"แกไปบอกเธอว่า จะยกเลิกระบบ AA และให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอีก ไม่หย่าแล้ว แกกับเจียนีควรพยายามไม่ให้เธอเห็น ตอนที่พวกแกอยู่ด้วยกัน”"แม่ ผมจะหย่า!"โจวหงหลินยืนกรานหนักแน่น "เจียนีเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ได้ผมแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบต่อเธอ และไม่ต้องการให้เจียนีต้องทนกับน้อยเนื้อต่ำใจอีกต่อไป"แม่โจวพูดด้วยความโกรธกับเขาว่า "ก่อนที่ไห่หลิงจะแต่งงานกับแก เธอก็เป็นหญิงบริสุทธิ์เหมือนกัน? ทำไมแกไม่รับผิดชอบเธอจนไปถึงที่สุด? ตอนนี้เพื่อผู้หญิงคนอื่นกลับปล่อยให้เธอน้อยใจแทน?""แม่ ตกลงอยู่ฝั่งไหนกันแน่?"แม่โจวเม้มริมฝีปากเย่เจียนีเก่งมากในการทำให้พวกเขาชอบพอใจ และทำให้พวกเขาทำใจไม่ได้ที่จะไม่ชอบเธอ แต่แม่โจวรู้สึกอยู่เสมอว่าการควรใช้ชีวิตคู่กับไห่หลิง เพราะไห่หลิงเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งและปรับตัวเก่ง แต่เย่เจียนีเป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน ถูกพ่อแม่และพี่ชายตามใจมาตลอดและไม่ได้ใช้ชีวิตยากลำบากอะไรผู้หญิงประเภทนี้สามารถแบ่งปันความสุขได้ แต่ไม่สามารถแบ่งปันความทุกข์ได้“ฉันบอกให้ไห่หลิงใจเย็นๆ ก่อนในสองวันนี้ และวันมะรืนฉันจะกลับไปหารือเรื่องหย่ากับเธอ พวกเราจะเจรจาเงื่อนไขกันก่อน แต
พ่อโจวยังพูดอีกว่า "ไม่สำคัญหรอกว่าแกจะแบ่งเงินให้ไห่หลิงน้อยนิดแค่ไหน เป็นคนก็อย่าโหดเหี้ยมเกินไป และปล่อยให้ตัวเองมีเส้นทางหลบหนีด้วยวิธีนี้ ที่จะทำให้ถนนข้างหน้าจะกว้างขึ้น แต่หยางหยางต้องให้อยู่กับครอบครัวของพวกเราเท่านั้น!”เพราะเขาเป็นทายาทของพวกเราตระกูลโจว“พ่อ ฉันสัญญากับพ่อเลยว่าฉันจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูหยางหยางอย่างแน่นอน”“ก่อนที่พวกแกสามีและภรรยาจะหย่า พ่อก็ไม่อยากเชื่อคำสัญญาของแกเลย ไปพาหยางหยางมาก่อน เอามาฝากไว้กับฉันและแม่แก่ก่อน เพื่อที่ฉันจะได้รู้สึกสบายใจ”โจวหงหลินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พ่อ ทั้งคุณและแม่ก็ไม่เคยเลี้ยงหยางหยางมาก่อน ให้พาเขามาที่นี่เลย จะทำให้เขาปรับตัวไม่ได้ แล้วถ้าเขาร้องโวยวายจะทำอย่างไร?”แม่โจวช่วยพูดเสริม "เพราะว่าพวกเราไม่เลี้ยงเขามาก่อนไง ถึงให้พาเข้ามา เพื่อมาปลูกฝังความคุ้นเคยกัน ถ้าแกแต่งงานใหม่ในอนาคต คนแซ่เย่จะไม่เต็มใจที่จะเลี้ยงดูหยางหยางหรือ? หยางหยางจะต้องอยู่ฉันและพ่อแก อย่างน้อยพวกเราก็เป็นปู่กับย่าของเขา”“มีแม่เลี้ยงที่จิตใจดีสักกี่คน? นอกจากนี้ แกและคนแซ่เย่ยังเด็กอยู่และอีกไม่นานพวแกก็จะมีลูกเป็นของตัวเอง และหยางหย
