉู่ซว
“เจ้ามีเรื่องขอร้องข้า?”เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วซังฉู่ซวินพักหน้าไปมา “หากพระชายายินดีที่จะช่วย ปลอกมีดพวกนี้ก็จะเป็นสิ่งตอบแทน พระชายาคิดเห็นอย่างไร”“งั้นเจ้าต้องบอกเรื่องที่ต้องการจะไหว้วานให้ชัดเจนก่อน ข้าจึงจะทราบว่าจะช่วยได้หรือไม่”แน่นอนว่าเซี่ยเชียนฮวันก็คงจะไม่รับปากอย่างโง่เขลาหรอกซังฉู่ซวินหัวเราะขึ้นมาครู่หนึ่ง “อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พระชายาก็ทราบดีว่าข้าเป็นเพียงแค่คนแสดงละครคนหนึ่ง พวกคนสูงศักดิ์ชอบฟัง ข้าก็เลยมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดปรานจากฝ่าบาท อีกสองสามวันก็ยังต้องเข้าวังไปแสดงลูกคอให้ฝ่าบาทรับฟังอีก”คำพูดนี้ฟังไปแล้วไม่ว่ามากหรือน้อยก็ค่อนข้างอวดอยู่บ้างแต่ซังฉู่ซวินพูดได้ธรรมดามาก ราวกับว่าก็ไม่ได้เห็นแก่ชื่อเสียงเลยหัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งยังเผยให้เห็นความกลัดกลุ้มจางๆออกมาด้วย “ประมาณว่าหลายวันนี้ร้องมากติดต่อกันมาหลายวันแล้ว ข้ารู้สึกว่าสภาวะของเสียงนับวันจะยิ่งแย่ หากถึงตอนนั้นเอ่ยปากไม่ออกต่อหน้าฝ่าบาท ก็ไม่เท่ากับว่าจะยั่วความซวยเข้าตัวหรอกหรือ?”“ได้ยินว่าพระชายาวิชาแพทย์เกินคน วันนี้ข้าก็บากหน้ามา
หลังจากเขียนใบสั่งยาเสร็จ เซี่ยเชียนฮวันก็หยิบปอกมีด 2-3 อันเป็นค่าตอบแทนไป แล้วรีบออกไปนางไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เป็นวิชาสะกดจิตหรือเปล่าแม้ว่าจะเป็นการสะกดจิต อย่างน้อยก็น่าจะมีภาษาในการชักจูง ชี้นำทางจิตใจ ทำไมเพียงแค่ผ่านการสบตาก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการสะกดจิตขึ้นมาได้?งั้นก็น่าอัศจรรย์เกินไปแล้วจริงๆ!เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกเลย นางเพียงแต่รู้ว่าที่เซียวจ้านพูดเป็นเรื่องที่ถูก ดีที่สุดอย่าได้เข้าใกล้ตัวละครแซ่ซังผู้นี้มากเกินไป!ในตอนนี้เองซังฉู่ซวินยืนอยู่ด้านหน้ารั้วบันได มองตามเซี่ยเชียนฮวันที่เดินทะลุถนนใหญ่ไป มุมปากยกขึ้นมาจางๆ “ซิ่วเซียง เจ้าเอาสำรับยาใบนี้ไปซื้อยาที่ร้านขายยา”สาวใช้เดินขึ้นมาด้านหน้า หลังจากรับเอาใบตำรับยาไปแล้วก็เห็นสีหน้าของซังฉู่ซวิน แต่กลับเผยสีหน้าท่าทางแห่งความประหลาดใจออกมา“คุณชาย เมื่อครู่ท่านได้ใช้วิชาสะกดจิตกับพระชายาจ้านอ๋องแล้วงั้นหรือ?”อาทิตย์อัสดงสาดส่องมาบนใบหน้าที่หล่อเหลาของซังฉู่ซวิน ส่องออกมาเป็นสีรูม่านตาของเขาที่บางเบามาก ราวกับจอมมารก็ไม่ปานเขาค่อนข้างมีความสนใจขึ้นมา “ใช้ไปแล้ว”“น่าแปลก ในเมื่อท่านใช้วิชาสะกดจิตกับนางแล
