"ตอนที่คุณแม่กับคุณน้าแยกจากกัน สองสาวพี่น้องถ่ายรูปด้วยกันรูปนึง ทั้งคู่ต่างคนต่างเก็บรูปถ่ายเอาไว้คนละใบ น่าเสียดายที่รูปถ่ายใบนั้นของคุณน้าถูกคู่สามีภรรยาที่เก็บไปเลี้ยงคู่แรกเผาจนมอดไหม้""คุณแม่ยังเก็บรูปถ่ายเอาไว้อยู่ ผ่านมาหลายสิบปี ต่อให้ท่านจะรักษาไว้อย่างดีแค่ไหน แต่ก็วิเคราะห์ใบหน้าไม่ง่าย พี่ชายฉันก็เคยโพสต์รูปลงในโซเชียลมีเดีย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย ถ้าคิดจะตามหาคุณน้า ก็นอกซะจากลูกสาวลูกชายของท่านหน้าตาเหมือนท่าน แล้วบังเอิญว่าคุณแม่ของฉันเห็นเข้า ถึงจะสามารถตามหาคุณน้าเจอ"ไม่งั้นก็ยากที่จะหาเจอแต่โอกาสแบบนั้นก็แทบจะเป็นศูนย์"สวรรค์ไม่รังแกคนที่มีความพยายาม เสี่ยวเฟย พวกคุณจะต้องเจอคุณน้าในสักวันนึง"นอกจากจะให้กำลังใจซางเสี่ยวเฟย ไห่ถงก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกตระกูลชางมีเงินมีอำนาจมีเส้นสาย พลิกแผ่นดินหามานานหลายปีก็ยังหาคุณน้าของตระกูลชางไม่เจอ แล้วเธอที่ไม่มีทั้งอำนาจทั้งเส้นสาย ก็ยิ่งไม่มีปัญญา"หวังว่าจะได้เจอคุณน้าของฉันเร็วๆ คุณแม่จะได้พบหน้าน้องสาวอีกครั้ง ไห่ถง ถ้าเธอรู้ว่ามีใครที่ถูกรับไปเลี้ยง ช่วยบอกฉันหน่อยนะ ฉันจะไม่ปล่อยผ่านความเป็นไปได้ไปแม้แ
ซางเสี่ยวเฟยพูดด้วยความตื้นตัน "ไห่ถง ถ้าเธอช่วยพวกเราหาคุณน้าจนพบ เธฮก็คือผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเรา ครอบครัวเราจะตอบแทนเธออย่างดีที่สุด""พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ฉันก็แค่คิดถึงแม่ของฉัน ถ้าแม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันกับพี่สาวก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยแม่ตามหาญาติพี่น้องเหมือนกัน"แม่เสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว ความทรงจำที่ไห่ถงมีต่อแม่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้นแล้ว โชคดีที่พี่สาวหน้าตาเหมือนแม่ เวลาที่มองหน้าพี่เธอถึงจำหน้าตาของแม่ได้"ไห่ถง ฉันไม่รบกวนเธอเดทกับสามีแล้ว เที่ยวให้สนุก จัดงานแต่งเมื่อไหร่ต้องบอกฉันนะ ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอ"ซางเสี่ยวเฟยหยอกไห่ถงสองประโยค จากนั้นก็เป็นฝ่ายวางสายไป"คุณหนูซางคนนั้นอีกแล้วหรอ?"จ้านหยินถามราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร"อืม ตอนแรกเสี่ยวเฟยกะจะมาเที่ยวกับพวกเรา แต่พอได้ยินว่าฉันอยู่กับคุณ เธอก็เลยไม่อยากมา"จ้านหยินลอบสบถเย็นชาในใจ "ก็ยังคิดได้บ้าง!""ความจริงเสี่ยวเฟยนิสัยดีมาก เจ้านายของพวกคุณ..." พอคิดว่านายน้อยจ้านสวมแหวนแต่งงานขนาดนั้น ไห่ถงก็ถอนหายใจ "ทั้งสองคนคงไม่มีวาสนาต่อกัน""พวกคุณคุยอะไรกัน? ผมได้ยินคุณพ
