“ข้าวเช้าฉันไม่ร้อนแล้ว ฉันจะเอาเข้าไปอุ่นในครัวหน่อย เสี่ยวเฟย คุณเป็นขาประจำที่นี่แล้ว ช่วยฉันดูแลป้าด้วยนะ”ซางเสี่ยวเฟยยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องกังวล เราสองแม่ลูกจะไม่เกรงใจ จะทำเหมือนร้านของเธอเหมือนของฉันเอง"ไห่ถงคิดในใจ: ด้วยธุรกิจของครอบครัวของคุณ ร้านค้าของฉันจะไม่ดึงดูดสายตาคุณเลยสักนิดเธอนำอาหารเช้าที่จ้านหยินห่อมากลับเข้าไปในห้องครัว อุ่นและกินมันในห้องครัวน้ำขิงน้ำตาลทรายที่จ้านหยินทำให้เธอนั้น ใส่ไว้ในกระติกน้ำร้อนจึงยังร้อนอยู่อากาศเริ่มเย็นแล้ว เธอมีรอบระดูก็เลยรู้สึกว่ามือและเท้าเย็น จึงกอดกระติกน้ำร้อนและดื่มน้ำขิงน้ำตาลทรายแดง ทำให้ไห่ถงรู้สึกสบายท้องมากขึ้นมาก"ตื๊ด ๆ ๆ ๆ..."โทรศัพท์ดังขึ้นเธอกำลังดื่มน้ำขิงน้ำตาลทรายแดงขณะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อดู และพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากจ้านหยิน เธอจึงกดรับสาย"ถึงร้านยัง?"จ้านหยินได้คำนวณเวลาในการโทรหา"ถึงแล้วค่ะ""คุณกำลังกินอะไร?"“ฉันกินทำอาหารเช้าแสนอร่อยที่คุณเตรียมไว้ให้เสร็จค่ะ และตอนนี้ฉันกำลังดื่มน้ำขิงน้ำตาลทรายแดงที่คุณก็ทำให้ฉันด้วย รสชาติของขิงนั้นเข้มข้นมาก หวาน และมีกลิ่นเผ็ดเล็กน้อย แต่เมื่อดื่
"จางเหนียนเซิงไปยัง?"จ้านหยินยังเห็นเขาเป็นศัตรูหัวใจ“ฉันกลับมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว คุณยังหึงอยู่?”จ้านหยินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า "คุณยังบอกว่าฉันนิสัยเป็ยแบบนี้ ความหีงอาจกลายเป็นนิสัยของฉันไปแล้ว"ถ้าซูหนานกับคุณยายจ้านอยู่ที่นั้นด้วย ต้องซ้ำเติมเขาแล้วไห่ถงหัวเราะ “ฉันจะทำอาหารบำรุงสายตาให้คุณทุกวัน”ในเมื่อเขาตาถั่วก็ต้องบำรุงซะหน่อย"อาหารที่คุณทำ ผมก็ชอบกินหมด"“จ้านหยิน เอาน้ำตาลกรอกปากเหรอคะ? คำพูดคำจาของคุณหวานจนมดขึ้นแล้วค่ะ”มุมปากของจ้านหยินกระตุก คุณยายของเขามักจะไม่ชอบเขาที่ไม่พูดจาหวานๆ กับไห่ถง แต่เมื่อเขาพูดหวาน ๆ ออไปสองคำ ไห่ถงก็คิดว่าเขาเอาน้ำตาลกรอกปากมา เธออาจจะไม่ชอบคำพูดหวานๆ เลี่ยนๆ"คุณทำงานเถอะ ฉันไม่รบกวนแล้ว""ครับ"ไห่ถงตัดสายโทรศัพท์ไปก่อนจ้านหยินเอาโทรศัพท์ออกจากหู แล้วมองที่หน้าจอสักพักก่อน จะบ่นว่า "ไม่มีแม้แต่จะพูดว่าคิดถึงฉันเลย"จึงวางโทรศัพท์ลง เขาปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วและให้ความสนใจกับงานกองโตไห่ถงดื่มน้ำขิงน้ำตาลทรายแดงจนหมด แล้วทำความสะอาดกระติกน้ำร้อน จากนั้นนำผลไม้บางส่วนออกมาจากตู้เย็น เพื่อล้างทำความ วางลงในถาดผลไม้ แล้
