ลู่ซิวหนิงหรี่ตา แล้วมองไปที่ซูหราน เหมือนกำลังต้องการค้นหาความตั้งใจในใจของเธอเขาก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดของคุณชายสามฟู่ได้ และเขาก็ยิ่งมองซูหรานไม่ออกด้วยเช่นกัน“ไหนลองพูดมาสิ” ลู่ซิวหนิงยังคงให้ความสนใจอยู่ในเมื่อมองไม่ออก งั้นก็ล้วงข้อมูลจากปากซูหรานมาสักหน่อยก็แล้วกัน แล้วค่อยตัดสินยิ่งไปกว่านั้น ซูหรานก็เพิ่งจะดื่มน้ำที่เขาให้ไป ร่างกายยังคงอ่อนแรง สติการรับรู้ยังไม่ปกติ แถมยังเสียเลือดไปมากอีกต่างหาก ซูหรานในตอนนี้มีสีหน้าที่ดูซีดเซียว ไม่มีกำลังจะโจมตีด้วยซ้ำ หรือต่อให้เขาคิดจะทำอะไร เธอก็แทบจะไม่มีแรงต่อต้านด้วยซ้ำลู่ซิวหนิงลดการระวังตัวลงดังนั้น ในขณะที่ซูหรานพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา น้ำเสียงดูอ่อนแรง แม้ว่าลู่ซิวหนิงจะไม่พอใจเพราะฟังไม่ค่อยชัด แต่เขาก็ยังขยับตัวเข้าใกล้ซูหรานอยู่ดี“นายรู้ไหม? ฟู่จิ้นหาน เขาน่ะ......”ซูหรานขมวดคิ้ว ราวกับว่าไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและอาการเวียนหัวได้ ร่างกายเริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆลู่ซิวหนิงกำลังถูกยั่วน้ำลายอย่างเห็นได้ชัดสัญชาตญาณบอกกับเขาว่า สิ่งที่ซูหรานกำลังจะพูด จะต้องเป็นจุดอ่อนของฟู่จิ้นหานแน่นอนแต่ประโ
แสงไฟที่สว่างจ้าทั่วท้องฟ้าทำให้รู้สึกแสบตาเป็นพิเศษเรือคายัคของลู่ซิวหนิงพายออกไปยังไม่ไกลมากนัก ท่ามกลางแรงระเบิดที่รุนแรง เรือคายัคถูกคลื่นทะเลซัดออกไปไกลพอสมควร จนเกือบจะพลิกคว่ำความตื่นตระหนกชั่วขณะ ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่อยู่เบื้องหลังแสงไฟลู่ซิวหนิงยากที่จะตั้งสติได้ ในขณะที่กำลังตกใจ เขาก็เห็นแสงไฟจากการระเบิด หลังจากที่อึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าที่เปื้อนเลือด และดวงตาของเขาก็เหลือเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้นตามแผนที่วางเอาไว้ คนที่ควรจะถูกระเบิดตายที่นี่ก็คือคุณชายสามฟู่แต่ตอนนี้จะเป็นซูหรานก็เหมือนกัน!“ซูหรานเอ๋ย ซูหราน อย่าโทษฉันเลยนะ ใครใช้ให้อาสามไม่มาช่วยเธอ ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ......”ลู่ซิวหนิงหัวเราะเสียงดังเขายังไม่ยอมแพ้ซูหรานตายแล้ว แต่ฟูจิ้นหานและซูอินยังอยู่อย่างสบายดี!ภาพของทั้งสองคนผุดขึ้นมาในหัวของเขา ดูเหมือนว่าเพราะข่าวการตายของซูหรานที่เกิดจากการระเบิด จะทำให้ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจของเขาเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆในขณะเดียวกัน เขาถึงขั้นไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ขาเลยแม้แต่น้อยเขาพายเรือคายัค และคิดวางแผนสำหรับสิ่งที่จะทำต่อไป
ภาพเหตุการณ์เรือระเบิดเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมาในหัว ฟู่จิ้นหานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยท่าทีเย็นชา“คุณชายครับ จะจัดการกับคนคนนี้ยังไงดีครับ?”เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของฉินฟั่งดังขึ้นหากไม่ใช่เพราะคุณชายจะเป็นคนจัดการเอง เมื่อกี้เขาคงจะพลิกเรือคายัคของลู่ซิวหนิงให้เขาจมน้ำไปแล้วฟู่จิ้นหานหลับตาลงเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่งเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทุกอารมณ์ก็ได้ถูกปกปิดเอาไว้หมดแล้วเขาหันหลัง และจ้องมองไปที่ลู่ซิวหนิงแววตานั้นเย็นยะเยือกเจาะลึกจนถึงกระดูก ราวกับลูกศร เหมือนกับมีดเหล็ก ในใจลู่ซิวหนิงสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที และรีบขอความเมตตา:“อาสามครับ อาสามไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ อาบอกว่าอาไม่ได้รักซูหรานไม่ใช่เหรอครับ? ตอนนี้เธอก็ตายไปแล้ว ถือเป็นเรื่องดีที่เธอจะไม่มาข้องเกี่ยวกับอาอีก อารู้ไหม? เมื่อกี้หลังจากที่วางสาย ซูหรานยังด่าอาอีกด้วย”“ใช่ เธอบอกว่าอาเป็นคนเลือดเย็น แต่ในความเป็นจริง เธอแค่เล่นละครตามน้ำไปกับอาก็เท่านั้น เธอ......”ลู่ซิวหนิงพยายามคิดหาวิธียุแยงสองคนนี้แต่ก็กลับพบว่า ใบหน้าของฟู่จิ้นหานยิ่งดูมืดมนและน่ากลัวมากกว่าเดิมแม้แต่ฉินฟั่งเองก็ไม่อยากที่จะฟัง
ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบา ๆ จากด้านหลังหยางซูหันกลับไป และเห็นผู้ที่เดินมา สีหน้าของเขาค่อนข้างตกใจ “คุณปู่......”เป็นคุณท่านเย่ที่เดินมาคุณท่านเย่นั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าดูสงบและไม่มีการคลื่นไหวใด ๆ ดวงตาของท่านดูลึกราวกับบ่อน้ำที่ไร้ก้น ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ที่แท้จริงได้เลยหยางซูเรียกเขาเสียงดัง ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินอะไรเลยแต่หยางซูก็มั่นใจว่า คำพูดของลู่ซิวหนิงเมื่อสักครู่นั้น คุณท่านได้ยินหมดแล้วคุณท่านหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน“คุณปู่......”หยางซูอยากที่จะวิ่งตามไป แต่กลับได้ยินเสียงของลู่ซิวหนิงที่ยังคงพูดต่ออยู่ข้างหลัง:“อาสามครับ ซูอินเป็นคนที่จะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย อาควรจะไปแก้แค้นเธอ เธอมีเจตนาร้ายต่อซูหรานมากกว่าผมเสียอีก อาควรดึงเธอฝังไปพร้อมกันกับซูหรานถึงจะถูก”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถปิดบังข้อเท็จจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เขาได้ระเบิดซูหรานจนตายอยู่กลางทะเลแววตาของฟู่จิ้นหานลึกราวกับบ่อที่ไร้ก้น เขาจ้องไปที่ลู่ซิวหนิงโดยไม่พูดอะไร ลู่ซิวหนิงเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นห
ในตอนนี้ ความสนใจของทุกคนอยู่ที่ผ้าขาวผืนนี้ ซูอินรู้ว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเธอรีบเก็บความสุขบนใบหน้าไปอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน ในฐานะหลานสาวแท้ ๆ ของคุณท่านเย่ เธอจึงต้องแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งออกมาให้ได้มากที่สุด“กะ......เกิดอะไรขึ้น?”ซูอินเปิดปากพูด ท่ามกลางลมทะเลที่ผัดโชยมา เสียงของเธอมีความสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแสดงถึงความไม่สบายใจเมื่อได้ยินเสียงของเธอ ทุกคนต่างหันมามองก็เห็นว่าซูอินกำลังจ้องมองมาทางนี้ ท่าทีของเธอราวกับว่าเธอคาดเดาอะไรบางอย่างได้ เมื่อเธอเดินเข้ามา ทุกย่างก้าวก็เหมือนจะสะดุดล้มได้ทุกเมื่อการแสดงนี้......เล่นได้ดีจริง ๆ!ภายตาแววตาที่ดูเคร่งขรึมของเย่ถิงเซิน มีความเกลียดชังแวบผ่านไปอย่างรวดเร็วหยางซูที่ไม่ได้อยู่ในฝูงชนก็อดที่จะหัวเราะเยาะในใจไม่ได้ ในตอนที่ซูอินปรากฏตัว เขาก็สังเกตเห็นเธอแล้ว และถึงขั้นเห็นด้วยตาตนเองว่าเธอเปลี่ยนจากความดีใจชั่วขณะเป็นความเศร้าสร้อยได้อย่างไรในตอนนี้ เมื่อมองดูเธอที่มีท่าทางเศร้าและอ่อนแรง ต่อให้หยางซูจะเคยเห็นหลายสิ่งบนโลกมามากมาย แต่เขาก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดีเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว
เธอสังเกตเห็นเหมือนว่าถนนจะถูกระเบิด ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นในใจแต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไรเมืองไห่เฉิง วิลล่าตระกูลเย่ทันทีที่ซูอินกลับมาถึง อาจเพราะเธอเสียใจมากเกินไป เธอจึงเป็นลมอีกครั้งคนทั้งวิลล่าต่างก็กำลังวิ่งวุ่นทำหน้าที่ของตัวเองกันอยู่ มีเพียงซูอินคนเดียวที่ “รับแรงกดดันไม่ไหว” แต่หลังจากที่เธอถูกส่งกลับไปที่ห้อง ท่าทีอ่อนแอก็หายไปในพริบตาเมื่อไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแล้ว ในที่สุดซูอินก็มีโอกาสเธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และโทรหาหลินเยว่เยว่ทันทีอีกด้านของสายโทรศัพท์ หลินเยว่เยว่กำลังอยู่ในงานรื่นเริงที่ไหนสักแห่ง ทันทีที่เธอรับสายซูอิน เธอก็เดินไปหาที่เงียบ ๆ ทันที แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดเสียงรบกวนรอบข้างได้เสียงรบกวนดังผ่านโทรศัพท์เข้าหูซูอิน ซูอินขมวดคิ้วเล็กน้อย และน้ำเสียงของเธอก็มีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นมา “เรื่องไปถึงไหนแล้ว?”ไม่จำเป็นต้องอธิบาย หลินเยว่เยว่ก็รู้ว่า “เรื่อง” ที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นคืออะไรหลินเยว่เยว่นึกถึงสิ่งที่ได้มาเมื่อสองชั่วโมงก่อน “พี่อินอิน สบายใจได้ ฉันได้ของมาแล้ว แล้วพี่จะใช้มันยังไง?”ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่เคยดูเนื้อหา แต่พ
“เธอก็คือเหยียนเหยียนใช่ไหม?” คุณท่านเย่จ้องมองที่รูปถ่ายด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อนนำภาพสองภาพออกมาเปรียบเทียบกัน “เห็นได้ชัดว่านี่คือคนสองคน......”คุณยายเองก็ไม่ได้แย่งรูปถ่ายมา เธอมองดูรูปทั้งสองใบ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เหมือนกับกำลังมองเด็กที่เธอรักมาก ๆ คนหนึ่ง“จะเป็นคนสองคนได้อย่างไร? เห็น ๆ อยู่ว่าคือคนเดียวกัน คุณมองดูดวงตาคู่นี้สิ......มองยังไงก็คนเดียวกัน ต่างก็เป็นเหยียนเหยียนทั้งนั้น ฮึ ๆ เหยียนเหยียนยังคงเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยเปลี่ยน”คุณท่านเย่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่างเขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะกล่าว “ขอบคุณ” คุณยาย และเดินออกจากห้องหนังสือไปคุณท่ายเย่เรียกเย่ถิงเซินมา ส่งซองเอกสารให้เขา พร้อมกับพูดกำชับเขาหนึ่งประโยคเย่ถิงเซินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อยจนกระทั่งคุณท่านเย่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นห่างออกไปไกลแล้ว เย่ถิงเซินถึงได้สติแต่หลังจากที่ได้สติกลับมา เขาก็จ้องไปที่ถุงเอกสารในมือ ข้อความที่คุณท่านกำชับนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ก่อนที่เขาจะตกอยู่ในห้วงของความคิดอีกครั้งหนึ่ง......ข้างนอกได้มีข่าวลือเ
แต่ก็มองดูอยู่นาน สุดท้ายเธอก็ล้มเหลวเธอไม่สามารถมองเห็นความเป็นฉินเหยียนจากผู้หญิงตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย สายตาของเธอเริ่มมีความสงสัยมากขึ้น “เธอแน่ใจนะ ว่าเธอเป็นลูกสาวของเธอ?”สีหน้าของซูอินแข็งทื่อเธอรู้ว่า “เธอ” ที่เย่ซินพูดถึงคือฉินเหยียนเธอคิดไม่ถึงเลยว่า เย่ซินจะพูดตรงขนาดนี้ตัวเธอเองไม่เหมือนฉินเหยียน และยิ่งไม่ใช่ลูกสาวของเธอด้วยซ้ำอย่างไรก็ตาม ซูอินได้รีบกดความรู้สึกไม่มั่นใจที่เกิดขึ้นลงทันที และตอบกลับไปว่า “หนูไม่เคยเจอหน้าแม่มาก่อน แต่คุณตาก็ได้ทำการตรวจดีเอ็นเอแล้ว หนูเองก็ตกใจเหมือนกันค่ะ”ที่เธอจะสื่อก็คือ เธอมีสายเลือดของตระกูลเย่ และเป็นหลานสาวที่แท้จริงของตระกูลเย่ไม่มีผิดเพี้ยนเธอไม่ต้องการให้เย่ซินเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของเธอมากนัก ซูอินจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และชี้ไปที่ซูหราน “อาซินเคยเจอคุณแม่ไหมคะ? เช่นนั้นอาก็จะต้องไปเจอพี่หรานหรานนะคะ ทุกคนต่างก็บอกว่าดวงตาของพี่หรานหรานเหมือนแม่ของหนูมาก”ซูอินไม่กลัวที่จะพูดถึงเรื่องนี้ออกมามีหลานสาวคนไหนบ้างที่คุณท่านเย่รับอุปการะมา แล้วมีดวงตาไม่เหมือนกับฉินเหยียน?เย่ซินขมวดคิ้ว และตกอยู่ใน