เวลาแห่งความสนุกมักผ่านไปเร็วเพียงพริบตา ก็จบลงไปแล้วหนึ่งวันไห่ถงเดินเที่ยวชมทั้งวัน หลังจากถึงบ้าน ก็อาบน้ำ แล้วทิ้งศีรษะลงนอนคุณยายจ้านเห็นว่าเธอกลับไปในห้องของตัวเอง ยังคิดว่าจะสร้างอุบายเล่นละคร แต่ใครจะคิดเมื่อคุณยายจ้านเดินเข้าห้องไป ไห่ถงก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ทำให้คุณยายจ้านไม่มีโอกาสได้เล่นละครสมใจเมื่อออกมาจากห้องของไห่ถง ก็เห็นหลานชายกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แม้ว่าจะใจลอย แต่คุณยายจ้านก็โกรธเธอเดินเข้าไปหยิบรีโมทมาจากในมือของจ้านหยิน แล้วตำหนิเขาว่า "กลับมาถึงบ้าน แกกลายเป็นคนพูดไม่เป็น ทำไม่เป็นแล้วหรือไง?"จ้านหยินมองคุณยายของตัวเอง แล้วพูดอย่างใสซื่อ "ก็กลับมาซะขนาดนี้แล้ว จะให้ผมพูดอะไร? ทำอะไรอีก?"วันนี้เขาได้ผลตอบแทนงามมากได้จับมือไห่ถง จับทั้งวันไห่ถงมีเรื่องอะไรก็เล่าให้เขาฟังแล้วด้วย ความเชื่อใจที่มีต่อเขาก็เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆคุณยายจ้าน "...""คุณยาย วันนี้เที่ยวมาทั้งวัน คุณยายก็เหนื่อยแล้วสินะ ผมให้ป้าเหลียงไปช่วยคุณยายเก็บกวาดห้องรับแขก?"คุณยายจ้านถอนหายใจ แล้วตอบรับคำสั้นๆไม่ต้องรอให้จ้านหยินออกปากสั่ง ป้าเหลียงก็เก็บกวาดห้องรับแขก
ซูหนานพูดอย่างมั่นใจ “นายต้องการมันเมื่อไหร่?”"แน่นอนว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี""พรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้นาย เร็วพอหรือยัง?""แบบนั้นก็ได้"พรุ่งนี้เป็นการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องหย่า ถ้ามีหลักฐานการถือครองทรัพย์สินของโจวหงหลินอยู่ในมือนั้น มันจะทำให้มีจุดยืนที่มั่นคง“นายคงเสียใจมาก สำหรับเรื่องการหย่าของพี่สะใภ้ ยังไงบริษัทก็เป็นของนาย แต่นายแทบจะไม่เคยกังวลเรื่องบริษัทบ้างเลย”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจ้านหยินก็พูด "ตอนนี้ไห่ถงรู้สึกขอบคุณฉันมาก"“ความรู้สึกขอบคุณไม่ใช่ความรัก นายต้องทำมากกว่านี้เพื่อให้เธอตกหลุมรักคุณ ยังไงก็ตาม หากนายสามารถช่วยเธอแก้ปัญหาได้ เธอจะรู้สึกว่านายเป็นคนที่แข็งแกร่งและจะพึ่งพานายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็จะตกหลุมรักนายโดยไม่รู้ตัว"ซูหนานไม่มีแฟน แต่การวิเคราะห์ราวกับผู้มีประสบการณ์มาก่อนหลังจากวิเคราะห์แล้ว เขาถามจ้านหยินกลับ: "นายรตกหลุมรักแล้ว? อย่าคิดแค่ทำให้เธอตกหลุมรักนายแบบหัวปักหัวปำ ในขณะที่นายยังไม่แม้แต่จะหวั่นไหว นั่นอาจเป็นเพียงการล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ ""....อาการแบบไหนที่พิสูจน์ได้ว่ามีคนคนนั้นมีความรัก? ถ้าฉันจับมือเธอแล้วรู้สึกประหม่าและ
