ขณะที่ซูหรานเดินไปข้างหน้า ซูอินก็รีบหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดท่าทีที่เธอแสดงต่อซูหรานดูขัดแย้งเป็นพิเศษราวกับว่าเธออยากจะเข้าใกล้ แต่ก็ยังกลัวซูหรานอยู่ แม้แต่เย่ซือเหยียนที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับซูหรานเห็นฉากนั้น เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ และคิดว่าซูอินนั้นช่างเป็นนักแสดงมืออาชีพจริง ๆนี่ถ้าเกิดว่าเธอไม่รู้มาก่อนว่าซูอินเกลียดซูหราน เย่ซือเหยียนคงหลงเชื่อการแสดงฉากนี้ของเธอไปแล้วเย่ซือเหยียนรู้สึกว่ามันน่าสนใจ เธอจึงเหลือบมองไปทางคุณท่านเย่ในเวลานี้ ใบหน้าของคุณท่านเย่ดูมืดมน ซูหรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ เธอรออยู่นานแต่ก็ไม่มีการตอบกลับใด ๆ “คุณปู่คะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” ซูหรานพูดขึ้นอีกครั้งเธอกังวลว่าคุณท่านเย่จะวิตกกังวลมากเกินไป ไม่ว่ายังไงท่านก็อายุเยอะแล้ว ทั้งยังมีโรคประจำตัวอีก จะให้เกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นไม่ได้แต่ขณะที่เธอยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเข็นรถให้เขา ทันใดนั้นคุณท่านเย่ก็พูดขึ้นมา “ซูหราน!”น้ำเสียงของคุณท่านเย่ฟังดูเย็นชา และคำที่เขาเรียกเธอก็คือ “ซูหราน” ไม่ใช่ “หรานหราน”ซูหรานรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กลับไม่ได้สนใจ แต่ครู่ต่อมา เธอก
คุณท่านเย่ที่เห็นว่าเธอร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน บวกกับสีหน้าที่ดูไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั่นอีก แววตาของเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสารหนักกว่าเดิมเขาเอื้อมมือไปจับมือของซูอิน แล้วบอกเรื่องที่เย่ถิงเซินตรวจสอบมาได้กับเธอ“เมื่อก่อน หนูเคยใช้ชื่อฉินอินใช่ไหม?”ซูอินขมวดคิ้ว “คุณปู่รู้ได้ยังไงคะ? เมื่อก่อนหนูชื่อว่าฉินอิน หลังจากที่แม่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนปัจจุบันแล้ว หนูก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลซูตามพ่อเลี้ยงคนปัจจุบัน แต่ว่า......”ซูอินกัดริมฝีปากของเธอ แล้วมองดูคุณท่านเย่ “คุณปู่รู้ได้ยังไงคะ?”แน่นอนว่าคนที่ตรวจสอบจนเจอคือเย่ถิงเซินคุณท่านเย่มองดูซูอินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูมากขึ้น “หนูรู้ไหม ว่าทำไมหนูถึงนามสกุลฉิน?”“แม่บอกว่า ตั้งแต่ตอนที่แม่รับหนูมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หนูก็ใช้นามสกุลฉินมาก่อนแล้ว เดิมแม่อยากจะให้หนูใช้นามสกุลฉินต่อนะคะ แต่แม่ก็กังวลว่าหากหนูมีนามสกุลไม่เหมือนพ่อแล้วคนอื่นจะดูถูกหนู เพราะงั้นเธอจึงให้หนูเปลี่ยนมาใช้นามสกุลซูค่ะ”คุณท่านเย่ถอนหายใจ “นับว่าเธอดีกับหนูมากจริง ๆ แต่ว่า ที่เมื่อก่อนหนูใช้นามสกุลฉิน ก็เป็นเพราะแม่ของหนู ลูกของปู่เองก็ใช้นามสกุลฉินเช
แม้แต่ซูอินและเย่ซือเหยียนเองก็รู้สึกประหลาดใจซูหราน......เธอถึงขั้นยอมตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ และไม่ยอมที่จะขอโทษ!ใบหน้าของคุณท่านเย่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้คิ้วของเขาขมวดเป็นปมเขาไม่ได้ต้องการจะขับไล่เธอออกจากตระกูลเย่ เขาเพียงแค่ต้องการยืนหยัดเพื่ออินอินเท่านั้น และอาศัยโอกาสนี้กำหนดลำดับความสำคัญให้กับหลานสาวที่เพิ่งค้นพบของเขา ทำให้เธอได้รับความเคารพจากทุกคน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ซูหรานจะถึงขั้นพูดแบบนี้ออกมาสีหน้าของคุณท่านเย่บูดบึ้งด้วยความโกรธเย่ถิงเซินที่เห็นแบบนั้น เขาก็รีบอธิบายแทนซูหรานทันที เพื่อจะได้ทำให้ทุกอย่างไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้ แต่เขาเพิ่งจะอ้าปาก ซูหรานก็ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบที่คิ้วของคุณท่านเย่คุณท่านเย่รู้สึกตกใจเล็กน้อยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดิมทีในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ แต่จู่ ๆ คิ้วของเขากลับค่อย ๆ คลายออก“คุณปู่คะ คุณปู่อย่าโกรธอีกเลยนะคะ” ซูหรานเอาหัวแนบไปที่เข่าของคุณท่านเย่ เช่นเดียวกับตอนที่เธอทำในห้องโถงที่วิลล่าตระกูลเย่เมื่อกี้ซูหรานตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แต่ในเวลานี้ เธอกลับยังคงรู้สึกทำใจปล่อย
