ความรู้สึกซูอินยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำหมัดเอาไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่เป็นซูหรานไปได้ยังไง?ทำไมต้องเป็นเธอด้วย?ห่างไปไม่ไกลนัก ลู่ซิวหนิงก็จ้องมองไปทางซูหรานด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเขาหวังว่าจะเป็นหนึ่งในใครก็ตามที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ต้องไม่ใช่ซูหราน แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเย่ให้ความสนใจกับซูหรานเป็นอย่างมาก“ซูหรานผู้นี้มีความสามารถมากจริง ๆ “ไม่ว่ายังไงคุณหญิงย่าลู่ก็นึกไม่ถึง ว่าหลานสาวคนใหม่ของคุณท่านเย่จะเป็นซูหรานโชคใหญ่ก้อนนี้ถูกซูหรานเก็บไปได้แล้วจริง ๆ หากในตอนนั้นซิวหนิงจับซูหรานเอาไว้ได้ เช่นนั้นตอนนี้ตระกูลลู่และตระกูลเย่คงกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันไปแล้ว นี่มันความมั่งคั่งที่มาพร้อมกับโอกาสเชียวนะทุกคนต่างก็จ้องมองไปทางซูหรานและในขณะเดียวกันนี้เอง ซูหรานกลับมีสีหน้าที่เหมือนจะทำอะไรไม่ถูกทันใดนั้น คุณท่านเย่ก็ถอนหายใจ แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเขาพอซูหรานนึกถึงความคิดถึงคนึงหาของชายชราในสวนวันนั้นที่มีต่อลูกสาวของเขา จู่ ๆ เธอก็ใจอ่อน แล้วเอ่ยหนึ่งคำออกมา “ได้ค่ะ”ทันใดนั้นคุณท่านเย่ก็ยิ้มแย้มด้วยควา
ซูหรานหันกลับมาแววตาของเย่ถิงเซินทำให้ซูหรานตกใจนิดหน่อย “พี่ใหญ่เย่มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่าคะ?”ซูหรานนึกถึงเรื่องการรับหลานสาวเมื่อกี้ เธอก็คิดว่าตัวเองควรจะให้คำอธิบายแก่เย่ถิงเซินด้วยเช่นกัน“พี่ใหญ่เย่คะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาคือคุณท่านเย่ วันนั้นพวกเราพบกันโดยบังเอิญ......”ซูรานเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่ส่งคุณท่านเย่ไปที่โรงพยาบาลด้วย“แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากรับฉันมาเป็นหลานสาวของเขา” ซูหรานในตอนนี้ก็ยังรู้สึกงงอยู่เช่นกันหลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว ก็ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรบางอย่างออก เธอหยิบการ์ดดำที่คุณท่านเย่มอบให้เธอในงานเลี้ยงออกมา“พี่ใหญ่เย่คะ รบกวนพี่ช่วยฉันนำสิ่งนี้ไปคืนผู้อาวุโสหน่อยนะคะ”ของสิ่งนี้มันล้ำค่าเกินไปสำหรับเธอเย่ถิงเซินยังคงจ้องมองซูหราน และไม่ยอมรับการ์ดดำที่เธอยื่นมาให้บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบซูหรานที่ถูกเขาจ้องมอง ก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่กำลังจะอธิบายต่อ จู่ ๆ เย่ถิงเซินก็ยิ้มขึ้นมารอยยิ้มของเย่ถิงเซิน ดูเหมือนว่าเขาจะยอมจำนนต่อโชคชะตาที่มาพร้อมกับความสิ้นหวังและความขมขื่นแล้ว“ขืนคุณปู่มาไ
ดวงตาของซูอินเกิดเปลวไฟแห่งความคาดหวังขึ้นมาเธอต้องสืบหาเหตุผลมาให้ได้ ว่าทำไมคุณท่านเย่ถึงเลือกซูหราน ถ้าเกิดทำได้ ขอแค่ทำให้ซูหราน “คุณหนูตระกูลเย่” คนนี้ฝันแตกสลายกลายเป็นผุยผงได้ ไม่ว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ เธอก็ยอมจ่ายได้ทั้งนั้นแต่ว่า เธอควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ?ทันใดนั้น ซูอินก็นึกถึงผู้หญิงที่เธอเห็นตรงห้องโถงหลักของวิลล่าตระกูลเย่ในวันนี้เธอจำได้ว่า ในตอนที่คุณท่านเย่ประกาศว่าซูหรานเป็นหลานสาวคนใหม่ของเขา หญิงสาวคนนั้นก็ดูไม่เชื่อเช่นกันคุณท่านเย่เรียกเธอว่าซือเหยียน......ทันใดนั้นดวงตาของซูอินก็สว่างขึ้น และเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วค้นหารายชื่อ “เย่ซือเหยียน” ในทันทีเย่ซือเหยียน......คุณหนูใหญ่ตระกูลเย่......ที่แท้ เธอก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลเย่!คุณหนูใหญ่เย่ไม่ชอบซูหราน บางที เธออาจเริ่มต้นจากคุณหนูใหญ่เย่ก่อนก็ได้พอคิดแบบนี้แล้ว ซูอินก็เริ่มรู่สึกตื่นเต้นขึ้นมา และแอบสาบานว่า “แม่คะ หนูรู้แล้วค่ะ ว่าควรทำยังไงต่อ แม่วางใจเถอะค่ะ ตระกูลลู่คิดจะใช้หนูเพื่อซื้อใจซูหราน หนูจะต้องทำให้ตระกูลลู่ต้องเสียใจเข้าในสักวัน”......วันรุ่งขึ้น ซูหรานก็ไปทำงา