จ้านหยินแค่คิดถึงมัน แต่ไม่ได้ลงมือใด ๆ นี่เป็นความภาคภูมิใจของตัวเขา ที่จะไม่ยอมทำอะไรลับๆล่อๆแบบนั้นดังนั้น เขาจึงพลิกตัวกลับมาและเข้าเฝ้าพระอินทร์ในเวลาเดียวกัน ณ คอนโดแห่งหนึ่งโจวหงลินหยิบบุหรี่หนึ่งซองจากโต๊ะข้างเตียง ดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และกำลังจะจุดบุหรี่นั้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาเอื้อมมือออกมา แล้วพูดว่า "ขอฉันมวนหนึ่งด้วยค่ะ"โจวหงหลินยื่นบุหรี่ให้เย่เจียนี และจุดไฟให้เธอ"แค่เป็นครั้งคราวก็โอเค"นิสัยการสูบบุหรี่ของโจวหงหลินไม่ได้ติดบุหรี่มากนัก เขาจะสูบบุหรี่เฉพาะเมื่อต้องติดต่อกับลูกค้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้น จะไม่สูบบุหรี่เว้นแต่เขาจะมีปัญหาไห่หลิงไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่ เพราะปากจะมีกลิ่นเหม็นเย่เจียนีสูบบุหรี่เป็น แต่เธอปกติมักจะต้องทำตัวเหมือนกุลสตรี ดังนั้นเธอจึงไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าโจวหงหลิน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายแล้ว โจวหงหลินก็พร้อมที่จะหย่ากับไห่หลิงเพื่อเธอเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังมันแล้ว ไม่ช้าก็เร็วโจวหงหลินก็จะรู้หลังจากสูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน เธอก็โน้มตัวไปซบโจวหงหลิน และกระซิบถาม : “มีเรื่องอะไรที่อยู่ในใจของคุณหรือเ
เย่เจียนีรู้สึกไม่พอใจในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกออกมา เพราะเธอยังไม่ได้เป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ เธอไม่ได้พูดอะไรมากเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้โจวหงหลินไม่พอใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อทัศนคติของครอบครัวสามีในอนาคตของเธอด้วยหยางหยางอายุเพียงสองขวบกว่า ไร้เดียงสาและไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และภายใต้การดูแลของเธอนั้น ก็มีโอกาสมากมายที่จะจัดการกับหยางหยาง จึงไม่ต้องรีบร้อนที่จะลงมือ"ไม่มีปัญหาค่ะ"เย่เจียนีมอบสัญญาหย่าให้กับโจวหงหลิน "ฉันจะปริ้นให้คุณสองชุด พรุ่งนี้ก็ให้ไห่หลิงเซ็นมันซะ แล้วพวกคุณแต่ละคนจะเก็บไว้คนละหนึ่งชุด เมื่อถึงวันจันทร์ พวกคุณควรรีบไปที่สำนักทะเบียน เพื่อจัดการการหย่าให้เสร็จสิ้น"โจวหงหลินยิ้มแล้วพูดว่า "ผมรีบมากกว่าคุณเสียอีก""ฉันไม่รีบร้อนน่ะ"เย่เจียนียิ้มขณะที่ช่วยโจวหงหลินปริ้นสัญญาหย่าคืนนี้พวกเขาทั้งสองมีความฝันที่สวยงามจินตนาการถึงชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขและก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกันอีกหนึ่งคืนผ่านไปวันรุ่งขึ้น ไห่ถงตื่นขึ้นมาและเห็นกระดาษโน้ตที่จ้านหยินทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเซินเสี่ยวจวินทันที“ถงถง ฉันยังไม่ลืมตาเลย”เซินเสี
