จ้านหยินเงียบ"ใช้จังหวะตอนที่พวกเขายังไม่า นายเล่าให้ฉันฟัง อย่าเก็บเอาไว้ในใจ เก็บเอาไว้ก็มีแต่ทำร้ายสุขภาพนาย แถมยังทำร้ายคนในบริษัทอีก"จ้านหยินโกรธเมื่อไหร่ นั่นคือโศกนาฏกรรมของคนหมู่มาก!ซูหนานพยายามมากที่จะช่วยคนทั้งบริษัทให้มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข"ตอนที่ฉันเอาเสื้อคลุมไปให้ไห่ถง ก็เห็นเธอกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน"“......”ซูหนานอ้าปากค้างไปชั่วขณะ นานพักใหญ่กว่าจะขยับลิ้นได้ แล้วว่า "เข้าใจผิด นายเข้าใจผิดแน่ๆ จ้านหยิน บางครั้งสิ่งที่นายเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริง นายอย่าเก็บไปเป็นอารมณ์เหมือนกับครั้งที่แล้ว ต้องให้โอกาสพี่สะใภ้ได้อธิบายสิ""จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับเธอ"ซูหนาน "...จางเหนียนเซิงเป็นไอดอลฉันจริงๆ ใจกล้าคับฟ้า กล้าหาญไม่กลัวใคร สมแล้วกับที่เป็นทายาทที่ประธานจางเลี้ยงดูมา"จ้านหยินกลึงตาใส่เขาซูหนานลูบจมูกแก้เขิน แล้วพูดหัวเราะ "จ้านหยิน ให้ฉันเรียกเลขาจ้าวออกไปซื้อผักกาดมาสักสองคันรถแล้วหมักผักกาดดองให้นายเอาไหม รับรองได้ฉุนสมใจ!"จ้านหยินหน้าตึงทันที"ฉันถามนายนะ นายได้เห็นกับตาหรือเปล่าว่าพี่สะใภ้รับรักจางเหนียนเซิง? พวกเขาคุยอะไรกัน?"จ
ตอนนี้เอง บรรดาบอร์ดบริหารก็ทยอยกันเข้ามาเมื่อเห็นนายใหญ่ทั้งสองท่านกำลังรออยู่ในห้องประชุม คณะบอร์ดบริหารแต่ละคนก็หน้าซีดกันเป็นแถว สัมผัสได้ว่าการเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!จ้านหยินยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนบางคนเห็นจ้านอี้เฉิน ก็หวังอยากจะหลบหาความปลอดภัยจากเขา อย่างน้อยก็น่าจะบอกพวกเขาให้รู้สักหน่อยว่าจู่ๆมาเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้อยากคุยเรื่องอะไร?ถึงแม้ว่าจ้านอี้เฉินจะดูนิ่งสงบมาก แต่ความจริงแล้วเขาก็กำลังมองซูหนานอยู่ถึงเขากับพี่ใหญ่จะเป็นคนมาจากครอบครัวเดียวกันก็จริงอยู่ แต่คนที่สนิทกับพี่ใหญ่ที่สุดคือซูหนานนี่นาซูหนานลุกขึ้น"ฉันจะไปห้องน้ำหน่อย"เขาว่าแต่กลับส่งสายตาให้จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินตามน้ำในทันที อาศัยตอนที่คนยังมากันไม่ครบ ลุกขึ้นเดินตามซูหนานจ้านหยินรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ห้ามเขาเพียงแค่มองเหล่าบอร์ดบริหารที่เข้ามาแล้ว ซูหนานบอกว่าเมื่อไหร่ที่เขาโมโห ก็จะทรมานคนพวกนี้จนแทบกระอักเลือด เขาอยากจะเห็นนัก ว่าคนพวกนี้จะกระอักออกมาท่าไหน?ทุกชีวิต "..."ท่านประธาน มองพวกเราทำไมกันนะ?ถ้าพวกเราทำอะไรผิด ก็ได้โปรดตัดสินโทษให้มัน