จ้านหยินรับสายโทรศัพท์ของเธออย่างรวดเร็ว“คุณจ้าน ตอนเช้านี้คุณสบายดีไหมคะ? อดทนไหวไหมคะ? ถ้าไม่ไหวหลังประชุมเสร็จแล้ว ให้ลาป่วยกลับมาพักผ่อนครึ่งวันค่ะ”หลังจากได้ฟังความห่วงใของเธอจ้านหยินก็รู้สึกมีความสุข เขาเอนหลังผงเบาะเก้าอี้หมุนสีดำ แล้วหมุนไปมา จากนั้นพูดว่า "ฉันหลังจากกลับไปริษัทก็ได้ดื่มกาแฟไปแก้วหนึ่งแล้ว และก็ทนได้มาจนถึงตอนนี้ ใกล้จะได้เวลาพักแล้ว และฉันจะรีบนอนพักสักครู่”"คุณไม่กินข้าวเหรอคะ?"“ฉันเหนื่อยมาก ไม่อยากอาหารน่ะ และไม่อยากกินด้วย”“ถ้าไม่กินข้าวก็ไม่มีแรงนะคะ งานยุ่งตลอดทั้งเช้า ถ้าไม่ได้กินข้าวเที่ยงอีก จะหิวท้องกิ่วและไม่ดีต่อกระเพาะ รักษาก็ยากด้วยค่ะ”จางหยินพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ฉันไม่อยากกิน”“หลังจากคุณพักเที่ยงก็นอนพักไปก่อนค่ะ แล้วฉันจะส่งอาหารมาให้คุณทีหลัง แเมื่อฉันถึงหน้าประตูบริษัทของคุณแล้ว ฉันจะโทรหา”เขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเรื่องของพี่สาวเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว ไห่ถงก็ไม่สามารถปล่อยให้จ้านหยินละเลยมื้อเที่ยงได้“ตามนั้น ฉันจะไปงีบที่บริษัทก่อน เมื่อคุณมาถึงแล้วด็โทรมาหาฉันนะ และขับรถอย่างระมัดระวังด้วย”“ฉันนอนห
ผู้เฒ่าลากกระเป๋าเดินทางตรงไปที่โซฟา จากนั้นนั่งลงแล้วพูดว่า "อาจ้าน ฉันอยากย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของหลานและถงถง"จ้านหยินขมวดคิ้ว "คุณยาย คุณสัญญากับฉันว่า..."“ฉันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรนิ ทำไมหลานต้องกังวล? กังวลเรื่องอะไร?”ผู้เฒ่าตอบเขาก่อน แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “พ่อกับลุงของหลานไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอลี้ภัยอยู่กับหลานชาย ไม่ได้เหรอ? หลานเองก็อยากเรียนแบบจากพ่อและลุง จากนั้นไล่ยายออกจากบ้าน?”“โอ้สวรรค์ คนแกมักถูกรังเกียจ โดนไล่ออกมาทุกที่ เลี้ยงลูกชายไปจะมีประโยชน์อะไร เลี้ยงหลานจะไปมีประโยชน์อะไร? แบบนี้มีหลานสาวที่เอาใจใส่ยังดีเสียกว่า”จ้านหยินพูดพร้อมเส้นสีดำบนใบหน้า“คุณยาย พ่อและลุงไม่สามารถไล่คุณออมาได้”หากต้องการย้ายมาอยู่กับเขา ก็อย่าตีโพยตีพายว่าพ่อกับลุงอกตัญญูผู้เฒ่ายิ้มแล้วพูดว่า "ยังไงก็พูดไม่ได้ว่าลูกสะใภ้ไล่ฉันออกมา? ลูกชายฉันเบ่งเขาออกมาเอง ฉันจะตำหนิพวกเขายังไง พวกเขาก็จะทำอะไรฉันไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ลูกสะใภ้ฉันไม่ได้เบ่งออกมา และฉันจะตำหนิลูกสะใภ้ได้อย่างไร”จ้านหยิน "..."“ฉันได้ยินมาหมดแล้ว”จ้านหยินรู้สึกไม่สบายใจ จึง
