"คนแก่ต่อให้เกษียณอยู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ได้เหนื่อย แต่ก็ไม่ได้หวังกำไรมากมาย แต่ก็ช่วยคลายเหงา ทำให้พวกเขารู้สึกใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า""ผมก็เคยให้เงินพ่อกับแม่ แต่พวกท่านไม่รับ ให้ครั้งนึง พวกท่านก็จะใก้กลับคืนมาอีกเท่าตัว บอกให้ผมเก็บเอาไว้เลี้ยงดูภรรยา"ไห่ถงนึกถึงครั้งก่อนที่เจอกัน ถึงแม้พ่อสามีจะเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่ก็ยังอ่อนโยนสง่างาม ดูแลตัวเองดีมาก เป็นผู้ใหญ่ที่ภูมิฐานทรงคุณวุฒิคนนึงแม่สามีแม้จะไม่ได้ชอบเธอเท่าไหร่ แต่ก็รักษามารยาทได้ดีเช่นกัน รวมถึงไม่เคยสร้างความลำบากให้กับเธอ น้ำเสียงที่ใช้พูดกับเธอก็นุ่มนวลไพเราะ แม่สามีดูแลตัวเองดีมากยิ่งกว่า ขนาดที่เธอยังคิดว่าถ้าเดินคู่กับแม่สามี คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องได้เลยแต่งงานกันมาก็เป็นระยะเวลานึงแล้ว คนในครอบครัวที่ไห่ถงสนิทชิดเชื้อมากที่สุดก็ยังเป็นคุณยายจ้าน ที่เหลือก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กันตอนที่เชิญมากินข้าวครั้งที่แล้ว หลังจากตอนนั้น คนในครอบครัวสามีจะปรากฎตัวให้เห็นก็ไม่บ่อยนัก ส่วนเธอก็ไม่รู้อีกว่าบ้านของสามีต้องไปยังไงคุณยายกับเธอสนิทกันขนาดนั้น เวลาที่ถามคุณยายก็จะบอกชื่อภูเขาลูกนึง บอก
ไห่ถงกลับมาที่ห้องของตัวเอง ปิดประตู แล้วทิ้งตัวลงกับบานประตู ลูบใบหน้าของตัวเอง ยังรู้สึกร้อนผ่าวอยู่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หน้าแดงอาจจะเพราะเมื่อคืนไปจับชู้เป็นเพื่อนพี่สาว จนประสาทหลอนไปแล้วมั้งยืนค้างอยู่แบบนั้นชั่วอึดใจ ไห่ถงก็รีบไปอาบน้ำ อีกเดี๋ยวต้องไปทำอาหารเช้าให้จ้านหยินพอนึกถึงป้าเหลียง ไห่ถงก็รีบโทรหาป้าเหลียงอีก หลังจากที่ป้าเหลียงรับสาย เธอก็พูดว่า "ป้าเหลียง อีกเดี๋ยวพาหยางหยางไปที่ร้านได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลับมาแล้วค่ะ""ได้ค่ะ""พี่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?""ทำอย่างกับคนไม่มีอะไรอย่างนั้น กินอาหารเช้าเสร็จแล้วยังต้องไปทำงาน ป้าเตรียมกาแฟให้เธอแก้วนึง เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แล้วยังต้องไปทำงานต่อ กินแค่กาแฟให้ตัวเองตื่น"ไห่ถงสงสารพี่สาว แต่ก็รู้ว่าพี่สาวไม่กล้าลางาน เพราะยังไงซะก็เพิ่งจะทำงานได้แค่ไม่กี่วัน"บอกให้พี่ขับรถไปทำงานดีๆด้วยนะคะ""ได้ค่ะ"ไห่ถงวางสายแล้วจึงไปอาบน้ำเมื่อออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งตามความเคยชิน เตรียมจะหวีผมแต่บนโต๊ะกลับมีของสิ่งนึงหายไปปิ่นปักผมที่เธอวาดล่ะ?นั่นคือตัวอย่างที่เธอวาดขึ้นเพื่อจะเ
เธอจำไม่ได้เลยสักนิดดื่มไปแค่เบียร์สองขวด ถึงจะบอกว่าดื่มเบียร์แล้วจะทำให้เธอหลับลึก แต่นั่นก็ไม่นับว่าเมา ถ้าไม่เมาแล้วจะอ้วกได้ยังไง?ไม่มีทางเป็นเพราะเธฮกินเข้าไปเยอะเลยหนักกระเพาะจนอ้วกมั้ง?ไห่ถงสงสัยนิดหน่อย คิดได้ว่าแค่รูปวาดใบเดียวจ้านหยินไม่จำเป็นถึงขั้นต้องโกหกเธอ เธอก็ตอบกลับอ๋อไปคำนึง แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อต้องเชื่อฟังที่พี่พูดซะแล้ว ต่อไปห้ามดื่มเหล้าเยอะ"จะเอากลับมาไหม?""ยังเอากลับมาได้หรอ? ถึงเอากลับมาได้ก็เปื่อยเป็นผง ใช้งานไม่ได้แล้ว ไม่เป็นไร ไว้ฉันหาเวลาว่างวาดใหม่ก็ได้"จ้านหยินพูดอย่างรู้สึกผิด "ผมไม่รู้ว่ารูปวาดนั้นสำคัญขนาดนั้น แค่ควานมือไปลวกๆ แล้วไปหยิบได้รูปของคุณเข้า ครั้งหน้าถ้าคุณวาดเสร็จอย่าวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง มันอยู่ใกล้เตียงเกินไป""อือ"ไห่ถงคิดในใจ เรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นทุกวันก็คงไม่ใช่เธอไม่ได้กินเหล้าทุกวันสักหน่อย"คุณจ้าน ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ ฉันไม่เก็บให้ดีเอง ไม่เป็นไร ฉันวาดใหม่ได้""ไม่งั้น ผมซื้อปิ่นของจริงไว้เป็นแบบร่างให้คุณ?"ไห่ถงรีบปฏิเสธอ้อมๆ "ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันวาดแบบร่างเองได้"จ้านหยินจึงได้แต่ยอมแพ้ตอนนั้นเ
ซูหนานยืนรอจ้านหยินอยู่ที่หน้าประตูตึกสำนักงานที่สูงระฟ้าเมื่อเห็นจ้านหยิน ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะคิกคัก"ฉันนึกว่าวันนี้นายจะไม่กลับบริษัทซะแล้ว"ซูหนานเดินตามจ้านหยินเข้าไปด้านใน ส่วนทีมบอดี้การ์ดหยุดฝีเท้าอยู่ด้านหน้าประตูตึก"ถ้าฉันไม่กลับบริษัท แล้วให้นายเป็นคนนำการประชุม เดี๋ยวก็โดนบ่นหาว่าติดหนี้ฉันชาติที่ ชาตินี้เลยต้องเป็นทาสรับใช้ฉันอีกน่ะสิ""ก็รู้ตัวนี่ว่าบีบใช้งานฉันตลอดเวลา"จ้านหยินเอียงคอมองหน้าเขาสองสามที "ฉันให้เวทีนายเพื่อแสดงความสามารถต่างหาก ถ้าฉันไม่ให้เวทีนี้กับนาย มีหรอที่หัวหน้าตระกูลจะเห็นหัวของนาย?"คนรุ่นใหม่ของตระกูลซูมีดีไม่แพ้แก๊งหนุ่มๆของตระกูลจ้านเลยการที่ซูหนานสามารถโดดเด่นจากกลุ่มคนรุ่นเดียวกันได้ขนาดนี้ หลักๆก็คือเขาเป็นคนมีความสามารถมาก แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกัยจ้านหยิน เป็นบุคคลากรสำคัญของจ้านซื่อกรุ๊ปหัวหน้าตระกูลให้ความสำคัญกับเขาทั้งๆที่เขาไม่ใช่ลูกชาย แต่ก็เป็นหลานชายคนสำคัญที่สุด เพราะงั้นซูหนานจึงมีตำแหน่งสูงมากในตระกูลซู อีกทั้งเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล แล้วก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองสนิทก
“......”จ้านหยินมองเพื่อนซี้อย่างหมดคำจะพูดซูหนานลูบจมูกตัวเองเขินๆ "อยู่ๆฉันก็รอคอยจะไปดูตัวกับคุณเซิน""นัดให้พวกนายเจอกันวันเสาร์ช่วงบ่าย สถานที่นายเป็นคนเลือก เลือกได้แล้วบอกฉัน ฉันจะให้ไห่ถงไปบอกคุณเซิน""งั้นก็มะรืนน่ะสิ จ้านหยิน ดูซิว่าตอนนี้ฉันหล่อหรือเปล่า? มีสิวขึ้นที่ไหนไหม มีหนวดขึ้นป้ะ?"ลิฟต์พาทั้งสองคนขึ้นมาถึงด้านบนจ้านหยินรอประลิฟต์เปิด ก็เตรียมกลายร่างจักรพรรดิผู้น่าเกรงขามซูหนานรีบเดินตามเขาไปติดๆ"ประธานจ้าน ประธานซู"เลขาจ้าวลุกขึ้นทักทายท่านประธานทั้งสองทั้งสองคนพยักหน้าเป็นการตอบรับเลขาจ้าวหลังจากเข้าไปที่ห้องทำงานท่านประธานของจ้านหยิน จ้านหยินชี้ไปที่บานประตูห้องพักของเขาแล้วพูดกับซูหนาน "ในห้องพักผ่อนของฉันมีกระจก นายเข้าไปส่องดูสิ"ซูหนานลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วพูดกลั้วหัวเราะ "ฉันมั่นใจในความหล่อของตัวเองอยู่ ขอแค่คุณเซินได้เห็นหน้าฉัน รับรองเลยว่าต้องตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบแน่""จนถึงทุกวันนี้ไห่ถงยังไม่หลงใหลกับความหล่อของฉันแบบจริงๆจังๆสักที เซินเสี่ยวจวินป็นเพื่อนสนิทของเธอ รสนิยมความชอบก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่"ซูห
"ประเด็นคือเธออ้วนมาก ฉันตั้งเงื่อนไขว่าทุกวันก่อนมาทำงานให้ไปวิ่งในสวนหย่อมหน้าตึกบริษัทอย่างต่ำห้ารอบ ถ้าวิ่งไม่ได้ห้ามมาทำงาน บังคับให้เธอลดน้ำหนัก เดือนเดียวมันคงไม่เห็นผลเท่าไหร่หรอก ถึงต้องให้ทดลองงานสามเดือน"จ้านหยิน "..."ตงหมิงนี่คุมค่อนข้างรอบด้านนะให้งานไห่หลิงทำ แล้วยังมานั่งเป็นห่วงปัญหารูปร่างหน้าตาของไห่หลิงีกเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดในโลกแล้วมั้ง"ตงหมิง ให้ทดลองงานหนึ่งเดือน ผ่านโปรแล้วขึ้นเงินเดือนให้ด้วย ถ้านายคิดว่าความสามารถของเธอไม่คุ้มกับค่าแรงที่จะเพิ่มให้ เงินส่วนต่างแต่ละเดือน ฉันจะให้นายหลังไมค์""ตอนนี้เธอเป็นแค่เสมียนในแผนกบัญชี ถึงจะขึ้นเงินเดือนให้ยังไงก็ชึ้นได้ไม่เท่าไหร่หรอก อยากมากก็เพิ่มมากสุดห้าพันกว่าบาท จะมีประโยชน์อะไร?"จ้านหยินพูดกดเสียงต่ำ "เงินแค่ห้าพันกว่าบาทไม่ได้เยอะสำหรับนาย แต่มันมีค่าสำหรับคนธรรมดามาก พี่ฉันเตรียมจะหย่า เธอต้องแย่งชิงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย ถ้ามีงานที่มั่นคง เงินเดือนที่มั่นคง จะเป็นประโยชน์ในการสู้เอาสิทธิ์เลี้ยงลูก""ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นผู้อำนายการแผนกบัญชีของเวยฮ่าวอีเล็กทรอนิกส์ ความสามารถน่ะมีแน่นอน ตอนนี
"หยางหยาง ไม่เป็นไรนะ?"แม่โจวทำเรื่องแบบนั้นลงไป พอกลับมาก็พอจะนึกถึงหลานชายได้บ้างหลานชายสายนอกเป็นหวัดรอบนี้ ทรมานจนคนเด็กคนแก่อยู่ไม่สงบสุขกันทั้งบ้าน ลำพังแค่ไข้ขึ้นซ้ำหลายรอบก็ทำให้ผู้ใหญ่กังวลมากพอแล้วหยางหยางเด็กกว่าเสียวเป่าขวบนึง ถ้าติดหวัดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทรมานมากขนาดนั้น"ผมไม่ได้กลับบ้าน ไม่เห็นหยางหยาง คงไม่เป็นไรมั้ง ตอนอยู่แถวหมู่บ้านผมเห็นไห่หลิงยังไปทำงานตามปกติ"ทรมานกันมาทั้งคืน ตบตีทั้งเขากับเย่เจียนีไปแท้ๆ แต่ไห่หลิงกลับยังไปทำงานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขายังไม่เท่าไหร่ แต่จนตอนนี้เย่เจียนียังไม่กล้าออกมาจากโรงแรมมาเจอหน้าคน รอยนิ้วมือทั้งห้ายังไม่จางหายไปจากใบหน้าเลยด้วยซ้ำเมื่อคืนหลังจากที่สองพี่น้องไห่หลิงออกจากโรงแรมไป เย่เจียนีกอดเขาแล้วร้องไห้อยู่นาน บอกว่าที่เธอต้องมาเจอความอัปยศอดสูแบบนี้ก็เป็นเพราะเขา ร้องไห้จนเขาปวดใจไปหมดแล้วก็ยิ่งเกิดความแน่วแน่แล้วว่าจะหย่า"งั้นก็ดี ฉันก็จะได้หายห่วง ทำเรื่องแบบนั้นไป ในใจแม่ก็เป็นทุกข์ไม่น้อย ถึงจะพูดยังไงหยางหยางก็เป็นหลานชายแท้ๆของฉัน ผิดที่แม่มันนั่นแหละที่ใจร้าย ลูกยังเล็กอยู่แท้ๆยังทิ้งไปทำงานได
พ่อแม่โจวเห็นว่าลูกชายยืนกรานจะหย่า อีกทั้งลูกชายกับเย่เจียนีก็ได้กันถึงไหนต่อไหนแล้ว แถมยังถูกไห่หลิงจับได้คาหนังคาเขา นิสัยอย่างไห่หลิงไม่มีทางทนต่อไปแน่แม่โจวเอ่ยปากพูดขึ้น "หงหลิน หลังจากที่ลูกกับไห่หลิงแต่งงานกัน ก็มีแต่ลูกที่เป็นฝ่ายทำงานหาเงิน เธอไม่มีรายได้สักบาท ถ้าจะหย่าจริงๆ พวกลูกก็ไปดำเนินการที่สำนักทะเบียน แล้วบอกให้เธอเสื้อผ้าเก็บข้าวของออกไปซะ""ส่วนของอื่นๆห้ามเธอหยิบไปเด็ดขาด"ในเมื่อสรุปกันแล้วว่าจะหย่า งั้นก็ต้องลดการสูญเสียจากการหย่าให้น้อยที่สุด"แม่ จะไม่ให้เธอเอาอะไรไปเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเธอจะเป็นฝ่ายไม่เอาเอง ถึงจะให้เธอออกจากบ้านไปตัวเปล่าได้ หลังจากแต่งงานกัน เธอไม่ทำงานก็จริง แต่เงินเดือนของผมก็นับว่าเป็นทรัพย์สินร่วมของสามีภรรยา ถ้าเธอฟ้องหย่าขึ้นมา ผมก็ต้องแบ่งทรัพย์สินครึ่งนึงให้เธอ""บ้าน เงินกู้หลังแต่งงานถึงจะบอกว่าใช้เงินเดือนของผมจ่ายหนี้อยู่ก็เถอะ เพราะเงินเดือนผมนับว่าเป็นทรัพสินหลังสมรส เธอก็เลยมีส่วนได้ด้วย ถ้าหย่าไป ผมไม่ให้บ้านกับเธอ แต่ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยก้อนนึงให้อยู่ดี ผมลองคำนวณดูแล้วไม่ต้องชดเชยให้เยอะมากก็ได้ ค่าตกแต่งเธอ
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้