จ้านหยินเงียบ"ใช้จังหวะตอนที่พวกเขายังไม่า นายเล่าให้ฉันฟัง อย่าเก็บเอาไว้ในใจ เก็บเอาไว้ก็มีแต่ทำร้ายสุขภาพนาย แถมยังทำร้ายคนในบริษัทอีก"จ้านหยินโกรธเมื่อไหร่ นั่นคือโศกนาฏกรรมของคนหมู่มาก!ซูหนานพยายามมากที่จะช่วยคนทั้งบริษัทให้มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข"ตอนที่ฉันเอาเสื้อคลุมไปให้ไห่ถง ก็เห็นเธอกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน"“......”ซูหนานอ้าปากค้างไปชั่วขณะ นานพักใหญ่กว่าจะขยับลิ้นได้ แล้วว่า "เข้าใจผิด นายเข้าใจผิดแน่ๆ จ้านหยิน บางครั้งสิ่งที่นายเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริง นายอย่าเก็บไปเป็นอารมณ์เหมือนกับครั้งที่แล้ว ต้องให้โอกาสพี่สะใภ้ได้อธิบายสิ""จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับเธอ"ซูหนาน "...จางเหนียนเซิงเป็นไอดอลฉันจริงๆ ใจกล้าคับฟ้า กล้าหาญไม่กลัวใคร สมแล้วกับที่เป็นทายาทที่ประธานจางเลี้ยงดูมา"จ้านหยินกลึงตาใส่เขาซูหนานลูบจมูกแก้เขิน แล้วพูดหัวเราะ "จ้านหยิน ให้ฉันเรียกเลขาจ้าวออกไปซื้อผักกาดมาสักสองคันรถแล้วหมักผักกาดดองให้นายเอาไหม รับรองได้ฉุนสมใจ!"จ้านหยินหน้าตึงทันที"ฉันถามนายนะ นายได้เห็นกับตาหรือเปล่าว่าพี่สะใภ้รับรักจางเหนียนเซิง? พวกเขาคุยอะไรกัน?"จ
ตอนนี้เอง บรรดาบอร์ดบริหารก็ทยอยกันเข้ามาเมื่อเห็นนายใหญ่ทั้งสองท่านกำลังรออยู่ในห้องประชุม คณะบอร์ดบริหารแต่ละคนก็หน้าซีดกันเป็นแถว สัมผัสได้ว่าการเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!จ้านหยินยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนบางคนเห็นจ้านอี้เฉิน ก็หวังอยากจะหลบหาความปลอดภัยจากเขา อย่างน้อยก็น่าจะบอกพวกเขาให้รู้สักหน่อยว่าจู่ๆมาเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้อยากคุยเรื่องอะไร?ถึงแม้ว่าจ้านอี้เฉินจะดูนิ่งสงบมาก แต่ความจริงแล้วเขาก็กำลังมองซูหนานอยู่ถึงเขากับพี่ใหญ่จะเป็นคนมาจากครอบครัวเดียวกันก็จริงอยู่ แต่คนที่สนิทกับพี่ใหญ่ที่สุดคือซูหนานนี่นาซูหนานลุกขึ้น"ฉันจะไปห้องน้ำหน่อย"เขาว่าแต่กลับส่งสายตาให้จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินตามน้ำในทันที อาศัยตอนที่คนยังมากันไม่ครบ ลุกขึ้นเดินตามซูหนานจ้านหยินรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ห้ามเขาเพียงแค่มองเหล่าบอร์ดบริหารที่เข้ามาแล้ว ซูหนานบอกว่าเมื่อไหร่ที่เขาโมโห ก็จะทรมานคนพวกนี้จนแทบกระอักเลือด เขาอยากจะเห็นนัก ว่าคนพวกนี้จะกระอักออกมาท่าไหน?ทุกชีวิต "..."ท่านประธาน มองพวกเราทำไมกันนะ?ถ้าพวกเราทำอะไรผิด ก็ได้โปรดตัดสินโทษให้มัน
