ภายในห้องของไห่ถง เธอกำลังช่วยคุณยายจ้านหยิบของทั้งหมดออกจากกระเป๋าเดินทาง คุณยายจ้านยังนำแก้วน้ำตัวเองมาดื่มที่บ้านอีกด้วย“คุณยายคะ นี่มันอะไรกัน? กำลังจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือคะ?”“อ่า อย่าพูดถึงมันหรอก พวกเขาล้วนเป็นลูกหลานที่ไม่กตัญญูที่ทำให้ฉันกังวลทุกวันแ ทังหมดนี้ช่างไร้ค่า ฉันอาจจะปล่อยไปอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง โดยอยู่นอกสายตา นอกหัวใจพวกเขาไปสักพักหนึ่ง” ”หลังจากที่ไห่ถงจัดข้าวของเสร็จแล้ว เธอก็ไปห้องน้ำเพื่อเตรียมน้ำอาบและตะโกนขึ้นมา: "คุณยายคะ น้ำพร้อมแล้ว มาอาบน้ำอุ่นก่อนค่ะ"คุณยายจ้านตอบกลับและรีบหยิยชุดนอน “นี่เป็นเหตุผลที่ฉันถึงอยากได้ลูกสาวหรือหลานสาวมาโดยตลอด สาวๆ ล้วนแต่มีน้ำใจ ดูสิ ตั้งแต่ฉันมาที่นี่ อาจ้าน เด็กคนนั้นก็ไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ มีเพียงถงถง ท่านั้นที่ใส่ใจ”ไห่ถงยิ้ม "คุณยายคะ ตอนที่คุณจับคู่ฉันกับจ้านหยิน คุณยังบอกด้วยว่าจ้านหยินเป็นคนละเอียดรอบคอบและมีน้ำใจ คุณยาย ลูกๆ หลานๆ ก็มีโชคดีเป็นของตัวเอง ยายไม่จำเป็นต้องพยายามหนักเกินไปเพื่อหลานๆ คุณยายควรสนุกไปกับชีวิตยามบั่นปลายและไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก”ในความเห็นของเธอ ลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณยายจ้านล้
เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ ประตูก็เปิดออกไม่ใช่ห้องของเธอ แต่เป็นห้องของจ้านหยินเขาสวมชุดนอนหนาๆ และออกมาพร้อมกับถ้วยน้ำ ดูเหมือนอยากจะหาน้ำดื่มสองสามีภรรยาบังเอิญเจอหน้ากันคุณมองมาที่ฉัน ฉันก็มองที่คุณจ้านหยินเปิดไฟโดยไม่ตั้งใจและถามไห่ถงว่า “คุณยังไม่ไปนอนอีกเหรอ?”ไห่ถงพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายเล็กน้อย: “จ้านหยิน คุณยายนอนกรน และเสียงมันก็ดังมาก ฉันนอนไม่หลับเพราะเสียงดัง”จ้านหยินเดินขึ้นไปที่ห้องของเธอ เปิดประตูและยื่นหน้าเข้าไปดู เขาได้ยินเสียงกรนดังของยายเค้า และรู้ทันทีว่ามันเป็นของปลอม เขาปิดประตูอย่างเงียบ ๆ แล้วหันไปหาไห่ถงแล้วพูดว่า “แล้วคุณจะนอนยังไง?”“ฉันอยากนอนกับป้าเหลียง แต่เธอหลับไปแล้ว ประตูเธอล็อคจากข้างใน ฉันเข้าไปไม่ได้ เลยต้องนอนบนโซฟา”จ้านหยินเทน้ำให้ตัวเองเขาเห็นหมอนและเสื้อคลุมอยู่บนโซฟาจริงๆ“คืนนี้อากาศค่อนข้างหนาวและฝนยังตกอีด เท้าของฉันเย็นจนนอนไม่หลับ ฉันวางแผนที่จะกลับห้องไปเอาถุงเท้ามาใส่ก่อนนอน จ้านหยิน พรุ่งนี้เราไปซื้อผ้าห่มเพิ่มอีกสองสามผืนเถอะ และหาเตียงไว้ในห้องพักแขกด้วย"เดิมทีคิดว่ามันคงมีแค่สองสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกัน ต่า
จ้านหยินรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะกรี๊ดออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เปลื้องผ้า เธอเพียงแต่มองดูด้วยความสนใจ แม้จะอยากจะเอามือมาลูบไล้ก็ตามเขายืนหลังตรงและไม่บังคับเธอไว้ในท่าทางที่ลามกนั้นอีกมันไม่มีประโยชน์สำหรับเธอเลย“คุณนอนโดยเอาสำลีอุดหูได้ไหม?”ไห่ถงส่ายหัว "นั่นคงจะอึดอัด"บนโซฟาไม่มีผ้าห่ม และ จ้านหยินจะไม่บอกเธอนอนบนพื้น อันที่จริงคืนนี้อากาศค่อนข้างหนาวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หยิบแก้วน้ำแล้วเดินกลับไปที่ห้องของเขา“นอนห้องผมสิ”เสียงทุ้มลึกของเขาลอยผ่านอากาศมาไห่ถงตกตะลึงการที่เธอโกรธและดุเขาได้ผลจริงๆจ้านหยินเดินไปที่ประตูห้อง หยุดลงแล้วหันหน้ามา เมื่อเห็นว่าไห่ถงไม่ได้เคลื่อนไหว ใบหน้าของเขาก็มืดมนลง และพูดอย่างเย็นชา: "ถ้าคุณรังเกียจก็ไปนอนบนโซฟาเถอะ"เมื่อพูดเช่นนี้เขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อปิดประตูไห่ถงคว้าหมอนขึ้นมาและรีบวิ่งไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปก่อน ขวางประตูไม่ให้ปิดไว้ใบหน้าสวยของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่น่าพอใจ “ฉันไม่รังเกียจเลย ไม่รังเกียจเลย”จ้านหยินจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเข้มงวดเธอแสร้งทำเป็นไ
