ไห่ถงรู้สึกขนลุกเมื่อเธอได้ยินว่ามีตัวอย่างมากมาย ที่คู่สมรสคนหนึ่งโอนทรัพย์สินระหว่างการหย่าร้างเมื่อนึกถึงนิสัยของครอบครัวโจวแล้ว โจวหงหลินก็มีความเป็นไปได้ที่จะโอนทรัพย์สินของเขาได้จริงๆ“คุณยายคะ ฉันจะบอกพี่สาวของฉัน”คุณยายจ้านพูดว่า "ถ้าใครต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกอาจ้านได้ เขาจะมีคนช่วยตรวจสอบให้"“คุณยาย เมื่อฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ฉันจะไม่เกรงใจจ้านหยินแน่นอน”คุณยายจ้านพอใจมากกับความตรงไปตรงมาของไห่ถงที่มีต่อจ้านหยินมากคิ้วและดวงตาของจ้านหยินโค้งขึ้นเล็กน้อย คุณยายจ้านมองดูเขา และเขาก็ทำหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง คุณยายจ้านดุด่าเขาในใจ: แสร้งต่อ ฉันอยากรู้ว่าแกจะเสแสร้งได้นานแค่ไหน?หลังอาหารเช้า ชาวคณะก็เดินทางสู่ขุมชนกวงหมิงไห่ถงรออยู่ที่ทางเข้าชุมชนพร้อมกับลูกชายของเธอเขาอยู่กับน้ามาหลายวันติดต่อกันแล้ว และโจวหยางก็คุ้นเคยแล้ว วันนี้เขาจึงไม่ได้งอแงอีก"คุณยาย"เมื่อเห็นคุณยายจ้านก็มาด้วย ไห่หลิงก็ทักทายคุณยายจ้านด้วยรอยยิ้มคุณยายจ้านยิ้มและให้กำลังใจเธอหัวใจของไห่หลิงอบอุ่นขึ้นมาครอบครัวน้องเขยดีกว่าของเธอหลายเท่าไห่ถงกอดหลานชายและพูดกับพี่สาวว่
ไห่หลิงไม่ได้พูดอะไรกับน้องสาวมากนัก หลังจากส่งลูกชายให้น้องสาวแล้ว เธอก็โบกมือให้น้องเขยและคุณยายจ้านแล้วรีบขี่รถออกไปไห่หลิงมาถึงบริษัทโดยเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเริ่มงานในตอนแรกเธอวิ่งห้ารอบใช้เวลายี่สิบนาที แต่ทุกวันนี้ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการวิ่งและความเร็วของเธอก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมันยังพอมีเวลาจอดรถให้เรียบร้อย ล็อครถแล้วไห่หลิงก็ออกวิ่งก่อนไปทำงานทุกวัน ไห่หลิงวิ่งรอบสวนเล็กๆ หน้าอาคารสำนักงานห้ารอบ ทุกคนในลู่ซื่อกรุ๊ปรู้ดีว่าในตอนแรกทุกคนกำลังรอดูการแสดงดีๆภายในสองสามวัน มีคนเริ่มวิ่งร่วมกับเธอพวกเขานั่งอยู่ในออฟฟิศทุกวัน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน แม้ว่าจะไม่หนักเท่าไห่หลิงก็ตาม การวิ่งสองสามรอบก่อนไปทำงานก็ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกันไห่หลิงใช้เวลาสิบสี่นาทีในการวิ่งห้ารอบ และนาทีสุดท้ายถูกใช้เพื่อวิ่งไปตอกบัตรเข้างานของเธอวันนี้เธอออกจากบ้านสายนิดหน่อย และก็ตอกบัตรไปแล้วโชคดีที่เธอไม่สาย"ประธานลู่""ประธานลู่"เสียงทักทายของเพื่อนร่วมงานดังมาจากด้านหลัง และลู่ตงหมิงก็มาถึงไห่หลิงหันหน้าไปและเห็นลู่ตงหมิงเดินเข้ามาก้าวใหญ่เขาไม่เ