"นั่นมันแน่นอน ฉันยังต้องขึ้นศาลกับพวกเขาเพื่อทวงบ้านกลับคืนมาให้ได้!""ในเมื่อมั่นใจขนาดนี้ ก็ไม่ต้องดาวน์แล้ว วันนี้เราออกมาเที่ยว ก็ต้องเที่ยวให้สนุกสิ เรื่องในอดีตที่ค้างคาไว้ไม่ได้แก้ไข ค่อยๆจัดการไปทีละเรื่อง เดี๋ยวก็จะหมดไปเอง"เขาดึงไห่ถงแนบชิดแผงอก กอดไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ "ยังมีผมอยู่นะ ต่อให้โลกจะถล่มก็ไม่ต้องกลัว ผมจะช่วยคุณแบกไว้เอง"ไห่ถงไม่ได้ขัดขืน เธออิงแอบลงตรงแผงอกของเขาเงียบๆ ผ่านไปชั่วครู่ เธอจึงออกจากอ้อมกอดของเขาใบหน้าแดงเล็กน้อย"คนตั้งเยอะแยะ"จ้านหยินเอามือของเธอมาจับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จับมือเธอแล้วเดินต่อไปข้างหน้า "เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ได้แอบคบกันสักหน่อย จะกลัวคนเยอะทำไม?"ไห่ถง "...""ไม่น่าล่ะพี่ฉันถึงเอาแต่บอกให้ฉันทำดีกับคุณ" เขาใช้การกระทำเอาชนะใจของพี่สาวได้ตั้งนานแล้วหลังจากแต่งงาน สองสามีภรรยาได้อยู่ร่วมกัน ไห่ถงก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ถึงแม้จะมีข้อเสีย แต่ข้อดีก็มากกว่าข้อเสีย แล้วอีกอย่างทุกคนก็มีข้อเสียกันทั้งนั้น แม้กระทั่งเธอที่มีข้อเสียอยู่เต็มตัวเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ๆ จ้านหยินดีกว่าไอ้สารเลวโจวหงหลินนั่นม
ไห่ถงก็ไม่ได้โง่ที่คุณยายกับป้าเหลียงเดินไปไกล ก็เพราะอยากจะสร้างโอกาสให้สองสามีภรรยาได้อยู่กันตามลำพังไม่ง่ายนักที่จ้านหยินจะไม่ปฏิเสธและทิ้งระยะห่างกับเธออย่างเย็นชา ไห่ถงจึงเอนจอยไปกับรสชาติหอมหวานของการเดทสองสามีภรรยาเดินจับมือกัน เที่ยวชมสวนสไตล์จีนโบราณ ไห่ถงชอบสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุคและคลาสสิคแบบนี้ที่สุด"จ้านหยิน""อืม"จิตใจของจ้านหยินไม่ได้อยู่ที่วิว เขาคอยแอบมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายตลอดเวลาเมื่อได้ยินว่าไห่ถงเรียกเขา เขาก็หยุดฝีเท้าแล้วหันไปมองเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ ประหนึ่งว่าเมื่อกี้เขากำลังมองเบื้องหน้าอยู่ ไม่ได้แอบมองเธอแบบนั้น"คุณทำงานอยู่ที่จ้านซื่อกรุ๊ป รู้ไหมว่ากิจการในเครือบริษัทของพวกคุณมีอะไรบ้าง? อย่างรีสอร์ทฮิลนี่ เจ้านายของคุณลงทุนไปกี่ที่?"จ้านหยินครุ่นคิด แล้วว่า "บริษัทของเรามีสาขาย่อยอยู่ในแต่ละเมืองใหญ่ๆ มีทั้งลงทุนและดำเนินกิจการในทุกอุตสาหกรรม แต่อย่างรีสอร์ทฮิล ลงทุนสร้างไปแค่สองที่ เพราะเลือกที่ดินลำบาก การจะลงทุนสร้างรีสอร์ทฮิลแบบนี้ ต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล""รีสอร์ทฮิลแห่งนี้บริษัทของผมลงทุนเองทั้งหมด ส่วนรีสอร์ทที่อยู่ในเมือง
