หลังจากที่แม่โจวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็พูดว่า: "พรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับเธอ แล้วดูว่าจะโน้มน้าวให้เธอไม่ไปทำงานได้ไหม แต่ในอนาคต ถ้าแกสามารถให้ค่าใช้จ่ายแก่เธอได้มากขึ้น ระบบ AA จะต้องถูกยกเลิก และจะไม่มีระบบ AA อีกต่อไป"“ฉันคิดว่าระบบ AA จะดีสำหรับแก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ดีต่อแกเลย ดูสิ แกต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเมื่อแกกลับมาบ้าน ฉันกับพี่ให้ไห่หลิงทำอาหารให้พวกเรากิน แถมยังต้องจ่ายค่าแรงเธออีก”“และยังไม่รู้ว่าประหยัดเงินไปได้เท่าไหร่ ยกเลิกระบบ AA ซะ ซึ่งมันจะดีกว่า นั่นจะทำให้แกใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมาก แม้ว่าแกจะให้ไห่หลิง เพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาทก็ยังคุ้ม"หลังจากที่โจวหงหลินเงียบไปสักพัก ก็พูดว่า: "แม่ แม้ว่าระบบ AA จะถูกยกเลิกไป แต่ไห่หลิงอฃและฉันก็ไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้อีก ฉัน... ไม่สนใจเธออีกแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเพราะ หยางหยางและเพื่อพี่ ฉันไม่มีทางที่จะพูดกับเธอได้”ทันทีที่พูดจบ แม่โจวก็ตบเขาและดุเขาด้วยเสียงเบา: "พวกแกผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้ เมื่อแต่งงานแล้ว ไม่ช้าก็ไม่อาจสามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจจากภายนอกได้ แกคิดว่ายัยคนที่ชื่อเย่รักแกจริง ๆ หรือ? หล่อนรักฐานะแ
ไห่ถงโทรหาเซินเสี่ยวจวินด้วยรอยยิ้มเซินเสี่ยวจวินยิ้มแล้วพูดว่า: "ถงถง ในที่สุดพวกเธอสองสามีภรรยาก็กลับมาดีกันแล้ว แถมคุณจ้านยินดีที่จะเลี้ยงอาหารเช้าให้อีก ฉันจึงรู้สึกโล่งใจ ฉันกลัวว่าเขาคิดว่าฉันเป็นแม่สื่อ "จางเหนียนเซิงเป็นลูกพี่ลูกน้องเธอ แต่เธอไม่ต้องการให้เพื่อนและจางเหนียนเซิงมาเป็นคู่รักกัน เพราะตระกูลจางไม่เหมาะกับเพื่อนเธอแม้ว่าป้าเธอมักจะใจดีกับไห่ถงมาก แต่เมื่อป้าเธอรู้ว่า เหนียนเซียงชอบไห่ถง ป้าก็จะหันมาต่อต้านทันทีเมื่อมีแม่สามีเหมือนป้าของเธอ ชีวิตมันจะไม่ง่ายสำหรับเพื่อนเธอ ดังนั้นเซินเสี่ยวจวินจะไม่ช่วยเหลือลูกพี่ลูกน้องเธอนอกจากนี้ เธอยังวางแผนที่จะรอจนกว่าจะมีโอกาสตอนที่อยู่กันสองคนเท่านั้น เธอจึงบอกจางเหนียนเซิงอย่างดีว่า ให้หยุดมาที่ร้านของพวกเขาในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดกับ จ้านหยินคนที่แต่งงานแล้ว ไม่ว่าจะชายและหญิงยังต้องคำนึงถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจต่ แต่การที่ปล่อยให้อีกฝ่ายเห็นคนรักของตัวเองอยู่กับผู้ชาย (หรือผู้หญิง) ก็จะทำให้โกรธเช่นกันแค่รักษาระยะห่างไว้ ก็จะไม่มีอ