เธอจอดรถลงหน้าจ้านซื่อกรุ๊ป แล้วจึงโทรหาจ้านหยินีกครั้งตลอดทางมานี้เธอโทรหาจ้านหยินไม่ต่ำกว่ายี่สิบสายแต่นายขี้หึงตัวเท่าบ้านนั่นไม่ยอมรับสายเธอร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!โชคดีที่ ครั้งนี้จ้านหยินก็ยอมรับสายเธอในที่สุด"จ้านหยิน ฉันอยู่หน้าบริษัทคุณแล้ว คุณขอลางานกับหัวหน้าสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม? ออกมาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"จ้านหยินดีดตัวลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างห้องประชุม ดึงม่านออกแล้วมองลงไปข้างล่างชั้นที่เขาอยู่สูงมาก ระยะทางจึงทิ้งห่างออกไกลเกินไป ต่อให้เขาสายตาดีขนาดไหนก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถที่จอดหน้าบริษัทคันนั้นเป็นของไห่ถงหรือไม่"จ้านหยิน คุณฟังอยู่หรือเปล่า? ตอบหน่อยสิ"ไห่ถงพูดอย่างร้อนใจ "คุณออกมาหน่อย ถ้าคุณไม่ออกมา ฉันจะรออยู่หน้าบริษัทจนกว่าคุณจะเลิกงาน"จ้านหยินกดเสียงต่ำ "คุณรอเดี๋ยว ผมกำลังออกไปเดี๋ยวนี้"ปิดม่านลง เขาหันกลับมามุ่งหน้าออกไปนอกห้องประชุม เมื่อวางสายเสร็จ ก็ออกคำสั่งเสียงขรึม "ซูหนาน นายคุมการประชุมหน่อย"ซูหนานแทบอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาเขาทายถูกจริงๆด้วยแต่กลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วรับคำว่า "ได้"จ้านหยินทิ้งคณะบอ
“คุณนี่งี่เง่ามาก ไม่ได้ฉันได้อธิบายสักนิด สิ่งที่คุณเห็นอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”เธอปล่อยเขาไป และหยิกแขนเขาสองทีด้วยความโกรธเขาทำให้เธอตกใจมากคิดว่าพวกเขาก่อสงครามเย็นกันอีกรอบจ้านหยินทนต่อความเจ็บปวดจากที่เธอกหยิกเขาสองทีอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเจ็บมาก แต่เขาก็ไม่สนใจเท่าไหร่ขอเพียงแค่ธอใส่ใจเขาก็พอแล้ว“จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับฉัน แต่โดนฉันปฏิเสธไปแล้ว เพราะตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ และในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ถ้าคุณไม่ทิ้งฉันฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งคุณเช่นกันค่ะ”"จริงใช่ไหม?"จ้านหยินคิดถึงที่เขาปกปิดตัวตนไว้ตอนที่เธอรู้ว่าโดนเขาหลอกมานาน เธอก็จะไม่ทิ้งเขา?"คุณยังไม่เชื่อฉันเหรอคะ?"จ้านหยินถอนหายใจออกมาเบา ๆ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ ไห่ถงตอนที่เห็นคุณกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน ฉันโกรธมาก และปฏิกิริยาตอบสนองสัญชาตญาณของฉันคือต้องการจากไป ฉันรู้เต็มอกด้วยว่า มันไม่ใช่ความผิดของคุณ จางเหนียนเซิงต่างหากที่มาค่อยรบกวนคุณ”"เป็นความจริงที่.....ฉันหึงน่ะ"“ฉันหึงจนหน้ามืดตามัว คิดถึงความรักอันลึกซึ้งของจางเหนียนเซิงที่มีต่อคุณ และคุณยังสนิทกับเขามานานกว่าสิบปีอีก มันก็ทำให้ฉันหงุดหงิ
