ลู่ซิวหนิงฮึดฮัดในใจเบา ๆไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ในสายตาของซูอิน เขาก็ยังคงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเสมอเมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่เคยผ่านมา ในสายตาของลู่ซิวหนิงก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเพิ่มแรงกดที่มือตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาบีบคางเธอเอาไว้แน่น รอยนิ้วมือเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ“อ่า เจ็บ......”ซูอินรู้สึกเจ็บเล็กน้อย การตอบสนองแบบนี้ของเขาอาจจะเกินไปหน่อยจริง ๆเขารู้สึกว่าสถานการณ์มันค่อนข้างหนัก เลยไม่อยากช่วยงั้นเหรอ?แต่ในตอนนี้ เธอมีเพียงคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น ที่พอจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ซูอินมองไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชาย ถึงแม้ว่าเธอจะปิดตา แต่ก็สัมผัสได้ถึงมือของเขาที่กำลังจับคางของเธอเอาไว้อยู่ เขาผ่อนคลายมือลงมาก เธอจึงจงใจใช้ใบหน้าถูไถไปกับมือของเขา“ผู้หญิงคนเดียว ฉันอาจจะทำไม่ได้ ดังนั้นจึงมีแค่นายเท่านั้นที่ช่วยได้ นายจะช่วยฉันใช่ไหม?”เห็น ๆ อยู่ว่าสิ่งที่เธอกำลังพูดตอนนี้มันคือเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้อื่นแต่เสียงที่ดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของซูอิน กลับเหมือนเป็นการขอให้คนรักมอบดอกไม้ช่อหนึ่ง หรือของขวัญสักชิ้นหนึ่งเท่าน
จนกระทั่งเงาของเขาหายไปจากสายตา ซูอินแทบอยากจะเช็ดน้ำลายที่ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้ออกไปให้หมดรู้สึกรังเกียจอย่างมากแต่กลิ่นของชายคนนั้นกลับเหมือนว่ายังคงอบอวนอยู่รอบตัวเธอ ซูอินยิ่งเช็ดเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดในใจมากเท่านั้นเธอรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบเธอต้องการอาบน้ำชำระร่างหายเมื่อเดินไปถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซูอินกลับพบเข้ากับหยางซูหยางซูยืนอยู่ตรงทางลงบันไดชั้นสอง สายตาจับจ้องมาที่เธอ แววตาคู่นั้นทำให้ซูอินรู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูกเธอเหลือบมองไปยังห้องห้องนั้นโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าประตูของห้องไม่ได้หันมาทางนี้ ซูอินถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกต่อให้หยางซูจะเห็น เขาก็จะเห็นแค่ตอนที่เธอเดินออกมาจากซอยเท่านั้น“พี่คะ? พี่เองก็อยากออกมาเดินเล่นเหมือนกันเหรอคะ?”ที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ เมื่อเธอเพิ่งจะไปเดินเล่นมาก็เท่านั้นหยางซูขมวดคิ้วลมพัดโชยมา พัดพาเอากลิ่นแปลก ๆ เข้ามาสู่จมูกของเขากลิ่นของผู้ชาย?หยางซูมองซูอินด้วยท่าทีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่แล้ว เธอเองก็คุ้นเคยที่นี่ ไม่อย่างนั้น เธอพาพี่เดินเล่นหน่อยได้ไหม?”หยางซูเชิญช
ซูหรานในตอนนี้ไม่สนใจฐานลับของฉินเหยียนเลยแม้แต่น้อยอายุของหญิงชราค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ที่เธอได้แล้วเธอมองไปที่หญิงชราจู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่า เมื่อกี้นี้คุณยายอาจจะตั้งใจพาเธอไปที่วัดร้างหญิงชราคงจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนเหล่านั้นตั้งแต่แรก เลยพาเธอไปแอบฟัง และทำให้เธอได้รู้ทันถึงอันตราย“ขอบคุณนะคะ”เธอไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นต้องการจะทำอะไรแต่สำหรับการจัดการกับตระกูลเย่ คนพวกนั้นมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี เรื่องนี้คิดว่าไม่น่าจะง่ายแน่นอน“เหอะ ๆ ......” หญิงชรายิ้มให้กับซูหรานด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส มาพร้อมกับความรู้สึกเอ็นดู แต่ท่าทีก็ดูเหมือนเด็กที่เพิ่งจะได้รับคำชมเชยซูหรานรู้สึกอบอุ่นในใจเธอช่วยพยุงหญิงชรา และเดินไปตามถนนข้างหน้าแต่หญิงชราก็หยุดเดินทันที เธอมองไปทางซูหราน “เสี่ยวเหยียนเหยียน ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้ว”ซูหราน: “......”