ซูหรานรู้สึกสับสน พร้อมกับเกิดความรู้สึกที่ว่าโลกนี้มันช่างน่าขันเสียจริงเมื่อก่อนต่อให้เธอจะหมั้นหมายกับลู่ซิวหนิง คุณหญิงย่าลู่ก็คงแค่เรียกเธอว่า “ซูหราน” เท่านั้น พร้อมกับท่าทีการวางตัวที่ดูเย่อหยิ่งความรู้สึกอบอุ่นและสนิทสนมอย่างวันนี้ กลับไม่เคยเห็นจากตัวของเธอมาก่อน“คุณหญิงย่าลู่คะ ฉันยังมีธุระค่ะ ขอตัวนะคะ” ซูหรานปัดมือของคุณหญิงย่าเบา ๆคุณหญิงย่าลู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้ว ราวกับว่าเธอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยซูหรานที่เห็นแบบนั้น ก็มองตามสายตาของคุณหญิงย่าลู่ทันที และได้พบกับลู่ซิวหนิงที่กำลังจับมือซูอินเดินเข้ามาพร้อมกันเข้าพอดี ดูเหมือนว่าก่อนหน้าที่พวกเธอจะมองไปยังทั้งสองคน ลู่ซิวหนิงก็ได้พูดคำหวานหรืออะไรสักอย่างที่ข้างหูของซูอิน จนทำให้ซูอินต้องรู้สึกเขินอาย“แค่ก ๆ ......”เสียงไอของคุณหญิงย่าลู่ก็ดังขึ้น ในที่สุดก็ดึงความสนใจของลู่ซิวหนิงและซูอินได้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมอง และได้พบเข้ากับซูหรานและคุณหญิงย่าลู่ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบปล่อยมือทันทีลู่ซิวหนิงถึงขั้นผลักซูอินออกไปเลยด้วยซ้ำ เดิมทีร่างกายซูอินก็
ซูหรานจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม และลู่ซิวหนิงเองก็เห็นคำว่า “สามี” ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอได้อย่างชัดเจนจากนั้นก็ได้ยินเสียงซูหรานรับสายตามมา.......“ที่รักคะ......” น้ำเสียงที่ซูหรานเรียกนั้นทั้งหวานทั้งเลี่ยนราวกับเธอต้องการจะบอกกับลู่ซิวหนิงและคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ว่าตอนนี้เธอได้แต่งงานมีชีวิตที่ดีไปแล้ว ให้พวกเขาเลิกมายุ่งวุ่นวายกับเธอสักทีลู่ซิวหนิงขมวดคิ้ว และมองไปทางคุณหญิงย่าลู่เพื่อขอความช่วยเหลือคุณหญิงย่าลู่เองก็มีใบหน้าที่ดูบูดบึ้ง ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปทางซูอินด้วยความรังเกียจ ราวกับเอาความขุ่นเคืองทั้งหมดไปลงกับซูอินรอจนซูหรานเดินจากไปไกลแล้ว คุณหญิงย่าลู่ถึงได้เริ่มชี้นิ้วด่าด้วยท่าทีที่ดูเย็นชา “ในตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงบางคน ป่านนี้ลู่ซิวหนิงคงได้แต่งงานกับซูหรานไปนานแล้ว ถ้าคนคนนั้นมีสมองสักหน่อย ก็ควรไสหัวไปไกล ๆ ได้แล้ว อย่ามาให้คนตระกูลลู่เห็นหน้าอีก”คุณหญิงย่าลู่ดูเหมือนจะลืมไปแล้ว ว่าเดิมทีเธอต้องการมอบซูหรานให้กับคุณชายสามฟู่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากเขาในอนาคตในใจของซูอินรู้สึกเหมือนกำลังถูกหนามทิ่มแทงอย่างแรงเ
