บนจอมีแค่ภาพแต่ไม่มีเสียง ห้องโดยสารตกอยู่ใรความเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาดวิดีโอเล่นวนไปวนไปเรื่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอารมณ์ของคุณท่านเย่ค่อนข้างตื่นตัว พร้อมกับชี้ไปที่หน้าจอภายในภาพ ซูอินยกเท้าขึ้นถีบรถเข็น ขณะที่คุณท่านเย่ส่งเสียงร้อง “อ้าก ๆ” ออกมาซูหรานรู้สึกตัวจากความตกใจที่มาจากวิดีโออย่างกระทันหัน “คุณปู่คะ......คุณปู่ ไม่เป็นไรนะคะ มันผ่านไปแล้วล่ะค่ะ”ซูหรานอยากจะกุมมือของคุณท่านเย่เอาไว้ อยากที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่ท่าน แต่มือของเธอกลับถูกมัดเอาไว้อยู่ เธอพยายามแกะออกอยู่หลายครั้ง กลับไม่สามารถหลุดออกมาได้เลยดีที่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ คุณท่านเย่ถึงได้ค่อย ๆ สงบลงคุณท่านเย่มองไปทางซูหราน สีหน้าของท่านดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“คุณปู่คะ ไม่เป็นไรนะคะ ทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้ว ซูอิน เธอ......ไม่ได้ตั้งใจ”ซูหรานรู้ดีว่าซูอินไม่ใช่คนดี และยังสงสัยอีกว่าซูอินแอบมีแผนการใหญ่ แต่ไม่ว่ายังไง ซูอินก็เป็นหลานสาวแท้ ๆ ของคุณท่านเย่คุณท่านเย่คงไม่อยากเห็นหลานสาวแท้ ๆ ทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้แน่ดังนั้น ต่อให้จะรู้สึกผิดมากแค่ไหน เธอก็ยังเลือกแก้ต่างให้ซูอิน
ซูหรานกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวในขณะเดียวกัน เธอก็เพิ่งจะรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เธอจ้องมองลู่ซิวหนิงด้วยสายตาที่ดูดุดัน แต่เธอกลับเห็นเงานของเขาภายใต้แสงไฟสลัว พร้อมกับรอยยิ้มแปลก ๆ“ไม่ใช่พวกเราที่คิดจะทำอะไร? แต่เป็นซูอินต่างหากที่คิดจะทำอะไร!”ชั่วขณะที่ลู่ซิวหนิงตัดสินใจที่จะดำเนินการตามแผนในการแก้แค้น เขาก็ไม่มีซูอินอยู่ในใจอีกต่อไปแล้วเขาจับจุดอ่อนของเธอ บังคับให้เธอยอมจำนนต่อเขา มองดูท่าทีของเธอที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและน่าสมเพช ในใจของเขามีเพียงความรู้สึกดูถูและความสะใจก็เท่านั้นซูอินขอให้เขาช่วยฆ่าคุณท่านเย่แทนเธอแต่เขาในตอนนี้ ไม่ได้ถูกกลอุบายของเธอล่อหลอกอีกต่อไปแล้วยิ่งไม่ได้คิดที่จะช่วยเธอเก็บความลับอะไรไว้เลยด้วยซ้ำซูหรานแอบกลืนน้ำลายโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต “ซูอิน เธอคิดจะทำอะไร?”ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอ และค่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้นลู่ซิวหนิงพูดขึ้นมาโดยไม่ลังเล “ฉันเดาว่า......ที่เธอตั้งใจวางแผนจะเอาชีวิตของคุณท่านเย่แบบนี้ ขนาดครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ยังมีครั้งที่สอง ก็คงจะเพราะเงินล่ะมั้ง!”เย่ซือกรุ๊
หลานสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ต้องการช่วยให้คุณปู่ห่างไกลจากอันตรายแต่หลานสาวแท้ ๆ กลับไม่ลังเลที่จะลงมือทำร้ายคุณปู่ครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าคำพูดของลู่ซิวหนิงจะเบา แต่ในดวงตาของคุณท่านเย่ กลับดูเหมือนจะเกิดคลื่นลูกหนึ่งขึ้นมายังไม่ทันที่เขาจะดึงซูหรานขึ้นเรือ ลู่ซิวหนิงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็จับข้อมืออีกข้างของซูหรานเอาไว้แค่ใช้แรงเพียงนิดหน่อย มือของคุณท่านเย่ที่จับซูหรานก็หลุดทันที อีกทั้งลู่ซิวหนิงยังผลักคุณท่านเย่ไปอย่างไร้ความปรานีเมื่อเห็นคุณท่านเย่ล้มลงบนเรือ ซูหรานก็รู้สึกเป็นห่วงในใจจนกระทั่งแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดีแล้ว จึงได้รู้สึกโล่งใจ ก่อนที่จะมองดูลู่ซิวหนิงสตาร์ทเรือ และตั้งค่าเดินเรืออัตโนมัติเรือเล่นหายไปอย่างรวดเร็วในค่ำคืนที่มืดมิดบนเรือ เหลือเพียงซูหรานและลู่ซิวหนิงเท่านั้นเมื่อไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว ลู่ซิวหนิงจ้องมองซูหรานที่ร่างกายอ่อนแรง และนั่งกองอยู่บนพื้น พร้อมกับแววตาที่ดูหม่นหมอง “เธอว่า ตอนนี้คุณชายสามฟู่กำลังทำอะไรอยู่?”ฟู่จิ้นหาน......ในหัวของซูหรานก็ปรากฏภาพของฟู่จิ้นหานขึ้นมา แต่แล้วก็รีบปัดมันออกไปอย่างรวดเร็วไม่ว่
