หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดที่หน้าเจินหลินย่วนซูหรานลงจากรถ เนื่องจากฝีเท้าที่ค่อนข้างเร่งรีบ เธอจึงไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาอีกหนึ่งคู่คอยติดตามเธออยู่ตลอด จนกระทั่งเงาของเธอค่อย ๆ หายไปลู่ซิวหนิงยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัวราวกับผีร้าย ทำให้รู้สึกขนลุกเป็นพิเศษฮึ ซูหราน......เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้มุ่งมั่นขนาดนั้น จนถึงขั้นขึ้นรถเขาอีกครั้งเธอก็ยังไม่รู้ตัวถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป เช่นนั้นการจัดการกับเธอก็จะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่แต่ความระมัดระวังของซูหราน ลู่ซิวหนิงเองก็ไม่กล้าที่จะประมาทเมื่อกี้โชคดีที่ไม่ได้ถูกซูหรานสังเกตเห็น แต่หากซูหรานสังเกตเห็นเขาเมื่อไหร่ เช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถหลบหนีจากสายตาของฟู่จิ้นหานได้อีกเลยเขาสามารถเผชิญหน้ากับซูอินและซูหรานได้โดยที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ลังเลแต่ฟู่จิ้นหาน......สำหรับฟู่จิ้นหาน ในใจลู่ซิวหนิงกลับรู้สึกถึงความน่ากลัวที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูก ความกลัวนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับความเกลียดชัง ดังนั้น ต่อให้เขาจะกลัว แต่เขาก็ไม่สามารถกดทับความเกลียดชังนั้นเอาไว้ได้ภาพบางอย่างผุดเข้ามาในหัว ลู่ซิวหนิงจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น จนมื
เมื่อเทียบกันแล้ว ดั่งดวงจันทร์ที่ลอยบนฟ้า กับดินโคลนที่อยู่บนพื้นดินโดยเฉพาะแสงที่ทำให้แสบตานั้นลู่ซิวหนิวเหมือนว่าจะสามารถเอาชะนะความกลัวได้ เขาค่อย ๆ หันหลังกลับ แล้วมองไปที่ฟู่จิ้นหาน การเคลื่อนไหวยังคงระมัดระวังอยู่เสมอจนกระทั่งเงาของฟู่จิ้นหานได้หายไปจากสายตา ลู่ซิวหนิงที่เดิมมีสีหน้าหวาดระแวงก็ค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ความโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่งก็ค่อย ๆ เข้ามาแทนทีสุดท้าย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ราวกับปีศาจที่กลับมาจากนรกและในขณะเดียวกัน ฟู่จิ้นหานก็เปิดประตูด้วยความคาดหวังที่เต็มเปี่ยมทันทีที่เข้าประตูไป เขาก็เรียกชื่อของซูหราน แต่ในห้องกลับไม่มีเสียงตอบกลับจากซูหรานเลย“ภรรยา?”ฟู่จิ้นหานเรียกออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย แล้วเดินเข้าไปในห้องของเธอ กลับยังคงว่างเปล่ามีเพียงโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น กล่องที่เคยใส่เครื่องประดับของซูหรานถูกเปิดออกฟู่จิ้นหานตรงเข้าไปดู ในกล่องนั้นขาดแหวนเพชรไปหนึ่งวงซูหรานมาที่นี่แล้วเอาแหวนไปงั้นเหรอ?แหวนวงนั้นมีความหมายพิเศษต่อเขา มันเป็นสิ่งที่เขาและซูรานร่วมกันสร้างจนสำเสร็จ ถือเป็นของที่แสดงถึงความรักระ
“นาย ๆ ๆ ๆ ......” จี้เยี่ยนโจวเกือบจะเบรกรถกะทันหันฟู่จิ้นหานไม่สนใจความยุ่งเหยิงในตอนนี้ พร้อมกับหันหน้าไปรอจี้เยี่ยนโจวจี้เยี่ยนโจวรีบหาจุดจอดรถทันที แล้วหันไปสบตากับฟู่จิ้นหานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“ทำไม? ฉันทายถูกงั้นเหรอ? ซูหรานท้องจริง ๆ งั้นเหรอ?”ฟู่จิ้นหาน: “......”ตั้งครรภ์......ภายในสมองที่ว่างเปล่า เหลือเพียงแค่สองคำนี้เท่านั้นภาพของซูรานในวันนั้นที่กอดหนูน้อยเอาไว้ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีความรักของแม่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเธอ“เธอจะต้องเป็นแม่ที่ดีแน่”ฟู่จิ้นหานยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัวจี้เยี่ยนโจวเหมือนเพิ่งจะได้ยินเรื่องตลกเข้ายังไงอย่างงั้นนี่......นี่หมายความว่า เขาทายถูกเข้าแล้วจริง ๆ!“นายนี่ใช้ได้เลยนะ!”จี้เยี่ยนโจวมองฟู่จิ้นหานด้วยความตื่นเต้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่า การที่เขาไปทำงานที่กั่งเฉิงระยะหนึ่ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไปเร็วขนาดนี้ไม่แปลกใจเลย ที่บัญชีออฟฟิเชียลของฟู่ซือกรุ๊ปจะโพสต์รูปออกมาบนโลกโซเชียลฟู่จิ้นหานรู้ว่าจี้เยี่ยนโจวคิดมากเกินไปแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่เหลือบมองจี้เยี่ยนโจว
