จ้านหยินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้น้องชายของเขาหลีกทางให้โจวหงหลินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับพ่อแม่ทันทีไห่หลิงจับหยางหยาง ยกก้อนน้ำแข็งออกเพื่อให้โจวหงหลินเห็นใบหน้าของหยางหยาง แม้จะประคบน้ำแข็งมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ใบหน้าของหยางหยางก็ยังคงแดงและบวมผิวของเด็กนั้นบอบบาง เมื่อถูกเริ่นหมิงทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าที่ปูดบวมของลูกชาย และดวงตาที่สดใสและใสซื่อ ซึ่งตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว โจวหงหลินแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้เวลากับลูกชาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเริ่นหมิงที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม“เริ่นหมิงจะโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไง? ฉันเสียใจจริงๆ”แม่โจวรู้สึกสงสาร พยายามสัมผัสใบหน้าของหยางหยาง แต่หยางหยางรู้สึกหวาดกลัว จึงรีบหันหน้าไปซุกไว้ในอ้อมอกของแม่ทันที จับเสื้อไว้แน่นด้วยความกลัว ร้องไห้ออกมา: "แม่ๆ"ไห่หลิงปัดมือแม่สามีและพูดอย่างเย็นชา: "หยางหยางหวาดกลัวคุณ อย่ามาแตะต้องเขา"“เด็กเวรเริ่นหมิง เมื่อฉันกลับไป ฉันจะสั่งสอนเขา ฉันเลี้ยงเขามาตั้งหลายปี ไม่ใช่เพื่อให้เขาทุบตีหลานชายของฉัน”นอกจากรู้สึกเสียใจแกับหลาน
หยางหยางไม่ให้เขาอุ้ม จับเสื้อของไห่หลิงไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไห่หลิงก็อุ้มหยางหยางแล้วเบี่ยงตัวให้พ้นจากมือของเขาที่เอื้อมมา"โจวหงหลิน ถ้านายยังสงสารลูกของตัวเองสักหน่อย ก็พาพ่อแม่ของนายออกจากซะเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ขอให้นายทวงความยุติธรรมให้กับหยางหยาง แต่อย่ามาที่นี่เพื่อให้ทำหยางหยางเสียขวัญ หยางหยางเสียขวัญหมดแล้ว..."น้ำเสียงของไห่หลิงแฝงถึงความสั่นเครือโจวหงหลินมองลูกชายแม่โจวทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสามีสะกิดห้ามเอาไว้ เธอหันไปมองสามี ก็เห็นสามีหน้าดำทะมึน สุดท้ายแม่โจวก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นผ่านไปนาน โจวหงหลินจึงพูดขึ้น "พวกเรากลับก่อน ไห่หลิงเธอดูแลหยางหยางให้ดีๆ ระหว่างที่ผลการตัดสินสิทธิ์การเลี้ยงดูหยางหยางยังไม่ได้ข้อสรุป ฉันรับประกันว่าจะไม่แย่งหยางหยางไปอีก"แย่งตัวหยางหยางมา ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลาดูแล ถ้าเอาหยางหยางให้พ่อแม่ล่ะก็...เขาก็ไม่สบายใจอีกแล้วนอกจากว่าพ่อแม่จะย้ายมาอยู่กับเขาแต่เจียนีบอกว่า หลังจากนี้ไปไม่อยากอาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่สามีเขากับไห่หลิงไม่ได้เจรจาเงื่อนไขการหย่าในวันนี้ ระหว่างที่ไห่หลิงยื่นฟ้องหย่า พวกเขาก็สามารถเจรจากันต่อไปไ
