เวินซื่อถูกคำพูดของเขากระตุ้นให้เกิดความสงสัยใคร่รู้อย่างมากตามที่คาดเอาไว้จริง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “อยาก!” เป่ยเฉินหยวนหัวเราะอย่างไร้เสียง และไม่เล่นตัวอะไร เลียนแบบบรรดาขุนนางเล่าให้นางฟัง...“พวกเขากล่าวว่า ท่านเจิ้นกั๋วกงผู้ยิ่งใหญ่เหิมเกริมปล่อยให้บุตรชายเย่อหยิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้ หากไม่ลงโทษอย่างหนัก เกรงว่าวันหน้าบุตรชายของเขาอาจจะกำเริบเสิบสานก่อเภทภัยไปทั่ว” ขุนนางเหล่านั้นเอ่ยคำพูดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การส่งสัญญาณของเป่ยเฉินหยวนราวกับว่าวันหน้าเวินจื่อเฉินจะกลายเป็นภัยร้ายแรงขึ้นมาจริง ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งถึงกับหาทางลงไม่ได้เลย อย่าว่าแต่กล่าวโทษเลย คนของฝ่ายขุนพลแทบจะฉีกดวงหน้าชราของเขาหมดแล้วชั่วขณะหนึ่ง ท่ามกลางเสียงประณามกล่าวโทษร่วมกันของเหล่าขุนนางครึ่งหนึ่ง ฮ่องเต้น้อยทำได้เพียงมีพระบัญชาให้ลงโทษอย่างหนักด้วย ‘ความจนปัญญา’ และรับเอา ‘คำแนะนำ’ ที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเสนอขึ้นในเวลาที่เหมาะสมมาใช้ให้คนสกุลเวินได้รับการให้อภัยจากเวินซื่อก่อน ถึงค่อยพิจารณาว่าจะปล่อยตัวเวินจื่อเฉินหรือไม่ เวินเฉวียนเซิ่งไม
แต่ตอนนี้พอฟื้นขึ้นมาก็เหลือเวลาแค่เก้าวันเท่านั้น! เวินซื่อโอดครวญในใจทันทีนางยังมีบทสวดขอพรอีกมากมายที่ต้องท่องจำ เวลาเก้าวันจะเพียงพอได้อย่างไร!“ไม่ได้การ ๆ ข้าต้องกลับไปแล้ว”ไม่กลับไปไม่ได้เมื่อนึกได้ว่ายังมีบทสวดกองเป็นภูเขาที่ต้องท่องจำ นางยังจะสนใจคนสกุลเวินอะไรนั่นที่ไหนกัน!“ท่านอ๋อง รบกวนท่านให้คนเตรียมรถม้าให้ข้าสักคัน ส่งข้ากลับไปที่อารามได้หรือไม่?”ครั้งนี้เวินซื่อที่มองอะไรไม่เห็นลุกขึ้นมานั่งด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะยื่นมือไปคลำรอบ ๆผลปรากฏว่าคลำโดนต้นแขนที่แข็งแรงข้างหนึ่งโดยไม่ระวังเวินซื่อไม่ได้โง่งม สัมผัสจากมือที่ได้ลูบคลำไปนั้นเป็นความอบอุ่นที่สัมผัสได้โดยมีเนื้อผ้ากั้นกลาง นอกจากร่างกายมนุษย์แล้วยังจะเป็นอะไรได้อีก?นอกจากนี้ภายในห้องไม่มีบุคคลที่สามเอ่ยวาจามาโดยตลอด นอกจากนางแล้วก็เหลือเพียงเป่ยเฉินหยวนเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่ตระหนักได้ว่านางสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย มือของนางก็เหมือนกับถูกลวกขึ้นมาทันที ตกใจจนอยากจะรีบหดมือกลับผลปรากฏว่าเพิ่งจะหดกลับไปได้ครึ่งทางก็ถูกมือใหญ่จับข้อมือไว้ “บอกแล้วว่าอย่าขยับส่งเดช”เสียงของเป่ยเฉินหยวนฟั
แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไร ม่อโฉวซือไท่พลันเดินเข้ามาจากด้านนอกนางหอบคัมภีร์บทสวดกองหนึ่งไว้ในมือ หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเวินซื่อก็รีบเดินไปที่เตียงของเวินซื่อทันที “เกิดอะไรขึ้น? เจ็บตรงไหนหรือ?” ม่อโฉวซือไท่รีบวางคัมภีร์บทสวดลง ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าแล้วกันเป่ยเฉินหยวนออกไป หลังจากนั้นค่อยกอดเวินซื่อที่กำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาในอ้อมแขน นางใช้มือที่หยาบกระด้างเล็กน้อยของตนเองเช็ดน้ำตาบนแก้มของเวินซื่ออย่างนุ่มนวล เอ่ยด้วยความปวดใจว่า “ไม่เป็นไร ๆ อาจารย์ตรวจดูอาการของเจ้าแล้ว แผลบนหน้าผากจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แผลบนตัวก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ดวงตาก็ด้วย ผ่านไปสักสองวันก็หายแล้ว ทุกอย่างไม่มีปัญหา” เวินซื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ระมัดระวังข้างนั้น นางจึงเผลอแนบเข้าไปถูไถตามจิตใต้สำนึก เนื่องจากนางนึกถึงตอนที่มารดายังมีชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่นางร้องไห้ก็จะโอบกอดปลอบนางไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้เป่ยเฉินหยวนมองภาพนี้อยู่ทางด้านข้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากที่เงียบไปสักพัก ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากกล่าวว่า “ม่อโฉวซือไท่ อู๋โยวกลัวว่าจะเลื่อนพิธีขอพร
บอกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อสักครู่ เลือกเวลาได้แม่นยำถึงเพียงนี้ ราวกับจงใจทรมานพวกเขาจริง ๆ เวินฉางอวิ้นที่เหนื่อยล้านิดหน่อยเช่นเดียวกันอดบ่นไม่ได้ “น้องห้าช่างทรมานคนจริง ๆ” ตอนเช้าไม่ฟื้น ตอนเย็นไม่ฟื้น แต่มาฟื้นตอนนี้หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเวินซื่อที่ถูกเวินจื่อเฉินทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสมาก่อน เกรงว่าเขาคงจะสงสัยว่านางฟื้นมาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่ เวินเฉวียนเซิ่งที่รู้ว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่กลับหัวเราะหยัน “เวินซื่อยังไม่มีความกล้าหาญพอที่จะกล้าต่อต้านข้าหรอก เกรงว่าคงจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เวินฉางอวิ้นตกตะลึง “ความหมายของท่านพ่อคือ?” “นอกจากเป่ยเฉินหยวนแล้ว ยังมีใครในราชสำนักนี้ได้อีก?” เวินเฉวียนเซิ่งทำหน้าเย็นชา แววตาคมกริบ “คนผู้นี้ลงมืออย่างเด็ดขาดฉับไว อาศัยความโปรดปรานของฝ่าบาท กระทำการเผด็จการอย่างยิ่ง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่กดดันจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขา เป่ยเฉินหยวนไม่มีทางพลาดโอกาสใด ๆ เลย “ครั้งนี้สกุลเวินของเราพลาดท่าอยู่ในเงื้อมมือของเขา หากไม่ใช่เพราะนังเด็กเหลวไหลอย่างเวินซื่อ เรื่องคงไม่บานปลายมาถึ
