พ่อแม่โจวไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวของตัวเองได้ ทุกครั้งที่พวกเขาพยายามช่วย คุณยายจ้านก็จะไล่ตะเพิดพวกเขาออกไปครอบครัวโจวสมองขาวโพล้นคุณยายจ้านวัยเกือบแปดสิบปี ยังคงกล้าหาญอย่างน่าประหลาดใจจากการสนับสนุนความกล้าหาญของคุณยายจ้าน ไห่หลิงกับโจวหงอิงก็สู้กันอย่างดุเดือดโจวหงอิงที่ปากคอเราะร้ายอยู่เสมอ ไม่สามารถเทียบได้กับไห่หลิงในการต่อสู้ที่แท้จริงได้ ไห่หลิงไดอาศัยความได้เปรียบด้านน้ำหนัก จึงนั่งบนตัวเธอ ทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เมื่อไห่หลิงหยุดในที่สุด โจวหงอิงก็ดูสะบักสะบอมและแทบไม่ดูไม่เป็นผู้เป็นคน“หงหลิน ทำไมเก็บตัวนังสารเลวนี่ไว้แบบนี้ หย่ากับมันเดี๋ยวนี้ ไล่มันออกไป นี่คือบ้านของนาย ไล่มันออกไป!”โจวหงอิงไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน เมื่อถูกไห่หลิงตบตีต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก ผมของเธอพันกันยุ่งเหยิง ใบหน้าของเธอบวมช้ำ และร่างกายของเธอปวดร้าวจากการกระชากอย่างไม่หยุดหย่อนของไห่หลิง"หงอิง"พ่อแม่โจวรีบช่วยลูกสาวให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบดูอาการของเธอด้วยความเจ็บปวดอย่างมากคุณยายจ้านสั่งป้าเหลียง: ป้าเหลียง "ไปบอกเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการกระทำชั่วช้าของครอบครัว
หลังจากที่โจวหงอิงหลุดออกมาเป็นอิสระ เธอเกลียดคุณยายจ้านมากจนควันออกปาก ถ้าไม่ใช่เพราะอีแก่ใกล้ลงโลงที่จู่ๆ ก็โผล่มา เธอคงไม่ถูกไห่หลิงทุบตีเช่นนี้คุณยายจ้านนั่งลงบนโซฟากับไห่หลิง มองดูโจวหงอิงอย่างเย่อหยิ่งและพูดอย่างเย็นชา: "แกทำให้ฉันเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้แจ่มแจ้งมาก อย่ามาพูดกับฉัน คนอื่นจะคิดว่าฉันกำลังทะเลาะกับหมู"โจวหงอิงโกรธมากจนอยากจะกระโจนเข้าใส่"พี่"โจวหงหลินคว้าพี่สาวของเขาไว้แน่น และเธออาจจะไม่ฟังสิ่งที่คุณยายจ้านพูดก่อนหน้านี้“พี่ครับ เธอเป็นยายของจ้านหยิน”ทันใดนั้นโจวหงอิงก็จำใบหน้าที่เย็นชาตลอดเวลาของจ้านหยินและสายตาเฉียบคมราวกับนกอินทรี หดตัวลง และรัศมีก็อ่อนลงเล็กน้อย"คุณยายจ้าน....."แม่โจวพูด: "นี่เป็นเรื่องของหงหลินกับไห่หลิง เป็นเรื่องในครอบครัวของฉัน คุณอย่าเข้ามายุ่งได้ไหม"“ฉันไม่ได้ยุ่งสักหน่อย เธอเห็นฉันยุ่งหรือยัง?”คุณยายจ้านถามกลับตั้งแต่เธอมาถึง เธอเพียงแค่ยืนเท้าเข้าไปเท่านั้นและไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเลยจริงๆแม่โจวถูกคุณยายจ้านตอบกลับ จนทำให้พูดไม่ออก“ฉันคิดว่าคุณในฐานะแม่สามีออกหน้าเกินหน้าเกินตา และลูกสาวของคุณเองก็เช่นกัน ที่ย