คำพูดของลู่ตงหมิงทำให้ใบหน้าของไห่หลิงแดงก่ำเธอแค่หิวง่าย กินเยอะ และไม่ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเธออายุมาก เธอถึงอ้วนขึ้นเรื่อยๆ"ประธานลู่ ฉันจะทำให้ได้ ฉันสัญญาว่าจะลดน้ำหนักในช่วงทดลองงาน"ในอนาคตเธอจะไม่เพียงแต่ไปวิ่งในตอนเช้าเท่านั้น แต่ยังไปวิ่งตอนเย็นด้วยเธอไม่เชื่อว่าเธอไม่สามารถลดไขมันในร่างกายได้“เอาล่ะ ระยะเวลาทดลองงานลดลงเหลือหนึ่งเดือนสำหรับคุณ ตั้งใจทำงานล่ะ”หลู่ตงหมิงพูดอย่างสุภาพสองสามคำแล้วเดินไปจากไห่หลิง ขณะที่เขาเดินไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของเขา ในชั่วพริบตา ร่างที่แข็งแกร่งของเขาก็หายเข้าไปในทางเข้าลิฟต์หลังจากที่ไม่เห็นเขาแล้ว ไห่หลิงก็ถอนสายตาและหันศีรษะไปพบว่าเจ้านายของเธอจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจไห่หลิงเม้มริมฝีปากของเธอ ไม่พูดอะไร และกลับไปที่แผนกการเงินอย่างเงียบ ๆเนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นเพียงเสมียน แต่ทุกคนก็คิดว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับลู่ตงหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินมองว่าเธอเป็นเสี้ยนหนามในตา และกังวลว่าเธอจะเข้ามารับตำแหน่งแทนอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำอะไรอย่างเปิดเผย มีหลายค
......ระหว่างทางไปรีสอร์ทฮิลแถบชานเมือง ไห่ถงโทรหาเสี่ยวจวิน "เสี่ยวจวิน วันนี้ฉันจะไปพักผ่อนเป็นเพื่อนคุณยาย คงกลับร้านไม่ได้ ฝากด้วยนะ"เซินเสี่ยวจวินพูดยิ้มๆ "ไม่เป็นไร เธอไปพักผ่อนเป็นเพื่อนคุณยายจ้านให้ดีๆเถอะ ที่ร้านมีฉันคอยดูอยู่ เป็นปกติดีทุกอย่าง"ถึงยังไงพรุ่งนี้ก็สุดสัปดาห์แล้วปกติวันสุดสัปดาห์พวกเขาไม่เปิดร้าน ถ้าเปิด ก็เป็นเพราะไห่ถงต้องรีบถักงานที่ร้านหลังจากจบการสนทนา เซินเสี่ยวจวินก็พึมพำกับตัวเอง "ชีวิตหลังแต่งงานของถงถงสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ""พี่จวิน"เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น ใบหน้าขี้เล่นของเซินเสี่ยวจวินตึงขึ้นมาทันทีเธอมองจางเหนียนเซิงเดินเข้ามา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก "เหนียนเซียง ที่พี่พูดกับนายไปครั้งที่แล้ว ฟังเข้าสมองบ้างไหม? ต่อไปนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก ระหว่างนายกับถงถงมันเป็นไปไม่ได้!"ไม่เจอเพียงไม่กี่วัน จางเหนียนเซิงก็ดูอิดโรยนิดหน่อย ขอบตาของเขาดำคล้ำมาก แถมยังมีหนวดขึ้น เขาในตอนนี้ไม่เหมือนหนุ่มน้อยอายุยี่สิบสองเลยสักนิดเห็นญาติน้องที่อยู่ในสภาพนี้ เซินเสี่ยวจวินก็รู้สึกปวดใจความรักเป็นอาวุธที่ทำร้ายคนในรูปแบบจังต้องไม่ได้จางเหนี