ตั้งแต่รู้ว่าเวินจื่อเฉินบุกเข้าไปในอารามสุ่ยเยว่ และยังทำร้ายเวินซื่อ หลายวันนี้เวินเยวี่ยอารมณ์ดีมากแต่นางคิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับเกินความคาดหมายของนางฝ่าบาทสั่งโบยเวินจื่อเฉินแปดสิบไม้เพื่อเวินซื่อและยังสั่งสกุลเวินต้องได้รับการให้อภัยจากเวินซื่อ จึงจะละเว้นเขาหลังจากรู้ข่าวเรื่องนี้ เวินเยวี่ยก็เผลอกล่าวด้วยความโกรธ “ถือสิทธิ์อะไร?!”ฝ่าบาทบ้าไปแล้วหรือ?เพื่อแม่ชีคนหนึ่ง ล่วงเกินทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างไม่ลังเล?เวินเยวี่ยรู้สึกว่านี่มันบ้ามากนางเวินซื่อถือสิทธิ์อะไรได้รับการปกป้องจากฝ่าบาท?ตอนนี้นางไม่ใช่บุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว แต่เป็นแค่แม่ชีคนหนึ่งที่ไร้ชื่อ นางยังมีอะไรสามารถเข้าตาฝ่าบาทที่อยู่บนจุดสูงสุดอีก?เวินเยวี่ยที่ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในราชสำนัก คิดว่ามีเพียงฮ่องเต้น้อยคนเดียวที่ออกหน้าแทนนางแต่หารู้ไม่ ยังมีอีกคนอีกคนที่มีอิทธิพลต่อราชสำนักตอนที่รู้ว่าเวินเฉวียนเซิ่งให้นางไปที่ห้องหนังสือ เวินเยวี่ยก็เดาได้แล้วว่า พวกเขาต้องถามนางเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้นในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็ป่าวประกาศ ‘เรื่อง
“นางกำลังทำอะไรที่นั่น?”เวลานี้เวินฉางอวิ้นยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวหลังจากเวินเยวี่ยแสร้งลังเล ทำหน้าเหมือนไม่อยากช่วยเวินซื่อปิดบังอีกแล้ว ก็กล่าวทั้งน้ำตา “นางแอบ…แอบพบกับบุรุษคนหนึ่งที่นั่น”“เพล้ง!”จู่ๆ ฝาถ้วยชาที่อยู่ข้างมือของเวินเฉวียนเซิ่งก็แตกกระจายบนพื้นเวินฉางอวิ้นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “น้องหก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”เวินซื่อแอบพบกับบุรุษ?!นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!นังเด็กเวินซื่อนั่นจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!เวินเยวี่ยกล่าวทั้งน้ำตา “เยวี่ยเอ๋อร์รู้ว่าท่านพ่อกับท่านพี่ไม่เชื่อ เยวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ เยวี่ยเอ๋อร์เห็นกับตาจริงๆ หลังจากถูกพี่หญิงห้าพบเห็น เดิมทีข้าอยากเกลี้ยกล่อมนางอย่าทำเช่นนี้ แต่นางกลับกดข้าลงน้ำ ขู่ข้าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้น…นางก็จะกดข้าจมน้ำตาย”หลังจากฟังนางกล่าวจบ เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นเงียบไปชั่วขณะสีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งเคร่งขรึมมากส่วนเวินฉางอวิ้นอย่างไรก็ไม่เชื่อเขารู้ว่าตอนนี้น้องห้าหัวรั้นมาก ไม่เชื่อฟัง และไม่รู้ความ แต่ถึงนางจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีทางทำเรื
“อะไรนะ? นางไปแล้ว?”เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นไปเสียเที่ยวอีกครั้งตอนที่พ่อลูกคู่นี้คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไปหาเวินซื่อที่วังหลวง แต่กลับรู้มาว่าเวินซื่อกลับอารามสุ่ยเยว่แล้วเสี่ยวเต๋อจื่อยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์กังวลเกี่ยวกับพิธีขอพรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพิ่งฟื้นก็รีบกลับอารามสุ่ยเยว่เพื่อเตรียมตัวแล้ว”สีหน้าเวินเฉวียนบึ้งตึงเล็กน้อยเดิมทีเขาอยากถามให้ชัดเจนด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เวินซื่อกลับกลับอารามสุ่ยเยว่โดยตรงแล้วถ้าหากอยู่ในวังหลวง เขายังสามารถเจอนางแต่อยู่ในอารามสุ่ยเยว่ เขากลับไม่สามารถเข้าแม้แต่ประตูหรือนี่ก็อยู่ในแผนของเป่ยเฉินหยวน?