ผู้เฒ่าลากกระเป๋าเดินทางตรงไปที่โซฟา จากนั้นนั่งลงแล้วพูดว่า "อาจ้าน ฉันอยากย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของหลานและถงถง"จ้านหยินขมวดคิ้ว "คุณยาย คุณสัญญากับฉันว่า..."“ฉันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรนิ ทำไมหลานต้องกังวล? กังวลเรื่องอะไร?”ผู้เฒ่าตอบเขาก่อน แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “พ่อกับลุงของหลานไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอลี้ภัยอยู่กับหลานชาย ไม่ได้เหรอ? หลานเองก็อยากเรียนแบบจากพ่อและลุง จากนั้นไล่ยายออกจากบ้าน?”“โอ้สวรรค์ คนแกมักถูกรังเกียจ โดนไล่ออกมาทุกที่ เลี้ยงลูกชายไปจะมีประโยชน์อะไร เลี้ยงหลานจะไปมีประโยชน์อะไร? แบบนี้มีหลานสาวที่เอาใจใส่ยังดีเสียกว่า”จ้านหยินพูดพร้อมเส้นสีดำบนใบหน้า“คุณยาย พ่อและลุงไม่สามารถไล่คุณออมาได้”หากต้องการย้ายมาอยู่กับเขา ก็อย่าตีโพยตีพายว่าพ่อกับลุงอกตัญญูผู้เฒ่ายิ้มแล้วพูดว่า "ยังไงก็พูดไม่ได้ว่าลูกสะใภ้ไล่ฉันออกมา? ลูกชายฉันเบ่งเขาออกมาเอง ฉันจะตำหนิพวกเขายังไง พวกเขาก็จะทำอะไรฉันไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ลูกสะใภ้ฉันไม่ได้เบ่งออกมา และฉันจะตำหนิลูกสะใภ้ได้อย่างไร”จ้านหยิน "..."“ฉันได้ยินมาหมดแล้ว”จ้านหยินรู้สึกไม่สบายใจ จึง
“ฉันได้ยินมีคนพูดเคยพูดว่า 'ฉันไม่หึงแน่นอน ความหึงหวงมันน่าเบื่อเกินไป!' ฉันไม่ไล่ล่าจีบภรรยาหรอก!' หลานรู้ไหมว่าใครพูดแบบนั้นออกมา?"ใบหน้าของจ้านหยินบึ้งตึง มืดมนละเม้มริมฝีปากแน่น โดยไม่พูดอะไรคุณยายจ้านหัวเราะจนหนำใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง: "ชางเสี่ยวเฟยไม่ใช่ยังอยู่ตรงนั้นเหรอ?"“เธอจะไม่วุ่นวายกับฉันอีกแล้ว”ชางเสี่ยวเฟยไม่ได้มาเฝ้ารอในช่วงตลอดสองวันที่ผ่านมาเธอยังบอกไห่ถงไว้ด้วยว่า หากเมื่อใดที่จ้านหยินมีแฟนหรือแต่งงานแล้ว เธอจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีกเรื่องนี้ทําให้จ้านหยินประเมินซางเสี่ยวเฟยสูงกว่าเดิมโดยที่ไม่เมินเฉย เพียงเพราะต้องการความรักและไปทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่น ลูกสาวเศรษฐีคนนี้เข้มแข็งกว่าคนหลายคนในส่วนนี้“เธอรู้เรื่องหลานกับไห่ถงแล้ว?”“ไม่ ฉันแค่อวดมือซ้ายน่ะ แล้วเธอก็ถอยกลับไปโดยรับรู้ถึงเรื่องยากรำบาก”คุณยายจ้านหัวเราะสองครั้งแล้วพูดว่า "หลานคิดว่ามือซ้ายคืออะไร? โชว์มือซ้ายขึ้นมาแล้วเธอก็ถอยทัพกลับไป ทำไมหลานไม่ทำตั้งนานแล้ว?"จ้านหยินหยิบแหวนทองคำที่เขาสวมอยู่เป็นประจำ จากนั้นสวมบนนิ้วนางของมือซ้ายให้คุณยายคุณยายจ้าน "..."“คุณยาย ฉันจะเรีย