ตระกูลจางเป็นตระกูลสามีของป้าแท้ๆของเธอ ตั้งแต่เด็กๆเซินเสี่ยวจวิน็เห็นมากับตาตัวเองว่าป้าตาเผชิญความยากลำบากมากมายขนาดไหน ครอบครัวเซินของพวกเขาร่ำรวยจากการประกอบธุรกิจรื้อถอน ที่บ้านมีบ้านให้เช่ามากมาย ทรัพย์สินเกือบพันล้าน แต่ป้าของเธอกลับแต่งเข้าตระกูลไฮโซไปด้วยความยากลำบากยิ่งไห่ถงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซินเสี่ยวจวินไม่ได้ด้อยค่าไห่ถง แต่เธอแค่พูดตามความเป็นจริง"พี่ไห่ถง...""ไห่ถงไปเดทกับสามีของเธอ"สีหน้าของจางเหนียนเซิงซีดในทันทีไม่นานเขาก็ตามหาเงาของไห่ถงในร้าน เซินเสี่ยวจวินปล่อยให้เขาเดินหาให้ทั่วทุกซอกทุกมุมตามสะดวกเมื่อจางเหนียนเซิงหาไห่ถงไม่เจอ จึงยอมเชื่อคำพูดของญาติพี่ ไห่ถงไม่อยู่ที่ร้านจริงๆเขาจึงจากไปด้วยร่างที่ไร้วิญญาณเซินเสี่ยวจวินถอนหายใจอีกครั้งหวังว่าเหนียนเซียงจะหลุดพ้นให้เร็วที่สุด อย่าทำเรื่องงี่เง่าบ้าระห่ำเพราะความรักเธอที่เป็นคนกลาง ก็ยิ่งลำบากใจมากเธอสงสารความรักของญาติน้อง แต่ก็พยายามอย่างมากที่จะปกป้องเพื่อนรัก ถึงไม่ยอมให้น้องชายเข้ามาแทรกกลางในชีวิตแต่งงานของเพื่อนณ รีสอร์ทฮิลแถบชานเมืองจ้านหยินและคุณย่าไม่ได้มาในฐานะนายน้อยและค
ไห่ถงยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วลากจ้านหยินให้เดินตามสัญชาตญาณนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดเชียวนะจ้านหยินใช้โอกาสนี้เป็นฝ่ายจับมือไห่ถงเอาไว้ แล้วพาเธอเดินแทนเดินๆอยู่ เขาก็ประสานนิ้วมือเข้ากับเธออืม ความรู้สึกที่ได้เดินจับมือเล็กๆของเมีย นี่มันดีจริงๆ!คนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านความรักอย่างจ้านหยิน แล้วก็ดันเป็นผู้ชายที่ชอบเก๊กเย่อหยิ่งอีก พอจับมือเมียได้สำเร็จ ภายในใจก็หวานชื่นราวกับกินน้ำผึ้งเข้าไปไห่ถงสัมผัสได้ว่าเขาจับมือของเธอแน่น ก็ก้มมองมือที่ประสานกันสิบนิ้วของทั้งสอง เป็นเขาที่กำมือเธอแน่นเธอลอบปรายตามองจ้านหยิน ก็เห็นใบหน้าของเขายังเย็นชาเย่อหยิ่งดังปกติ แล้วแอบพูดอยู่ในใจ "หลอกแต๊ะอั๋งหน้าตายเลยนะ"ดังนั้น เธอจึงใช้นิ้วโป้งลูบไล้ไปบนฝ่ามือของเขาสองสามที ตอนที่เขาหันมามองเธอ เธอก็แสร้งทำเป็นมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเรื่องหลอกแต๊ะอั๋งหน้าตายน่ะ เธอก็ไม่แพ้หรอกมุมปากของจ้านหยินยกยิ้มเขาชอบนิสัยแบบนี้ของไห่ถงจริงๆไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำ"รอให้เรื่องของพี่สาวคุณคลี่คลาย ถ้าว่างเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณมาพักที่นี่อีกสักสองสามวัน"เขาชี้ไปที่วิลล่าที่ทำจากไม้เหล่านั้นซึ่งอยู