เวินเฉวียนเซิ่งสงสัยในใจแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ นี่ไม่ใช่แผนของเป่ยเฉินหยวนเวินซื่อเดาว่าเวินเฉวียนเซิ่งต้องมาหานางด้วยตัวเองแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ดวงตาหายดีแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับม่อโฉวซือไท่ทันทีไม่ใช่ว่านางกลัวเวินเฉวียนเซิ่ง แต่เพราะนางจะเตรียมพิธีขอพรก่อน รอหลังจากนี้นางค่อยลงมือทวงคืนทุกอย่างจากคนเหล่านี้แล้วก็ นางไม่อยากให้เวินจื่อเฉินออกจากคุกเร็วเช่นนั้นก่อนที่นางจะอารมณ์ดีขึ้
เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น แววตาเวินซื่อเผยให้เห็นความประหลาดใจทันทีเพราะรูปร่างของอิ่งชีสูงบาง ประกอบกับชุดที่มิดชิด รูปร่างภายนอกแทบไม่มีลักษณะเด่นใดๆ ดูแล้วย่อมแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ตอนนี้เสียงของอิ่งชีดังขึ้น เวินซื่อก็รู้แล้วอิ่งชีเป็นผู้หญิง“ท่านอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เวินซื่อก็เคยเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์มีชาติตระกูล ย่อมรู้ว่าในเรือนของคนชนชั้นสูง และรวมถึงราชวงศ์ จะฝึกองครักษ์ลับส่วนตัวจำนวนหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็เช่นกันข้างกายเวินเฉวียนเซิ่งก็มีองครักษ์ลับค่อยปกป้องสมัยเด็กนางเคยเห็นคนเช่นนี้ ความรู้สึกที่อิ่งชีนำมาให้นาง ก็เหมือนกับองครักษ์ลับข้างกายของบิดา “นี่คือองครักษ์ลับที่ฝ่าบาทสั่งให้ข้าส่งมา เดิมทีพวกเขาเป็นคนของราชวงศ์เท่านั้น แต่ท่านเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์เพียงคนเดียว และยังขอพรเพื่อบ้านเมืองในอาราม หลังจากข้ากับฝ่าบาทปรึกษากัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างก่อนหน้านี้ ก็เลยเลือกองครักษ์ลับที่เหมาะสมกับท่านคนหนึ่งส่งมาให้ท่าน”เป่ยเฉินหยวนล้วงป้ายประจำตัวของอิ่งชีออกมาส่งให้เวินซื่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็คือนายของ
“ท่านอ๋องอาจจะยังไม่ทราบ” เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากอย่างช้าๆ “วันเกิดปัจจุบันของเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ใช่วันเกิดที่แท้จริงของนาง แต่เป็นวันครบรอบวันตายของมารดาของนาง”“โอ้?”เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แสดงสีหน้าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เป็นวันครบรอบวันตาย เช่นนั้นเหตุใดจึงนำมาปะปนกับวันเกิดเล่า?”“เพียงเพื่อมิให้ในภายภาคหน้าเยวี่ยเอ๋อร์ลืมวันที่มารดาของนางเสียชีวิตไป จึงได้เปลี่ยนวันเกิดของเยวี่ยเอ๋อร์มาเป็นสองเดือนก่อนหน้านั้น และถ้าคำนวณตามวันเกิดที่แท้จริงของเยวี่ยเอ๋อร์แล้ว นางก็อายุน้อยกว่าเวินซื่อเล็กน้อย หากถือว่าเป็นน้องสาวก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”“แค่เพียงเท่านี้หรือ?”