“ครับ” เย่ถิงเซินรับปากพร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขา แทบดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อยคุณท่านเย่ที่กำลังจมอยู่กับความสุข จู่ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ถิงเซิน ปู่ตามหาลูกสาวของอาเธอเจอแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสุขเลยนะ?”มีความสุขเหรอ? ทำไมเขาต้องมีความสุขด้วย?เขารู้ดีว่าคุณอาคือความกังวลเดียวของคุณปู่ ผ่านมาตั้งหลายปี คุณปู่รู้สึกผิดต่อคุณอามากแค่ไหนเขาเองก็เห็นกับตาตัวเองมาแล้วเขาคาดหวังมากกว่าใครเสียอีกที่อยากให้คุณปู่ตามหาคุณอาให้เจอ หรือว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคุณอาก็ยังดีแต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่พวกเขาตามหาจะเป็นซูอินไปได้เพราะเป็นซูอิน จิตใต้สำนึกของเขาที่มีต่อซูอินจึงมีความรู้สึกไม่ชอบอยู่ ถึงขั้นต่อต้านเธอเลยด้วยซ้ำแต่ตัวเขาเองก็รู้ดี ว่าตัวเองควรจะทำอะไร“คุณปู่ครับ ผม......”?ขณะที่เย่ถิงเซินกำลังจะพูด ทันใดนั้น ซูอินก็ขัดจังหวะเขา “คุณปู่คะ พี่ถิงเซินจะไม่มีความสุขได้ยังไงกันล่ะคะ? เมื่อกี้ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล ในใจหนูกลัวมาก ดีที่ได้พี่ถิงเซินปลอบใจเอาไว้ ขอบคุณนะคะพี่ถิงเซิน”ใบหน้าของซูอินดูไร้เดียงสา รอยยิ้มของ
หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าประตูไป ต่างก็ไม่มีใครที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนซูอินยกมุมปากของเธอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอไม่ได้ละเอียดอ่อนเท่ากับของซูหราน ยิ่งไม่มีความสง่างามเหมือนเย่ซือเหยียนเลยสักนิด แต่บางทีอาจเป็นเพราะสถานะที่เปลี่ยนไปของเธอ จึงทำให้รู้สึกว่าใบหน้าของเธอนั้นเป็นประกายขึ้นมาตั้งแต่ที่เย่ซือเหยียนเดินเข้าประตูมา ก็เอาแต่จ้องเธอตลอดแต่ซูอินก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เธอแค่ยิ้มออกมาเบา ๆ เท่านั้นในที่สุด เย่ซือเหยียนก็ขมวดคิ้ว และถามออกไปด้วยความสงสัย “ฉันได้ยินมาว่าคุณอาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าหน้าตาของเธอมัน......”ดูเหมือนว่าเย่ซือเหยียนกำลังพยายามนึกหาคำศัพท์ที่จะไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นอยู่แต่เธอก็ต้องส่ายหัว และเม้มปากด้วยความรังเกียจ นั่นกลับเป็นการอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของเธอออกมาได้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าคำพูดซะอีกซูอินเองก็คิดไม่ถึง ว่าเธอจะโจมตีรูปร่างหน้าตาของเธอตรง ๆ แบบนี้เดิมทีเธอคิดอยู่เสมอว่าเป็นเพราะซูหรานสาวยกว่าเธอ ในใจถึงได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าพอเย่ซือเหยียนยิ่งพูดแบบนี้ มันก็ยิ่งกระตุ้นเธอขึ้นมาในทันทีรอยยิ้มบนใ