“ฉันได้ยินมีคนพูดเคยพูดว่า 'ฉันไม่หึงแน่นอน ความหึงหวงมันน่าเบื่อเกินไป!' ฉันไม่ไล่ล่าจีบภรรยาหรอก!' หลานรู้ไหมว่าใครพูดแบบนั้นออกมา?"ใบหน้าของจ้านหยินบึ้งตึง มืดมนละเม้มริมฝีปากแน่น โดยไม่พูดอะไรคุณยายจ้านหัวเราะจนหนำใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง: "ชางเสี่ยวเฟยไม่ใช่ยังอยู่ตรงนั้นเหรอ?"“เธอจะไม่วุ่นวายกับฉันอีกแล้ว”ชางเสี่ยวเฟยไม่ได้มาเฝ้ารอในช่วงตลอดสองวันที่ผ่านมาเธอยังบอกไห่ถงไว้ด้วยว่า หากเมื่อใดที่จ้านหยินมีแฟนหรือแต่งงานแล้ว เธอจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีกเรื่องนี้ทําให้จ้านหยินประเมินซางเสี่ยวเฟยสูงกว่าเดิมโดยที่ไม่เมินเฉย เพียงเพราะต้องการความรักและไปทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่น ลูกสาวเศรษฐีคนนี้เข้มแข็งกว่าคนหลายคนในส่วนนี้“เธอรู้เรื่องหลานกับไห่ถงแล้ว?”“ไม่ ฉันแค่อวดมือซ้ายน่ะ แล้วเธอก็ถอยกลับไปโดยรับรู้ถึงเรื่องยากรำบาก”คุณยายจ้านหัวเราะสองครั้งแล้วพูดว่า "หลานคิดว่ามือซ้ายคืออะไร? โชว์มือซ้ายขึ้นมาแล้วเธอก็ถอยทัพกลับไป ทำไมหลานไม่ทำตั้งนานแล้ว?"จ้านหยินหยิบแหวนทองคำที่เขาสวมอยู่เป็นประจำ จากนั้นสวมบนนิ้วนางของมือซ้ายให้คุณยายคุณยายจ้าน "..."“คุณยาย ฉันจะเรีย
จ้านอี้เฉินพาคุณยายลงไปชั้นล่าง และทั้งสองยายหลานก็เตรียมตัวไปที่โรงแรมเพื่อทานอาหารทันทีที่เขาออกจากตึกสำนักงาน จ้านอี้เฉินก็เห็นไห่ถงด้วยสายตาเหยี่ยว“คุณยาย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงให้ฉันพาคุณยายไปทานอาหาร”เขาชี้ไปที่ประตูบริษัทแล้วพูดกับคุณยายว่า “พี่สะใภ้มาที่นี่ และถือกล่องข้าว มาส่งอาหารให้พี่ใหญ่”ไม่น่าแปลกใจที่พี่ใหญ่รีบให้เขามาพาคุณยายไปอย่างร้อนรน เพราะเธอจะกลายเป็นกว้างขวางคอคุณยายจ้านและหรี่ตาลง ก่อนจะพูดว่า "นั่นมันถงถงจริงๆ ด้วย รีบโทรหาพี่ใหญ่ให้เปลี่ยนห้องทำงานไปที่ห้องทำงานแก อย่าให้ถงถงจับได้"จ้านอี้เฉินตอบกลับอืม และโทรหาพี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ เพราะจ้านหยินรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ไห่ถงมาถึงแล้วเขามีกล้องส่องทางไกลอยู่ในลิ้นชัก หลังจากส่งคุณยายออกไปแล้ว เขาก็ยืนอไปที่ข้างหน้าต่างพร้อมกับส่องกล้องมองลงข้างล่างไป เมื่อเขาเห็นรถของไห่ถงขับเข้ามา เขาก็วางกล้องส่องทางไกลกลับไปที่เดิม และรีบลงไปชั้นล่างจ้านอี้เฉินขับรถออกไปพร้อมกับคุณยายหยุดลงตรงทที่ประตูบริษัท กดลงกระจกรถลง และทักทายไห่ถง"คุณยาย อี้เฉิน"ไห่ถงเดินมาด้วยรอยยิ้มแล้วถาม