จ้านอี้เฉินพาคุณยายลงไปชั้นล่าง และทั้งสองยายหลานก็เตรียมตัวไปที่โรงแรมเพื่อทานอาหารทันทีที่เขาออกจากตึกสำนักงาน จ้านอี้เฉินก็เห็นไห่ถงด้วยสายตาเหยี่ยว“คุณยาย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงให้ฉันพาคุณยายไปทานอาหาร”เขาชี้ไปที่ประตูบริษัทแล้วพูดกับคุณยายว่า “พี่สะใภ้มาที่นี่ และถือกล่องข้าว มาส่งอาหารให้พี่ใหญ่”ไม่น่าแปลกใจที่พี่ใหญ่รีบให้เขามาพาคุณยายไปอย่างร้อนรน เพราะเธอจะกลายเป็นกว้างขวางคอคุณยายจ้านและหรี่ตาลง ก่อนจะพูดว่า "นั่นมันถงถงจริงๆ ด้วย รีบโทรหาพี่ใหญ่ให้เปลี่ยนห้องทำงานไปที่ห้องทำงานแก อย่าให้ถงถงจับได้"จ้านอี้เฉินตอบกลับอืม และโทรหาพี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ เพราะจ้านหยินรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ไห่ถงมาถึงแล้วเขามีกล้องส่องทางไกลอยู่ในลิ้นชัก หลังจากส่งคุณยายออกไปแล้ว เขาก็ยืนอไปที่ข้างหน้าต่างพร้อมกับส่องกล้องมองลงข้างล่างไป เมื่อเขาเห็นรถของไห่ถงขับเข้ามา เขาก็วางกล้องส่องทางไกลกลับไปที่เดิม และรีบลงไปชั้นล่างจ้านอี้เฉินขับรถออกไปพร้อมกับคุณยายหยุดลงตรงทที่ประตูบริษัท กดลงกระจกรถลง และทักทายไห่ถง"คุณยาย อี้เฉิน"ไห่ถงเดินมาด้วยรอยยิ้มแล้วถาม
"ฉันกินข้าวแล้วค่ะ"ไห่ถงตอบตามสัญชาตญาณ คิดก่อนสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า "เอางี้ไหมคะ ฉันไปกินข้าวกับคุณด้วย รอคุณกินเสร็จแล้วฉันค่อยกลับค่ะ"ดวงตาสีดำเข้มของจ้านหยินเป็นประกาย "ไปที่ห้องทำงานของฉันด้วยกัน"ไห่ถงเหลือบมองกลุ่มคนดำๆ อีกครั้ง และถามอย่างไม่แน่ใจว่า "ฉันไม่ใช่พนักงานบริษัทของคุณ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?"“ฉันจะพาคุณเข้าไปข้างในได้ไม่มีปัญหา”เขายื่นมือออกไปหาไห่ถง แต่ไห่ถงลังอยู่สักครู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับเขาจ้านหยินจับมือเธอ และได้เผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่ไห่ถงไม่ได้สังเกตเขาถือกล่องอาหารกลางวันที่เธอเอาส่งมาด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือก็จับมือของไห่ถง และการพาไห่ถงเข้าไป ต้องเผชิญหน้ากับสายตาแปลกๆ และการคาดเดาต่างๆ นาๆ ของทุกคนที่เดินผ่านมาตลอดทาง"สวัสดีครับ ประธานจ้าน""สวัสดีครับ ประธานจ้าน"ทุกคนทักทายจ้านหยินด้วยความเคารพ เมื่อเห็นเขาทุกคนจะยิ้มและพยักหน้าให้ไห่ถง เพื่อเป็นการทักทายและเป็นเพื่อคาดเดาเกี่ยวกับฐานะของเธอคนที่ทำให้ประธานจ้านจูงมือเข้ามาได้จะต้องเป็นคนรักของเขาแน่จะว่าไป ประธานจ้านมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?ความลับนี้ต้องเก็บกลับบ้านไปเล่าจริง ๆ
