ไม่นานนัก ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกหยางหยางถูกเข็นออกมา"หยางหยาง"ไห่ถงและสามีรีบก้าวไปข้างหน้า และถามหมออย่างรีบร้อน: "คุณหมอ หลานชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?"“หน้าของเด็กถูกทุบตีแบบนี้ ทำให้มีอาการบาดเจ็บที่เนื้อเยื่ออ่อน และต้นขาข้างหนึ่งช้ำเป็นสีม่วง มีคนเตะเขาหรือเปล่า? เสื้อผ้าของเขามีรอยเท้า แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นๆ เขาน่าจะหมดสติไปเนื่องจากอาการตื่นกลัว"ขณะนี้พยาบาลกำลังประคบน้ำแข็งที่ใบหน้าของหยางหยาง“ใครกล้าทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับเด็กน้อยได้?”หมอเองก็ยังรู้สึกสงสารกับสิ่งที่หยางหยางต้องเผชิญเด็กน้อยน่ารักเช่นนี้ ใบหน้าทั้งสองข้างของเขาบวมและเป็นสีม่วงจากการถูกทุบตี แสดงให้เห็นว่าคนร้ายโจมตีเด็กที่อายุน้อยอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมเพียงใดมันช่างน่ากลัวจริงๆ“มันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา”หมอ : "....แค้นเคืองอะไรกันขนาดนั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแท้ๆ ยังลงไม้ลงมือรุนแรงแบบนี้ได้"“ผมเพิ่งถ่ายรูปอาการบาดเจ็บของเด็กมาให้ดู เก็บมันไว้ก่อน พอตำรวจมาถึง ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องอีกฝ่ายได้เลย”ไห่ถงขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ออกมาและเพิ่มเพื่อนหมอเข้าไปในไลน์ หลังจากที่เ
แต่บาดแผลทางจิตใจต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว"ไอ้เด็กสารเลวนั่นเป็นยังไงบ้าง?”จ้านหยินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ผมไม่ได้ตีเขาเอง แต่ผมบังคับพ่อเขาให้ทำหน้าของเขาบวมและปากแตก พวกเรายังพังบ้านเขาด้วย พวกเขาตะโกนจะโทรแจ้งตำรวจ ผมบอกให้พวกเขารีบแจ้งตำรวจเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหยางหยาง มันจะเป็นโอกาสดีที่ตำรวจจะจับลูกชายของเขาไป”"พวกเขาก็ไม่กล้าเอะอะหลังจากนั้น"จ้านอี้เฉินเห็นว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก หากเขาลงมือจะถูกครอบครัวเริ่นฟ้องกลับ ซึ่งนั้นทำให้เขาไม่ไม่พอใจแน่ แต่ยังโชคดีที่พวกเขามีจำนวนมากกว่า และพี่เขยเริ่นเพื่อปกป้องตัวเอง จึงลงโทษลูกชายคนโตอย่างโหดร้ายด้วยการทุบตีทั้งสองข้างของใบหน้า จนแดง บวม และมีเลือดออกจากมุมปากพี่เขยเริ่นทุบตีลูกอย่างโหดเหี้ยม ไม่เพียงแต่ทำให้หน้าลูกชายคนโตบวมเท่านั้น แต่ยังฟาดเขาด้วยเข็มขัดอีกด้วยบังเอิญว่าไห่ถงและคนอื่นๆ จับได้ว่าลูกชายคนโตทุบตีหยางหยาง ซึ่งทำให้บ้านของพวกเขาถูกพังยและสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหยางหยางล่ะก็...พี่เขยเริ่นเองก็กลัวเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น และโกรธมากที่ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้น้องเขยและแม