หลังจากคิดทบทวนแล้ว ไห่ถงก็ถาม: "จะพาเขาไปที่ไหนดีล่ะ?"โจวหงหลินรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหนที่บ้านเกิดก็ไม่มีใครที่สามารถไว้ใจวางได้ ไม่ต้องพูดถึงพี่สาวที่กังวลอีก เธอเองก็คงจะไม่สบายใจเช่นกันเซินเสี่ยวจวินกระตุ้นความจำขึ้นมา "เสี่ยวเฟยไง ให้เสี่ยวเฟยช่วยสิ เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่มีความปลอดภัยสูง เมื่อประกอบกับชื่อเสียงของชางซื่อกรุ๊ป แม้ว่าครอบครัวโจวจะมีความกล้าหาญบ้าบิ่นแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าไปที่ตระกูลซาง เพื่อก่อเรื่องวุน่วาย”“พวกเขาไม่คิดว่าหยางหยางจะอยู่ที่บ้านตระกูลซาง เสี่ยวเฟยชอบหยางหยางมาก และถ้าหยางหยางอยู่กับเธอ เธอก็จะดูแลเขาอย่างดี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของไห่ถงก็เป็นประกาย "ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมเกี่ยวกับเสี่ยวเฟยไปแล้ว ไว้ฉันจะคุยกับพี่ทีหลัง ถ้าเธอตกลง ฉันจะขอให้เสี่ยวเฟยช่วยดูแลหยางหยาง"“เสี่ยวเฟยพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเธอสามารถพูดออกมาได้เลย ไห่ถง บางครั้งเราต้องยอมจำนนต่อความเป็นจริง ในโลกที่ไม่ยุติธรรมใบนี้ คนที่มีเงินและอำนาจจะจัดการอะไรๆ ได้ง่ายกว่าพวกเรา”เซินเสี่ยวจวินเกือบจะพูดว่า: เมื่อเธอสามารถพึ่
“พี่ไม่ต้องสนใจว่าได้ผลไหม แจ้งตำรวจก่อนเถอะ”“โอเค ฉันจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”“แล้วพ่อแม่สามีกับพวกนั้นล่ะ?”“หลังจากที่หยางหยางถูกเอาตัวขึ้นรถไปแล้ว พวกเขาก็ออกไปเลย อาจจะไปหาโจวหงหลินแล้ว โจวหงหลินไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืนด้วย”ไห่ถงคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "พี่โทรหาตำรวจก่อน จ้านหยินกับฉันจะมุ่งหน้าไปยังบ้านของโจวหงหลิน และบ้านพี่สาวของเขาตอนนี้ พวกเขาแย่งหยางหยางไปแล้ว และน่าจะกลับบ้านของพวกเขา"พี่สาวกับโจวหงลินกำลังจะหย่ากัน และยังไม่ได้ตัดสินสิทธิ์ในการเลี้ยงดู ครอบครัวโจวมาแย่งหยางหยางไปแบบนี้ การแจ้งตำรวจอาจชักจูงสู่การไกล่เกลี่ยเป็นส่วนใหญ่ หากการไกล่เกลี่ยไม่ได้ผล พวกเขาจะต้องรอให้ศาลตัดสินระหว่างการดำเนินคดีหย่าแม้ว่าครอบครัวโจวจะเป็นญาติของหยางหยางแต่ตั้งแต่แรกเกิด แต่เป็นไห่ถงและพี่สาวที่คอยดูแลเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนิทครอบครัวโจว และการอยู่ในสถานที่แปลก ๆ โดยไม่เห็นแม่และน้าของเขาจะทำให้เขาหวาดกลัวและร้องไห้ออกมาอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่าตระกูลโจวจะปฏิบัติต่อหยางหยางอย่างไรบ้าง?"พี่ มีใครเห็นพวกเขาพาหยางหยางไปหรือเปล่า?"ไห่ถงกังวลว่าเธอกับจ้านหยินจะไปถึงบ้านนั้น แต่ไ