เธอจอดรถลงหน้าจ้านซื่อกรุ๊ป แล้วจึงโทรหาจ้านหยินีกครั้งตลอดทางมานี้เธอโทรหาจ้านหยินไม่ต่ำกว่ายี่สิบสายแต่นายขี้หึงตัวเท่าบ้านนั่นไม่ยอมรับสายเธอร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!โชคดีที่ ครั้งนี้จ้านหยินก็ยอมรับสายเธอในที่สุด"จ้านหยิน ฉันอยู่หน้าบริษัทคุณแล้ว คุณขอลางานกับหัวหน้าสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม? ออกมาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"จ้านหยินดีดตัวลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างห้องประชุม ดึงม่านออกแล้วมองลงไปข้างล่างชั้นที่เขาอยู่สูงมาก ระยะทางจึงทิ้งห่างออกไกลเกินไป ต่อให้เขาสายตาดีขนาดไหนก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถที่จอดหน้าบริษัทคันนั้นเป็นของไห่ถงหรือไม่"จ้านหยิน คุณฟังอยู่หรือเปล่า? ตอบหน่อยสิ"ไห่ถงพูดอย่างร้อนใจ "คุณออกมาหน่อย ถ้าคุณไม่ออกมา ฉันจะรออยู่หน้าบริษัทจนกว่าคุณจะเลิกงาน"จ้านหยินกดเสียงต่ำ "คุณรอเดี๋ยว ผมกำลังออกไปเดี๋ยวนี้"ปิดม่านลง เขาหันกลับมามุ่งหน้าออกไปนอกห้องประชุม เมื่อวางสายเสร็จ ก็ออกคำสั่งเสียงขรึม "ซูหนาน นายคุมการประชุมหน่อย"ซูหนานแทบอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาเขาทายถูกจริงๆด้วยแต่กลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วรับคำว่า "ได้"จ้านหยินทิ้งคณะบอ
“คุณนี่งี่เง่ามาก ไม่ได้ฉันได้อธิบายสักนิด สิ่งที่คุณเห็นอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”เธอปล่อยเขาไป และหยิกแขนเขาสองทีด้วยความโกรธเขาทำให้เธอตกใจมากคิดว่าพวกเขาก่อสงครามเย็นกันอีกรอบจ้านหยินทนต่อความเจ็บปวดจากที่เธอกหยิกเขาสองทีอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเจ็บมาก แต่เขาก็ไม่สนใจเท่าไหร่ขอเพียงแค่ธอใส่ใจเขาก็พอแล้ว“จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับฉัน แต่โดนฉันปฏิเสธไปแล้ว เพราะตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ และในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ถ้าคุณไม่ทิ้งฉันฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งคุณเช่นกันค่ะ”"จริงใช่ไหม?"จ้านหยินคิดถึงที่เขาปกปิดตัวตนไว้ตอนที่เธอรู้ว่าโดนเขาหลอกมานาน เธอก็จะไม่ทิ้งเขา?"คุณยังไม่เชื่อฉันเหรอคะ?"จ้านหยินถอนหายใจออกมาเบา ๆ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ ไห่ถงตอนที่เห็นคุณกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน ฉันโกรธมาก และปฏิกิริยาตอบสนองสัญชาตญาณของฉันคือต้องการจากไป ฉันรู้เต็มอกด้วยว่า มันไม่ใช่ความผิดของคุณ จางเหนียนเซิงต่างหากที่มาค่อยรบกวนคุณ”"เป็นความจริงที่.....ฉันหึงน่ะ"“ฉันหึงจนหน้ามืดตามัว คิดถึงความรักอันลึกซึ้งของจางเหนียนเซิงที่มีต่อคุณ และคุณยังสนิทกับเขามานานกว่าสิบปีอีก มันก็ทำให้ฉันหงุดหงิ