จะให้ซูหรานโทรหาเย่ถิงเซิน แล้วทำให้เขาที่เป็นคนกลางลำบากใจได้ยังไง?“ไม่ได้” ซูหรานพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวสีหน้าของโจวหมิงอวี่ดูลำบากใจ “แต่ว่า......ประธานเสี่ยวซูครับ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีคนพุ่งเป้ามาที่เรา หรือว่าจะเป็นทางฝั่งของบริษัทอัญมณีตระกูลเย่ครับ......ประธานเสี่ยวซูได้ไปล่วงเกินใครรึเปล่าครับ?”โจวหมิงอวี่เป็นคนฉลาดคนหนึ่งหากพนักงานเหล่านั้นไม่ได้ถูกสั่งย้ายภายใต้คำสั่งของคุณชายใหญ่เย่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนของตระกูลเย่คนอื่นที่ทำและสถานะของคนผู้นั้นอย่างน้อยก็จะต้องเทียบเคียงกับคุณชายใหญ่เย่ได้ จึงจะสามารถทำเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ได้วันเวลาที่ประธานเสี่ยวซูไปอยู่ที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ เกรงว่าคงจะไปล่วงเกินใครเข้า ไม่เพียงเท่านั้น ตั้งแต่เธอไปที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ เธอก็ไม่ได้กลับมาที่ซิงหลานจิวเวลรี่อีกเลยแต่พอวันนี้เธอดันกลับมาโจวหมิงอวี่แน่ใจได้ทันทีว่า จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อโจวหมิงอวี่เห็นว่าสีหน้าของซูหรานยังคงดูสงบอยู่ เขาจึงพูดปลอบใจออกมาว่า “ประธานเสี่ยวซูครับ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมก็จะยืนอยู่ฝั่งคุณเสมอนะครับ แล้วก็ยังมี......พวกเยว่เ
“ทางนั้น......” ซูหรานค่อย ๆ พูดขึ้นช้า ๆเย่ซือเหยียนตามทิศทางที่เธอชี้นิ้วไป แล้วสังเกตเห็นร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ร้านหนึ่งขณะที่เย่ซือเหยียนกำลังสงสัย ก็ได้ยินเสียงของซูหรานพูดขึ้นอักครั้ง “ถ้าเกิดว่าคุณหนูใหญ่เย่กระหายน้ำ ก็ไปซื้อน้ำหน่อยเถอะค่ะ ฉันคงไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว”พอซูหรานพูดจบ เธอก็ยิ้มให้กับเย่ซือเหยียน จากนั้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินจากไปเธอเดินตรงไปที่รถของสามีตัวพ่อที่จอดอยู่ตรงข้างทาง สามีตัวพ่อของเธอก็ลดกระจกลงพอดีซูหรานเปิดประตู แล้วขึ้นรถไป เธอทำทุกอย่างจนเสร็จได้เพียงอึดใจเดียว ขณะที่คาดเข็มขัดนิรภัย เธอก็พูดขึ้นว่า “รีบไปเถอะ”เมื่อภรรยาเป็นคนออกคำสั่ง ฟู่จิ้นหานก็ไม่กล้าที่จะรอช้าจากนั้นรถก็แล่นออกไปทันที เมื่อซูหรานมองผ่านกระจกมองหลัง เธอก็เห็นว่าสีหน้าของคุณหนูใหญ่เย่นั้นดูมืดมน ยืนกอดอกด้วยความไม่พอใจ ได้แต่จ้องมองเธอจากไปด้วยความโกรธฟู่จิ้นหานเองก็เห็นเย่ซือเหยียนเหมือนกันแม้ว่าเรื่องที่ตระกูลเย่ได้พบหลานสาวแท้ ๆ จะยังไม่ถูกประกาศออกไป แต่วันนี้ฟู่จิ้นหานก็ได้ข่าวมาแล้ววันนี้ซูหรานไม่ได้ไปที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ เขาเองก็พอจะเดาได้ ตั้งแต่ที่คุณท่
ดังนั้น เรื่องบางเรื่องจึงต้องมีการวางแผนและจัดเตรียมให้ดีเธอจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวตนสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเย่ ที่ซึ่งสามารถดึงดูดความโปรดปรานของคนนับพันในมือถูกคุกคามได้เลยแม้แต่น้อยซูอินจ้องมองไปทางซุนฉินแม่และลูกสาวมักจะมีความเชื่อมโยงกันอยู่เสมอแม้ว่าซูอินจะยังพูดไม่จบ แต่ซุนฉินก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไรเกี่ยวกับอัตรายที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ ซุนฉินเองก็เคยคิดเอาไว้แล้วตอนแรกที่เธอเข้าหาซูจี้ไห่ เหตุผลมันก็เป็นเพราะเงิน เพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตที่ดีก่อนที่เย่ซิงหลานจะเสียชีวิต ซูจี้ไห่ก็ได้วางแผนชีวิตเธอเอาไว้แล้ว ให้เธอได้มีกินมีใช้ หลังจากที่เย่ซิงหลานตาย เธอก็ย้ายเข้ามาในวิลล่าตระกูลซู เสพสุขกับชีวิตคุณนายผู้ร่ำรวยแม้ว่าเธอจะพอใจมาก แต่อินอินกลับยังอยากที่จะปีนขึ้นไปให้สูงกว่านี้ดังนั้น เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเอง ยิ่งไม่ยอมปล่อยให้ซูจี้ไห่กลายเป็นอุปสรรคของอินอินแน่นอนซุนฉินจับมือซูอิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อินอิน ลูกวางใจเถอะ แม่รู้ว่าแม่ควรทำอะไร ลูกแค่อยู่ตระกูลเย่และทำสิ่งที่ลูกควรทำไปเถอะ ทางฝั่งพ่อของลูก แม่จะจัดการเอง!”เมื่อซุนฉินพูดจบ ดวงตาของเธอก็ด