ไห่หลิงไม่มีรถเป็นของตัวเอง หลังจากคุยกับน้องสาวทางโทรศัพท์แล้ว น้องสาวและสามีก็ออกไปตามหาหยางหยาง ขณะที่เธออยู่สะสางปัญหากับโจวหงหลินอย่างไรก็ตาม เธออยู่ตัวคนเดียว ฃและโจวหงหลินก็มีทั้งครอบครัวของเขาอยู่ด้วย ซึ่งทำให้เธอเสียเปรียบโชคดีที่คุณยายจ้านและป้าเหลียงมาได้ทันเวลาและแก้วิกฤติของเธอโจวหงหลินหยิบสัญญาหย่าที่เขาเขียนไว้เมื่อคืนก่อนออกมาและพูดกับไห่หลิง "ไห่หลิง ฉันทำผิดกับเธอ ฉันยอมรับ และฉันรู้ว่าเธอจะไม่มีวันให้อภัยฉัน เนื่องจากพวกเราต่างเจ็บปวด ปละการแต่งงานครั้งนี้ไปต่อกันไม่ได้ งั้นก็จากกันด้วยเงื่อนไขที่ดีกันเถอะ”“นี่คือสัญญาหย่าที่ฉันเขียน ลองดูสิ ถ้าไม่มีปัญหา พวกเราสามารถลงนามและไปที่สำนักทะเบียนในวันจันทร์หน้าเพื่อจัดการขั้นตอนการหย่าให้เสร็จ”ไห่หลิงรับสัญญาหย่าด้วยใบหน้าที่เย็นชา และเมื่อเห็นเช่นนั้น เธอก็โกรธมากจนอยากจะฉีกโจวหงหลินเป็นชิ้นๆคุณยายจ้านก็ดูสัญญาหย่าที่เขียนโดยโจวหงหลิน หลังจากอ่านจบแล้ว คุณยายจ้านก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมความโกรธของเธอครอบครัวโจวเป็นครอบครัวของพวกเลวทรามต่ำช้าจริงๆ!โจวหงหลินเห็นว่าหน้าของไห่หลิงกลายเป็นน่าเกลียด และเ
ไห่หลิงเยาะเย้ย "เมื่อฉันได้รับค่าตกแต่งบ้านคืนแล้ว ฉันจะย้ายออกโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาไล่ฉัน""ไม่มีค่าตกแต่งแม้แต่สตางค์เดียวทั้งนั้น!" โจวหงอิงตะโกนอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้าของเธอมากยิ่งขึ้นไห่หลิงยังคงใช้น้ำแข็งประคบใบหน้าของเธอ แต่เธอไม่มี ซึ่งมันทำให้เธอเจ็บมากใบหน้าทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวด แม้จะไม่ได้มองกระจก เธอก็รู้ว่าใบหน้าของเธอบวมเหมือนหัวหมูไห่หลิง!เธอจะไม่มีวันปล่อยให้ไห่หลิงไปง่ายๆ“เจอกันที่ศาล”คุณยายจ้านพูดขึ้น “ตระกูลโจวกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ในเมื่อพวกเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดคุยอีกต่อไป ไห่หลิง ไปยื่นฟ้องหย่า แล้วพวกเราจะเจอกันในศาล”โจวหงหลินขู่ไห่หลิง "ไห่หลิง ถ้าเธอไปศาลจริงๆ เธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ น้องสาวของเธอกับคนพวกนี้ไม่สามารถช่วยเธอได้หรอก หากสถานการณ์ตึงเครียดเกินไป มันคงจะยากสำหรับเธอที่จะพบกับหยางหยางในอนาคต”เมื่อไห่หลิงฟ้องหย่าและแบ่งทรัพย์สินของเขา เขาก็ซ่อนหยางหยางไว้ เพื่อที่ไห่หลิงะไม่มีวันได้เจอหยางหยางไปตลอดชีวิตไห่หลิงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ใส่ใจกับคำขู่ของเขาสักนิดเธอต้องก