เนื่องจากสามีภรรยาทั้งสองไม่ได้กลับไปที่ร้าน อีกคนกลับไปที่บริษัท ทั้งสองคนไม่ได้ไปเส้นทางเดียวกันจึงขับรถมาคนละคันทั้งคู่ไปที่หมู่บ้านกวงหมิงก่อน เพื่อรับไห่หลิงทันทีที่ามาถึงประตูหมู่บ้าน เขาเห็นไห่หลิงเข็นลูกชายออกมา"พี่"หลังจากไห่ถงจอดรถไว้ข้างถนนแล้ว เธอก็รีบลงจากรถแล้วเดินไปหาพี่เธอ"น้า"หยางหยางยื่นมือออกเพื่อให้ไห่ถงอุ้มเขาไห่ถงก้มลงและอุ้มเขาขึ้นมา จุ๊บหวานๆ ให้สองครั้ง ซึ่งทำให้เด็กน้อยหัวเราะคิกคักเมื่อจ้านหยินมองภาพนี้ ก็หวังว่าเขาจะย่อตัวเป็นเด็กอายุสองขวบ แล้วขอให้ไห่ถงจูบเขา“วันนี้หยางหยางตื่นเช้ามาก”“ฉันปลุกเขาตื่นเอง ป้อนนมเสร็จแล้วจึงออกมาข้างนอก”ไห่หลิงพยักหน้ามองไปทางน้องเขยเธอ แล้วเรียกว่า "จ้านหยิน""พี่ขึ้นรถเถอะ"จ้านหยินพูดขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า และเข็นรถเข็นเด็กไปที่รถของไห่ถง“พี่นั่งรถเมล์ไปทำงานเหรอ?”ไห่ถงถามพี่เธอขณะขับรถไปด้วยว่า "ทำไมไม่ขี่จักรยานไฟฟ้าล่ะ พี่เอาจักรยานไฟฟ้าใส่ท้ายรถของจ้านหยินได้"รถของเขาใหญ่พอ และจะไม่มีปัญหาในการเอาจักรยานไฟฟ้าขนาดเล็กของพี่เธอใส่ไป“ตอนนี้สายแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานด้วยจักรยานไฟฟ้า”วัน
ไห่ถงงซื้อชุดสูทในราคามากกว่า 50,000 บาท และเธอก็จำแบรนด์ได้ งั้นก็มองไม่ผิดไห่ถงแอบยิ้มคนเดียวจ้านหยินขยับมือทำอะไรเหล่านั้นเพราะเขาต้องการสวมเสื้อผ้าใหม่ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณยายบอกว่า เขาค่อนข้างน่าเบื่อ ถ้าเธอซื้อเสื้อผ้าให้เขาเขาจะไม่ทิ้งมันแน่สมกับเป็นหลานชายแท้ๆ คุณยายรู้จักเขาดีและรู้นิสัยของเขาชัดเจนเมื่อพวกเขามาถึงโรงแรมกวนเฉิง เซินเสี่ยวจวินก็รออยู่ที่นั่นแล้วทุกคนก็เข้าโรงแรมผู้จัดการล็อบบี้ของโรงแรมจำจ้านหยินได้ และกำลังจะเรียกเขาว่า "นายน้อย" ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่อจ้านหยินจ้องเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว ผู้จัดการล็อบบี้ก็พูดว่า: "..."เขาทำผิดอะไร?ผู้จัดการล็อบบี้ไม่เพียงแต่ไม่กล้าเรียกอีกต่อไป แต่ยังไม่กล้าเดินตามด้วย เขาทำแค่ยืนอยู่ที่นั่นและมองจ้านหยินและคนอื่นๆ เดินจากไปม่รู้ว่าต้องใช้ไปเวลานานแค่ไหนก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากถูกตบไหล่"นายน้อยสอง?"เมื่อเห็นจ้านอี้เฉินผู้จัดการล็อบบี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นคนช่วยชีวิต เขาคว้าจ้านอี้เฉินไว้ แล้วพูดด้วยเสียงเบา: "นายน้อยสอง ฉันเพิ่งเห็นคนที่ดูเหมือนนายน้อยคนโตมากครับ แต่ฉันไม่กล้าเรียกออกไป เพรา