ความเงียบแกคลุมไปชั่วขณะ ซูหรานกัดฟันและพูดขึ้นว่า “ให้หนูแบกคุณยายนะคะ”ซูหรานนั่งยอง ๆ ลง ให้คุณยายขึ้นมาบนหลังของเธอหญิงชราตัวผอมแห้ง จึงไม่ได้หนักขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้น การเดินแบกคนคนหนึ่งในป่าก
คนขับรถของตระกูลจี้พาทั้งสองคนกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลจี้โดยตรง“ไม่ต้องแล้ว” ฟู่จิ้นหานพาดเสื้อโค้ทของเขาไว้ที่แขนในขณะเดียวกันสีหน้าของเขาก็ดูเย็นชา เขาเหลือบมองจี้เยี่ยนโจว ก่อนที่จะเดินอ้อมเขา แล้วเดินตรงออกไปทางประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลจี้ฟู่จิ้นหานก้าวเดินอย่างรีบเร่งเมื่อวานเขาตั้งใจจะไปหาซูหราน แต่กลับต้องเสียเวลาไปทั้งวันสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาหลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็คือซูหรานในตอนนี้ เขายิ่งอยากเจอเธอจนแทบทนไม่ไหว“นี่ จิ้นหาน นายนี่......”จี้เยี่ยนโจววิ่งตามไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า สามารถทำให้ฟู่จิ้นหานลนลานได้ขนาดนี้ นอกจากซูหราน เกรงว่าจะไม่มีคนอื่นอีกแล้วเขาย่อมไม่ขวางทางให้สามีภรรยาได้พบกันแน่นอนจี้เยี่ยนโจวหยุดก้าวต่อทันที และรีบสั่งให้คนขับรถไปส่งฟู่จิ้นหานรถของตระกูลจี้พาฟู่จิ้นหานไปส่งยังวิลล่าตระกูลเย่โดยตรงด้านนอกวิลล่า โทรศัพท์ที่เพิ่งชาร์จเสร็จฟู่จิ้นหานโทรหาซูหราน แต่ระบบกลับแจ้งว่าโทรศัพท์ปิดเครื่องอยู่ภายในวิลล่า ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดไม่รู้ว่าทำไม ความเร่งรีบที่จะพบซูหรานเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้กลับทำให้รู้ส
ซูอินไม่อยากไปแผนการของเธอในตอนแรก คือการใช้ชีวิตให้ผ่านคืนนี้ไปอย่างสงบสุขพอถึงวันถัดไป เธอก็จะได้รับข่าวการเสียชีวิตของคุณท่านเย่ พร้อมกับเรื่องอื้อฉาวของซูหรานแต่พอเย่ถิงเซินและหยางซูกลายเป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอนแบบนี้ เธอเองจึงต้องรีบปรับตัวไปตามสถานการณ์ด้วยเช่นกันซูอินเดินตามหยางซูอยู่ข้าง ๆรอบ ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด หยางซูเปิดไฟฉาย แต่ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในป่า ซูอินก็ข้อเท้าแพลงขึ้นมา“ว้าย......”ซูอินเจ็บจนสีหน้าเริ่มตึงเครียด “เท้าของฉัน พี่คะ ฉัน......”ท่าทีของเธอเหมือนว่าจะเจ็บปวดมากซูอินดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาความไม่พอใจแวบผ่านเข้ามาในแววตาของหยางซูก่อนหน้านี้ที่เขามองดูเธอเสแสร้งแกล้งทำ เป็นเพราะเขาแค่ต้องการหาอะไรดูแก้เบื่อก็เท่านั้น แต่พอดูไปนาน ๆ เขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา“เธอกลับไปเถอะ ในภูเขาแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอ”เสียงของหยางซูแฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อยซูอินรู้สึกน้อยใจมากยิ่งขึ้น “ไม่ได้ค่ะ จะให้ฉันกลับไปได้ยังไง? คุณตาและพี่หรานหรานหายไปไหนก็ไม่รู้ หากว่า......หากว่าเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ จะทำยังไง? พวกเราต้องรีบตามหาพวกเขาให