คุณชายใหญ่เย่เข้ามาที่ร้าน เขากำชับเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเตรียวชุดเดรสไว้เพื่อคุณซูอีกทั้ง ชุดเดรสที่เธอนำมามีแค่ไซส์ของคุณซูหรานทั้งนั้น แต่หลานสาวแท้ ๆ คนนี้กลับต้องการจะเลือก......ผู้จัดการร้านมองไปทางเย่ถิงเซินเพื่อขอความช่วยเหลือแต่เย่ถิงเซินกลับหันท้ายทอยให้เธอ ไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำสายตาของผู้จัดการร้านจึงทำได้แค่มองไปหาซูหรานที่อยู่ตรงหน้าเย่ถิงเซินเท่านั้นแน่นอนว่าซูหรานเองก็ไม่อยากทำให้ผู้จัดการร้านต้องลำบากใจ“ให้เธอเลือกเถอะค่ะ!”ในสายตาของซูหราน ต่อให้ซูอินจะย้ายชุดเดรสทั้งหมดเข้ามาไว้ในตู้เสื้อผ้าก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงซะ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่คำพูดนี้ ซูอินกลับยิ่งไม่พอใจเห็น ๆ อยู่ว่าซูอินคือตัวเอก แต่คำว่า “ให้” ของซูหราน กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกช่วยเหลืออย่างไร้ค่าเธอจะกลืนความรู้สึกนี้ลงไปได้อย่างไรแต่จู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าหยางซูมองดูอยู่ข้าง ๆ ซูอินจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เพราะกลัวว่าจะทำให้หยางซูรู้สึกไม่ชอบใจซูอินมองไปทางซูหราน และยิ้มอย่างหวานซึ้ง“ขอบคุณค่ะ พี่หรานหราน”เหอะ!รอให้เธอได้เลือกชุดที่สว
พวกเขาทั้งสองคนคนหนึ่งเป็นลูกชายจากลูกสาวที่เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลเย่ คนหนึ่งเป็นหลานที่คุณท่านเย่รับเป็นหลานบุญธรรมต่างก็ไม่มีใครเป็นสายเลือดของตระกูลเย่เลยสักคนทุกคนต่างชื่นชมคุณท่านเย่ว่ามีหลานชายที่ดี เป็นสุภาพบุรุษที่มีความสามารถ และเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากแต่เมื่อพูดถึงเขา กลับมักจะนึกถึงลูกคนรวยที่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ชอบเที่ยวกลางคืนเล่นกับผู้หญิงไปทั่วเขาอยู่ภายใต้เงาของเย่ถิงเซินมานานหลายปี แม้ในใจจะรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่ก็ไม่เคยกล้าเผชิญหน้ากับความเฉียบคมของเย่ถิงเซินเลยสักครั้งแต่เย่ถิงเซินกลับพูดต่อหน้าซูหรานว่าเขาไม่ใช่คนดี!ฮึ!“เย่ถิงเซิน นายกำลังยุยงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหรานหรานอยู่งั้นเหรอ?”เสียงของหยางซูดังขึ้นมาอย่างกะทันหันจากด้านหลังของทั้งสองคนซูรานหันกลับไป ก็เห็นหยางซูกำลังซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เขายิ้มที่มุมปาก แต่รอยยิ้มของเขากลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตึงเครียดซูหรานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้เกิดข้อขัดแย้งที่ไม่จำเป็นขึ้นเธอเพิ่งจะเปิดปากพูด หวังว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เสียงของเย่ถิงเซินก็กลับดังขึ้นอย่