จ้านหยินกับไห่ถงออกไปอย่างเร่งรีบ ขณะที่จ้านหยินเดินไปก็กดโทรศัพท์ต่อสายถึงจ้านอี้เฉินด้วยในตอนเช้าตรู่ จ้านอี้เฉินยังคงฝันหวานอยู่โทรศัพท์ดังขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่จ้านอี้เฉินจะรับสาย“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”จ้านอี้เฉินลืมตาและมองดูหมายเลขโทศัพท์เรียกเข้า จากนั้นรับสายและหลับตาลงช่วงสุดสัปดาห์ เขามักจะนอนจนถึงเที่ยงวันเว้นแต่จะมีอะไรเกิดขึ้น“อี้เฉิน ยกเว้นจ้านเยี่ยน ให้แจ้งทุกว่าว่าให้ไปรวมตัวกันที่… ไห่ถง ต้องใช้ทางด่วนไปบ้านพี่สะใภ้ไหม? ตรงสี่แยกทางหลวงไหน?”“จะขึ้นทางหลวงใช้เวลาขับรถบนทางด่วนประมาณ 40 นาที แล้วออกตรงทางหลวง XX”จ้านหยินพูดกับน้องชายของเขาที่อยู่อีกปลายสายว่า "พวกนายทุกคนรอฉันและพี่สะใภ้อยู่ที่สี่แยกทางหลวง XX มีบางอย่างเกิดขึ้นและพวกเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกนาย"เมื่อได้ยินว่าต้องรวบรวมพี่น้องทั้งเก้าคน—โอ้ ไม่รวมจ้านเยี่ยนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ...จ้านอี้เฉินกังวลจึงถามขึ้นมา: “พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”จำเป็นต้องรวบรวมพี่น้องทั้งหมดเลย“หลานชายของพี่สะใภ้ของนายถูกลักพาตัวไป พี่สาวของเธอกำลังจะหย่ากับสามี และก่อนที่การหย่าจะสิ้นสุดลง ครอบครัวของฝั่งส
พวกเขาทั้งสองมาถึงชุมชนกวงหมิง และมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของไห่หลิงทันทีที่ออกจากลิฟต์ก็ได้ยินเสียงร้องได้ดังออกมา และทำให้เพื่อนบ้านตื่นตระหนก หลายคนกำลังเฝ้าดูความตื่นเต้นอยู่นอกบ้านของไห่หลิง“โจวหงหลิน ไอ้สารเลว แกส่งลูกชายคืนมาให้ฉันเลยนะ พวกแกทั้งครอบครัวสารเลว! ปกติแล้วแกมองหยางหยางเป็นของเล่นและมาหยอกล้อกับเขาสองสามครั้งแค่นั้น บ่อยครั้งที่แกเล่นกับเขาแล้ว ทำให้เขาร้องไห้ ก็แค่ตบก้นเขาแล้วจากไป ”“หยางหยางอายุได้ 2 ขวบ 5 เดือนในฐานะปู่ย่า พวกแกเคยซื้อเสื้อผ้าให้เขาบ้างไหม? แม้แต่ของเล่นยังไม่เคยซื้อให้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกคุณกลับคิดถึงหยางหยางแล้ว? ฉันเคยกีดกันไม่ให้พวกแกเจอหยางหยางหรือเปล่า?”ไห่หลิงถูกเธอรั้งไว้อย่างแน่นหนาทั้งจากแม่สามีและพี่สะใภ้ ป้องกันไม่ให้เธอทุบตีโจวหงหลิน แต่เธอก็ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งร้องไห้และสาปแช่งดูเหมือนว่ามีการทะเลาะวิวาทกันอย่างดุเดือดกับแม่สามีของเธอไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ผมของเธอยุ่งเหยิง เสียงของเธอแหบแห้งและดูเหนื่อยล้า แแต่ก็ยังคงพยายามอย่างสุดแรงที่จะหลุดพ้นจากความเหนี่ยวรั้งของคนในครอบครัวนั้น"เพี้ยะๆ"โจวหงอิงตบไห่หลิงที่หน้าเธ