ทันทีที่ซูหนานได้ยินเก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว และจ้านหยินพูดคำพูดเหล่านี้ ดูเหมือนเขาจะโกรธจนควันออกหูอย่างสุดขีด“ตระกูลโจวลักพาตัวหยางหยาง ตอนที่พวกเราเจอหยางหยางนั้น หลานชายของโจวหงหลินกำลังทำร้ายเขาอยู่ และตอนนี้หยางหยางอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีใบหน้าบวมปูดและได้รับบาดเจ็บที่เนื้อเยื่ออ่อน และเขาก็หวาดกลัวอย่างมากเช่นกัน”ซูหนานสาปแช่ง "ไอ้สารเลว! ไอ้สารเลวอย่างตระกูลโจวสมควรอยู่ในโลกนี้ได้ยังไง พวกมันเป็นความอับอายของลูกผู้ชาย"“หยางหยางเป็นยังไงบ้าง?”ซูหนานถามด้วยความเป็นห่วง“บาดแผลบนร่างกายไม่กี่วันก็หาย แต่บาดแผลในใจใช้เวลานานในการรักษา”“นายได้สอนบทเรียนปีศาจที่รังแกหยางหยางหรือเปล่า? นายต้องการให้ฉันจับใครสักคนมาทุบตีเขาหรือเปล่า? แม้แต่เด็กตัวน้อยยังกล้าลงมือ ไร้มนุษยธรรมแบบนี้ได้ยังไงกัน"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจ้านหยินก็พูด: "มันเป็นแค่เด็กอายุ 10 ขวบ โทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ด้วยอายุเท่านั้น เขาอาจจะแค่ได้รับคำเตือน พ่อแม่ของเขาสั่งให้ลงโทษทางวินัย และจ่ายค่าทำขวัญ เขาคงไม่ติดคุกหรอก”“ยังไงก็ตาม เขาโดยพ่อของเขาลงโทษเขาอย่างสาหัส และใบหน้าของเขาก็บวมเช่นกัน”
เซินเสี่ยวจวินไม่ได้แต่งหน้าและก็ไม่ได้ตั้งใจเใส่เสื้อผ้าที่ดูสวยด้วย เธอดูไม่แตกต่างจากปกติ จริงๆ แล้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าปกติด้วยซ้ำเพราะเธอมักจะแต่งหน้าเบาๆ"คุณเซิน ผมขอโทษที่ทำให้คุณรอ"เซินเสี่ยวจวินยิ้ม "ฉันรอไม่นาน คุณซูนั่งก่อนเถอะค่ะ"ซูหนานนั่งลงตรงข้ามกับเซินเสี่ยวจุน และยื่นดอกกุหลาบให้เธออย่างตั้งใจ ซึ่งเซินเสี่ยวจุนไม่ได้รับ“คุณซูคาบดอกกุหลาบนี้ที่ปาก…”เธอไม่ได้พูดอะไรต่อซูหนาน: "...คราวหน้าผมจะซื้อช่อดอกไม้ให้คุณแล้วฉันจะไม่เอาเข้าปาก"“ปากคุณใหญ่มาก มันคาบช่อดอกไม้ได้ใช่ไหม?”ซูหนาน: "...ไม่ได้ครับ"เขาโยนดอกกุหลาบที่คาบไว้ในปากลงในถังขยะใต้โต๊ะเมื่อเห็นว่าเซินเสี่ยวจวินสั่งกาแฟของเธอแล้ว ซูหนานจึงเรียกพนักงานมาและสั่งกาแฟด้วยเมื่อพนักงานเสิร์ฟนำกาแฟมา เธอมองซูหนานอยู่นาน ซึ่งเขาก็ยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟแล้วพูดว่า "ฉันกำลังนัดบอด"พนักงานเสิร์ฟหน้าแดง อยากพูดอะไรบางอย่าง อาจนึกถึงคำเตือนจากเจ้านายของเธอ เธอพูดพร้อมกับหน้าแดง: "ฉันไม่ได้หมายความอะไรแบบนั้นค่ะ"เธอเพียงต้องการยืนยันว่าบุคคลนี้คือประธานซูจริงๆพนักงานเสิร์ฟรีบเดินออกไปซูหนานจับหน้าของเข