จ้านหยินเปิดฝากล่องอาหารกลางวัน แล้วพูดว่า "ถ้าคุณเข้ามาทำงานในบริษัท คุณก็จะรู้ว่ามีประธานและรองประธานหลายคนในบริษัท และแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบต่างกัน แต่ตำแหน่งฉันในบริษัทก็ไม่ได้สูงหรือต่ำ”ไห่ถงแลบลิ้นออกมา แล้วพูดว่า "โอเคค่ะ ฉันไม่มีความสามารถที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทของคุณ ไม่อย่างนั้นฉันก็จำเจ้านายทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้แน่นอนค่ะ"จ้านหยินมองเธออย่างจริงจัง แล้วพูดว่า "ตอนนี้คุณก็โอเคดีนะ มีอิสระและรายได้ก็ไม่น้อย คุณไม่รู้เหรอว่า มีคนอิจฉาคุณมากแค่ไหน สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว"“ฉันไม่ชินกับการถูกคนอื่นคอยควบคุม ดังนั้นฉันจึงเปิดร้านนี้กับเสี่ยวจวินทันทีที่เรียนจบ ครอบครัวของเสี่ยวจวินก็มีส่วนช่วยด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้สิทธิ์เปิดร้านหน้าโรงเรียน ซึ่งการเปิดร้านตรงบริเวณนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ"“กระถางซื้อต้นไม้โชคลาภนั่น มาจากร้านออนไลน์ของฉันเหรอคะ?”ไห่ถงเห็นกระถางต้นไม้โชคลาภงวางอยู่บนโต๊ะของจ้านอี้เฉินจ้านหยินตอบกลับอืม เขาไม่อยากเห็นกระถางต้นไม้โชคลาภอี้เฉินของ อี้เฉินสักนิด เพราะเจ้าสองได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว“คุณไม่สังเกตหรือว่าตอนที่คุณ
“เมื่อฉันไปกับเธอ เธอก็มีแต่จะยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น คุณยายมักจะพบว่าฉันงุ่มง่ามและเงียบขรึม เธอชอบคุณมากกว่า”ไห่ถงพูดอย่างปัดปัดๆ "ถ้าอย่างนั้นพวกเราพาคุณยายไปเที่ยวด้วยกันดีกว่าค่ะ"แผนการของจ้านหยินสำเร็จ และตอบกลับว่า "ตกลง"“มีรีสอร์ทแห่งหนึ่งอยู่ในเขตชานเมืองทางด้านตะวันตก พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณและคุณยายไปพักผ่อนที่นั่น” วันมะรืนนี้พี่สะใภ้และโจวหงลินจะมาหารือกันเรื่องการหย่าและในฐานะคนในครอบครัว พวกเขาจะไปสนับสนุนเรื่องนี้ด้วยอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงมีเวลาเพียงวันเดียวในการเที่ยวกับภรรยารีสอร์ทแห่งนี้เป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูลจ้าน แต่เป็นที่พักเชิงพาณิชย์ที่เปิดสาธารณะ และทุกปีจะผู้คนจำนวนมากไปพักผ่อนที่นั่น"ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นสวยและสนุกมาก"“ฉันก็ไม่เคยไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปได้ยังไง”ไห่ถงหยิบโทรศัพท์ออกมาแ ล้วค้นหารูปภาพของรีสอร์ท หลังจากดูแล้ว ก็เริ่มตั้งตารอการมาถึงของวันพรุ่งนี้มีนายน้อยจ้านบอกว่าไม่มีความอยากอาหาร แต่ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เขาก็กินอาหารที่ไห่ถง เอาส่งมาอย่างสะอาดสะอ้านเขาต้องการทำความสะอาดกล่องอาหาร แต่ไห่ถงรีบจับเขาลงแล้วพูดว่า "
