เสี่ยวเหยียนเหยียน...ซูหรานเพิ่งสังเกตชื่อเรียกนี้"เสี่ยวเหยียนเหยียน" ที่คุณแม่นมคนนี้เรียก เป็น "เหยียนเหยียน" ที่คุณปู่พูดถึงหรือเปล่า?ฉินเหยียนเคยมาที่นี่?ซูหรานเหมือนค้นพบบางอย่างเธอรีบถามทันที"คุณย่า คุณเรียกฉินเหยียนใช่ไหมคะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้คุณย่างุนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือซูหรานพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ในดวงตาราวกับมีความยินดีอย่างล้นพ้น"ฉินเหยียน เธอกลับมาแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว""ปีนั้นที่เธอมาหาย่า เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน เธอบอกว่าต่อไปคงไม่ได้เจอกันอีก ของที่เธอให้ย่าเก็บไว้ หลายปีมานี้ย่าก็เก็บซ่อนไว้อย่างดี ไม่มีใครพบ..."จู่ ๆ คุณย่าก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มองรอบ ๆ อย่างระแวดระวังเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก็จับมือซูหราน "ไป ย่าจะพาเธอไปเอาของ"ซูหรานไม่ได้ปฏิเสธราวกับมีแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างอยู่เบื้องหน้า ทำให้เธออยากไปสำรวจซูหรานพยุงคุณย่า ไม่ได้เข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่กลับเดินอ้อมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมกว่าภายในบ้านมืดสนิท ซูหรานเข้าไปสักพักจึงค่อย ๆ ปรับสายตา
ซูอินแต่งตัวอย่างสวยงาม เธอไม่เห็นซูหราน แต่กลับเห็นคุณปู่เย่ที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าวันเกิดเจ้าตัวเล็ก...วันนี้วันเกิดเจ้าตัวเล็กก็คือเธอนั่นเอง!เมื่อคิดว่าคุณปู่เย่เตรียมทุกอย่างไว้สำหรับวันนี้โดยเฉพาะ ซูอินก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และยังวางแผนที่จะอวดต่อหน้าซูหรานอย่างเต็มที่ให้ซูหรานรู้ว่าสายเลือดสำคัญที่สุดซูหรานเป็นเพียงแค่คนที่ถูกรับเลี้ยง ส่วนตัวเธอเองต่างหากที่เป็นคุณหนูตัวจริงของตระกูลเย่หลังจากการหลอกลวงและแสดงละครมาหลายวัน ตอนนี้ซูอินผู้รู้ความจริงทั้งหมดถึงกับคิดในใจว่าตัวเองเป็นคุณหนูของตระกูลเย่อย่างแท้จริงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ทุกอย่างเป็นของเธอ รวมถึงความสนใจและความรักจากทุกคนซูอินยิ้มอย่างสมบูรณ์แบบที่มุมปาก เธอจงใจวางมือบนแขนของหยางซู ก้าวเดินอย่างสง่างามทีละก้าวแต่สิ่งแรกที่หยางซูเห็นกลับเป็นซูหรานแม้จะเป็นเพียงใบหน้าด้านข้าง เธอยืนอยู่ตรงนั้น ลมทะเลพัดมา เส้นผมปลิวไสวหยางซูถึงกับอึ้งไปชั่วขณะและในเวลานี้ ซูหรานก็ยังคงอยู่ในความตะลึงงันวันเกิดเจ้าตัวเล็ก?ใคร? เธอหรือ?เธอไม่ได้เป็นผู้มีวันเกิดวันนี้ แต่คุณปู่กำลังโบกมือเรียกเธอใช่ไหม?