เซินเสี่ยวจวินหัวเราะ: "ถ้าไม่มีใครชื่นชมคุณซู ฉันคงต้องสงสัยแล้วว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า"ซูหนาน: "...ผมมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ครับ!""ดูเผิ่นๆ คุณซูก็ดูสุขภาพดีค่ะ"ซูหนานเปิดปาก และไม่รู้ว่าจะตอบเซินเสี่ยวจวินยังไงดีเขาไม่สามารถพูดได้ว่าเซินเสี่ยวจวินควรมาลองกับเขาดู เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ใช่ไหม?คำพูดที่ว่ามานั้น ระหว่างการนัดบอดถือเป็นการจีบอีกฝ่ายและถือเป็นเรื่องลามกซูหนานตัดสินใจว่าแกล้งเป็นใบ้ดีกว่าซูหนานผู้มีคารมคมคาย เมื่อพบกับเซินเสี่ยวจวินก็พบว่าตัวเองพูดไม่ออกตอบไม่ถูกโดยไม่คาดคิดซูหนานบ่นในใจของเขา: ผู้หญิงคนนี้ซึ่งโด่งดังในชั่วข้ามคืน เป็นคนพิเศษจริงๆ กล้าหาญมาก!.....ที่โรงพยาบาลไห่หลิงรีบมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับคุณยายจ้านและป้าเหลียงตำรวจรับคำให้การเสร็จแล้วก็ออกไป และครอบครัวโจวรวมถึงลูกชายคนโตของโจวหงอิงและสามี ก็ได้รับหมายเรียกไปที่สถานีตำรวจตอนนั้นเองที่โจวหงอิงตระหนักว่าลูกชายคนโตของเธอก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงเธอไม่กล้าบอกน้องชายของเธอตรงๆ แต่กลับแอบบอกพ่อแม่ของพวกเขาแทน แต่เมื่อแม่โจวได้ยินว่าหลานชายคนโตทำให้หลานชายไปโรงพยาบาล เธอก็เริ่
“มีแม่อย่างโจวหงอิง เขาจะออกมาดีได้ยังไง?”ไห่ถงพูดอย่างเย็นชาว่า "พี่มาแจ้งตำรวจกันเถอะ แม้ว่าพวกเราจะส่งเริ่นหมิงเข้าคุกไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้โจวหงอิงและสามีของเธอจ่ายค่าทำขวัญได้ ไม่ว่าใครจะมาอ้อนวอนหรือขอโทษก็ไม่ต้องไปยอมรับ พวกเราจะกรานให้พวกเขาชดใช้”ไห่หลิงพูดอย่างฉุนเฉียว: "นอกเหนือจากค่าทำขวัญแล้ว ก็จะให้เขาชดใช้อย่างอื่นได้ไหม เขาทำร้ายหยางหยางของฉันสาหัสมาก ถงถง ตอนนั้นเธอได้หักแขนเขาหรือเปล่า?""อี้เฉินกับคนอื่นๆ บังคับให้พ่อของเริ่นหมิงลงมือเองและสอนบทเรียนให้เขาแล้ว เขาถูกทุบตีจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว จากนั้นก็ฟาดเขาด้วยเข็มขัดอย่างรุนแรง อี้เฉินว่าหลังจากที่เริ่นหมิงถูกเข็มขัดของพ่อเฆี่ยน ร่างกายของเขา มีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด ดูน่ากลัวจนน่าตกใจ”"พวกเขายังพังบ้านอีกด้วย"ไห่หลิงพูดอย่างขมขื่นว่า "ฉันอยากจะฆ่าเด็กนรกนั้นจริงๆ"ไห่ถงก็คิดแบบนั้นเช่นกันแต่พวกเขาทั้งหมดมีเหตุผลและไม่ได้สอนบทเรียนเริ่นหมิงด้วยตัวเอง พวกเขาปล่อยให้พี่เขยเริ่นซึ่งเป็นพ่อสอนบทเรียนเริ่นหมิงเท่านั้นหลังจากประสบกับสิ่งต่างๆ มากมาย ไห่ถงก็เข้าใจวิธีจัดการกับเรื่องต่างๆ ของจ้านหยินแม้ว่าจะโกรธ