“คุณมีทักษะในศิลปะการต่อสู้ แต่ยังต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ เพราะสามีของคุณใจแคบเกินกว่าที่จะเห็นคุณอยู่กับเขาได้ แม้ว่าเขาจะยังวนเวียนอยู่รอบตัวคุณ ฉันก็ยังอิจฉา”เมื่อก่อนเขาก็หึงแต่แค่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันเท่านั้นถ้าไม่สนใจ เขาก็จะไม่สนด้วยซ้ำว่าเธออยู่กับใครทำอะไรบ้างเป็นเพราะเขาใส่ใจ จึงโกรธและทำเรื่องที่ไร้เหตุผลหลายครั้งต่อหลายครั้ง“ถ้าตอนที่เขามา ฉันจะไล่ตะเพิดเขาออกไป แต่ฉันไม่สามารถหักขาเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขามาหาได้”สีหน้าของจ้านหยินเย็นชา "ฉันจะทำให้เขาไม่กล้ามาเอง""คุณจะทำอะไรคะ? อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ"จ้านหยินจับหน้าเธอแล้วพูดว่า "ไม่ต้องกังวล เมื่อมีคุณอยู่แล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แน่นอน"เพราะเขายังอยากอยู่กับเธอตลอดชีวิตเขาเริ่มตัดความร่วมมือทางธุรกิจกับจางซื่อกรุ๊ปแล้ว และเลื่อนโครงการของหูซื่อกรุ๊ปกำลังพูดคุยอยู่ออกไปด้วย จางซื่อกรุ๊ปจะเข้าใจอย่างทันทีว่าจ้านซื่อกรุ๊ปกำลังมุ่งเป้าไปที่พวกเขา และรอให้ประธานจางมาหาเขาเพื่อถามถึงเหตุผลไห่ถงไม่สามารถหยุดจางเหนียนเซิงได้ งั้นพ่อแม่ของเขาจะไม่สามารถหยุดเขาได้?“เห็นแก่เสี่ยวจวิน อย่าทุบตีเขาจนตายนะ”เมื่
“ฉันไม่ได้ใจแคบเหมือนคุณนะคะ”จ้านหยิน“.....คุณโกรธ”“ใช่ๆ ฉันโกรธ ฉันส่งข้อความหาคุณไปเยอะมาก แต่คุณไม่ตอบฉันเลย เพราะคุณใจแคบ”ไห่ถงลงจากรถ แล้วดึงเขาออกมาจากรถ เอาวางร่มยัดใส่ไว้ในมือเขาแล้วพูดว่า "คุณควรรีบกลับเข้าไปทำงานเร็ว ๆ ค่ะ ฉันต้องไปแล้วจริงๆ"เธอยังคงหิวอยู่เขาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อต้มน้ำขิงให้เธอ แต่เธอยังไม่ได้กินตอนนี้ยังปวดท้องอยู่“ฉันยืนรอดูคุณไปก่อน”ซางเสี่ยวเฟยและแม่ของเธอมาหาเธอ นี่อาจเป็นเพราะเรื่องเกี่ยวกับของน้องสาวคุณนายซางจ้านหยินไม่สามารถรั้งเธอไว้ที่นี่ได้ไห่ถงกลับมานั่งที่เบาะคนขับ โบกมือให้เขาแล้วพูดว่า "ถ้าคุณจะไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน ช่วยบอกฉันล่วงหน้าด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นคุณไปถึงแล้วไม่มีอะให้ทานค่ะ""ครับ"ถ้าสองแม่ลูกตระกูลซางอยู่ในร้านเธอ เขาคงไม่ไปที่นั่นไห่ถงรีบขับรถจากไปจ้านหยินยืนดูรถของเธอไปไกลจนลับตา ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินกลับเข้าไปแต่เขาไม่รู้สึกตัวสักนิดว่า ซูหนานกับจ้านอี้เฉินสลับกันมาส่องดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ประตูบริษัทด้วยกล้องส่องไกลส่วนผู้จัดการที่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมการประชุม ซูหนานได้พูดสรุปเรื่อง
