พี่สาวเชื่อในตัวจ้านหยินมากกว่าที่เธอเชื่อและยังเล่าถึงเหตุการณ์น่าอาย ที่เธอขโมยเหล้าไหว้เทพเจ้าแห่งห้องครัวเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอีกด้วยจ้านหยินมองไปที่ไห่ถง และการจ้องของเขาทำให้ไห่ถงอยากจะมุดดินหนี“พี่ เรื่องนั้นเกิดขึ้นมากี่ปีแล้ว?ยังเอามาพูดต่อหน้าจ้านหยินอีกไห่หลิงยิ้มและพูดว่า "วันนั้น เธอคลานขึ้นไปบนเตียงและนอนหลับทั้งวันหลังจากทานอาหารเสร็จ แม้ว่าเธอจะคออ่อน แต่เธอก็ยังชอบดื่ม หลังจากดื่มแล้วเธอจะนอนหลับจนฟ้ามืด"“จ้านหยิน จำไว้ว่าไม่มีงานเลี้ยงใหญ่โต อย่าให้เธอดื่ม”จ้านหยินเม้มริมฝีปาก แล้วยิ้มตอบว่า "พี่สาว ฉันจะจำไว้"ไห่หลิงพูดคุยเรื่องในอดีต และหลังจากที่ทุกคนหัวเราะออกมาแล้ว ความโศกเศร้าของพวกเขาก็ถูกชะล้างไปเรื่องการหย่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรโลกจะไม่ได้หยุดหมุนเพียงเพราะไม่เหลือใคร หากไม่มีโจวหงหลิน เธอ ไห่หลิงก็จะยังอยู่ดีมีสุขขณะที่เดินออกจากโรงแรม ไห่หลิงก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำแล้วหันไปพูดกับน้องสาวและน้องเขยว่า “ไปกันเถอะ พี่เลี้ยงอาหารท้อตอนดึกสักหน่อย ไม่ใช่สิ นี่มันเป็นอาหารเช้า ฉลองล่วงหน้าว่า พี่จะกลับไปเป็นโสดอีกครั้ง”ตอนนี้เป็นเวลา
เมื่อถูกเขามองอยู่ชั่วอึดใจ ไห่ถงก็พอจะมองออกนิดหน่อย จึงถามตะล่อม "คุณจ้าน คุณคงไม่อยากให้ฉันช่วยคุณล้างหน้าหรอกใช่ไหม?""หน้าผมดีปี๋ขนาดนี้ก็เพื่อคุณนั่นแหละ"หมายความว่า เธอควรจะรับผิดชอบไห่ถงพูดไม่ออก ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กลายเป็นคนหน้าไม่อายไปซะดื้อๆกันนะ?"ก็ได้ ฉันจะช่วยล้างให้ ใครบอกให้คุณทาหน้าซะดำปี๋ขนาดนี้เพื่อเรื่องของฉันกันล่ะ คุณควรจะทาให้ดำไปเลยทั้งหน้า แล้ววาดพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวตรงหน้าผาก อย่างน้อยยังเป็นเปาบุ้นจิ้นได้"ไห่ถงพูดพลางลากเขาให้เดินไปที่ห้องครัวจ้านหยินเดินตามรอยของเธอไปได้สองก้าวก็หยุด เขาขมวดคิ้วเรียวถามไห่ถง "ทำไมมาที่ห้องครัว?""ในครัวมีน้ำไง ห้องของคุณเป็นโซนต้องห้ามสำหรับฉัน ไม่เคยอนุญาตให้ฉันย่างกรายเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว ถ้าไม่พาคุณไปห้องครัว จะล้างหน้าให้คุณยังไง? หรือคุณจะรอตรงนี้ ฉันไปซักผ้าขนหนูให้เปียกๆ แล้วค่อยมาเช็ดให้ ดูซิว่าจะเช็ดออกหรือเปล่า"จ้านหยิน "..."ปาหินก้อนใหญ่ที่แบกเอาไว้ลงใส่เท้านี่มันเจ็บมากโข เจ็บจนกระดูกข้อต่อที่เท้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้วหลังจากที่เงียบไปนิดหน่อย เขาก็พูดเสียงเรียบว่า "ห้องน้ำในห้องขอ