จ้านหยินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้น้องชายของเขาหลีกทางให้โจวหงหลินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับพ่อแม่ทันทีไห่หลิงจับหยางหยาง ยกก้อนน้ำแข็งออกเพื่อให้โจวหงหลินเห็นใบหน้าของหยางหยาง แม้จะประคบน้ำแข็งมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ใบหน้าของหยางหยางก็ยังคงแดงและบวมผิวของเด็กนั้นบอบบาง เมื่อถูกเริ่นหมิงทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าที่ปูดบวมของลูกชาย และดวงตาที่สดใสและใสซื่อ ซึ่งตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว โจวหงหลินแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้เวลากับลูกชาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเริ่นหมิงที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม“เริ่นหมิงจะโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไง? ฉันเสียใจจริงๆ”แม่โจวรู้สึกสงสาร พยายามสัมผัสใบหน้าของหยางหยาง แต่หยางหยางรู้สึกหวาดกลัว จึงรีบหันหน้าไปซุกไว้ในอ้อมอกของแม่ทันที จับเสื้อไว้แน่นด้วยความกลัว ร้องไห้ออกมา: "แม่ๆ"ไห่หลิงปัดมือแม่สามีและพูดอย่างเย็นชา: "หยางหยางหวาดกลัวคุณ อย่ามาแตะต้องเขา"“เด็กเวรเริ่นหมิง เมื่อฉันกลับไป ฉันจะสั่งสอนเขา ฉันเลี้ยงเขามาตั้งหลายปี ไม่ใช่เพื่อให้เขาทุบตีหลานชายของฉัน”นอกจากรู้สึกเสียใจแกับหลาน
หยางหยางไม่ให้เขาอุ้ม จับเสื้อของไห่หลิงไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไห่หลิงก็อุ้มหยางหยางแล้วเบี่ยงตัวให้พ้นจากมือของเขาที่เอื้อมมา"โจวหงหลิน ถ้านายยังสงสารลูกของตัวเองสักหน่อย ก็พาพ่อแม่ของนายออกจากซะเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ขอให้นายทวงความยุติธรรมให้กับหยางหยาง แต่อย่ามาที่นี่เพื่อให้ทำหยางหยางเสียขวัญ หยางหยางเสียขวัญหมดแล้ว..."น้ำเสียงของไห่หลิงแฝงถึงความสั่นเครือโจวหงหลินมองลูกชายแม่โจวทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสามีสะกิดห้ามเอาไว้ เธอหันไปมองสามี ก็เห็นสามีหน้าดำทะมึน สุดท้ายแม่โจวก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นผ่านไปนาน โจวหงหลินจึงพูดขึ้น "พวกเรากลับก่อน ไห่หลิงเธอดูแลหยางหยางให้ดีๆ ระหว่างที่ผลการตัดสินสิทธิ์การเลี้ยงดูหยางหยางยังไม่ได้ข้อสรุป ฉันรับประกันว่าจะไม่แย่งหยางหยางไปอีก"แย่งตัวหยางหยางมา ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลาดูแล ถ้าเอาหยางหยางให้พ่อแม่ล่ะก็...เขาก็ไม่สบายใจอีกแล้วนอกจากว่าพ่อแม่จะย้ายมาอยู่กับเขาแต่เจียนีบอกว่า หลังจากนี้ไปไม่อยากอาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่สามีเขากับไห่หลิงไม่ได้เจรจาเงื่อนไขการหย่าในวันนี้ ระหว่างที่ไห่หลิงยื่นฟ้องหย่า พวกเขาก็สามารถเจรจากันต่อไปไ