แต่เสื้อของชายคนนี้ จะมาเปื้อนกับร่างกายอันทรงเกียรติของหลานสาวตระกูลเย่ได้อย่างไร?โชคดีที่เสียงร้องไห้ของเธอทำให้ชายคนนั้นไม่กล้าเข้ามาใกล้ซูอินรู้สึกไม่พอใจในมุมมองของเธอ ตอนนี้ตัวเธอน่าอับอายมาก จึงทำให้พี่ชายของเธอไม่พอใจหยางซูเป็นคุณชายที่เอาแต่เที่ยวเตร่ของเมืองจิง และได้รับเกียรติจากตระกูลเย่ด้วย การที่เขาเสียอารมณ์บ้างก็เป็นเรื่องปกติแน่นอนว่าเขาต้องโกรธ ถึงได้ไม่มาช่วยเธอซูอินมองหยางซู เธอเชื่อว่าการร้องขอด้วยสีหน้าที่น่าสงสารของเธอ จะทำให้เขาอ่อนโยนลงและจริง ๆ แล้ว หยางซูก็ได้ทำตาปิดลงแม้เพียงครู่เดียวถึงแม้คิ้วยังขมวดอยู่ แต่เขาก็แสดงปฏิกิริยาบ้างแล้วซูอินรู้สึกดีขึ้น และกำลังรอที่จะเห็นหยางซูปลอบเธอและช่วยบรรเทาความอับอายและสับสนในขณะนี้ โดยที่เธอจะได้แสดงบทบาทผู้หญิงที่เปราะบางและน่าสงสารต่อไปหยางซูช่วยดึงเธอให้ลุกขึ้นซูอินทรุดลงอย่างอ่อนแอ เกือบจะพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหยางซู แต่ถูกเขาจับตัวไว้แล้ว"ขอบคุณพี่ชายค่ะ" ซูอินมองด้วยสายตาเต็มไปด้วยความขอบคุณแต่ในวินาทีถัดมา หยางซูกลับปล่อยมือเธอ และเอาเสื้อของชายคนนั้นมาคลุมรอบเอวเธอซูอินงงงันไปชั่ว
สำเร็จในทุกสิ่งที่ต้องการ...ซูหรานรู้สึกใจเต้นเบา ๆทุกคำ ทุกประโยค เธอรู้สึกได้ถึงความรักของคุณปู่เย่ที่มีต่อบุตรสาวขณะนี้ เธอหวังว่าฉินเหยียนยังมีชีวิตอยู่ หวังว่าพ่อกับลูกสาวจะได้พบกันสักครั้งฉินเหยียน...ชื่อของฉินเหยียนสะท้อนอยู่ในหัวของซูหรานทันใดนั้น ก็นึกถึงคุณยายที่พบเจอตอนที่แล้ว จู่ ๆ ในใจรู้สึกมีพลังบางอย่างที่คอยกระตุ้นให้เธอทำอะไรบางอย่างแต่จะทำอะไรดี?ซูหรานสับสน ละเลยที่จะสังเกตสายตาอาฆาตที่จ้องมาที่เธอสำเร็จในทุกสิ่งที่ต้องการ...ฮ่ะ!ซูอินกัดฟันแน่นซูหรานได้รับทุกสิ่งที่เธอปรารถนา แล้วเธอล่ะ?เธอจะต้องเป็นคนที่ทำให้ความปรารถนาทั้งหมดเป็นจริง และซูหราน...สายตาของเธอราวกับมีดที่จ้องฟันทั้งสองคน และหันหลังเดินจากไปในขณะที่เธอกลับมาด้วยความรีบเร่งเพื่อหวังจะทวงคืนความโดดเด่นเสียงหัวเราะดังลั่นของคุณปู่เย่ดังโชยมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ สุขภาพและสภาพของคุณปู่เย่ไม่ดี ซูอินเคยคิดว่าหลังจากท่านตกจากสะพานถึงแม้จะไม่ตาย แต่อาการร่างกายก็ต้องทรุดลงอย่างมากไม่คาดคิดเลยว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา สุขภาพและสภาพจิตใจของคุณปู่เย่กลับดีขึ้นมาก“พินัยกรรม…”หากคุณปู
ซูหรานในวันนี้ ท่าทีดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดนานมากแล้วที่เย่ถิงเซินไม่ได้เห็นเธอหัวเราะแบบนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความสบายใจของเธอ และเขาเองก็อยากจะเป็นคนที่ทำให้เธอสบายใจด้วยเช่นกันบนเนินลาดชัน ดอกไม้ป่าสีแดงดอกเล็กดอกหนึ่ง พยายามดิ้นรนโผล่พ้นออกมาจากพุ่มหนาม และกำลังเบ่งบานอย่างสวยงามซูหรานเก็บดอกไม้นั้นมาได้อย่างง่ายดาย ขณะที่กำลังจะนำกลับไปมอบให้คุณท่านเย่อยู่นั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเธอ“จิ้นหาน......”ซูหรานรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือเสียงของเย่ซือเหยียนเย่ซือเหยียนกำลังเรียกชื่อของฟู่จิ้นหานซูหรานไม่อยากที่จะสนใจ แต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกทากาวเอาไว้เธอเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าเย่ซือเหยียนกำลังหันหลังให้เธออยู่ เย่ซือเหยียนโน้มศีรษะลงเล็กน้อย ท่าทีที่กำลังเล่นกับเส้นผมของตัวเองนั้น เหมือนกับหญิงสาวที่กำลังมีความรัก และกำลังพูดคำหวานอยู่“เมื่อคืนคุณดื่มมากเกินไปเลยเผลอปิดเครื่อง พักอีกหน่อยเถอะ อืม ฉันเองก็คิดถึงคุณ ไว้ฉันกลับไปแล้ว ฉันจะไปหาคุณนะ อืม ที่เดิมของเรา”ซูหรานได้ยินเพียงเสียงของเย่ซือเหยียนเท่านั้นแต่เพียงเท่านั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถจินต
ลู่ซิวหนิงฮึดฮัดในใจเบา ๆไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ในสายตาของซูอิน เขาก็ยังคงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเสมอเมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่เคยผ่านมา ในสายตาของลู่ซิวหนิงก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเพิ่มแรงกดที่มือตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาบีบคางเธอเอาไว้แน่น รอยนิ้วมือเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ“อ่า เจ็บ......”ซูอินรู้สึกเจ็บเล็กน้อย การตอบสนองแบบนี้ของเขาอาจจะเกินไปหน่อยจริง ๆเขารู้สึกว่าสถานการณ์มันค่อนข้างหนัก เลยไม่อยากช่วยงั้นเหรอ?แต่ในตอนนี้ เธอมีเพียงคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น ที่พอจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ซูอินมองไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชาย ถึงแม้ว่าเธอจะปิดตา แต่ก็สัมผัสได้ถึงมือของเขาที่กำลังจับคางของเธอเอาไว้อยู่ เขาผ่อนคลายมือลงมาก เธอจึงจงใจใช้ใบหน้าถูไถไปกับมือของเขา“ผู้หญิงคนเดียว ฉันอาจจะทำไม่ได้ ดังนั้นจึงมีแค่นายเท่านั้นที่ช่วยได้ นายจะช่วยฉันใช่ไหม?”เห็น ๆ อยู่ว่าสิ่งที่เธอกำลังพูดตอนนี้มันคือเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้อื่นแต่เสียงที่ดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของซูอิน กลับเหมือนเป็นการขอให้คนรักมอบดอกไม้ช่อหนึ่ง หรือของขวัญสักชิ้นหนึ่งเท่าน
จนกระทั่งเงาของเขาหายไปจากสายตา ซูอินแทบอยากจะเช็ดน้ำลายที่ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้ออกไปให้หมดรู้สึกรังเกียจอย่างมากแต่กลิ่นของชายคนนั้นกลับเหมือนว่ายังคงอบอวนอยู่รอบตัวเธอ ซูอินยิ่งเช็ดเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดในใจมากเท่านั้นเธอรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบเธอต้องการอาบน้ำชำระร่างหายเมื่อเดินไปถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซูอินกลับพบเข้ากับหยางซูหยางซูยืนอยู่ตรงทางลงบันไดชั้นสอง สายตาจับจ้องมาที่เธอ แววตาคู่นั้นทำให้ซูอินรู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูกเธอเหลือบมองไปยังห้องห้องนั้นโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าประตูของห้องไม่ได้หันมาทางนี้ ซูอินถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกต่อให้หยางซูจะเห็น เขาก็จะเห็นแค่ตอนที่เธอเดินออกมาจากซอยเท่านั้น“พี่คะ? พี่เองก็อยากออกมาเดินเล่นเหมือนกันเหรอคะ?”ที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ เมื่อเธอเพิ่งจะไปเดินเล่นมาก็เท่านั้นหยางซูขมวดคิ้วลมพัดโชยมา พัดพาเอากลิ่นแปลก ๆ เข้ามาสู่จมูกของเขากลิ่นของผู้ชาย?หยางซูมองซูอินด้วยท่าทีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่แล้ว เธอเองก็คุ้นเคยที่นี่ ไม่อย่างนั้น เธอพาพี่เดินเล่นหน่อยได้ไหม?”หยางซูเชิญช
ซูหรานในตอนนี้ไม่สนใจฐานลับของฉินเหยียนเลยแม้แต่น้อยอายุของหญิงชราค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ที่เธอได้แล้วเธอมองไปที่หญิงชราจู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่า เมื่อกี้นี้คุณยายอาจจะตั้งใจพาเธอไปที่วัดร้างหญิงชราคงจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนเหล่านั้นตั้งแต่แรก เลยพาเธอไปแอบฟัง และทำให้เธอได้รู้ทันถึงอันตราย“ขอบคุณนะคะ”เธอไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นต้องการจะทำอะไรแต่สำหรับการจัดการกับตระกูลเย่ คนพวกนั้นมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี เรื่องนี้คิดว่าไม่น่าจะง่ายแน่นอน“เหอะ ๆ ......” หญิงชรายิ้มให้กับซูหรานด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส มาพร้อมกับความรู้สึกเอ็นดู แต่ท่าทีก็ดูเหมือนเด็กที่เพิ่งจะได้รับคำชมเชยซูหรานรู้สึกอบอุ่นในใจเธอช่วยพยุงหญิงชรา และเดินไปตามถนนข้างหน้าแต่หญิงชราก็หยุดเดินทันที เธอมองไปทางซูหราน “เสี่ยวเหยียนเหยียน ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้ว”ซูหราน: “......”ความเงียบแกคลุมไปชั่วขณะ ซูหรานกัดฟันและพูดขึ้นว่า “ให้หนูแบกคุณยายนะคะ”ซูหรานนั่งยอง ๆ ลง ให้คุณยายขึ้นมาบนหลังของเธอหญิงชราตัวผอมแห้ง จึงไม่ได้หนักขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้น การเดินแบกคนคนหนึ่งในป่าก