ไห่ถงเห็นน้ำตาของเธอไหลออกมา จึงรีบยื่นทิชชู่ให้และขอโทษ “ป้า ฉันขอโทษค่ะ”"ไห่ถง"คุณนายซางจับมือเธอ และพูด “ป้าที่เสียใจแทนพวกคุณ ป้าเองที่ไม่มีความสามาร จึงหาพวกคุณไม่เจอตั้งแต่เนิ่นๆ หากได้พบพวกคุณเร็วกว่านี้ แม่ของพวกคุณคงไม่ตาย” ”ถ้าเธอได้พบกับน้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะพาเธอไปอาศัยอยู่ในเมืองอย่างแน่นอน น้องเธอจะไม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนกันตอนอยู่ที่ชนบท และสามีและภรรยาจะไม่ได้เสียชีวิตแม้ว่าจะยังไม่ทดสอบ แต่เมื่อฟังคำพูดของคุณนายซาง จมูกของไห่ถงก็คัดจมูกและตาก็แดงถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดี“คุณแม่อย่าร้องไห้นะ คุณพ่อบอกให้คอยดูคุณแม่แล้วอย่าให้คุณแม่ร้องไห้อีก เมื่อวานคุณแม่ก็ร้องไห้ทั้งวันแล้ว”ซางเสี่ยวเฟยหยิบทิชชู่จากมือของไห่ถง เช็ดน้ำตาแม่เธอ และปลอบแล้วพูดว่า "คุณแม่ไปทดสอบกับไห่ถงก่อนนะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ยังมีไห่ถงกับพี่ไห่หลิงอยู่นะ"คุณนายซางเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า "แม่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้"ในปีนั้น สองพี่น้องก็สูญเสียพ่อแม่ไปเหมือนกัน ด้วยอายุของเธอ เธอจึงไม่สามารถเลี้ยงดูน้องสาวได้และจึงจำเป็นต้องแยกทางกับน้องหลังจากแยกทางกันห้าสิบปี ไม่ง่ายที่จะได้ข่าวคราว
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ไห่ถงได้รับเงิน 250,000 บาทที่ถูกโอนจากจ้านหยินกลัวว่าเธอจะไม่รับเงิน เขาจึงส่งข้อความมา“ถงถง ถ้าคุณไม่รับเงินที่ฉันให้คุณ คุณก็ไม่ได้มองฉันว่าสามีของคุณ เพราะสามีหาเงินมาให้ภรรยาของเขาใช้”ไห่ถงอ่านข้อความของเขา ก็ยิ้มออกมาจ้านหยินยังได้เรียนรู้เรื่องการปฎิบัติต่อภรรยาเธอไม่รีบร้อนที่จะตรวจสอบเงิน 250,000 บาท เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล เพื่อเจาะเลือดร่วมกับคุณนายซางทดสอบ DNA เธอก็ได้ตรวจสอบ 250,000 บาทที่จ้านหยินโอนมาให้เมื่อสามีของเธอให้เงิน 250,000 บาท ไห่ถงจึงเชิญคุณนายซางและลูกสาวไปรับประทานอาหารที่โรงแรมระดับ 5 ดาวโรงแรมห้าดาวในกวนเฉิง ไห่ถงคุ้นเคยกับโรงแรมกวนเฉิงมากที่สุดโรงแรมกวนเฉิงเป็นโรงแรมในเครือจ้านซื่อกรุ๊ป จ้านซื่อกรุ๊ปและซางซื่อกรุ๊ปไม่สามารถเป็นมิตรกันได้เป็นได้แค่คู่แข่งกันเท่านั้น เมื่อไห่ถง พาแม่และลูกสาวไปที่โรงแรมกวนเฉิง จึงเพิ่งนึกเรื่องนี้ได้ทันใดนั้น ก็ขอโทษคุณนายซางว่า "ป้าคะ เอางี้ไหม พวกเราไปร้านอื่นกันค่ะ?”คุณนายซางเข้าใจความหมายของไห่ถงและยิ้ม “ไม่เป็นไรจ้ะ เมื่อก่อนตอนที่ฉันบริหารงานบริษัท ฉันมักจะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจ
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว คุณไปทำงานเถอะ”จ้านอี้เฉินเดินตามกลุ่มมาอย่างรวดเร็วและเดินประชิดพี่ชายของเขาแล้วกระซิบว่า "พี่ใหญ่ ผู้จัดการโจ บอกว่าเขาเห็นพี่สะใภ้พาสองแม่ลูกตระกูลซางมาที่นี่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว และพวกเขาเลือกห้องอาการดีลักซ์"ห้องนั้นหรูหราที่สุดในโรงแรมในกวนเฉิง และฃคนที่มีกระเป๋าสตางค์แบนฃก็ไม่กล้าเลือกห้องแบบนั้นแน่นอนแต่ถ้าพี่สะใภ้ชวนคุณนายซางมาทานอาหาร เธอจะต้องเลือกหรูอย่างแน่นอน"เข้าใจแล้ว"จ้านหยินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้“รถไฟไม่ชนกันแน่”เสียงทุ้มต่ำของจ้านหยินดังขึ้นเขามักจะเชิญลูกค้าไปที่ห้องสวีทที่ชั้นบนสุด ซึ่งแตกต่างจากห้องที่อยู่ชั้นอื่น เพราะเขามีลิฟต์เฉพาะ และแขกของในโรงแรมไม่สามารถเห็นเขาได้และใช้ลิฟต์ตัวนั้นไม่ได้เว้นแต่สองสามีภรรยาจะพบกันที่หน้าลิฟต์ก็จะทำให้เจอกันได้จ้านอี้เฉินหยุดพูด เมื่อเห็นถึงความมั่นใจของพี่ชายยังไงก็ตามตัวเอกที่แกล้งจนก็คือพี่ใหญ่ ถ้าเขาเจอกับพี่สะใภ้จริงๆ และบอกให้เธอรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา นั่นเป็นเรื่องของพี่ใหญ่ พวกเขาแค่คนรอดูละครจ้านหยินและกลุ่มของเขาไม่ได้เจอหน้ากับไห่ถงและแม่ลูกตระกูลซาง แต่เมื่อจ้านหยิ
"“ถ้าสามีของเธอมีความสัมพันธ์กับนายน้อยอย่างตระกูลจ้าน คุณคิดว่าพวกเราจะอยู่อย่างปกติอยู่ไหม? เธอต้องใช้อำนาจของนายน้อยจ้าน มาทำให้กลั่นแกล้งพวกเราแล้วค่ะ"โจวหงหลินคิดถึงสิ่งนั้น ก็ทำให้รู้สึกว่าคำพูดของเย่เจียนีสมเหตุสมผลมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลถึงเรื่องนี้อีกต่อไปฐานะของนายน้อยจ้านคืออะไร? แม้ว่าไห่ถงจะเกิดอีกกี่ชาติ เธอก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับนายน้อยจ้าน และได้เป็นนายหญิงแน่พวกเขาทั้งสองดินออกจากโรงแรมอย่างสองสนิทสนมกัน แต่กลับเห็นไห่หลิงที่ทางเข้าไห่หลิงคนเดียยวเธอฉวยโอกาสที่หยางหยางหลับ ให้ป้าเหลียงอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลหยางหยาง และมารอโจวหงหลินและเย่เจียนีเธอมาที่นี่เพื่อรอ จากข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับจากจ้านหยิน เธอคำนวณดูแล้วว่าโจวหงหลินชอบพาเย่เจียนี ไปที่โรงแรมกวนเฉิงเพื่อเสียเงินแม้ว่าทั้งคู่สองสามีภรรยาจะแตกหักกันแล้ว แต่คิดถึงตอนที่แต่งงานกับโจวหงหลินและมีลูกให้เขา ดูแลบ้านและบ่อยครั้งต้องรับใช้พ่อแม่และครอบครัวพี่สาวเขาด้วย และชอบว่าเธอไม่มีรายได้ ใช้จ่ายเงินสุร่ยสุร่ายและอยู่บ้านเฉยๆ ไปวันๆแต่การดูแลลูกมักจะได้ไห่ถช่วยเหลือ ตำหนิว่าเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากกิ
เย่เจียนีดึงโจวหงหลินมา แล้วถามเขาว่า "นังอ้วนนั้นต้องการคุยกับพวกเราเรื่องอะไรคะ?"“เธอไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงการหย่าร้างที่ฉันเสนอคราวก่อน ดังนั้นเธอคงอยากคุยกับฉันเรื่องนั้นอีกครั้ง”การฟ้องหย่าต้องใช้ระยะเวลาบางทีอาจเพราะหยางหยาง จึงทำให้ไห่หลิงไม่อยากจะอีกต่อไปโจวหงหลินพาเย่เจียนีไปที่รถของเขา หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถแล้ว เขาก็โน้มตัวไปจับใบหน้าของเย่เจียนีด้วยความเสียใจ "เจ็บไหม?""คุณเจ็บไหม?"โจวหงลินแตะหน้าตัวเองอีกครั้งแล้ว "เจ็บมาก เรื่องของหยางหยางอาจทำให้เธอโกรธมาก โดนเธอตบนั้นทำให้เธอสามารถระบายความโกรธออกมา ฉันอดทนได้"เย่เจียนีลูบหน้าที่ถูกตบของเธอและพูดว่า "หงหลิน เพราะเธอต้องการที่จะรีบหย่า ดังนั้นคุณสามารถแก้ข้อตกลงการหย่าปรับเปลี่ยนให้รัดกุมมากขึ้นได้นะคะ จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณเตะเธอออกจากบ้านตัวเปล่า"“ถ้าเธอไม่ยอมรับก็ให้เธอฟ้องหย่ามา พวกเราก็จ่ายเลี้ยงดูได้ค่ะ”โจวหงหลินพูดว่า "ตามเธอไป ดูว่าต้องการจะพูดเรื่องอะไรกันแน่"ทั้งคู่รู้สึกว่าไห่หลิงกำลังรีบที่จะหย่าในตอนนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้กดดันเธอและบังคับให้เธอออกจากบ้านแบบไม่มีอะไรติดตัวไปเลยเมื่อค
ไม่สนใจว่าฉันจะได้สิ่งเหล่านี้มาได้อย่างไร โจวหงหลิน ถ้าฉันเปิดโปงเรื่องเงินใต้โต๊ะของคุณให้เจ้านายของคุณฟัง คุณคิดว่าคุณยังสามารถทำงานอยู่ที่เว่ยห่าวในฐานะผู้จัดการได้หรือไม่?ไห่ถงเตือนพี่สาวว่า อย่าแสดงหลักฐานการเรื่องเงินใต้โต๊ะให้โจวหงหลินดู ให้ใช้คำพูดขู่เขาแทนไห่หลิงรู้จักโจวหงหลินดี และรู้สึกว่าถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดงจะไม่ทำให้เขากลัว ดังนั้นเธอจึงทำสำเนาหลักฐานที่เพื่อนของจ้านหยินรวบรวมไว้ให้เธอมาแม้ว่าโจวหงหลินจะฉีกมัน แต่เธอก็ยังสามารถทำสำเนาได้มากมายด้วยหลักฐานดังกล่าว โจวหงหลินยินดีที่จะประนีประนอมและหารือเรื่องการหย่ากับเธอ เพื่อรักษางานของเขาเอาไว้แต่เธอไม่รู้ว่าจ้านหยินได้สั่งให้ซูหนานดำเนินการรวบกิจการของบริษัท เว่ยฮาว อิเล็กทรอนิกส์ และกำลังรอโจวหงหลินและเย่เจียนีอยู่ จะทำให้พวกเขาต้องตกงานไปสีหน้าของโจวหงหลินน่าเกลียดมากเขาจ้องไปที่วิไห่หลิงอย่างจะกินเลือกกินเนื้อไห่หลิงเคยทำงานที่ บริษัท เว่ยฮาว อิเล็กทรอนิกส์ และยังดำรงตำแหน่งกรรมการอีกด้วย ในเวลานั้นเธอตำแหน่งสูงกว่าเขาเขาไม่อาจยอมรับว่าในเวลานั้นเขากดดันมาก เพราะรู้สึกด้อยกว่าไห่หลิง ทำให้ความภาคภู