แต่เธอไม่มีกระดาษแผ่นนั้นอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกต่อไป เหมือนว่าเธอ ได้วาดรูปบนหลังกระดาษแผ่นนั้นโอ้!ไห่ถงมองที่จ้านหยินซึ่งกำลังนอนหลับสนิท เขาไม่ได้ตั้งภาพวาดของเธอ แต่ยังรวมถึงสัญญาระหว่างพวกเขาด้วย ไม่สิ มันเป็นสัญญาในส่วนของเธอที่ถูกทำลายไปแล้ว เขาคงสารภาพว่าสัญญานั้นเป็นเหมือนราชโอกาง และเขาเอาไปแอบไว้แล้วจิ้มนิ้วแหย่หน้าจ้านหยิน แต่เขาไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง ไห่ถงจึงแหย่อีกครั้งและพูดว่า "คุณทำลายสัญญาของฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ และของคุณยังอยู่ในมือของคุณ มันไม่ยุติธรรม ฉันไม่มีหลักประกันใด ๆ "เอางี้ไหมไปขโมยสัญญาของเขามาทำลาย?ด้วยวิธีนี้ ที่จะยุติธรรม ไม่มีใครมีสัญญาอยู่ในมือ และไม่มีใครสามารถบังคับใครได้เมื่อคิดว่าเธอไม่มีโอกาสเข้าไปในห้องของเขาได้ ไห่ถงเริ่มรู้สึกก็ปวดหัว จะขโมยและทำลายสัญญาของเขาได้อย่างไรมอมเหล้าเขา?ทำให้เขาสลบเหรอ?หรือล่อลวงเขา?ไห่ถงคิดหลายวิธี แต่สุดท้ายเธอก็ปฏิเสธมันทั้งหมด แค่รอโอกาสดีกว่าไห่ถงคิดว่าตัวเองจะต้องรอเป็นเวลานานมาก ก่อนที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในห้องของจ้านหยิน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีโอกาสดีๆ ในตอนกลางคืนคุณยายจ้านก็มาถึงแล้ว ห
ไม่ต้องพูดถึงน้องชายจ้านหยินอีกแปดคน แต่มีเพียงจ้านหยินเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกหนักอกหนักใจมากที่สุดก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ผู้เฒ่ากับเธอได้วิเคราะห์หลานทั้งเก้า และบอกว่า จ้านหยินกตัญญูต่อเธอมากที่สุด แต่ก็เป็นคนที่ทำให้เธอกังวลมากที่สุดด้วย นอกจากนี้เขายังพูดอีกว่าด้วยลักษณะนิสัยของจ้านหยิน ถ้าเธอไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับการแต่งงานของจ้านหยิน เด็กคนนั้นก็จะเป็นโสดไปตลอดชีวิตจนถึงวันนี้ดูเหมือนว่าการวิเคราะห์ของผู้เฒ่านั้นแม่นยำมาก“คุณท่าน เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกนั้นไม่ควรรีบร้อน นี่ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกหนึ่งในชีวิต และจะอยู่ใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดชีวิต ถ้าเป็นเหมือนไห่หลิงที่มองคนไม่ทะลุ ถึงแม้จะหย่าแล้วก็ตามก้ไม่ได้เป็นปัญหา แต่สิ่งที่เสียไปคือ เวลาหลายปีของความเยาว์ เป็นมูลค่าประเมินไม่ได้”เสียงเปิดประตูดังขึ้นด้านนอก“นายน้อยและนายหญิงกลับมาแล้ว”คุณยายจ้านเตือนเธอว่า “ระวังเรื่องการเรียกชื่อด้วยครับ”ป้าเหลียงพยักหน้าอย่างแข็งขันเมื่อจ้านหยินและภรรยาเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นป้าเหลียงดูทีวีอยู่กับคุณยายจ้าน“คุณจ้าน คุณหนูไห่ พวกคุณกลับมาแล้วค่ะ”ป้าเหลียงยืนขึ้นแล้