“เหอะๆ......ไม่จำเป็นหรอกมั้ง”ซูหรานเผยยิ้ม เสียดายที่ไม่ได้ปิดปากเขาตั้งแต่แรกความต้องการแบบนี้เขาเอ่ยมันออกมาได้ยังไง?ซูหรานมองไปรอบๆ ตั้งใจจะเตือนเขาว่านี่คือที่สาธารณะ การป้อนอาหารในที่สาธารณะแบบนี้ เธอไม่อายที่จะป้อน แล้วเขาไม่อายที่จะกินเหรอ?แต่เธอกลับไม่เข้าใจความคิดของฟู่จิ้นหานเลยสักนิดที่สาธารณะแล้วจะทำไม?เขากินอาหารที่ภรรยาเขาป้อน ไม่ได้กินของที่คนอื่นป้อนสักหน่อย!ฟู่จิ้นหานหลบตาลงอย่างเศร้าหมอง “ผมหวังดีช่วยคุณ เงินห้าพันล้านผมไม่ได้เก็บดอกเบี้ยจากคุณด้วยซ้ำ......”“......”ซูหรานแทบจะโพล่งออกมา: รบกวนคิดดอกเบี้ยด้วย เรื่องป้อนข้าวน่ะไม่มีทางหรอก!แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ดอกเบี้ยเงินห้าพันล้านหากคำนวณออกมามันต้องมากขนาดไหน อยู่ ๆ ซูหรานก็รู้สึกว่าความจริงการป้อนข้าวก็ไม่ได้ยากอะไรสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซูหรานรีบหั่นสเต๊กเนื้อหนึ่งชิ้นแล้วรีบยัดเข้าไปในปากของสามีตัวพ่อของเธออย่างรวดเร็วในขณะที่ทำท่าทางเหล่านี้ สายตาของซูหรานก็มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเธอถึงจะสบายใจ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้ารอช้าแม้แต่ครู่เดียว หลังจากที่ยัดสเต๊กเข้าไปในป
เมื่อซูหรานกลับมาถึงบริษัท ฟู่จิ้นหานก็ยังคงทำตัวล่อยลองราวกับคนว่างงานและอยู่ที่ห้องรับรองของซิงหลานจิวเวลรี่ทั้งช่วงบ่ายเย่ซือเหยียนตามไปจนถึงล่างตึกไป๋ลี่ แล้วจ้องทางออกของตึกอยู่อย่างนั้นในที่สุดหลังจากที่ทั้งตึกเลิกงาน ซูหรานและฟู่จิ้นหานก็จูงมือกันเดินออกมาสายตาของฟู่จิ้นหานมองอยู่ที่ซูหรานตลอดเวลาพอเห็นทั้งสองคนขึ้นรถ มือของเย่ซือเหยียนที่กำพวงมาลัยรถอยู่ถึงกับสั่นเธอตามทั้งสองคนมาตลอดทางจนมาถึงเจินหลินย่วนสองคนเหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไปที่กลับบ้านด้วยกัน ถ้าหากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ทำยังไงเย่ซือเหยียนก็คงจะไม่เชื่อ ฟู่จิ้นหานคนที่เมื่อผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ก็จะมองด้วยสายตาอาฆาตคนนั้น กลับดูเหมือนว่าจะเป็นคนติดกับซูหรานมากเย่ซือเหยียนกลับมาถึงวิลล่าที่คุณปู่อาศัยอยู่พอคุณปู่เย่เห็นเย่ซือเหยียนก็ถึงกับขมวดคิ้ว “หรานหรานล่ะ? ทำไมหรานหรานยังไม่กลับมา?”เย่ซือเหยียนกำหมัดแน่นแต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเผยยิ้มออกมา “คุณปู่ลืมแล้วเหรอคะ? หรานหรานเธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่สักหน่อย”“หลานสาวตระกูลเย่ แน่นอนว่าต้องอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเย่” คุณปู่เย่อย
ฟู่จิ้นหานกำลังจะเค้นถาม ซูหรานก็รีบวางสายในทันที“......”ฟู่จิ้นหานจ้องมองโทรศัพท์ ในหัวเต็มไปด้วยคำถามดึกขนาดนี้แล้ว เธอทักทายใครอยู่กันแน่?ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคนคนนึงขึ้นมา ในใจแทบอยากจะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ฟู่จิ้นหานจึงโทรศัพท์หาเย่ถิงเซินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงสองครั้งก็รับสาย“ฮัลโหล?” เย่ถิงเซินรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายต่อให้มีโทรศัพท์คั่นอยู่ รอยยิ้มผยองบนใบหน้าของเขาก็ถูกส่งมาราวกับว่ายืนอยู่ต่อหน้าฟู่จิ้นหาน“ซูหรานล่ะ?” ฟู่จิ้นหานถามอย่างร้อนรนแต่เย็นชาเย่ถิงเซินเหลือบมองซูหราน เขานึกว่าเมื่อสักครู่ซูหรานกำลังโทรศัพท์อยู่กับสามีของเธอ กลับนึกไม่ถึงว่าเป็นฟู่จิ้นหานดึกขนาดนี้ยังจะโทรหาซูหราน ไม่เอาสามีของซูหรานไว้ในสายตาบ้างเลยจริง ๆ สินะ!“เธอเป็นหลานสาวที่คุณปู่เพิ่งจะยอมรับ ซูหรานก็เป็นคนตระกูลเย่ ตอนเย็นกลับมาที่วิลล่าตระกูลเย่ก็สมเหตุสมผลใช่ไหม”รอยยิ้มที่มุมปากของเย่ถิงเซินยิ่งชัดขึ้นแต่สีหน้าของฟู่จิ้นหานกลับยิ่งดูไม่ได้ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!แววตาของมืดมนแล้ววางสายไปขณะที่สองคนโทรคุยกัน เสียงของเย่ถิงเซินเบามาก ซูหรานที่มีระเบียงคั่นอยู่จึ