"นั่นมันแน่นอน ฉันยังต้องขึ้นศาลกับพวกเขาเพื่อทวงบ้านกลับคืนมาให้ได้!""ในเมื่อมั่นใจขนาดนี้ ก็ไม่ต้องดาวน์แล้ว วันนี้เราออกมาเที่ยว ก็ต้องเที่ยวให้สนุกสิ เรื่องในอดีตที่ค้างคาไว้ไม่ได้แก้ไข ค่อยๆจัดการไปทีละเรื่อง เดี๋ยวก็จะหมดไปเอง"เขาดึงไห่ถงแนบชิดแผงอก กอดไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ "ยังมีผมอยู่นะ ต่อให้โลกจะถล่มก็ไม่ต้องกลัว ผมจะช่วยคุณแบกไว้เอง"ไห่ถงไม่ได้ขัดขืน เธออิงแอบลงตรงแผงอกของเขาเงียบๆ ผ่านไปชั่วครู่ เธอจึงออกจากอ้อมกอดของเขาใบหน้าแดงเล็กน้อย"คนตั้งเยอะแยะ"จ้านหยินเอามือของเธอมาจับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จับมือเธอแล้วเดินต่อไปข้างหน้า "เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ได้แอบคบกันสักหน่อย จะกลัวคนเยอะทำไม?"ไห่ถง "...""ไม่น่าล่ะพี่ฉันถึงเอาแต่บอกให้ฉันทำดีกับคุณ" เขาใช้การกระทำเอาชนะใจของพี่สาวได้ตั้งนานแล้วหลังจากแต่งงาน สองสามีภรรยาได้อยู่ร่วมกัน ไห่ถงก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ถึงแม้จะมีข้อเสีย แต่ข้อดีก็มากกว่าข้อเสีย แล้วอีกอย่างทุกคนก็มีข้อเสียกันทั้งนั้น แม้กระทั่งเธอที่มีข้อเสียอยู่เต็มตัวเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ๆ จ้านหยินดีกว่าไอ้สารเลวโจวหงหลินนั่นม
ไห่ถงก็ไม่ได้โง่ที่คุณยายกับป้าเหลียงเดินไปไกล ก็เพราะอยากจะสร้างโอกาสให้สองสามีภรรยาได้อยู่กันตามลำพังไม่ง่ายนักที่จ้านหยินจะไม่ปฏิเสธและทิ้งระยะห่างกับเธออย่างเย็นชา ไห่ถงจึงเอนจอยไปกับรสชาติหอมหวานของการเดทสองสามีภรรยาเดินจับมือกัน เที่ยวชมสวนสไตล์จีนโบราณ ไห่ถงชอบสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนยุคและคลาสสิคแบบนี้ที่สุด"จ้านหยิน""อืม"จิตใจของจ้านหยินไม่ได้อยู่ที่วิว เขาคอยแอบมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายตลอดเวลาเมื่อได้ยินว่าไห่ถงเรียกเขา เขาก็หยุดฝีเท้าแล้วหันไปมองเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ ประหนึ่งว่าเมื่อกี้เขากำลังมองเบื้องหน้าอยู่ ไม่ได้แอบมองเธอแบบนั้น"คุณทำงานอยู่ที่จ้านซื่อกรุ๊ป รู้ไหมว่ากิจการในเครือบริษัทของพวกคุณมีอะไรบ้าง? อย่างรีสอร์ทฮิลนี่ เจ้านายของคุณลงทุนไปกี่ที่?"จ้านหยินครุ่นคิด แล้วว่า "บริษัทของเรามีสาขาย่อยอยู่ในแต่ละเมืองใหญ่ๆ มีทั้งลงทุนและดำเนินกิจการในทุกอุตสาหกรรม แต่อย่างรีสอร์ทฮิล ลงทุนสร้างไปแค่สองที่ เพราะเลือกที่ดินลำบาก การจะลงทุนสร้างรีสอร์ทฮิลแบบนี้ ต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล""รีสอร์ทฮิลแห่งนี้บริษัทของผมลงทุนเองทั้งหมด ส่วนรีสอร์ทที่อยู่ในเมือง