“ซูหราน!”เสียงของฟู่จิ้นหานสั่นเครือไม่หยุดที่ปลายสาย ลู่ซิวหนิงตั้งใจเปิดเสียงให้ดัง เพื่อทำให้ฟู่จิ้นหานได้ยินเสียงของซูหรานเพียงแค่ได้ยินเขาเรียกชื่อ “ซูหราน” ลู่ซิวหนิงก็รู้สึกถึงความตึงเครียดของฟู่จิ้นหานแล้วลู่ซิวหนิงค่อย ๆ เหลือบไปมองซูหรานในตอนนี้ ซูหรานกำลังนั่งพิงอยู่ที่ห้องโดยสาร แววตาเริ่มมืดมัว เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอได้ต่อสู้กับลู่ซิวหนิง ทำให้ศีรษะของเธอชนเข้ากับผนังของห้องโดยสาร และตรงบาดแผลก็กำลังมีเลือดไหลออกมาเดินทีเธอก็อ่อนแรงอยู่แล้ว ในตอนนี้ เธอยิ่งรู้สึกมึนงงมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงของฟู่จิ้นหานหัวของเธอเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้ความมึนงง เธอเรียกออกไปตามสัญชาตญาณว่า “สามี” จิตใต้สำนึกของเธอเริ่มจะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปแล้ว แม้แต่ลู่ซิวหนิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างของเขาก็เริ่มสั่นไหวแล้วด้วยเช่นกัน และการมองเห็นของเธอก็ค่อย ๆ เบลอมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เธอกลับรู้ตัวดี ว่าเธอจะหลับไม่ได้หากว่าเธอหลับ ก็เท่ากับปล่อยให้ลู่ซิวหนิงได้ทำตามใจชอบภายใต้ความมึนงง ซูหรานหยิกเนื้อที่ต้นขาอย่างแรง พยายามใช้ความเจ็บปวดเพื่อให้ตัวเ
เรื่องที่เขาหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช ไม่มีใครรู้เลยสักคน!แต่ต่อให้ตอนนั้นจะไม่มีใครสังเกตเห็น พอหลังจบเรื่องก็จะต้องมีคนเห็นแน่นอนแววตาของลู่ซิวหนิงเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย และมีความกลัวที่เพิ่มขึ้น “คุณรู้จริง ๆ เหรอ?”ลู่ซิวหนิงยังคงทดสอบถามออกไปน้ำเสียงของฟู่จิ้นหานค่อนข้างเบา ปนกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมา “แกเคยไปที่ตึกฟู่ซือกรุ๊ป เคยไปที่โรงแรมไห่เฉิง เคยไปที่โรงพยาบาลซินเหอ กระทั่ง......แกยังปลอมตัว แกปลอมตัวได้ดีมาก ขนาดซูหรานขึ้นรถที่แกขับ เธอก็ยังไม่รู้ตัว......”เขาสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกได้ นั่นมันหมายถึงอะไรกันล่ะ?ลู่ซิวหนิงตัวสั่นเล็กน้อยเขารู้เรื่องทั้งหมดจริง ๆ!ไม่เพียงแค่รู้เท่านั้น แต่ยังปล่อยให้เขาอยู่ข้างนอก และไม่ได้ลงมืออะไรกับเขาอีกต่างหากฟู่จิ้นหาน......คิดจะทำอะไรกันแน่?แววตาของลู่ซิวหนิงเป็นประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “คุณจะทำอะไร?”“ฉันก็บอกแล้วไง ว่าฉันก็แค่ต้องการความสนุก ส่วนแก......ก็คือความสนุกของฉัน!”ฟู่จิ้นหานยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ท่าทางดูไม่แยแสของเขา ลู่ซิวหนิงยิ่งรู้สึกมึนงง เขาพยายามคาดเดาว่า “ความสนุก” นี้คืออะไรกั