“คุณมีทักษะในศิลปะการต่อสู้ แต่ยังต้องอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ เพราะสามีของคุณใจแคบเกินกว่าที่จะเห็นคุณอยู่กับเขาได้ แม้ว่าเขาจะยังวนเวียนอยู่รอบตัวคุณ ฉันก็ยังอิจฉา”เมื่อก่อนเขาก็หึงแต่แค่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันเท่านั้นถ้าไม่สนใจ เขาก็จะไม่สนด้วยซ้ำว่าเธออยู่กับใครทำอะไรบ้างเป็นเพราะเขาใส่ใจ จึงโกรธและทำเรื่องที่ไร้เหตุผลหลายครั้งต่อหลายครั้ง“ถ้าตอนที่เขามา ฉันจะไล่ตะเพิดเขาออกไป แต่ฉันไม่สามารถหักขาเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขามาหาได้”สีหน้าของจ้านหยินเย็นชา "ฉันจะทำให้เขาไม่กล้ามาเอง""คุณจะทำอะไรคะ? อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ"จ้านหยินจับหน้าเธอแล้วพูดว่า "ไม่ต้องกังวล เมื่อมีคุณอยู่แล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แน่นอน"เพราะเขายังอยากอยู่กับเธอตลอดชีวิตเขาเริ่มตัดความร่วมมือทางธุรกิจกับจางซื่อกรุ๊ปแล้ว และเลื่อนโครงการของหูซื่อกรุ๊ปกำลังพูดคุยอยู่ออกไปด้วย จางซื่อกรุ๊ปจะเข้าใจอย่างทันทีว่าจ้านซื่อกรุ๊ปกำลังมุ่งเป้าไปที่พวกเขา และรอให้ประธานจางมาหาเขาเพื่อถามถึงเหตุผลไห่ถงไม่สามารถหยุดจางเหนียนเซิงได้ งั้นพ่อแม่ของเขาจะไม่สามารถหยุดเขาได้?“เห็นแก่เสี่ยวจวิน อย่าทุบตีเขาจนตายนะ”เมื่
“ฉันไม่ได้ใจแคบเหมือนคุณนะคะ”จ้านหยิน“.....คุณโกรธ”“ใช่ๆ ฉันโกรธ ฉันส่งข้อความหาคุณไปเยอะมาก แต่คุณไม่ตอบฉันเลย เพราะคุณใจแคบ”ไห่ถงลงจากรถ แล้วดึงเขาออกมาจากรถ เอาวางร่มยัดใส่ไว้ในมือเขาแล้วพูดว่า "คุณควรรีบกลับเข้าไปทำงานเร็ว ๆ ค่ะ ฉันต้องไปแล้วจริงๆ"เธอยังคงหิวอยู่เขาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อต้มน้ำขิงให้เธอ แต่เธอยังไม่ได้กินตอนนี้ยังปวดท้องอยู่“ฉันยืนรอดูคุณไปก่อน”ซางเสี่ยวเฟยและแม่ของเธอมาหาเธอ นี่อาจเป็นเพราะเรื่องเกี่ยวกับของน้องสาวคุณนายซางจ้านหยินไม่สามารถรั้งเธอไว้ที่นี่ได้ไห่ถงกลับมานั่งที่เบาะคนขับ โบกมือให้เขาแล้วพูดว่า "ถ้าคุณจะไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน ช่วยบอกฉันล่วงหน้าด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นคุณไปถึงแล้วไม่มีอะให้ทานค่ะ""ครับ"ถ้าสองแม่ลูกตระกูลซางอยู่ในร้านเธอ เขาคงไม่ไปที่นั่นไห่ถงรีบขับรถจากไปจ้านหยินยืนดูรถของเธอไปไกลจนลับตา ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินกลับเข้าไปแต่เขาไม่รู้สึกตัวสักนิดว่า ซูหนานกับจ้านอี้เฉินสลับกันมาส่องดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ประตูบริษัทด้วยกล้องส่องไกลส่วนผู้จัดการที่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมการประชุม ซูหนานได้พูดสรุปเรื่อง