หลังจากที่เซินเสี่ยวจวินจากไปแล้ว จ้านหยินก็เรียกบอดี้การ์ดและให้พวกเขามารับบอดี้การ์ดติดตามเขามาตลอดแต่ไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็ร หลังจากได้รับโทรศัพท์แล้ว พวกเขาก็รีบไปที่โรงแรมเพื่อมารับ“ไปร้านจิวเวลรี่ก่อน”จ้านหยินสั่งคนขับทันทีที่ขึ้นรถคนขับตอบด้วยความเคารพ: "รับทราบครับ"ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างกวนเฉิง มีร้านจิวเวลรี่มากมายระหว่างทางจากโรงแรมไปบริษัทก็มีร้านขายจิวเวลรี่เมื่อมาถึงทางเข้าร้านจิวเวลรี่ คนขับก็จอดรถ“ไม่ต้องตามมา”Zhan Yin สั่งเบาๆ แล้วเดินลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านจิวเวลรี่จ้านหยินรีบซื้ออย่างรวดเร็ว เขาหยิบแหวนทองคำมาคู่หนึ่ง จ่ายเงิน และรอให้พนักงานช่วยใส่แหวนทั้งสองวงลงในกล่องผ้าสีกำมะหยี่แล้วใส่ลงในถุง หลังจากรับมา เขาก็หันหลังกลับเพื่อออกจากร้านคนขายเอาแต่มองดูเขาออกไปข้างนอก จนกระทั่งขึ้นรถไปแล้ว เมื่อคนขายมองออกไปก็ถอนหายใจในใจ: มีผู้ชายหล่อๆ อยู่จริงๆดูเป็นผู้ใหญ่ สุขุม สูง หล่อ สง่างามและเท่มาก!ของที่เขาซื้อไปคือแหวนคู่หนึ่ง แสดงว่าเขาต้องมีแฟนแล้วหลังจากที่จ้านหยินขึ้นรถแล้ว คนขับก็ออกรถทันทีอาชีหันไปมองนายน้อย"ไม่ได้ซื้อให้คุณ"
ซางเสี่ยวเฟยเห็นเขาลงรถแล้ว ก็ดีใจรู้สึกว่าความมุ่งมั่นขงเธอเริ่มเห็นผลนิดหน่อยแล้ว ดูได้จากที่จ้านหยินไม่แม้แต่จะแลสายตาจนกระทั่งยอมลงรถมาเจอเธอ นี่ก็เรียกว่าเริ่มเห็นผลแล้ว"จ้านหยิน ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณด้วย"ซางเสี่ยวเฟยรีบยื่นกล่องอาหารเช้าแสนรักของตัวเองที่พกมาให้กับจ้านหยิน ขณะเดียวกันก็ยื่นช่อดอกไม้ออกไปด้วย แล้วยิ้มหน้าบาน "ดอกไม้ช่อนี้ฉันตัดมาจากสวนดอกไม้ที่บ้านเอง ตัดกิ่งก้านใบ แล้วจัดเรียงเป็นช่อเองกับมือ ฉันให้คุณ"จ้านหยินมองหน้าซางเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เอาดอกไม้ให้ผู้ชายอกสามศอก ไห่ถงสอนซางเสี่ยวเฟยให้จีบผู้ชายยังไงกันแน่?เห็นเขาเป็นผู้หญิงหรือไง?จ้านหยินยื่นมือขวาออกไปรับช่อดอกไม้ก่อน แล้วค่อยยื่นมือซ้ายไปรับกล่องข้าวทันใดนั้นซางเสี่ยวเฟยก็รู้สึกเบิกบานใจฟู นี่จ้านหยินยอมรับเธอแล้วใช่ไหม?วินาทีถัดมาเธอก็เห็นนิ้วนางข้างซ้ายของจ้านหยินมีแหวนทองสวมอยู่ แหวนทองวงนั้นยังมีขนาดใหญ่มากด้วย เมื่อสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา ต่อให้วันนี้จะไม่มีแสงแดด แต่มันก็เป็นประกายแวววาวจนไม่อาจทำให้เธอมองผ่านไปได้"จ้านหยิน!"ซางเสี่ยวเฟยลอบถามเขาอย่างระมัดระว