ยังไม่ทันได้มีเวลาให้เย่ซือเหยียนได้คิดว่าคือใคร คนคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาเธอในทันทีไม่ว่าจะดิ้นรนหรือขอร้องอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นเวลาเริ่มดึกลงเรื่อย ๆเสียงขอความเมตตาค่อย ๆ เบาลงด้วยเช่นกันผลัดเปลี่ยนกันคนแล้วคนเล่า ในความรู้สึกอับอาย เย่ซือเหยียนได้สูญเสียความหวังไปนานแล้วคนอื่น ๆ ต่างก็เดินออกมาด้วยความพอใจ เหล่าเทียนเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปด้วยแสงจากโทรศัพท์มือถือ ถึงทำให้เหล่าเทียนเห็นคนที่อยู่ข้างใน แม้ว่าเทปที่ปิดปาก จะปิดเกือบครึ่งใบหน้า แต่เหล่าเทียนก็จำเธอได้ในทันทีนั่นไม่ใช่ซูหราน!คุณหนูหรานหรานที่คุณท่านเย่ประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน รูปลักษณ์ของเธอค่อนข้างโดดเด่น ขอแค่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวก็จำไม่มีวันลืมส่วนคนที่อยู่ตรงหน้า......เหล่าเทียนชะงักไปชั่วขณะ ถึงจำเธอขึ้นมาได้เธอเองก็เป็นคุณหนูตระกูลเย่เช่นกันตั้งแต่ที่เธอมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็มักจะอยู่คนเดียวตลอด ทุกครั้งที่เห็นเธอ เธอก็มักจะมองคุณหนูที่ชื่อหรานหรานด้วยสายตาที่ไม่แยแสเสมอ“วู้......”เย่ซือเหยียนเองก็จำเขาได้เช่นกันในตอนนี้ เย่ซือเหยียนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สีหน้าของ
ซูหรานเตรียมตั้งรับอย่างเต็มที่ชั่วขณะที่เธอถามคำถามออกไป เธอก็สังเกตเห็นความเย้ยหยันในดวงตาของลู่ซิวหนิง ซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่แผ่กระจายออกมาอย่างหนาแน่น จนสุดท้ายกลายเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา เขาตอบซูหรานว่า“แก้แค้นเธอยังไงล่ะ”แก้แค้นงั้นเหรอ?ซูหรานขมวดคิ้วเธอและลู่ซิวหนิงมีความแค้นกันอยู่จริง แต่ทุกอย่างมันก็เริ่มต้นมาจากลู่ซิวหนิงทั้งนั้นแต่เธอก็ไม่คิดว่าระหว่างเธอกับลู่ซิวหนิงจะคุยกันด้วยเหตุผลได้“นายจะแก้แค้นฉันยังไง? ฆ่าฉันงั้นเหรอ? ลู่ซิวหนิง นายอย่าลืมสิ ถ้านายฆ่าฉัน นายเองก็หนีกฎหมายไปไม่พ้นเช่นกัน”กลัวตายงั้นเหรอ?ซูหรานรู้สึกกลัวแต่เธอก็ยังคงเดิมพัน ว่าคนอย่างลู่ซิวหนิงนั้นกลัวตายมากกว่าแต่เมื่อเธอพูดจบ ลู่ซิวหนิงก็กลับหัวเราะออกมา“ฆ่าเธองั้นเหรอ? ฉันจะกล้าได้ยังไง?” เขาเองก็ไม่ได้ลืม ว่าครั้งก่อนที่ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของฟู่จิ้นหานนั้นเป็นอย่างไรเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรออก ลู่ซิวหนิงมองเธอด้วยสายตาที่มีเลศนัย “ซูหราน เธอนี่เก่งจังเลยนะ เธอตกคุณชายสามฟู่มาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ให้ฉันลองเดาดูไหม?”ลู่ซิวหนิงทำทีเหมือนกำลังคิดแต่ก็มีบางเรื่อ
บนจอมีแค่ภาพแต่ไม่มีเสียง ห้องโดยสารตกอยู่ใรความเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาดวิดีโอเล่นวนไปวนไปเรื่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอารมณ์ของคุณท่านเย่ค่อนข้างตื่นตัว พร้อมกับชี้ไปที่หน้าจอภายในภาพ ซูอินยกเท้าขึ้นถีบรถเข็น ขณะที่คุณท่านเย่ส่งเสียงร้อง “อ้าก ๆ” ออกมาซูหรานรู้สึกตัวจากความตกใจที่มาจากวิดีโออย่างกระทันหัน “คุณปู่คะ......คุณปู่ ไม่เป็นไรนะคะ มันผ่านไปแล้วล่ะค่ะ”ซูหรานอยากจะกุมมือของคุณท่านเย่เอาไว้ อยากที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่ท่าน แต่มือของเธอกลับถูกมัดเอาไว้อยู่ เธอพยายามแกะออกอยู่หลายครั้ง กลับไม่สามารถหลุดออกมาได้เลยดีที่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ คุณท่านเย่ถึงได้ค่อย ๆ สงบลงคุณท่านเย่มองไปทางซูหราน สีหน้าของท่านดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“คุณปู่คะ ไม่เป็นไรนะคะ ทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้ว ซูอิน เธอ......ไม่ได้ตั้งใจ”ซูหรานรู้ดีว่าซูอินไม่ใช่คนดี และยังสงสัยอีกว่าซูอินแอบมีแผนการใหญ่ แต่ไม่ว่ายังไง ซูอินก็เป็นหลานสาวแท้ ๆ ของคุณท่านเย่คุณท่านเย่คงไม่อยากเห็นหลานสาวแท้ ๆ ทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้แน่ดังนั้น ต่อให้จะรู้สึกผิดมากแค่ไหน เธอก็ยังเลือกแก้ต่างให้ซูอิน