หลังจากถอนหายใจ จ้านหยินก็นอนลงข้างๆ ไห่ถงถ้าอยากได้เธอ มไม่ควรทำแบบนี้ต้องได้รับความยินยอมจากเธออย่างเต็มใจ จะต้องเกิดขึ้นเมื่อเธอรู้ตัวดีกลัวว่าเธอจะสับสนและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครนอนกับเธอไปแล้งไห่ถงนอนหลับสบายในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป ในขณะที่จ้านหยินรู้สึกแตกต่างไป เขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับคนอื่น ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวสวยและมีเสน่ห์เลย ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็คือภรรยาของเขาในนามเขาไม่คุ้นเคยเอามากๆไห่ถงที่กำลังหลับอยู่จะยังคงโน้มตัวเข้าหาเขา โดยใช้เขาเป็นเครื่องทำความร้อนของเธอจ้านหยินรู้สึกว้าวุ่น จึงเอื้อมมือไปปลดกระดุมบนชุดนอนของเธอ แต่หลังจากปลดกระดุมเพียงอันเดียว เขาก็ยอมแพ้เมื่อมองดูใบหน้าขณะที่หลับใหลอย่างสงบของเธอ จ้านหยินก็โน้มตัวเข้าไปใกล้และจูบริมฝีปากของเธอ ในที่สุดเขาก็ยอมให้เธอซุกตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟัง เขายังคงท่องอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ : ฉันคือพระพุทธรูป!ใจเย็นไว้!รอไดเอทก่อน เขาจะต้องเอาคืนทบต้นทบดอกแน่นอน!จ้านหยินเองก็ง่วงนอนมาก ด้วยความคิดเหล่านี้ เขาจึงผลอยหลับไปสองสามีภรรยาไม่ทราบว่าในขณะนี้ มีคนยืนพิงประตูอยู่ด้านนอกห้อง และตั้งใจฟัง
ฝนตกไปตลอดทั้งคืนและหยุดตอนรุ่งสางไห่ถงตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของจ้านหยิน เธอตะลึงและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เธอรีบลุกขึ้นนั่งและกำลังจะผละตัวออกไปเบาๆหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันกลับมามองจ้านหยิน และผลักเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นว่าเขายังคงหลับสนิท และคิดว่าเมื่อวานเขาพึ่งดื่มกาแฟมาทั้งวัน ดังนั้นการที่เขาจะนอนหลับสนิทเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามวันนี้เขาก็หยุดหนึ่งวันงั้นก็ให้เขานอนให้เต็มอิ่มเถอะไห่ถงคิดกับตัวเองว่าเธอไม่ต้องการกวนจ้านหยิน แต่สิ่งที่เธอทำคือคุกคามจ้านหยินเมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ไห่ถงก็อดไม่ได้ที่จะขโมยจูบสองสามครั้งและพึมพำเบา ๆ : "หน้าตาดีกว่าฉันด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามันเข้มงวดและเย็นชาตลอดทั้งวัน ฉันคงกินคุณไปนานแล้ว รอจนกว่าหัวใจของฉันจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะทอดคุณแล้วกินคุณล่ะ"หลังจากขโมยจูบไปหลายครั้ง ไห่ถงก็จำสิ่งที่สำคัญที่สุดได้ ห้องของเขาเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเธอ และเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะมีโอกาสเข้ามาสักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่าเขายังหลับอยู่ ท