ไห่ถงรีบวิ่งไปข้างหน้าและแย้งหยางหยางจากมือของพี่ใหญ่เริ่นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ปล่อยมือข้างหนึ่ง แล้วตบเข้าไปหนึ่งที ฟาดไปที่หน้าพี่ใหญ่เริ่นพี่ใหญ่เริ่นอายุประมาณสิบปี แต่เพราะเขาสูง เขาจึงดูเหมือนวัยรุ่นอายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปีทันทีที่ถูกไห่ถงตบ นอกจากจะไม่กลัวแล้ว แต่เขากลับยังโกรธจัดและพุ่งไปหาไห่ถงเหมือนคนบ้า พร้อมที่จะต่อสู้กับเธอใครจะไปรู้ว่าเขายังไม่ทันได้แตะต้องไห่ถง เขาก็ถูกเตะจนเท้าลอยจากพื้นก่อนที่เขาจะทันโต้ตอบ เขาก็ถูกกดเข้าไปกับผนัง หันหน้าไปทางผนังและโดยเผยแผ่นหลังของเขาออก มือของเขาถูกไพล่อย่างรวดเร็วและกดลงบนหลังของเขา และเขาต้องการที่จะต่อสู้ แต่มือใหญ่ทั้งสองนั้นก็เหมือนกับคีมเหล็ก ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้มือที่ถูกตรึงไว้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น"ปล่อยฉันไป!"พี่ใหญ่เริ่นตะโกน "ถ้าแกแน่จริงก็มาตัวตัวสิวะ!"เมื่อเห็นน้องชายของเธอถูกตรึงไว้กับกำแพง พี่สาวคนโตเริ่นก็ไม่คิดทบทวนก่อนที่จะพยายามช่วยเหลือเขา แต่เธอกลับถูกคนหลายคนขวางไว้เป็นกำแพงมนุษย์ จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นว่าชายร่างสูงหลายคนเข้ามาในบ้านของพวกเขาผู้ชายพวกนั้นก็ดันหล่อมากเสียด้วยแม้ว
“อี้เฉิน ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้ให้นายจัดการด้วย เขาทำกับหยางหยางอย่างไร? ต้องเอาคืนเป็นสองเท่า!”จ้านหยินเหวี่ยงพี่ใหญ่เริ่นจนทำให้เขาล้มลงกับพื้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นได้ เขาก็เตะไปที่จ้านหยินโดยไม่คาดคิดจ้านหยินไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ เตะออกไปโดยสัญชาตญาณและเหยียบเท้าที่เขาเพิ่งเตะเมือกี้อย่างแรง ทำให้พี่ใหญ่เริ่นร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดหลังจากมองพี่ใหญ่เริ่นอย่างเย็นชาแล้ว จ้านหยินก็ทิ้งคนเหล่านี้ไว้ข้างหลังและรีบตามออกไป ไห่ถงวางหยางหยางลงบนเบาะรถยนต์แล้วเตรียมขับรถ“ไห่ถง ให้ผมขับรถเถอะ”จ้านหยินรีบดึงไห่ถงออกจากที่นั่งคนขับ แล้วผลักเธอไปที่เบาะหลัง จากนั้นจึงขับรถต่อไปไห่ถงอุ้มหยางหยางขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่เถียง ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นลมจากการถูกทุบตีหรือเพราะตกใจกลัว และเธอบอกจ้านหยิน "ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด"จ้านหยินกำลังเดินทางไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องให้เธอพูดรถขับออกไปอย่างรวดเร็วไห่ถงกอดหยางหยางไว้แน่น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลรินออกมาทีละหยดหยางหยางน่ารักมาก แต่ยังต้องอดทนกับเรื่องทั้งหมดนี้ระหว่างทาง สองสามีภรรยาไม่ได้พูดอะไรกัน ไห่ถงไม่มีอารมณ์