จ้านหยินถอดเสื้อท่อนบนออก หันกลับมาก็เห็นไห่ถงกำลังมองเขาราวกับจะกลืนกิน พอเห็นว่าเขากำลังมองเธออยู่ เธอก็ถาม "ยังจะถอดอีกไหม?"เธอยังชี้ไปที่กางเกงของเขา เป็นการบอกว่าเขายังไม่ได้ถอดกางเกงจ้านหยินมีสีหน้าบึ้งตึงที่เขาถอดช่วงบนออกเพราะกลัวว่าตอนล้างหน้า มันจะเปียกไปถึงเสื้อนี่เธอคิดว่าเขาจะถอดเสื้อผ้าทำไม?หมุนตัวกลับมาจ้านหยินก็สาวขายาวเข้าไปยืนตรงหน้าไห่ถง จนใกล้กันมากขึ้น ไห่ถงยื่นมือออกหวังจะจับซิกแพ็กแน่นๆของเขา ทั้งยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก "ผู้ชายที่ออกกำลังเป็นประจำ ก็จะหุ่นดีแบบนี้แหละ"มือข้างนึงของจ้านหยินคว้ามือที่แสนบังอาจของเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอลูบเขาได้เขาแผดเสียงแหบต่ำเตือนเธอด้วยสีหน้าดำทะมึน "ไห่ถง คุณรู้หรือเปล่าว่าลูบแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?"ไม่รอให้เธอตอบ มืออีกข้างนึงของเขาก็ดีดหน้าผากเธออีกครั้ง คนเราน่ะ พอได้ทำอะไรหลายๆครั้งเข้า มันก็จะชินไปโดยปริยายหลังจากที่จ้านหยินดีดหน้าผากไห่ถงหลายครั้งเข้า เขาก็ชอบทำแบบนี้ไปซะแล้วแน่นอนว่าเขาควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่แรงไม่เบา ไม่งั้นเดี๋ยวทำเธอเจ็บแล้วจะมาชักสีหน้าใส่เขาได้ไห่ถงยิ้มตาหยี "คุณถอดเสื้อผ้าก็เพราะอยาก
"คนแก่ต่อให้เกษียณอยู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ได้เหนื่อย แต่ก็ไม่ได้หวังกำไรมากมาย แต่ก็ช่วยคลายเหงา ทำให้พวกเขารู้สึกใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า""ผมก็เคยให้เงินพ่อกับแม่ แต่พวกท่านไม่รับ ให้ครั้งนึง พวกท่านก็จะใก้กลับคืนมาอีกเท่าตัว บอกให้ผมเก็บเอาไว้เลี้ยงดูภรรยา"ไห่ถงนึกถึงครั้งก่อนที่เจอกัน ถึงแม้พ่อสามีจะเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่ก็ยังอ่อนโยนสง่างาม ดูแลตัวเองดีมาก เป็นผู้ใหญ่ที่ภูมิฐานทรงคุณวุฒิคนนึงแม่สามีแม้จะไม่ได้ชอบเธอเท่าไหร่ แต่ก็รักษามารยาทได้ดีเช่นกัน รวมถึงไม่เคยสร้างความลำบากให้กับเธอ น้ำเสียงที่ใช้พูดกับเธอก็นุ่มนวลไพเราะ แม่สามีดูแลตัวเองดีมากยิ่งกว่า ขนาดที่เธอยังคิดว่าถ้าเดินคู่กับแม่สามี คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องได้เลยแต่งงานกันมาก็เป็นระยะเวลานึงแล้ว คนในครอบครัวที่ไห่ถงสนิทชิดเชื้อมากที่สุดก็ยังเป็นคุณยายจ้าน ที่เหลือก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กันตอนที่เชิญมากินข้าวครั้งที่แล้ว หลังจากตอนนั้น คนในครอบครัวสามีจะปรากฎตัวให้เห็นก็ไม่บ่อยนัก ส่วนเธอก็ไม่รู้อีกว่าบ้านของสามีต้องไปยังไงคุณยายกับเธอสนิทกันขนาดนั้น เวลาที่ถามคุณยายก็จะบอกชื่อภูเขาลูกนึง บอก