ใครๆก็บอกว่าคุณผู้หญิงในตระกูลร่ำรวยไม่เป็นมิตร แต่คุณยายจ้านกลับเป็นกันเองมาก เหมือนกับคนแก่ทั่วๆไป สวมผ้าที่สวมใส่ก็เย็บซ่อมแล้วซ่อมอีก ดูยังไงก็ไม่เหมือนคุณผู้หญิงในตระกูลคนรวยเลยสักนิดสายตาของจ้านหยินลึกล้ำ เขาลูบศีรษะของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน""ฉันเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริง ถ้าจะฝัน ก็ต้องดูว่าฝันอะไร ถ้าเป็นฝันเลื่อนลอยอะไรแบบนั้น ฝันไปก็เสียเวลานอนหลับสนิทเปล่าๆ"จ้านหยินเม้มปาก ไม่พูดอะไรเดินเที่ยวชมอยู่ครึ่งค่อนวัน สองสามีภรรยาจึงพบกับพวกคุณยายจ้านอาหารกลางวันถูกสะสางที่ร้านอาหาร ร้านอาหารร้านนั้นก็เป็นสไตล์ย้อนยุค ถ้าสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในไม่ทันสมัย ไห่ถงคงนึกว่าตัวเองย้อนเวลาทะลุมิติไปโรงเตี้ยมแล้ววันนี้หยางหยางมีความสุขสุดๆคุณยายจ้านกับป้าเหลียงพาเขาไปให้อาหารปลา เขาอยากได้อาหารปลาเท่าไหร่ก็ซื้อให้เท่าที่ต้องการ สรุปก็คือให้เขาป้อนอาหารปลาจนอารมณ์ค้างไปเลยเล่นสนุกเกินไปก็ทำให้เหนื่อยง่าย ยังไม่ทันจะกินข้าวเสร็จ หยางหยางก็หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของไห่ถง"อาจ้าน ยายก็อายุมากแล้ว เดินไปไหนได้ไม่ไกลหรอก ตอนบ่าย ห
เวลาแห่งความสนุกมักผ่านไปเร็วเพียงพริบตา ก็จบลงไปแล้วหนึ่งวันไห่ถงเดินเที่ยวชมทั้งวัน หลังจากถึงบ้าน ก็อาบน้ำ แล้วทิ้งศีรษะลงนอนคุณยายจ้านเห็นว่าเธอกลับไปในห้องของตัวเอง ยังคิดว่าจะสร้างอุบายเล่นละคร แต่ใครจะคิดเมื่อคุณยายจ้านเดินเข้าห้องไป ไห่ถงก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ทำให้คุณยายจ้านไม่มีโอกาสได้เล่นละครสมใจเมื่อออกมาจากห้องของไห่ถง ก็เห็นหลานชายกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แม้ว่าจะใจลอย แต่คุณยายจ้านก็โกรธเธอเดินเข้าไปหยิบรีโมทมาจากในมือของจ้านหยิน แล้วตำหนิเขาว่า "กลับมาถึงบ้าน แกกลายเป็นคนพูดไม่เป็น ทำไม่เป็นแล้วหรือไง?"จ้านหยินมองคุณยายของตัวเอง แล้วพูดอย่างใสซื่อ "ก็กลับมาซะขนาดนี้แล้ว จะให้ผมพูดอะไร? ทำอะไรอีก?"วันนี้เขาได้ผลตอบแทนงามมากได้จับมือไห่ถง จับทั้งวันไห่ถงมีเรื่องอะไรก็เล่าให้เขาฟังแล้วด้วย ความเชื่อใจที่มีต่อเขาก็เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆคุณยายจ้าน "...""คุณยาย วันนี้เที่ยวมาทั้งวัน คุณยายก็เหนื่อยแล้วสินะ ผมให้ป้าเหลียงไปช่วยคุณยายเก็บกวาดห้องรับแขก?"คุณยายจ้านถอนหายใจ แล้วตอบรับคำสั้นๆไม่ต้องรอให้จ้านหยินออกปากสั่ง ป้าเหลียงก็เก็บกวาดห้องรับแขก