ซางหวู่เหิงได้รับข่าวมาก่อนแล้ว แต่เขาก็ไม่ทันได้ตั้งตัวกับที่การน้องสาวบุกเข้ามาในห้องทำงานแบบนี้"รีบมาซะขนาดนี้ มีผีวิ่งตามหลังอยู่หรือไง"ซางหวู่เหิงวางปากกาเซ็นชื่อลง น้องสาวมาทั้งที เขาไม่คิดจะทำงานต่ออีก"วันนี้ไม่ไปเฝ้าอยู่ที่จ้านซื่อกรุ๊ปหรือไง? บอกไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วว่าจ้านหยินไม่เหมาะกับเธอ แล้วหมอนั่นก็ไม่มีทางรักเธออยู่แล้ว แต่พูดยังไงก็ไม่ฟัง ไม่ยอมตัดใจสักที คราวนี้โดนหักอกมาแล้วล่ะสิ?"ซางหวู่เหิงลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา รอจนน้องสาวเดินเข้ามาใกล้ เขามองดูใบหน้าซีดขาวของน้องสาวด้วยความสงสาร "จ้านหยินทำอะไรกับเธอ?"เขาไม่สนับสนุนที่น้องสาวตามจีบจ้านหยิน แต่ก็ไม่ยอมให้จ้านหยินทำร้ายจิตใจน้องสาวเขาเช่นกัน"พี่"ซางเสี่ยวเฟยจับแขนแข็งแรงของพี่ชาย แล้วถามด้วยความร้อนรน "พี่รีบบอกฉันมา จ้านหยินโสดหรือว่าแต่งงานแล้ว?"ซางหวู่เหิงชะงักไปนิดหน่อย แล้วพูด "ทำไมถึงถามอะไรแบบนี้? คนทั้งกวนเฉิงเขารู้กันทั้งนั้นว่าจ้านหยินยังโสด แม้แต่แฟนยังไม่มีเลย ก็เขานิสัยแบบนั้น ไม่ยอมให้สาวๆที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องเข้าใกล้ ก็มีแค่เธอนี่แหละที่ใจกล้าบ้าบิ่นวิ่งไล่ตามเขา""พี่ยังว่าจ้
"บอกหน่อยสิทำไมเธอถึงได้ดื้อด้านถึงขนาดนี้?""ก็ดื้อด้านจริงๆนั่นแหละ"ซางหวู่เหิงรู้สึกตึงเครียด"จ้านหยินไม่มีทางชอบเธอ แล้วตระกูลจ้านเองก็ไม่ได้ปลื้มเธอเท่าไหร่"ซางหวู่เหิงวิเคราะห์ให้น้องสาวฟัง "คุณยายจ้านแห่งตระกูลจ้านเป็นยายหญิงชราที่จิตใจยังสาว ในบรรดาหลานชายเก้าคน นอกจากคนเล็ดสุดสองคนที่ยังไม่ถึงวัยแต่งงาน เจ็ดคนที่เหลือควรจะแต่งงานได้แล้ว คนแก่น่ะตั้งหน้าตั้งตารอให้หลานชายแต่งงานอยู่""เธอจีบจ้านหยินอย่างเปิดเผยมาสักพักแล้วแท้ๆ คุณยายจ้านออกมาเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม? ไม่มีเลยสักนิด ทำอย่างกับไม่รู้ว่าเธอกำลังไล่ตามจ้านหยินอยู่อย่างงั้น เพราะอะไร? เพราะคุณยายไม่ได้หมายตาให้เธอเป็นหลานสะใภ้ใหญ่ยังไงล่ะ""ไม่งั้นนิสัยอย่างคุณยายจ้าน ถ้ารู้ว่ามีคนออกตัวประกาศว่าจะจีบจ้านหยินล่ะก็ ต้องยื่นมือมาช่วยสุดชีวิต ขนาดที่ว่าสามารถทำเรื่องเกิดเบอร์ขนาดไหนก็ย่อมได้ เช่นเอาจ้านหยินมาส่งให้เธอถึงเตียง แล้วให้พวกเธอได้เสียกันซะ แล้วคุณยายจะได้อุ้มหลานเร็วๆ""ถ้าเธอกับจ้านหยินได้เสียกัน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจ้านหรือตระกูลของเรา ก็จะต้องเรียกร้องให้จ้านหยินรับผิดชอบเธอ ต่อให้เขาไม่อยากแต่งก็ต้