เดิมทีไซส์นี้ก็ไม่ใช่ไซส์ของเธอด้วยซ้ำ!ผู้จัดการร้านเกือบจะพูดออกมา แต่เธอก็รู้ว่าหากพูดออกไป คำพูดนั้นจะต้องกระตุ้นให้หลานสาวแท้ ๆ คนนี้โกรธเป็นแน่ดังนั้นเธอจึงแนะนำอย่างสุภาพว่า “คุณหนูเย่คะ ฉันจะรีบแก้ไขให้คุณเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เราจะทำให้เร็วที่สุดค่ะ!”เร็วที่สุดงั้นเหรอ?ต่อจะให้เร็วยังไงก็ไม่ได้!เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเย่ ชุดเดรสเดิมจะต้องตัดเย็บมาเพื่อเธอเป็นพิเศษ ถ้าหากมีการแก้ไข แล้วมันจะพอดีตัวเธอได้ยังไง?ในใจซูอินรู้สึกโกรธอย่างมากแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหยางซูกำลังรอเธออยู่ที่ชั้นล่างซูอินก็กดความไม่พอใจเอาไว้ แล้วสั่งผู้จัดการร้านด้วยท่าทีที่ดูเย็นชา“ไปเอาชุดเดรสสีขาวที่แพงที่สุดจากชั้นล่างขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ส่วนชุดนี้......ฉันไม่เอาแล้ว!”อย่างมาก ก็แค่เปลี่ยนชุดใหม่!ผู้จัดการร้านสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งทันทีพนักงานของร้านรีบหยิบชุดเดรสสีขาวมาให้ตัวหนึ่ง ชุดเดรสนี้มีการตัดเย็บที่เข้ารูป สามารถเน้นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของผู้สวมใส่ได้สำหรับรูปร่างของตัวเธอเอง ซูอินรู้สึกพอใจอย่างมาก“ดี เอาตัวนี้แห
เธอยิ่งไม่ชอบหน้าตาเสแสร้งแกล้งทำของซูอินมากขึ้นไปอีกซูหรานจิบกาแฟเข้าไปนิดหนึ่ง เผยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปยังน้องอินอินที่กำลังร้องไห้เหมือนดอกไม้ที่ถูกฝน“ฉันก็ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนนี่!”ซูหรานไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกไม่ชอบเธอเลยแม้แต่น้อยซูอินเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยความเจ็บปวด เธอรู้ดีว่าการแสดงท่าทางดุร้ายต่อหน้าซูหรานนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีแต่เธอก็ต้องแกล้งทำเป็นน่าสงสาร เพื่อให้หยางซูเห็นใจเธอดังนั้น เธอจึงเริ่มพูดด้วยถ้อยคำที่น่าสงสารออกมา“ฉันคิดว่า ชุดเดรสพวกนี้เตรียมมาให้คุณหนูทุกคนของตระกูลเย่ สามารถเลือกสวมได้เลย แต่คิดไม่ถึง......”“คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ฉันลองสวมใส่ กลับไม่ใช่ไซส์ของฉันเลยสักตัว”“ฉันคิดว่า อาจจะแค่หยิบขนาดไปผิดไซส์ เลยให้พนักงานมาหยิบให้ใหม่ แต่......แต่ว่า......”“แต่ผู้จัดการร้านบอกว่า ชุดเดรสเหล่านี้เป็นขนาดของพี่หรานหราน ไม่มีของฉัน บอกว่าฉันไม่คู่ควรที่จะใส่ชุดเดรสของแบรนด์พวกเขา แถมยังทำชุดเดรสเสียหายอีก บอกว่าชุดที่ฉันลองแล้ว จะให้พี่หรานหรานใส่ต่อไม่ได้อีก”เมื่อผู้จัดการร้านและพนักงานร้านจัดการเสื้อผ้าที่ชำรุดในห้องของซูอินเสร็จ ก็พากันเดิ
เมื่อวานนี้พ่อบ้านทำตัวลึกลับมาตลอด ไม่ยอมบอกว่าเป็นวันอะไรกันแน่เมื่อเธอถาม คุณปู่เย่ก็ทำตัวลึกลับเช่นกัน กะพริบตาแล้วพูดว่า "เดี๋ยวก็รู้เองแหละ"พูดจบ เขาก็พึมพำเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู"เจ้าหนูนี่ ถึงกับจำไม่ได้เลยเชียว!"เขาเองก็เกือบจะลืมไปเหมือนกันไม่ใช่หรือ?โชคดีที่มีคนอื่นเตือนความจำทุกคนออกจากวิลล่านอกวิลล่ามีรถหรูหลายคันจอดเตรียมพร้อมอยู่ ไม่นานนักทุกคนก็ทยอยขึ้นรถ รถแล่นไปตามถนนอย่างยิ่งใหญ่อลังการเย่ถิงเซิน และเย่ซือเหยียนต่างคนต่างนั่งรถคนละคันซูอินเดิมทีจะนั่งรถคันเดียวกับหยางซู แต่เธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องปิดบังหยางซู จึงนั่งรถคันหนึ่งคนเดียวบนรถซูอินส่งข้อความหาหลินเยว่เยว่เป็นอันดับแรกวันนี้เป็นกับดัก กับดักที่จะดักจับซูหรานและเมื่อไม่กี่วันก่อนซูอินก็ได้ให้หลินเยว่เยว่หาคนไว้เรียบร้อยแล้ว ละครฉากนี้จะต้องทำให้ซูหรานตกต่ำถึงที่สุดอย่างแน่นอน......สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่บนเส้นทางจากเมืองไห่เฉิงไปยังตำบลหลิวหลังจากลงจากทางด่วน รถหรูหลายคันแล่นเข้าสู่ถนนเล็ก ๆ สายหนึ่ง ถนนคดเคี้ยวขรุขระ ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงจึงจอดลงหน้าสถาน