ซูหนานพูดอย่างมั่นใจ “นายต้องการมันเมื่อไหร่?”"แน่นอนว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี""พรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้นาย เร็วพอหรือยัง?""แบบนั้นก็ได้"พรุ่งนี้เป็นการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องหย่า ถ้ามีหลักฐานการถือครองทรัพย์สินของโจวหงหลินอยู่ในมือนั้น มันจะทำให้มีจุดยืนที่มั่นคง“นายคงเสียใจมาก สำหรับเรื่องการหย่าของพี่สะใภ้ ยังไงบริษัทก็เป็นของนาย แต่นายแทบจะไม่เคยกังวลเรื่องบริษัทบ้างเลย”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจ้านหยินก็พูด "ตอนนี้ไห่ถงรู้สึกขอบคุณฉันมาก"“ความรู้สึกขอบคุณไม่ใช่ความรัก นายต้องทำมากกว่านี้เพื่อให้เธอตกหลุมรักคุณ ยังไงก็ตาม หากนายสามารถช่วยเธอแก้ปัญหาได้ เธอจะรู้สึกว่านายเป็นคนที่แข็งแกร่งและจะพึ่งพานายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็จะตกหลุมรักนายโดยไม่รู้ตัว"ซูหนานไม่มีแฟน แต่การวิเคราะห์ราวกับผู้มีประสบการณ์มาก่อนหลังจากวิเคราะห์แล้ว เขาถามจ้านหยินกลับ: "นายรตกหลุมรักแล้ว? อย่าคิดแค่ทำให้เธอตกหลุมรักนายแบบหัวปักหัวปำ ในขณะที่นายยังไม่แม้แต่จะหวั่นไหว นั่นอาจเป็นเพียงการล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ ""....อาการแบบไหนที่พิสูจน์ได้ว่ามีคนคนนั้นมีความรัก? ถ้าฉันจับมือเธอแล้วรู้สึกประหม่าและ
จ้านหยินแค่คิดถึงมัน แต่ไม่ได้ลงมือใด ๆ นี่เป็นความภาคภูมิใจของตัวเขา ที่จะไม่ยอมทำอะไรลับๆล่อๆแบบนั้นดังนั้น เขาจึงพลิกตัวกลับมาและเข้าเฝ้าพระอินทร์ในเวลาเดียวกัน ณ คอนโดแห่งหนึ่งโจวหงลินหยิบบุหรี่หนึ่งซองจากโต๊ะข้างเตียง ดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และกำลังจะจุดบุหรี่นั้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาเอื้อมมือออกมา แล้วพูดว่า "ขอฉันมวนหนึ่งด้วยค่ะ"โจวหงหลินยื่นบุหรี่ให้เย่เจียนี และจุดไฟให้เธอ"แค่เป็นครั้งคราวก็โอเค"นิสัยการสูบบุหรี่ของโจวหงหลินไม่ได้ติดบุหรี่มากนัก เขาจะสูบบุหรี่เฉพาะเมื่อต้องติดต่อกับลูกค้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้น จะไม่สูบบุหรี่เว้นแต่เขาจะมีปัญหาไห่หลิงไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่ เพราะปากจะมีกลิ่นเหม็นเย่เจียนีสูบบุหรี่เป็น แต่เธอปกติมักจะต้องทำตัวเหมือนกุลสตรี ดังนั้นเธอจึงไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าโจวหงหลิน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายแล้ว โจวหงหลินก็พร้อมที่จะหย่ากับไห่หลิงเพื่อเธอเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังมันแล้ว ไม่ช้าก็เร็วโจวหงหลินก็จะรู้หลังจากสูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน เธอก็โน้มตัวไปซบโจวหงหลิน และกระซิบถาม : “มีเรื่องอะไรที่อยู่ในใจของคุณหรือเ