ไม่นานนัก ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกหยางหยางถูกเข็นออกมา"หยางหยาง"ไห่ถงและสามีรีบก้าวไปข้างหน้า และถามหมออย่างรีบร้อน: "คุณหมอ หลานชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?"“หน้าของเด็กถูกทุบตีแบบนี้ ทำให้มีอาการบาดเจ็บที่เนื้อเยื่ออ่อน และต้นขาข้างหนึ่งช้ำเป็นสีม่วง มีคนเตะเขาหรือเปล่า? เสื้อผ้าของเขามีรอยเท้า แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นๆ เขาน่าจะหมดสติไปเนื่องจากอาการตื่นกลัว"ขณะนี้พยาบาลกำลังประคบน้ำแข็งที่ใบหน้าของหยางหยาง“ใครกล้าทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับเด็กน้อยได้?”หมอเองก็ยังรู้สึกสงสารกับสิ่งที่หยางหยางต้องเผชิญเด็กน้อยน่ารักเช่นนี้ ใบหน้าทั้งสองข้างของเขาบวมและเป็นสีม่วงจากการถูกทุบตี แสดงให้เห็นว่าคนร้ายโจมตีเด็กที่อายุน้อยอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมเพียงใดมันช่างน่ากลัวจริงๆ“มันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา”หมอ : "....แค้นเคืองอะไรกันขนาดนั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแท้ๆ ยังลงไม้ลงมือรุนแรงแบบนี้ได้"“ผมเพิ่งถ่ายรูปอาการบาดเจ็บของเด็กมาให้ดู เก็บมันไว้ก่อน พอตำรวจมาถึง ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องอีกฝ่ายได้เลย”ไห่ถงขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ออกมาและเพิ่มเพื่อนหมอเข้าไปในไลน์ หลังจากที่เ
แต่บาดแผลทางจิตใจต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว"ไอ้เด็กสารเลวนั่นเป็นยังไงบ้าง?”จ้านหยินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ผมไม่ได้ตีเขาเอง แต่ผมบังคับพ่อเขาให้ทำหน้าของเขาบวมและปากแตก พวกเรายังพังบ้านเขาด้วย พวกเขาตะโกนจะโทรแจ้งตำรวจ ผมบอกให้พวกเขารีบแจ้งตำรวจเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหยางหยาง มันจะเป็นโอกาสดีที่ตำรวจจะจับลูกชายของเขาไป”"พวกเขาก็ไม่กล้าเอะอะหลังจากนั้น"จ้านอี้เฉินเห็นว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก หากเขาลงมือจะถูกครอบครัวเริ่นฟ้องกลับ ซึ่งนั้นทำให้เขาไม่ไม่พอใจแน่ แต่ยังโชคดีที่พวกเขามีจำนวนมากกว่า และพี่เขยเริ่นเพื่อปกป้องตัวเอง จึงลงโทษลูกชายคนโตอย่างโหดร้ายด้วยการทุบตีทั้งสองข้างของใบหน้า จนแดง บวม และมีเลือดออกจากมุมปากพี่เขยเริ่นทุบตีลูกอย่างโหดเหี้ยม ไม่เพียงแต่ทำให้หน้าลูกชายคนโตบวมเท่านั้น แต่ยังฟาดเขาด้วยเข็มขัดอีกด้วยบังเอิญว่าไห่ถงและคนอื่นๆ จับได้ว่าลูกชายคนโตทุบตีหยางหยาง ซึ่งทำให้บ้านของพวกเขาถูกพังยและสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหยางหยางล่ะก็...พี่เขยเริ่นเองก็กลัวเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น และโกรธมากที่ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้น้องเขยและแม