ใครๆก็บอกว่าคุณผู้หญิงในตระกูลร่ำรวยไม่เป็นมิตร แต่คุณยายจ้านกลับเป็นกันเองมาก เหมือนกับคนแก่ทั่วๆไป สวมผ้าที่สวมใส่ก็เย็บซ่อมแล้วซ่อมอีก ดูยังไงก็ไม่เหมือนคุณผู้หญิงในตระกูลคนรวยเลยสักนิดสายตาของจ้านหยินลึกล้ำ เขาลูบศีรษะของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน""ฉันเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริง ถ้าจะฝัน ก็ต้องดูว่าฝันอะไร ถ้าเป็นฝันเลื่อนลอยอะไรแบบนั้น ฝันไปก็เสียเวลานอนหลับสนิทเปล่าๆ"จ้านหยินเม้มปาก ไม่พูดอะไรเดินเที่ยวชมอยู่ครึ่งค่อนวัน สองสามีภรรยาจึงพบกับพวกคุณยายจ้านอาหารกลางวันถูกสะสางที่ร้านอาหาร ร้านอาหารร้านนั้นก็เป็นสไตล์ย้อนยุค ถ้าสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในไม่ทันสมัย ไห่ถงคงนึกว่าตัวเองย้อนเวลาทะลุมิติไปโรงเตี้ยมแล้ววันนี้หยางหยางมีความสุขสุดๆคุณยายจ้านกับป้าเหลียงพาเขาไปให้อาหารปลา เขาอยากได้อาหารปลาเท่าไหร่ก็ซื้อให้เท่าที่ต้องการ สรุปก็คือให้เขาป้อนอาหารปลาจนอารมณ์ค้างไปเลยเล่นสนุกเกินไปก็ทำให้เหนื่อยง่าย ยังไม่ทันจะกินข้าวเสร็จ หยางหยางก็หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของไห่ถง"อาจ้าน ยายก็อายุมากแล้ว เดินไปไหนได้ไม่ไกลหรอก ตอนบ่าย ห
เวลาแห่งความสนุกมักผ่านไปเร็วเพียงพริบตา ก็จบลงไปแล้วหนึ่งวันไห่ถงเดินเที่ยวชมทั้งวัน หลังจากถึงบ้าน ก็อาบน้ำ แล้วทิ้งศีรษะลงนอนคุณยายจ้านเห็นว่าเธอกลับไปในห้องของตัวเอง ยังคิดว่าจะสร้างอุบายเล่นละคร แต่ใครจะคิดเมื่อคุณยายจ้านเดินเข้าห้องไป ไห่ถงก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ทำให้คุณยายจ้านไม่มีโอกาสได้เล่นละครสมใจเมื่อออกมาจากห้องของไห่ถง ก็เห็นหลานชายกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แม้ว่าจะใจลอย แต่คุณยายจ้านก็โกรธเธอเดินเข้าไปหยิบรีโมทมาจากในมือของจ้านหยิน แล้วตำหนิเขาว่า "กลับมาถึงบ้าน แกกลายเป็นคนพูดไม่เป็น ทำไม่เป็นแล้วหรือไง?"จ้านหยินมองคุณยายของตัวเอง แล้วพูดอย่างใสซื่อ "ก็กลับมาซะขนาดนี้แล้ว จะให้ผมพูดอะไร? ทำอะไรอีก?"วันนี้เขาได้ผลตอบแทนงามมากได้จับมือไห่ถง จับทั้งวันไห่ถงมีเรื่องอะไรก็เล่าให้เขาฟังแล้วด้วย ความเชื่อใจที่มีต่อเขาก็เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆคุณยายจ้าน "...""คุณยาย วันนี้เที่ยวมาทั้งวัน คุณยายก็เหนื่อยแล้วสินะ ผมให้ป้าเหลียงไปช่วยคุณยายเก็บกวาดห้องรับแขก?"คุณยายจ้านถอนหายใจ แล้วตอบรับคำสั้นๆไม่ต้องรอให้จ้านหยินออกปากสั่ง ป้าเหลียงก็เก็บกวาดห้องรับแขก