"ฉันกินข้าวแล้วค่ะ"ไห่ถงตอบตามสัญชาตญาณ คิดก่อนสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า "เอางี้ไหมคะ ฉันไปกินข้าวกับคุณด้วย รอคุณกินเสร็จแล้วฉันค่อยกลับค่ะ"ดวงตาสีดำเข้มของจ้านหยินเป็นประกาย "ไปที่ห้องทำงานของฉันด้วยกัน"ไห่ถงเหลือบมองกลุ่มคนดำๆ อีกครั้ง และถามอย่างไม่แน่ใจว่า "ฉันไม่ใช่พนักงานบริษัทของคุณ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?"“ฉันจะพาคุณเข้าไปข้างในได้ไม่มีปัญหา”เขายื่นมือออกไปหาไห่ถง แต่ไห่ถงลังอยู่สักครู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับเขาจ้านหยินจับมือเธอ และได้เผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่ไห่ถงไม่ได้สังเกตเขาถือกล่องอาหารกลางวันที่เธอเอาส่งมาด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือก็จับมือของไห่ถง และการพาไห่ถงเข้าไป ต้องเผชิญหน้ากับสายตาแปลกๆ และการคาดเดาต่างๆ นาๆ ของทุกคนที่เดินผ่านมาตลอดทาง"สวัสดีครับ ประธานจ้าน""สวัสดีครับ ประธานจ้าน"ทุกคนทักทายจ้านหยินด้วยความเคารพ เมื่อเห็นเขาทุกคนจะยิ้มและพยักหน้าให้ไห่ถง เพื่อเป็นการทักทายและเป็นเพื่อคาดเดาเกี่ยวกับฐานะของเธอคนที่ทำให้ประธานจ้านจูงมือเข้ามาได้จะต้องเป็นคนรักของเขาแน่จะว่าไป ประธานจ้านมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?ความลับนี้ต้องเก็บกลับบ้านไปเล่าจริง ๆ
จ้านหยินเปิดฝากล่องอาหารกลางวัน แล้วพูดว่า "ถ้าคุณเข้ามาทำงานในบริษัท คุณก็จะรู้ว่ามีประธานและรองประธานหลายคนในบริษัท และแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบต่างกัน แต่ตำแหน่งฉันในบริษัทก็ไม่ได้สูงหรือต่ำ”ไห่ถงแลบลิ้นออกมา แล้วพูดว่า "โอเคค่ะ ฉันไม่มีความสามารถที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทของคุณ ไม่อย่างนั้นฉันก็จำเจ้านายทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้แน่นอนค่ะ"จ้านหยินมองเธออย่างจริงจัง แล้วพูดว่า "ตอนนี้คุณก็โอเคดีนะ มีอิสระและรายได้ก็ไม่น้อย คุณไม่รู้เหรอว่า มีคนอิจฉาคุณมากแค่ไหน สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว"“ฉันไม่ชินกับการถูกคนอื่นคอยควบคุม ดังนั้นฉันจึงเปิดร้านนี้กับเสี่ยวจวินทันทีที่เรียนจบ ครอบครัวของเสี่ยวจวินก็มีส่วนช่วยด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้สิทธิ์เปิดร้านหน้าโรงเรียน ซึ่งการเปิดร้านตรงบริเวณนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ"“กระถางซื้อต้นไม้โชคลาภนั่น มาจากร้านออนไลน์ของฉันเหรอคะ?”ไห่ถงเห็นกระถางต้นไม้โชคลาภงวางอยู่บนโต๊ะของจ้านอี้เฉินจ้านหยินตอบกลับอืม เขาไม่อยากเห็นกระถางต้นไม้โชคลาภอี้เฉินของ อี้เฉินสักนิด เพราะเจ้าสองได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว“คุณไม่สังเกตหรือว่าตอนที่คุณ