“แม้ว่าเซียวเย่หลันจะไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ใช่สิทธิ์ของชายเทียมที่แม้แต่ใบหน้าก็ไม่กล้าเผยออกมาให้เห็น!”เซี่ยเชียนฮวันออกแรงถีบไปหนึ่งที!ชายคลุมหน้ารีบปล่อยนางออกแล้วถอยหลังไปทันที หลบกาณโจมตีที่เอาชีวิตนี้ไปได้เชาส่ายศีรษะไปมา “เสี่ยวฮวันวฮวัน จ้ายังไม่เคยลองดูเลย ทำไมถึงได้รู้ว่าข้าไม่เหมาะสมกับเจ้า”“หึ ข้าชอบผู้ชายที่สง่าผ่าเผย”เซี่ยเชียนฮวันหลังพิงกำแพงเอาไว้ ค่อยๆเคลื่อนตัวไปทางด้านทางแยกช้าๆชายคลุมหน้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างลึกซึ้งว่า: “ไม่เป็นไร ต้องมีสักวันที่เจ้าจะสามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของข้าได้ ถึงตอนนั้นเซียวเย่หลันก็คงจะไม่คู่ควรกับเจ้าแล้ว”“คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร”เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วจู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าชายคลุมหน้าเคยกล่าวเอาไว้ว่าทุกคนที่เหยียดหยามราชวงศ์ ต่างก็เป็นศัตรูของเขาทั้งนั้น!คำพูดนี้สามารถมีสองนัยได้อย่างแรกเขาต้องการจะเข้ายึดครองตำแหน่งอย่างที่สอง เขาเป็นคนของฝ่าบาท ช่วยฮ่องเต้ที่มากความสงสัยท่านนั้นขจัดอุปสรรคให้เกลี้ยงอยู่ในที่ลับเมื่อมองจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว อย่างแรกกับอย่างหลังมีความเป็นไปได้พอสมควรฮ่องเต้ฉีอู่ท
"เพราะเหตุใด?"เซี่ยเชียนฮวันจ้องเขาตาเขม็งเอะอะทำสิ่งนั้นไม่ได้ สิ่งนี้ก็ไม่ได้ เขาจะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!เซียวเย่หลันเดินตรงเข้ามาสองก้าว เขากระซิบขึ้นว่า "เจ้ากลับไปบ้างเป็นครั้งคราข้าไม่ว่า แต่บัดนี้เจ้ากลับไปอาศัยอยู่เนิ่นนานหลายวัน หากคนนอกรู้เข้า คงคิดว่าข้าให้เจ้ากินเจ้าอยู่ไม่ดีพอ""อ้อ ใช่ๆ ๆ เจ้าให้ข้ากินอยู่อย่างดี เพียงแต่ของดีทุกอย่างล้วนต้องส่งไปที่เรือนจิ่นซิ่วก่อน รอเมื่อพระชายารองซูเลือกเรียบร้อยแล้ว จึงจะตกถึงมือข้าที่เป็นพระชายาหลวง”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะเยาะเย้ยเซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเผยถึงความเหนื่อยหน่าย "เจ้ามาจากตระกูลของไทเฮา ทั้งเป็นบุตรสาวของท่านโหวเจ้าได้กินดีอยู่ดีมาตั้งแต่เล็ก ชื่อเล่นนางร้ายไม่เหมือนกันกับเจ้า...""เจ้าคิดว่านางอ่อนแอบอบบาง ดังนั้นข้าจึงควรสละให้นางทุกอย่างหรือ?"ตรรกะที่ว่าใครอ่อนแอกว่าก็ควรได้รับ เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจเข้าใจได้!อีกอย่าง ในตอนนั้นนางร้ายเป็นยอดคณิกาแห่งเมืองหลวง นางใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งท่ามกลางแก้วแหวนเงินทองมาเช่นกันอีกอย่างด้วยนิสัยไม่รับสินบนของเซียวเย่หลัน คาดว่าแม้แต่ของขวัญที่ขุนนางและเ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา