"คนแก่ต่อให้เกษียณอยู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ได้เหนื่อย แต่ก็ไม่ได้หวังกำไรมากมาย แต่ก็ช่วยคลายเหงา ทำให้พวกเขารู้สึกใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า""ผมก็เคยให้เงินพ่อกับแม่ แต่พวกท่านไม่รับ ให้ครั้งนึง พวกท่านก็จะใก้กลับคืนมาอีกเท่าตัว บอกให้ผมเก็บเอาไว้เลี้ยงดูภรรยา"ไห่ถงนึกถึงครั้งก่อนที่เจอกัน ถึงแม้พ่อสามีจะเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่ก็ยังอ่อนโยนสง่างาม ดูแลตัวเองดีมาก เป็นผู้ใหญ่ที่ภูมิฐานทรงคุณวุฒิคนนึงแม่สามีแม้จะไม่ได้ชอบเธอเท่าไหร่ แต่ก็รักษามารยาทได้ดีเช่นกัน รวมถึงไม่เคยสร้างความลำบากให้กับเธอ น้ำเสียงที่ใช้พูดกับเธอก็นุ่มนวลไพเราะ แม่สามีดูแลตัวเองดีมากยิ่งกว่า ขนาดที่เธอยังคิดว่าถ้าเดินคู่กับแม่สามี คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องได้เลยแต่งงานกันมาก็เป็นระยะเวลานึงแล้ว คนในครอบครัวที่ไห่ถงสนิทชิดเชื้อมากที่สุดก็ยังเป็นคุณยายจ้าน ที่เหลือก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กันตอนที่เชิญมากินข้าวครั้งที่แล้ว หลังจากตอนนั้น คนในครอบครัวสามีจะปรากฎตัวให้เห็นก็ไม่บ่อยนัก ส่วนเธอก็ไม่รู้อีกว่าบ้านของสามีต้องไปยังไงคุณยายกับเธอสนิทกันขนาดนั้น เวลาที่ถามคุณยายก็จะบอกชื่อภูเขาลูกนึง บอก
ไห่ถงกลับมาที่ห้องของตัวเอง ปิดประตู แล้วทิ้งตัวลงกับบานประตู ลูบใบหน้าของตัวเอง ยังรู้สึกร้อนผ่าวอยู่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หน้าแดงอาจจะเพราะเมื่อคืนไปจับชู้เป็นเพื่อนพี่สาว จนประสาทหลอนไปแล้วมั้งยืนค้างอยู่แบบนั้นชั่วอึดใจ ไห่ถงก็รีบไปอาบน้ำ อีกเดี๋ยวต้องไปทำอาหารเช้าให้จ้านหยินพอนึกถึงป้าเหลียง ไห่ถงก็รีบโทรหาป้าเหลียงอีก หลังจากที่ป้าเหลียงรับสาย เธอก็พูดว่า "ป้าเหลียง อีกเดี๋ยวพาหยางหยางไปที่ร้านได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลับมาแล้วค่ะ""ได้ค่ะ""พี่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?""ทำอย่างกับคนไม่มีอะไรอย่างนั้น กินอาหารเช้าเสร็จแล้วยังต้องไปทำงาน ป้าเตรียมกาแฟให้เธอแก้วนึง เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แล้วยังต้องไปทำงานต่อ กินแค่กาแฟให้ตัวเองตื่น"ไห่ถงสงสารพี่สาว แต่ก็รู้ว่าพี่สาวไม่กล้าลางาน เพราะยังไงซะก็เพิ่งจะทำงานได้แค่ไม่กี่วัน"บอกให้พี่ขับรถไปทำงานดีๆด้วยนะคะ""ได้ค่ะ"ไห่ถงวางสายแล้วจึงไปอาบน้ำเมื่อออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งตามความเคยชิน เตรียมจะหวีผมแต่บนโต๊ะกลับมีของสิ่งนึงหายไปปิ่นปักผมที่เธอวาดล่ะ?นั่นคือตัวอย่างที่เธอวาดขึ้นเพื่อจะเ
เธอจำไม่ได้เลยสักนิดดื่มไปแค่เบียร์สองขวด ถึงจะบอกว่าดื่มเบียร์แล้วจะทำให้เธอหลับลึก แต่นั่นก็ไม่นับว่าเมา ถ้าไม่เมาแล้วจะอ้วกได้ยังไง?ไม่มีทางเป็นเพราะเธฮกินเข้าไปเยอะเลยหนักกระเพาะจนอ้วกมั้ง?ไห่ถงสงสัยนิดหน่อย คิดได้ว่าแค่รูปวาดใบเดียวจ้านหยินไม่จำเป็นถึงขั้นต้องโกหกเธอ เธอก็ตอบกลับอ๋อไปคำนึง แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อต้องเชื่อฟังที่พี่พูดซะแล้ว ต่อไปห้ามดื่มเหล้าเยอะ"จะเอากลับมาไหม?""ยังเอากลับมาได้หรอ? ถึงเอากลับมาได้ก็เปื่อยเป็นผง ใช้งานไม่ได้แล้ว ไม่เป็นไร ไว้ฉันหาเวลาว่างวาดใหม่ก็ได้"จ้านหยินพูดอย่างรู้สึกผิด "ผมไม่รู้ว่ารูปวาดนั้นสำคัญขนาดนั้น แค่ควานมือไปลวกๆ แล้วไปหยิบได้รูปของคุณเข้า ครั้งหน้าถ้าคุณวาดเสร็จอย่าวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง มันอยู่ใกล้เตียงเกินไป""อือ"ไห่ถงคิดในใจ เรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นทุกวันก็คงไม่ใช่เธอไม่ได้กินเหล้าทุกวันสักหน่อย"คุณจ้าน ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ ฉันไม่เก็บให้ดีเอง ไม่เป็นไร ฉันวาดใหม่ได้""ไม่งั้น ผมซื้อปิ่นของจริงไว้เป็นแบบร่างให้คุณ?"ไห่ถงรีบปฏิเสธอ้อมๆ "ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันวาดแบบร่างเองได้"จ้านหยินจึงได้แต่ยอมแพ้ตอนนั้นเ
ซูหนานยืนรอจ้านหยินอยู่ที่หน้าประตูตึกสำนักงานที่สูงระฟ้าเมื่อเห็นจ้านหยิน ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะคิกคัก"ฉันนึกว่าวันนี้นายจะไม่กลับบริษัทซะแล้ว"ซูหนานเดินตามจ้านหยินเข้าไปด้านใน ส่วนทีมบอดี้การ์ดหยุดฝีเท้าอยู่ด้านหน้าประตูตึก"ถ้าฉันไม่กลับบริษัท แล้วให้นายเป็นคนนำการประชุม เดี๋ยวก็โดนบ่นหาว่าติดหนี้ฉันชาติที่ ชาตินี้เลยต้องเป็นทาสรับใช้ฉันอีกน่ะสิ""ก็รู้ตัวนี่ว่าบีบใช้งานฉันตลอดเวลา"จ้านหยินเอียงคอมองหน้าเขาสองสามที "ฉันให้เวทีนายเพื่อแสดงความสามารถต่างหาก ถ้าฉันไม่ให้เวทีนี้กับนาย มีหรอที่หัวหน้าตระกูลจะเห็นหัวของนาย?"คนรุ่นใหม่ของตระกูลซูมีดีไม่แพ้แก๊งหนุ่มๆของตระกูลจ้านเลยการที่ซูหนานสามารถโดดเด่นจากกลุ่มคนรุ่นเดียวกันได้ขนาดนี้ หลักๆก็คือเขาเป็นคนมีความสามารถมาก แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกัยจ้านหยิน เป็นบุคคลากรสำคัญของจ้านซื่อกรุ๊ปหัวหน้าตระกูลให้ความสำคัญกับเขาทั้งๆที่เขาไม่ใช่ลูกชาย แต่ก็เป็นหลานชายคนสำคัญที่สุด เพราะงั้นซูหนานจึงมีตำแหน่งสูงมากในตระกูลซู อีกทั้งเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล แล้วก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองสนิทก
“......”จ้านหยินมองเพื่อนซี้อย่างหมดคำจะพูดซูหนานลูบจมูกตัวเองเขินๆ "อยู่ๆฉันก็รอคอยจะไปดูตัวกับคุณเซิน""นัดให้พวกนายเจอกันวันเสาร์ช่วงบ่าย สถานที่นายเป็นคนเลือก เลือกได้แล้วบอกฉัน ฉันจะให้ไห่ถงไปบอกคุณเซิน""งั้นก็มะรืนน่ะสิ จ้านหยิน ดูซิว่าตอนนี้ฉันหล่อหรือเปล่า? มีสิวขึ้นที่ไหนไหม มีหนวดขึ้นป้ะ?"ลิฟต์พาทั้งสองคนขึ้นมาถึงด้านบนจ้านหยินรอประลิฟต์เปิด ก็เตรียมกลายร่างจักรพรรดิผู้น่าเกรงขามซูหนานรีบเดินตามเขาไปติดๆ"ประธานจ้าน ประธานซู"เลขาจ้าวลุกขึ้นทักทายท่านประธานทั้งสองทั้งสองคนพยักหน้าเป็นการตอบรับเลขาจ้าวหลังจากเข้าไปที่ห้องทำงานท่านประธานของจ้านหยิน จ้านหยินชี้ไปที่บานประตูห้องพักของเขาแล้วพูดกับซูหนาน "ในห้องพักผ่อนของฉันมีกระจก นายเข้าไปส่องดูสิ"ซูหนานลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วพูดกลั้วหัวเราะ "ฉันมั่นใจในความหล่อของตัวเองอยู่ ขอแค่คุณเซินได้เห็นหน้าฉัน รับรองเลยว่าต้องตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบแน่""จนถึงทุกวันนี้ไห่ถงยังไม่หลงใหลกับความหล่อของฉันแบบจริงๆจังๆสักที เซินเสี่ยวจวินป็นเพื่อนสนิทของเธอ รสนิยมความชอบก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่"ซูห
"ประเด็นคือเธออ้วนมาก ฉันตั้งเงื่อนไขว่าทุกวันก่อนมาทำงานให้ไปวิ่งในสวนหย่อมหน้าตึกบริษัทอย่างต่ำห้ารอบ ถ้าวิ่งไม่ได้ห้ามมาทำงาน บังคับให้เธอลดน้ำหนัก เดือนเดียวมันคงไม่เห็นผลเท่าไหร่หรอก ถึงต้องให้ทดลองงานสามเดือน"จ้านหยิน "..."ตงหมิงนี่คุมค่อนข้างรอบด้านนะให้งานไห่หลิงทำ แล้วยังมานั่งเป็นห่วงปัญหารูปร่างหน้าตาของไห่หลิงีกเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดในโลกแล้วมั้ง"ตงหมิง ให้ทดลองงานหนึ่งเดือน ผ่านโปรแล้วขึ้นเงินเดือนให้ด้วย ถ้านายคิดว่าความสามารถของเธอไม่คุ้มกับค่าแรงที่จะเพิ่มให้ เงินส่วนต่างแต่ละเดือน ฉันจะให้นายหลังไมค์""ตอนนี้เธอเป็นแค่เสมียนในแผนกบัญชี ถึงจะขึ้นเงินเดือนให้ยังไงก็ชึ้นได้ไม่เท่าไหร่หรอก อยากมากก็เพิ่มมากสุดห้าพันกว่าบาท จะมีประโยชน์อะไร?"จ้านหยินพูดกดเสียงต่ำ "เงินแค่ห้าพันกว่าบาทไม่ได้เยอะสำหรับนาย แต่มันมีค่าสำหรับคนธรรมดามาก พี่ฉันเตรียมจะหย่า เธอต้องแย่งชิงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย ถ้ามีงานที่มั่นคง เงินเดือนที่มั่นคง จะเป็นประโยชน์ในการสู้เอาสิทธิ์เลี้ยงลูก""ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นผู้อำนายการแผนกบัญชีของเวยฮ่าวอีเล็กทรอนิกส์ ความสามารถน่ะมีแน่นอน ตอนนี
"หยางหยาง ไม่เป็นไรนะ?"แม่โจวทำเรื่องแบบนั้นลงไป พอกลับมาก็พอจะนึกถึงหลานชายได้บ้างหลานชายสายนอกเป็นหวัดรอบนี้ ทรมานจนคนเด็กคนแก่อยู่ไม่สงบสุขกันทั้งบ้าน ลำพังแค่ไข้ขึ้นซ้ำหลายรอบก็ทำให้ผู้ใหญ่กังวลมากพอแล้วหยางหยางเด็กกว่าเสียวเป่าขวบนึง ถ้าติดหวัดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทรมานมากขนาดนั้น"ผมไม่ได้กลับบ้าน ไม่เห็นหยางหยาง คงไม่เป็นไรมั้ง ตอนอยู่แถวหมู่บ้านผมเห็นไห่หลิงยังไปทำงานตามปกติ"ทรมานกันมาทั้งคืน ตบตีทั้งเขากับเย่เจียนีไปแท้ๆ แต่ไห่หลิงกลับยังไปทำงานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขายังไม่เท่าไหร่ แต่จนตอนนี้เย่เจียนียังไม่กล้าออกมาจากโรงแรมมาเจอหน้าคน รอยนิ้วมือทั้งห้ายังไม่จางหายไปจากใบหน้าเลยด้วยซ้ำเมื่อคืนหลังจากที่สองพี่น้องไห่หลิงออกจากโรงแรมไป เย่เจียนีกอดเขาแล้วร้องไห้อยู่นาน บอกว่าที่เธอต้องมาเจอความอัปยศอดสูแบบนี้ก็เป็นเพราะเขา ร้องไห้จนเขาปวดใจไปหมดแล้วก็ยิ่งเกิดความแน่วแน่แล้วว่าจะหย่า"งั้นก็ดี ฉันก็จะได้หายห่วง ทำเรื่องแบบนั้นไป ในใจแม่ก็เป็นทุกข์ไม่น้อย ถึงจะพูดยังไงหยางหยางก็เป็นหลานชายแท้ๆของฉัน ผิดที่แม่มันนั่นแหละที่ใจร้าย ลูกยังเล็กอยู่แท้ๆยังทิ้งไปทำงานได
พ่อแม่โจวเห็นว่าลูกชายยืนกรานจะหย่า อีกทั้งลูกชายกับเย่เจียนีก็ได้กันถึงไหนต่อไหนแล้ว แถมยังถูกไห่หลิงจับได้คาหนังคาเขา นิสัยอย่างไห่หลิงไม่มีทางทนต่อไปแน่แม่โจวเอ่ยปากพูดขึ้น "หงหลิน หลังจากที่ลูกกับไห่หลิงแต่งงานกัน ก็มีแต่ลูกที่เป็นฝ่ายทำงานหาเงิน เธอไม่มีรายได้สักบาท ถ้าจะหย่าจริงๆ พวกลูกก็ไปดำเนินการที่สำนักทะเบียน แล้วบอกให้เธอเสื้อผ้าเก็บข้าวของออกไปซะ""ส่วนของอื่นๆห้ามเธอหยิบไปเด็ดขาด"ในเมื่อสรุปกันแล้วว่าจะหย่า งั้นก็ต้องลดการสูญเสียจากการหย่าให้น้อยที่สุด"แม่ จะไม่ให้เธอเอาอะไรไปเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเธอจะเป็นฝ่ายไม่เอาเอง ถึงจะให้เธอออกจากบ้านไปตัวเปล่าได้ หลังจากแต่งงานกัน เธอไม่ทำงานก็จริง แต่เงินเดือนของผมก็นับว่าเป็นทรัพย์สินร่วมของสามีภรรยา ถ้าเธอฟ้องหย่าขึ้นมา ผมก็ต้องแบ่งทรัพย์สินครึ่งนึงให้เธอ""บ้าน เงินกู้หลังแต่งงานถึงจะบอกว่าใช้เงินเดือนของผมจ่ายหนี้อยู่ก็เถอะ เพราะเงินเดือนผมนับว่าเป็นทรัพสินหลังสมรส เธอก็เลยมีส่วนได้ด้วย ถ้าหย่าไป ผมไม่ให้บ้านกับเธอ แต่ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยก้อนนึงให้อยู่ดี ผมลองคำนวณดูแล้วไม่ต้องชดเชยให้เยอะมากก็ได้ ค่าตกแต่งเธอ