ซูหนานพูดอย่างมั่นใจ “นายต้องการมันเมื่อไหร่?”"แน่นอนว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี""พรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้นาย เร็วพอหรือยัง?""แบบนั้นก็ได้"พรุ่งนี้เป็นการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องหย่า ถ้ามีหลักฐานการถือครองทรัพย์สินของโจวหงหลินอยู่ในมือนั้น มันจะทำให้มีจุดยืนที่มั่นคง“นายคงเสียใจมาก สำหรับเรื่องการหย่าของพี่สะใภ้ ยังไงบริษัทก็เป็นของนาย แต่นายแทบจะไม่เคยกังวลเรื่องบริษัทบ้างเลย”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจ้านหยินก็พูด "ตอนนี้ไห่ถงรู้สึกขอบคุณฉันมาก"“ความรู้สึกขอบคุณไม่ใช่ความรัก นายต้องทำมากกว่านี้เพื่อให้เธอตกหลุมรักคุณ ยังไงก็ตาม หากนายสามารถช่วยเธอแก้ปัญหาได้ เธอจะรู้สึกว่านายเป็นคนที่แข็งแกร่งและจะพึ่งพานายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็จะตกหลุมรักนายโดยไม่รู้ตัว"ซูหนานไม่มีแฟน แต่การวิเคราะห์ราวกับผู้มีประสบการณ์มาก่อนหลังจากวิเคราะห์แล้ว เขาถามจ้านหยินกลับ: "นายรตกหลุมรักแล้ว? อย่าคิดแค่ทำให้เธอตกหลุมรักนายแบบหัวปักหัวปำ ในขณะที่นายยังไม่แม้แต่จะหวั่นไหว นั่นอาจเป็นเพียงการล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ ""....อาการแบบไหนที่พิสูจน์ได้ว่ามีคนคนนั้นมีความรัก? ถ้าฉันจับมือเธอแล้วรู้สึกประหม่าและ
จ้านหยินแค่คิดถึงมัน แต่ไม่ได้ลงมือใด ๆ นี่เป็นความภาคภูมิใจของตัวเขา ที่จะไม่ยอมทำอะไรลับๆล่อๆแบบนั้นดังนั้น เขาจึงพลิกตัวกลับมาและเข้าเฝ้าพระอินทร์ในเวลาเดียวกัน ณ คอนโดแห่งหนึ่งโจวหงลินหยิบบุหรี่หนึ่งซองจากโต๊ะข้างเตียง ดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และกำลังจะจุดบุหรี่นั้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาเอื้อมมือออกมา แล้วพูดว่า "ขอฉันมวนหนึ่งด้วยค่ะ"โจวหงหลินยื่นบุหรี่ให้เย่เจียนี และจุดไฟให้เธอ"แค่เป็นครั้งคราวก็โอเค"นิสัยการสูบบุหรี่ของโจวหงหลินไม่ได้ติดบุหรี่มากนัก เขาจะสูบบุหรี่เฉพาะเมื่อต้องติดต่อกับลูกค้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้น จะไม่สูบบุหรี่เว้นแต่เขาจะมีปัญหาไห่หลิงไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่ เพราะปากจะมีกลิ่นเหม็นเย่เจียนีสูบบุหรี่เป็น แต่เธอปกติมักจะต้องทำตัวเหมือนกุลสตรี ดังนั้นเธอจึงไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าโจวหงหลิน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายแล้ว โจวหงหลินก็พร้อมที่จะหย่ากับไห่หลิงเพื่อเธอเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังมันแล้ว ไม่ช้าก็เร็วโจวหงหลินก็จะรู้หลังจากสูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน เธอก็โน้มตัวไปซบโจวหงหลิน และกระซิบถาม : “มีเรื่องอะไรที่อยู่ในใจของคุณหรือเ