"พี่ นี่มัน..."โจวหงหลินยังพูดไม่ทันจบ พ่อโจวที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็ยื่นมือมาแย่งโทรศัพท์ของเขาไป"หงหลิน แกตั้งใจขับรถเถอะ"พ่อโจวกำชับลูกชายเสียงขรึม จากนั้นพูดกับลูกสาวที่อยู่ในสายโทรศัพท์ "แกกล้าให้ไห่ถงชดใช้ไหมล่ะ?"โจวหงอิงได้ยินน้ำเสียงของผู้เป็นพ่อ ก็โอดครวญทวงความเห็นใจ "พ่อ เหรินฮุยฟาดเหรินหมิงไปแล้วไง""เป็นลูกชายทำผิด คนเป็นพ่อจะตีแล้วมันทำไม? ตอนที่พวกแกเด็กๆไม่เชื่อฟัง ถูกฉันฟาดก็ไม่น้อยไม่ใช่หรือไง?"โจวหงอิง "...พ่อ เป็นอะไร? ทำไมฟังดูเหมือนพ่อกำลังเข้าข้างยัยสองพี่น้องไห่หลิงเลยล่ะ? ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวพ่อ ลูกสาวแท้ๆน่ะ""ถึงเหรินหมิงจะทำผิด แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็ก จะทำผิดใหญ่โตได้ขนาดไหนเชียว ไม่ได้ไปฆ่าคนเผาบ้านสักหน่อย ก็แค่ตีหยางหยางไม่กี่ที เหรินหมิงบอกว่าเสียวเป่าร้องไห้ เสียวเป่าบอกว่าหยางหยางเป็นคนตี เขาที่เป็นพี่ชายถึงได้ไปเอาคืนแทนน้องชาย ก็ถีบหยางหยางไปแค่สองที ตบไปไม่กี่ที ถึงขั้นทำให้หยางหยางเข้าโรงพยาบาลเลยหรือไง? ฉันว่าพวกนั้นทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เองมากกว่า"โจวหงอิงไม่มีวันยอมรับว่าตัวเองเอาภาพในกล้องวงจรปิดในบ้านมาเปิดดู ในภาพนั้น
"กะอีกแค่ทำลายข้าวของบ้านแกแล้วมันทำไม? ฉันยังต้องขอบคุณไห่ถงด้วยซ้ำที่เอาคืนแทนฉัน โจวหงอิงถ้าแกกล้าเรียกให้ไห่ถงชกใช้ ชาตินี้แกก็อย่ากลับมาที่บ้านเก่าอีก แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่อ อีกอย่างหลายสิบปีที่ผ่านมา เงินที่ฉันกับแม่จ่ายไปตอนที่อยู่บ้านแก ก็คืนมาให้พวกเราด้วย ฉันจดไว้หมดแล้ว""นับตั้งแต่ที่น้องชายแกเริ่มทำงาน ค่าใช้จ่ายที่เขาให้พวกเราสองคนทุกเดือน ก็ใช้จ่ายไปกับครอบครัวแกหมด เขาได้ของดีๆอะไรไปบ้าง? ตัวชายแท้ๆของตัวเองโดนลูกชายแกตบตีจนต้องเข้าโรงพยาบาล""แกอย่ามาพูดว่าไห่ถงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันถามมาหมดแล้ว ตอนที่หยางหยางถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ต้องอยู่ห้องฉุกเฉินตั้งนาน แม้แต่หมอก็ยังตำหนิว่าคนที่ลงมือจิตใจโหดเหี้ยม หยางหยางบาดเจ็บถึงขนาดไหน ฉันเห็นมาเองกับตา""พวกเราเพิ่งออกจากมาจาโรงพยาบาล กำลังกลับไปเก็บของบ้านแก ต่อไปนี้ ฉันกับแม่แกจะอยู่ที่บ้านของพวกเรา ลูกๆของแก ให้พ่อแม่ผัวช่วยเลี้ยง เพราะฉันไม่ช่วยอีก แกเลี้ยงของแกไป แกเป็นคนคลอดเอง ไม่ใช่พวกเรา""พวกเราที่เป็นพ่อแม่ให้กำเนิดเลี้ยงดู ให้การศึกษากับแก นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเรา แต่เราไม่ได้มีหน้าที่เลี้ยงด
ไม่ง่ายที่พ่อโจวจะเข้าข้างฝั่งของหลานใจ ซึ่งพวกไห่ถงไม่รู้หลังจากที่ใบหน้าของหยางหยางผ่านการประคบน้ำแข็ง ก็ค่อยๆยุบลงเขาเอาแต่ร้องไห้ขอกลับบ้านไห่ถงไปถามหมอ หมอบอกว่าออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ต้องระวังหน่อย เด็กน้อยได้รับกระกระทบกระเทือนทางจิตใจมาก อาจจะไข้ขึ้นได้ช่วงตกเย็น ทุกคนก็ไปส่งไห่หลิงกับลูกกลับบ้านไห่ถงไม่วางใจเรื่องหยางหยาง เธอลากจ้านหยินให้เดินออกมาที่นอกระเบียง แล้วพูดกับจ้านหยินว่า "คืนนี้ฉันนอนค้างที่บ้านพี่สาวเป็นเพื่อนหยางหยาง ได้ไหม?"ลึกๆแล้วในใจของจ้านหยินไม่อยากอยู่ห่างจากเธอ ตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อไห่ถงมันมากขึ้นทุกวัน อยากจะอยู่ติดหนึบกับเธอแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่สภาพหยางหยางในตอนนี้ คนเป็นน้าแบบเธอ อยากจะอยู่เป็นเพื่อนหยางหยาง เขาก็เข้าใจดี"จ้านหยิน?"ไห่ถงเห็นเขามองมาที่ตัวเองด้วยสายตาลึกซึ้ง ปากบางเม้มเข้าหากัน แต่ไม่ยอมพูดอะไร เธอก็ลอบถามเขาอย่างระมัดระวัง "คุณไม่เห็นด้วยหรอ? หมอบอกว่าหยางหยางอาจจะไข้ขึ้น ให้พี่ดูแลเขาคนเดียว ฉันไม่สบายใจ"มือใหญ่ข้างนึงยื่นออกมาจับลงบนใบหน้าของเธอมือของจ้านหยินกลายเป็นมือที่แสนอ่อนโยน ลูบใบหน้าของเ
จ้านหยินผลัดเธอออกเบาๆ ก้มหน้าลงสบตากับเธอไห่ถงลอบกลืนน้ำลายทุกครั้งที่สบตากับเขา เธอไม่อาจละเลยความหล่อเหลาของเขาไปได้ เอาแต่อยากจะ...แต๊ะอั๋งเขาถ้าเขาอ่อนโยนแบบนี้ตลอดไป ไม่ต้องรออาทิตย์นึงหรอก เธอกล้าจับกินทั้งดิบๆแบบนี้แหละฝึกความกล้าให้มากขึ้นอีกหน่อย ยังจับกินแบบหลากหลายลีลาได้ด้วยขณะที่ไห่ถงกำลังมโนภาพวิธีกินอยู่ในหัว เสียงทุ้มต่ำของจ้านหยินก็ดังขึ้นตรงใบหู เขาถาม "เราเคยเซ็นสัญญากันเมื่อไหร่?"ไห่ถง "..."เธอทำหน้าตะลึงราวกับไม่เชื่อว่าจ้านหยินจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา"ตอนนั้น คุณไปร่างสัญญามาไง แล้วก็ให้ฉันเซ็น บอกว่าเป็นระยะเวลาครึ่งปี"จ้านหยินมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาพูดเสียงเรียบว่า "คุณท่องเนื้อหาในสัญญาให้ผมฟังหน่อยสิ"ไห่ถงอ้าปากพะงาบๆ ใบ้กินไปชั่วขณะเวลาผ่านไปนานขนาดนั้น เนื้อหาในสัญญา เธอจำได้ไม่มาก จำได้แค่ว่าระยะเวลาคือครึ่งปี ที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่คุกคามชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายอะไรสักอย่าง"ไห่ถง ช่วงนี้คุณอาจจะกังวลเรื่องพี่ของคุณมากเกินไป จนเกิดเป็นภาพหลอน เลยคิดไปว่าพวกเราเซ็นสัญญากัน แต่ความจริง เราไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิดว่าเราเซ็นสัญญากันจริ