ไห่ถงกลับมาที่ห้องของตัวเอง ปิดประตู แล้วทิ้งตัวลงกับบานประตู ลูบใบหน้าของตัวเอง ยังรู้สึกร้อนผ่าวอยู่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หน้าแดงอาจจะเพราะเมื่อคืนไปจับชู้เป็นเพื่อนพี่สาว จนประสาทหลอนไปแล้วมั้งยืนค้างอยู่แบบนั้นชั่วอึดใจ ไห่ถงก็รีบไปอาบน้ำ อีกเดี๋ยวต้องไปทำอาหารเช้าให้จ้านหยินพอนึกถึงป้าเหลียง ไห่ถงก็รีบโทรหาป้าเหลียงอีก หลังจากที่ป้าเหลียงรับสาย เธอก็พูดว่า "ป้าเหลียง อีกเดี๋ยวพาหยางหยางไปที่ร้านได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลับมาแล้วค่ะ""ได้ค่ะ""พี่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?""ทำอย่างกับคนไม่มีอะไรอย่างนั้น กินอาหารเช้าเสร็จแล้วยังต้องไปทำงาน ป้าเตรียมกาแฟให้เธอแก้วนึง เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แล้วยังต้องไปทำงานต่อ กินแค่กาแฟให้ตัวเองตื่น"ไห่ถงสงสารพี่สาว แต่ก็รู้ว่าพี่สาวไม่กล้าลางาน เพราะยังไงซะก็เพิ่งจะทำงานได้แค่ไม่กี่วัน"บอกให้พี่ขับรถไปทำงานดีๆด้วยนะคะ""ได้ค่ะ"ไห่ถงวางสายแล้วจึงไปอาบน้ำเมื่อออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งตามความเคยชิน เตรียมจะหวีผมแต่บนโต๊ะกลับมีของสิ่งนึงหายไปปิ่นปักผมที่เธอวาดล่ะ?นั่นคือตัวอย่างที่เธอวาดขึ้นเพื่อจะเ
เธอจำไม่ได้เลยสักนิดดื่มไปแค่เบียร์สองขวด ถึงจะบอกว่าดื่มเบียร์แล้วจะทำให้เธอหลับลึก แต่นั่นก็ไม่นับว่าเมา ถ้าไม่เมาแล้วจะอ้วกได้ยังไง?ไม่มีทางเป็นเพราะเธฮกินเข้าไปเยอะเลยหนักกระเพาะจนอ้วกมั้ง?ไห่ถงสงสัยนิดหน่อย คิดได้ว่าแค่รูปวาดใบเดียวจ้านหยินไม่จำเป็นถึงขั้นต้องโกหกเธอ เธอก็ตอบกลับอ๋อไปคำนึง แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อต้องเชื่อฟังที่พี่พูดซะแล้ว ต่อไปห้ามดื่มเหล้าเยอะ"จะเอากลับมาไหม?""ยังเอากลับมาได้หรอ? ถึงเอากลับมาได้ก็เปื่อยเป็นผง ใช้งานไม่ได้แล้ว ไม่เป็นไร ไว้ฉันหาเวลาว่างวาดใหม่ก็ได้"จ้านหยินพูดอย่างรู้สึกผิด "ผมไม่รู้ว่ารูปวาดนั้นสำคัญขนาดนั้น แค่ควานมือไปลวกๆ แล้วไปหยิบได้รูปของคุณเข้า ครั้งหน้าถ้าคุณวาดเสร็จอย่าวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง มันอยู่ใกล้เตียงเกินไป""อือ"ไห่ถงคิดในใจ เรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นทุกวันก็คงไม่ใช่เธอไม่ได้กินเหล้าทุกวันสักหน่อย"คุณจ้าน ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ ฉันไม่เก็บให้ดีเอง ไม่เป็นไร ฉันวาดใหม่ได้""ไม่งั้น ผมซื้อปิ่นของจริงไว้เป็นแบบร่างให้คุณ?"ไห่ถงรีบปฏิเสธอ้อมๆ "ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันวาดแบบร่างเองได้"จ้านหยินจึงได้แต่ยอมแพ้ตอนนั้นเ