เพื่อที่จะไม่โดนบ่นเรื่องที่ยังไม่แต่งงาน เซินเสี่ยวจวินไม่ลังเลเลยที่จะล้มตัวลงนอนในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนายต้วน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอถูกบีบให้แต่งงานอยู่ถ้าเขามาเยี่ยมเซินเสี่ยวจวิน และโดนคุณนายเซินเห็นเข้า อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหนีไปได้แม้ว่าเซินเสี่ยวจวินจะรู้สึกดีกับเขา แต่ทั้งสองยังไม่ได้จริงจังกัน และก็ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่พบหน้าพ่อแม่ของพวกเขาสำหรับทางฝั่งเขานั้น เขาเพียงแต่บอกให้ผู้นำตระกูลซูรู้ นอกจากนี้ไม่มีใครกล้า เพราะเขากลัวว่าผู้เฒ่าจะทำอะไรโหวกเหวกโวยวาย จนทำให้เซินเสี่ยวจวินหวาดกลัวเซินเสี่ยวจวินขอบคุณซูหนานสำหรับความห่วงใยทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนานเกินไป และวางสาย......ซางเสี่ยวเฟยยและแม่ของเธอกำลังรอไห่ถงกลับมาที่ร้านหนังสือ จางเหนียนเซิงก็จากไปหลังจากที่ซางเสี่ยวเฟยและแม่ของเธอมาถึงแม่ของเขาเตือนให้เขาอยู่ห่างจาซางเสี่ยวเฟยเอาไว้ ตอนที่พบเธอ เพราะพวกเขาไม่สามารถทำให้ตระกูลซางไม่พอใจได้คุณนายซางตัดสินใจแล้วว่า ไห่ถงและพี่สาวเป็นหลานสาวของตัวเอง เธอเดินไปรอบๆ ร้านหลายรอบ และก็สำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วยังเห็นของอื่น ๆ อีกมากมายเธอถามลูกส
“ลูกเคยเห็นสามีที่แต่งงานสายฟ้าแลบของไไห่ถงไหม?”คุณนายซางถามลูกสาวหากไห่ถงและพี่สาวเป็นหลานสาวของเธอจริงๆ และคุณนายซางก็มีศักดิ์เป็นป้าของพวกเธอ และเธอจะต้องดูแลหลานสาว“หนูยังไม่ได้เจอเขางานยุ่งมาก คุณแม่ก็รู้ด้วยว่าคนที่สามารถทำงานที่จ้านซื่อกรุ๊ปได้ล้วนเป็นพวกหัวกะทะและงานก็ยุ่งมาก เหมือนว่าสามีของไห่ถง ยังเป็นระดับหัวหน้า ดังนั้นเขาจึงยุ่งมากกว่าปกติ”“เคยได้ยินไห่ถงพูดถึงเขาเป็นครั้งคราว และสีหน้าก็ดูอ่อนโยนมากขึ้นเลื่อนๆ หนูคิดว่าทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว”ซางเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานของไห่ถงมากนักหลังจากเธอหลังจากตกหลุมรักเข้าแล้ว เธอเห็นท่าทางของไห่ถงที่มีต่อสามีสายฟ้าแลบของเธอเปลี่ยนไปซางเสี่ยวเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเสริมต่อว่า "แต่พวกเขายังไม่ได้รักอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงแต่งงานในนามอยู่"“การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบได้แต่งเพราะความรัก ตอนแรกพวกเขาจดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยๆ สะสมความรู้สึกที่ีต่อกัน น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อนและสองสามีภรรยามีเหตุผลกันมาก”ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำความรู้จักกัน คุณนายซางก็อดไม่ได้ที่จะเอนเอียงไปข้างไห่ถง
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้