จ้านหยินและพี่น้องแปดคน เดินล้อมรอบคุณยายไปทั้งหมดไปกินข้าวกันที่โรงแรมกวนเฉิงผู้จัดการล็อบบี้ของโรงแรม เห็นนายน้อยทั้งแปดเดินล้อมคุณหญิงเข้ามา แต่ไม่มีบอดี้การ์ดมาด้วย ก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะจะทักทายด้วยความเคารพได้ไหม?แต่นายน้อยสองบอกเอาไว้ว่า ตราบใดที่นายน้อยไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย เขาจะต้องทำเสมือนว่านายน้อยเป็นแขกธรรมดาทั่วไป ห้ามเรียกท่านว่านายน้อยเด็ดขาดขณะที่ผู้จัดการล็อบบี้กำลังคิดหนัก กลุ่มของจ้านหยินก็เข้ามาในโรงแรมแล้วทั้งหมดเดินผ่านหน้าของผู้จัดการห้องล็อบบี้ไปพี่น้องทั้งแปดคนต่างก็มีออร่าที่เหนือจากคนทั่วไป ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงแรม ก็ดึงดูดสายตาจากผู้คนไม่น้อยได้ยินพี่น้องสองสามคนพูดกับคุณยายจ้านด้วยเสียงแผ่วเบา ได้ยินพวกเขาเรียกคุณยายอยู่สายตาของคนอื่นที่ทอดมองไปยังคุณยายจ้านเต็มไปด้วยความอิจฉา คุณยายคนนี้ชีวิตดีเกินไปมาก มีหลานชายรูปงามถึงแปดคน นี่แทบจะไม่เหลือโอกาสไว้ให้คนอื่นเลยนะ อิจฉาชะมัด!คุณยายจ้านคิด "อย่ามาอิจฉาฉัน ก็เพราะหลานชายเยอะเกินเนี่ยแหละ ฉันถึงต้องมานั่งปวดหัวเพราะเรื่องแต่งงานของพวกเขา"หลังมื้ออาหาร จ้านหยินพูดกับจ้านอี้เฉินว่า
ซูหนานกำลังคุยกับผู้นำตระกูลซู ทั้งคู่นับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ห่างกันรุ่นนึง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์อันแนบแฟ้นของพวกเขาชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาเขาเดินมาตรงหน้าของทั้งคู่ แล้วพูดด้วยความนอบน้อม "นายท่าน นายน้อยซู นายน้อยแห่งตระกูลจ้านมาพบครับ""เชิญเขาเข้ามา"ชายหนุ่มรับคำด้วยท่าทีนอบน้อมเล็กน้อย แล้วหมุนตัวเดินออกไปซูหนานชี้ไปที่ซองเอกสารสีเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะ "จ้านหยินมาเอาของครับ""การที่เขามาด้วยตัวเอง ก็เท่ากับมาหาฉัน"ผู้นำตระกูลซูเรียกคนรับใช้ สั่งให้คนรับใช้ชงชา เตรียมผลไม้สำหรับแขกปกติแล้วเขามักจะใช้อำนาจของตระกูลตัวเองเพื่อช่วยเหลือซูหนาน ไม่สิ ช่วยจัดการธุระให้จ้านหยิน ซึ่งจ้านหยินเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ การที่เขามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง ก็เพื่อมาขอบคุณเขาเป็นแน่แท้"จ้านหยินอยากมาเจอพี่ตั้งนานแล้ว แต่เพราะพี่ยุ่งมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เขาก็เลยไม่มีโอกาส""เขาเป็นเพื่อนของนาย ก็ย่อมเป็นเพื่อนของพี่ด้วยเหมือนกัน ระหว่างเพื่อนก็ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น นายพิสูจน์คุณค่าของตัวเองแล้วตอนที่อยู่จ้านซื่อกรุ๊ป พี่ดีใจแทนจริงๆ"ผู้นำตระกูลซ