ไห่ถงรู้ดีว่าเธอรักนายน้อยจ้านมากขนาดไหน จึงไม่อยากจะพูดอะไรเยอะเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เดี๋ยวซางเสี่ยวเฟยจะเสียใจ ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยคุยไปคุยมา ซางเสี่ยวเฟยก็พูดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังจะทำตอนนี้ เธอพูด "พี่ใหญ่กลัวว่าถ้าฉันว่าก็จะคิดถึงนายน้อยจ้าน แล้วจะยิ่งเศร้ามากขึ้น เลยให้งานฉันมาทำ ให้ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาคุณน้า""คุณน้าของคุณ?"ไห่ถงไม่ได้รู้เรื่องราวในครอบครัวของตระกูลชางนัก รู้แต่ว่าเป็นตระกูลชั้นนำรองลงมาจากตระกูลจ้านคนของตระกูลชางคนเดียวที่รู้จัก ก็คือซางเสี่ยวเฟย"ไห่ถง จะว่าไปคุณแม่ของฉันกับพวกเธอสองพี่น้องหน้าตาเหมือนกันมาก คุณตาคุณยายของฉันก็เสียไปนานแล้ว ไม่มีญาติคนไหนยอมรับเลี้ยงคุณแม่กับคุณน้า จนสุดท้ายท่านทั้งสองต้องถูกส่งไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นระยะนึง เพราะคุณน้าของฉันยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ แถมยังหน้าตาน่ารัก ก็เลยถูกคู่สามีภรรยาที่มีฐานะแต่ไม่มีลูกรับเลี้ยงไป""เหลือคุณแม่ของฉันที่ยังอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ท่าคิดถึงคุณน้าอยู่ตลอด หลังจากโตแล้วคุณแม่ของฉันมีกำลังมาพอ ก็เริ่มตามหาคุณน้า แต่จนปัญญาสมัยก่อนการจะตามหา
"ตอนที่คุณแม่กับคุณน้าแยกจากกัน สองสาวพี่น้องถ่ายรูปด้วยกันรูปนึง ทั้งคู่ต่างคนต่างเก็บรูปถ่ายเอาไว้คนละใบ น่าเสียดายที่รูปถ่ายใบนั้นของคุณน้าถูกคู่สามีภรรยาที่เก็บไปเลี้ยงคู่แรกเผาจนมอดไหม้""คุณแม่ยังเก็บรูปถ่ายเอาไว้อยู่ ผ่านมาหลายสิบปี ต่อให้ท่านจะรักษาไว้อย่างดีแค่ไหน แต่ก็วิเคราะห์ใบหน้าไม่ง่าย พี่ชายฉันก็เคยโพสต์รูปลงในโซเชียลมีเดีย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย ถ้าคิดจะตามหาคุณน้า ก็นอกซะจากลูกสาวลูกชายของท่านหน้าตาเหมือนท่าน แล้วบังเอิญว่าคุณแม่ของฉันเห็นเข้า ถึงจะสามารถตามหาคุณน้าเจอ"ไม่งั้นก็ยากที่จะหาเจอแต่โอกาสแบบนั้นก็แทบจะเป็นศูนย์"สวรรค์ไม่รังแกคนที่มีความพยายาม เสี่ยวเฟย พวกคุณจะต้องเจอคุณน้าในสักวันนึง"นอกจากจะให้กำลังใจซางเสี่ยวเฟย ไห่ถงก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกตระกูลชางมีเงินมีอำนาจมีเส้นสาย พลิกแผ่นดินหามานานหลายปีก็ยังหาคุณน้าของตระกูลชางไม่เจอ แล้วเธอที่ไม่มีทั้งอำนาจทั้งเส้นสาย ก็ยิ่งไม่มีปัญญา"หวังว่าจะได้เจอคุณน้าของฉันเร็วๆ คุณแม่จะได้พบหน้าน้องสาวอีกครั้ง ไห่ถง ถ้าเธอรู้ว่ามีใครที่ถูกรับไปเลี้ยง ช่วยบอกฉันหน่อยนะ ฉันจะไม่ปล่อยผ่านความเป็นไปได้ไปแม้แ