เมื่อจ้านหยินตื่นขึ้นมา เขาพบว่าไห่ถงจากไปแล้ว ใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก และเขาก็พึมพำกับตัวเอง: "เธอนอนกับฉัน แต่เธอไม่ได้รอให้ฉันตื่นก่อนที่เธอจะไป"ไห่ถง: "......พี่ใหญ่ อยากกินอะไรก็กินก็ได้ แต่พูดจาไร้สาระไม่ได้นะ ฉันไม่ได้นอนกับคุณ ฉันแค่นอนบนเตียงคุณเท่านั้นแหละ"จ้านหยิน:......เมื่อเขาออกไปข้างนอก เขาพบว่านอกจากสุนัขและแมวที่เขาเลี้ยงแล้ว ผู้หญิงทั้งสามคนไม่ได้อยู่ในบ้านเลยไม่ต้องถามก็รู้ว่าไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าวจ้านหยินนั่งลงบนเก้าอี้ชิงช้าบนระเบียงเขาหวนนึกถึงความรู้สึกที่ได้นอนกับภรรยาเมื่อคืนนี้เขาสรุปความรู้สึกของเขาเป็นคำพูด: ไม่คุ้นเคย แต่มีความรู้สึกคาดหวังหลังจากนั้นไม่นาน ไห่ถงและคนอื่น ๆ ก็กลับมานอกจากการซื้อกับข้าวแล้ว เธอยังซื้อเครื่องนอนด้วย ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ยังไม่เปิดและยังไม่ได้เลือกเตียงใหม่ เธอจะออกไปซื้อเตียงใหม่ในทีหลัง ติดตั้งมันให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปทำงานอย่างสบายใจโอ้ วันนี้ไม่ได้ไปทำงานวันนี้จ้านหยินหยุดงานหนึ่งวันและบอกว่าเขาจะพาเธอและคุณยายจ้านไปที่รีสอร์ท เพื่อพักผ่อนและทำให้คุณยายจ้านมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงพูดคุย จ้านหยิน
ไห่ถงรู้สึกขนลุกเมื่อเธอได้ยินว่ามีตัวอย่างมากมาย ที่คู่สมรสคนหนึ่งโอนทรัพย์สินระหว่างการหย่าร้างเมื่อนึกถึงนิสัยของครอบครัวโจวแล้ว โจวหงหลินก็มีความเป็นไปได้ที่จะโอนทรัพย์สินของเขาได้จริงๆ“คุณยายคะ ฉันจะบอกพี่สาวของฉัน”คุณยายจ้านพูดว่า "ถ้าใครต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกอาจ้านได้ เขาจะมีคนช่วยตรวจสอบให้"“คุณยาย เมื่อฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ฉันจะไม่เกรงใจจ้านหยินแน่นอน”คุณยายจ้านพอใจมากกับความตรงไปตรงมาของไห่ถงที่มีต่อจ้านหยินมากคิ้วและดวงตาของจ้านหยินโค้งขึ้นเล็กน้อย คุณยายจ้านมองดูเขา และเขาก็ทำหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง คุณยายจ้านดุด่าเขาในใจ: แสร้งต่อ ฉันอยากรู้ว่าแกจะเสแสร้งได้นานแค่ไหน?หลังอาหารเช้า ชาวคณะก็เดินทางสู่ขุมชนกวงหมิงไห่ถงรออยู่ที่ทางเข้าชุมชนพร้อมกับลูกชายของเธอเขาอยู่กับน้ามาหลายวันติดต่อกันแล้ว และโจวหยางก็คุ้นเคยแล้ว วันนี้เขาจึงไม่ได้งอแงอีก"คุณยาย"เมื่อเห็นคุณยายจ้านก็มาด้วย ไห่หลิงก็ทักทายคุณยายจ้านด้วยรอยยิ้มคุณยายจ้านยิ้มและให้กำลังใจเธอหัวใจของไห่หลิงอบอุ่นขึ้นมาครอบครัวน้องเขยดีกว่าของเธอหลายเท่าไห่ถงกอดหลานชายและพูดกับพี่สาวว่
ไห่หลิงไม่ได้พูดอะไรกับน้องสาวมากนัก หลังจากส่งลูกชายให้น้องสาวแล้ว เธอก็โบกมือให้น้องเขยและคุณยายจ้านแล้วรีบขี่รถออกไปไห่หลิงมาถึงบริษัทโดยเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเริ่มงานในตอนแรกเธอวิ่งห้ารอบใช้เวลายี่สิบนาที แต่ทุกวันนี้ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการวิ่งและความเร็วของเธอก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมันยังพอมีเวลาจอดรถให้เรียบร้อย ล็อครถแล้วไห่หลิงก็ออกวิ่งก่อนไปทำงานทุกวัน ไห่หลิงวิ่งรอบสวนเล็กๆ หน้าอาคารสำนักงานห้ารอบ ทุกคนในลู่ซื่อกรุ๊ปรู้ดีว่าในตอนแรกทุกคนกำลังรอดูการแสดงดีๆภายในสองสามวัน มีคนเริ่มวิ่งร่วมกับเธอพวกเขานั่งอยู่ในออฟฟิศทุกวัน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน แม้ว่าจะไม่หนักเท่าไห่หลิงก็ตาม การวิ่งสองสามรอบก่อนไปทำงานก็ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกันไห่หลิงใช้เวลาสิบสี่นาทีในการวิ่งห้ารอบ และนาทีสุดท้ายถูกใช้เพื่อวิ่งไปตอกบัตรเข้างานของเธอวันนี้เธอออกจากบ้านสายนิดหน่อย และก็ตอกบัตรไปแล้วโชคดีที่เธอไม่สาย"ประธานลู่""ประธานลู่"เสียงทักทายของเพื่อนร่วมงานดังมาจากด้านหลัง และลู่ตงหมิงก็มาถึงไห่หลิงหันหน้าไปและเห็นลู่ตงหมิงเดินเข้ามาก้าวใหญ่เขาไม่เ