ซูหนานยืนรอจ้านหยินอยู่ที่หน้าประตูตึกสำนักงานที่สูงระฟ้าเมื่อเห็นจ้านหยิน ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะคิกคัก"ฉันนึกว่าวันนี้นายจะไม่กลับบริษัทซะแล้ว"ซูหนานเดินตามจ้านหยินเข้าไปด้านใน ส่วนทีมบอดี้การ์ดหยุดฝีเท้าอยู่ด้านหน้าประตูตึก"ถ้าฉันไม่กลับบริษัท แล้วให้นายเป็นคนนำการประชุม เดี๋ยวก็โดนบ่นหาว่าติดหนี้ฉันชาติที่ ชาตินี้เลยต้องเป็นทาสรับใช้ฉันอีกน่ะสิ""ก็รู้ตัวนี่ว่าบีบใช้งานฉันตลอดเวลา"จ้านหยินเอียงคอมองหน้าเขาสองสามที "ฉันให้เวทีนายเพื่อแสดงความสามารถต่างหาก ถ้าฉันไม่ให้เวทีนี้กับนาย มีหรอที่หัวหน้าตระกูลจะเห็นหัวของนาย?"คนรุ่นใหม่ของตระกูลซูมีดีไม่แพ้แก๊งหนุ่มๆของตระกูลจ้านเลยการที่ซูหนานสามารถโดดเด่นจากกลุ่มคนรุ่นเดียวกันได้ขนาดนี้ หลักๆก็คือเขาเป็นคนมีความสามารถมาก แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกัยจ้านหยิน เป็นบุคคลากรสำคัญของจ้านซื่อกรุ๊ปหัวหน้าตระกูลให้ความสำคัญกับเขาทั้งๆที่เขาไม่ใช่ลูกชาย แต่ก็เป็นหลานชายคนสำคัญที่สุด เพราะงั้นซูหนานจึงมีตำแหน่งสูงมากในตระกูลซู อีกทั้งเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล แล้วก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองสนิทก
“......”จ้านหยินมองเพื่อนซี้อย่างหมดคำจะพูดซูหนานลูบจมูกตัวเองเขินๆ "อยู่ๆฉันก็รอคอยจะไปดูตัวกับคุณเซิน""นัดให้พวกนายเจอกันวันเสาร์ช่วงบ่าย สถานที่นายเป็นคนเลือก เลือกได้แล้วบอกฉัน ฉันจะให้ไห่ถงไปบอกคุณเซิน""งั้นก็มะรืนน่ะสิ จ้านหยิน ดูซิว่าตอนนี้ฉันหล่อหรือเปล่า? มีสิวขึ้นที่ไหนไหม มีหนวดขึ้นป้ะ?"ลิฟต์พาทั้งสองคนขึ้นมาถึงด้านบนจ้านหยินรอประลิฟต์เปิด ก็เตรียมกลายร่างจักรพรรดิผู้น่าเกรงขามซูหนานรีบเดินตามเขาไปติดๆ"ประธานจ้าน ประธานซู"เลขาจ้าวลุกขึ้นทักทายท่านประธานทั้งสองทั้งสองคนพยักหน้าเป็นการตอบรับเลขาจ้าวหลังจากเข้าไปที่ห้องทำงานท่านประธานของจ้านหยิน จ้านหยินชี้ไปที่บานประตูห้องพักของเขาแล้วพูดกับซูหนาน "ในห้องพักผ่อนของฉันมีกระจก นายเข้าไปส่องดูสิ"ซูหนานลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วพูดกลั้วหัวเราะ "ฉันมั่นใจในความหล่อของตัวเองอยู่ ขอแค่คุณเซินได้เห็นหน้าฉัน รับรองเลยว่าต้องตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบแน่""จนถึงทุกวันนี้ไห่ถงยังไม่หลงใหลกับความหล่อของฉันแบบจริงๆจังๆสักที เซินเสี่ยวจวินป็นเพื่อนสนิทของเธอ รสนิยมความชอบก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่"ซูห