เย่เจียนีรู้สึกไม่พอใจในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกออกมา เพราะเธอยังไม่ได้เป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ เธอไม่ได้พูดอะไรมากเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้โจวหงหลินไม่พอใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อทัศนคติของครอบครัวสามีในอนาคตของเธอด้วยหยางหยางอายุเพียงสองขวบกว่า ไร้เดียงสาและไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และภายใต้การดูแลของเธอนั้น ก็มีโอกาสมากมายที่จะจัดการกับหยางหยาง จึงไม่ต้องรีบร้อนที่จะลงมือ"ไม่มีปัญหาค่ะ"เย่เจียนีมอบสัญญาหย่าให้กับโจวหงหลิน "ฉันจะปริ้นให้คุณสองชุด พรุ่งนี้ก็ให้ไห่หลิงเซ็นมันซะ แล้วพวกคุณแต่ละคนจะเก็บไว้คนละหนึ่งชุด เมื่อถึงวันจันทร์ พวกคุณควรรีบไปที่สำนักทะเบียน เพื่อจัดการการหย่าให้เสร็จสิ้น"โจวหงหลินยิ้มแล้วพูดว่า "ผมรีบมากกว่าคุณเสียอีก""ฉันไม่รีบร้อนน่ะ"เย่เจียนียิ้มขณะที่ช่วยโจวหงหลินปริ้นสัญญาหย่าคืนนี้พวกเขาทั้งสองมีความฝันที่สวยงามจินตนาการถึงชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขและก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกันอีกหนึ่งคืนผ่านไปวันรุ่งขึ้น ไห่ถงตื่นขึ้นมาและเห็นกระดาษโน้ตที่จ้านหยินทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเซินเสี่ยวจวินทันที“ถงถง ฉันยังไม่ลืมตาเลย”เซินเสี
หลังจากคิดทบทวนแล้ว ไห่ถงก็ถาม: "จะพาเขาไปที่ไหนดีล่ะ?"โจวหงหลินรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหนที่บ้านเกิดก็ไม่มีใครที่สามารถไว้ใจวางได้ ไม่ต้องพูดถึงพี่สาวที่กังวลอีก เธอเองก็คงจะไม่สบายใจเช่นกันเซินเสี่ยวจวินกระตุ้นความจำขึ้นมา "เสี่ยวเฟยไง ให้เสี่ยวเฟยช่วยสิ เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่มีความปลอดภัยสูง เมื่อประกอบกับชื่อเสียงของชางซื่อกรุ๊ป แม้ว่าครอบครัวโจวจะมีความกล้าหาญบ้าบิ่นแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าไปที่ตระกูลซาง เพื่อก่อเรื่องวุน่วาย”“พวกเขาไม่คิดว่าหยางหยางจะอยู่ที่บ้านตระกูลซาง เสี่ยวเฟยชอบหยางหยางมาก และถ้าหยางหยางอยู่กับเธอ เธอก็จะดูแลเขาอย่างดี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของไห่ถงก็เป็นประกาย "ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมเกี่ยวกับเสี่ยวเฟยไปแล้ว ไว้ฉันจะคุยกับพี่ทีหลัง ถ้าเธอตกลง ฉันจะขอให้เสี่ยวเฟยช่วยดูแลหยางหยาง"“เสี่ยวเฟยพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเธอสามารถพูดออกมาได้เลย ไห่ถง บางครั้งเราต้องยอมจำนนต่อความเป็นจริง ในโลกที่ไม่ยุติธรรมใบนี้ คนที่มีเงินและอำนาจจะจัดการอะไรๆ ได้ง่ายกว่าพวกเรา”เซินเสี่ยวจวินเกือบจะพูดว่า: เมื่อเธอสามารถพึ่