ลู่ซิวหนิงหรี่ตา แล้วมองไปที่ซูหราน เหมือนกำลังต้องการค้นหาความตั้งใจในใจของเธอเขาก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดของคุณชายสามฟู่ได้ และเขาก็ยิ่งมองซูหรานไม่ออกด้วยเช่นกัน“ไหนลองพูดมาสิ” ลู่ซิวหนิงยังคงให้ความสนใจอยู่ในเมื่อมองไม่ออก งั้นก็ล้วงข้อมูลจากปากซูหรานมาสักหน่อยก็แล้วกัน แล้วค่อยตัดสินยิ่งไปกว่านั้น ซูหรานก็เพิ่งจะดื่มน้ำที่เขาให้ไป ร่างกายยังคงอ่อนแรง สติการรับรู้ยังไม่ปกติ แถมยังเสียเลือดไปมากอีกต่างหาก ซูหรานในตอนนี้มีสีหน้าที่ดูซีดเซียว ไม่มีกำลังจะโจมตีด้วยซ้ำ หรือต่อให้เขาคิดจะทำอะไร เธอก็แทบจะไม่มีแรงต่อต้านด้วยซ้ำลู่ซิวหนิงลดการระวังตัวลงดังนั้น ในขณะที่ซูหรานพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา น้ำเสียงดูอ่อนแรง แม้ว่าลู่ซิวหนิงจะไม่พอใจเพราะฟังไม่ค่อยชัด แต่เขาก็ยังขยับตัวเข้าใกล้ซูหรานอยู่ดี“นายรู้ไหม? ฟู่จิ้นหาน เขาน่ะ......”ซูหรานขมวดคิ้ว ราวกับว่าไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและอาการเวียนหัวได้ ร่างกายเริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆลู่ซิวหนิงกำลังถูกยั่วน้ำลายอย่างเห็นได้ชัดสัญชาตญาณบอกกับเขาว่า สิ่งที่ซูหรานกำลังจะพูด จะต้องเป็นจุดอ่อนของฟู่จิ้นหานแน่นอนแต่ประโ
แสงไฟที่สว่างจ้าทั่วท้องฟ้าทำให้รู้สึกแสบตาเป็นพิเศษเรือคายัคของลู่ซิวหนิงพายออกไปยังไม่ไกลมากนัก ท่ามกลางแรงระเบิดที่รุนแรง เรือคายัคถูกคลื่นทะเลซัดออกไปไกลพอสมควร จนเกือบจะพลิกคว่ำความตื่นตระหนกชั่วขณะ ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่อยู่เบื้องหลังแสงไฟลู่ซิวหนิงยากที่จะตั้งสติได้ ในขณะที่กำลังตกใจ เขาก็เห็นแสงไฟจากการระเบิด หลังจากที่อึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าที่เปื้อนเลือด และดวงตาของเขาก็เหลือเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้นตามแผนที่วางเอาไว้ คนที่ควรจะถูกระเบิดตายที่นี่ก็คือคุณชายสามฟู่แต่ตอนนี้จะเป็นซูหรานก็เหมือนกัน!“ซูหรานเอ๋ย ซูหราน อย่าโทษฉันเลยนะ ใครใช้ให้อาสามไม่มาช่วยเธอ ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ......”ลู่ซิวหนิงหัวเราะเสียงดังเขายังไม่ยอมแพ้ซูหรานตายแล้ว แต่ฟูจิ้นหานและซูอินยังอยู่อย่างสบายดี!ภาพของทั้งสองคนผุดขึ้นมาในหัวของเขา ดูเหมือนว่าเพราะข่าวการตายของซูหรานที่เกิดจากการระเบิด จะทำให้ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจของเขาเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆในขณะเดียวกัน เขาถึงขั้นไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ขาเลยแม้แต่น้อยเขาพายเรือคายัค และคิดวางแผนสำหรับสิ่งที่จะทำต่อไป
ภาพเหตุการณ์เรือระเบิดเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมาในหัว ฟู่จิ้นหานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยท่าทีเย็นชา“คุณชายครับ จะจัดการกับคนคนนี้ยังไงดีครับ?”เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของฉินฟั่งดังขึ้นหากไม่ใช่เพราะคุณชายจะเป็นคนจัดการเอง เมื่อกี้เขาคงจะพลิกเรือคายัคของลู่ซิวหนิงให้เขาจมน้ำไปแล้วฟู่จิ้นหานหลับตาลงเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่งเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทุกอารมณ์ก็ได้ถูกปกปิดเอาไว้หมดแล้วเขาหันหลัง และจ้องมองไปที่ลู่ซิวหนิงแววตานั้นเย็นยะเยือกเจาะลึกจนถึงกระดูก ราวกับลูกศร เหมือนกับมีดเหล็ก ในใจลู่ซิวหนิงสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที และรีบขอความเมตตา:“อาสามครับ อาสามไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ อาบอกว่าอาไม่ได้รักซูหรานไม่ใช่เหรอครับ? ตอนนี้เธอก็ตายไปแล้ว ถือเป็นเรื่องดีที่เธอจะไม่มาข้องเกี่ยวกับอาอีก อารู้ไหม? เมื่อกี้หลังจากที่วางสาย ซูหรานยังด่าอาอีกด้วย”“ใช่ เธอบอกว่าอาเป็นคนเลือดเย็น แต่ในความเป็นจริง เธอแค่เล่นละครตามน้ำไปกับอาก็เท่านั้น เธอ......”ลู่ซิวหนิงพยายามคิดหาวิธียุแยงสองคนนี้แต่ก็กลับพบว่า ใบหน้าของฟู่จิ้นหานยิ่งดูมืดมนและน่ากลัวมากกว่าเดิมแม้แต่ฉินฟั่งเองก็ไม่อยากที่จะฟัง