เพื่อที่จะไม่โดนบ่นเรื่องที่ยังไม่แต่งงาน เซินเสี่ยวจวินไม่ลังเลเลยที่จะล้มตัวลงนอนในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนายต้วน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอถูกบีบให้แต่งงานอยู่ถ้าเขามาเยี่ยมเซินเสี่ยวจวิน และโดนคุณนายเซินเห็นเข้า อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหนีไปได้แม้ว่าเซินเสี่ยวจวินจะรู้สึกดีกับเขา แต่ทั้งสองยังไม่ได้จริงจังกัน และก็ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่พบหน้าพ่อแม่ของพวกเขาสำหรับทางฝั่งเขานั้น เขาเพียงแต่บอกให้ผู้นำตระกูลซูรู้ นอกจากนี้ไม่มีใครกล้า เพราะเขากลัวว่าผู้เฒ่าจะทำอะไรโหวกเหวกโวยวาย จนทำให้เซินเสี่ยวจวินหวาดกลัวเซินเสี่ยวจวินขอบคุณซูหนานสำหรับความห่วงใยทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนานเกินไป และวางสาย......ซางเสี่ยวเฟยยและแม่ของเธอกำลังรอไห่ถงกลับมาที่ร้านหนังสือ จางเหนียนเซิงก็จากไปหลังจากที่ซางเสี่ยวเฟยและแม่ของเธอมาถึงแม่ของเขาเตือนให้เขาอยู่ห่างจาซางเสี่ยวเฟยเอาไว้ ตอนที่พบเธอ เพราะพวกเขาไม่สามารถทำให้ตระกูลซางไม่พอใจได้คุณนายซางตัดสินใจแล้วว่า ไห่ถงและพี่สาวเป็นหลานสาวของตัวเอง เธอเดินไปรอบๆ ร้านหลายรอบ และก็สำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วยังเห็นของอื่น ๆ อีกมากมายเธอถามลูกส
“ลูกเคยเห็นสามีที่แต่งงานสายฟ้าแลบของไไห่ถงไหม?”คุณนายซางถามลูกสาวหากไห่ถงและพี่สาวเป็นหลานสาวของเธอจริงๆ และคุณนายซางก็มีศักดิ์เป็นป้าของพวกเธอ และเธอจะต้องดูแลหลานสาว“หนูยังไม่ได้เจอเขางานยุ่งมาก คุณแม่ก็รู้ด้วยว่าคนที่สามารถทำงานที่จ้านซื่อกรุ๊ปได้ล้วนเป็นพวกหัวกะทะและงานก็ยุ่งมาก เหมือนว่าสามีของไห่ถง ยังเป็นระดับหัวหน้า ดังนั้นเขาจึงยุ่งมากกว่าปกติ”“เคยได้ยินไห่ถงพูดถึงเขาเป็นครั้งคราว และสีหน้าก็ดูอ่อนโยนมากขึ้นเลื่อนๆ หนูคิดว่าทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว”ซางเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานของไห่ถงมากนักหลังจากเธอหลังจากตกหลุมรักเข้าแล้ว เธอเห็นท่าทางของไห่ถงที่มีต่อสามีสายฟ้าแลบของเธอเปลี่ยนไปซางเสี่ยวเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเสริมต่อว่า "แต่พวกเขายังไม่ได้รักอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงแต่งงานในนามอยู่"“การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบได้แต่งเพราะความรัก ตอนแรกพวกเขาจดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยๆ สะสมความรู้สึกที่ีต่อกัน น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อนและสองสามีภรรยามีเหตุผลกันมาก”ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำความรู้จักกัน คุณนายซางก็อดไม่ได้ที่จะเอนเอียงไปข้างไห่ถง