“แค่เพียงเท่านี้”เวินเฉวียนเซิ่งตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเวินเยวี่ยก็รีบพยักหน้า “ใช่แล้วๆ ท่านพ่อทำเช่นนี้ก็เพื่อเยวี่ยเอ๋อร์ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ท่านอ๋องเข้าใจผิด แต่วันเกิดที่แท้จริงของข้าก็ยังอีกสักพักจริงๆ ”เมื่อได้ยินเวินเยวี่ยยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ เวินฉางอวิ้นและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างต่างมองหน้ากันทันทีจนกระทั่งวันนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ววันเกิดของน้องหกมีเบื้องหลังเช่นนี้เองแน่นอนว่าเป็นเ
ในที่สุดนางก็จะเบ่งบานอย่างงดงามเวินซื่อจ้องมองกิ่งดอกเหมยนั้น ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ “ขอบคุณท่านอ๋องสำหรับคำอวยพร”“ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะรู้เรื่องดอกไม้ได้ดีขนาดนี้ ดอกเหมย ช่างเหมาะกับพี่หญิงห้าจริงๆ ”ทันใดนั้น น้ำเสียงสดใสอ่อนหวานก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเวินเยวี่ยเดินมาหยุดอยู่ตรงเวินซื่อ ใบหน้าของนางดูไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน “แต่ดอกเหมยที่บานก่อนกำหนดเช่นนี้หายากจริงๆ เยวี่ยเอ๋อร์ก็ชอบมากเหมือนกัน พี่หญิงห้าให้เยวี่ยเอ๋อร์ดูบ้างได้หรือไม่?”“ไม่ได้”สีหน้าของเวินซื่อเย็นชาทันที และปฏิเสธนางอย่างไม่ลังเล“ก็ได้ พี่หญิงห้าก็ยังคงเกลียดข้ามากอยู่ดี ช่างเถิด พี่หญิงห้าอย่าโกรธเลย หากท่านรังเกียจ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ดูแล้วก็ได้”เวินเยวี่ยแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาในทันที จากนั้นจึงหันไปมองเป่ยเฉินหยวนด้วยความคาดหวัง “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีดอกเหมยอีกหรือไม่ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากแย่งพี่หญิงห้า เพียงแต่ชอบมากจริงๆ ถ้าท่านยินดีมอบให้เยวี่ยเอ๋อร์สักกิ่ง เยวี่ยเอ๋อร
ภายในกล่องบรรจุชุดเครื่องประดับศีรษะที่ประดับด้วยขนนกสีฟ้าอมเขียว ทองคำ และหยกอันหรูหราอลังการ ยิ่งกว่ากวานที่เวินฉางอวิ้นพวกเขาพี่น้องทั้งสี่เคยสั่งทำให้เวินซื่อเสียอีกดังนั้น ไม่ใช่แค่เวินซื่อ แม้แต่คนในสกุลเวินที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นชุดเครื่องประดับศีรษะนี้ ต่างตกตะลึงไปตามๆ กันเวินเยวี่ยยิ่งรู้สึกอิจฉาจนกัดฟันกรอดหากนางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ เครื่องประดับศีรษะเช่นนี้ก็ควรจะเป็นของนาง!แต่ตอนนี้นางเด็กสารเลวนี่กลับได้ไป!นางจะคู่ควรได้อย่างไร?!ทว่าเวินเยวี่ยไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ทำให้นางอิจฉายิ่งกว่ากำลังจะตามมา“ลองเปิดชิ้นนี้ดูอีกสิ”เป่ยเฉินหยวนยื่นกล่องอีกใบในมือให้กับเวินซื่อหลังจากวางชุดเครื่องประดับศีรษะอันหรูหราลงอย่างระมัดระวังแล้ว เวินซื่อจึงเปิดชิ้นที่เป่ยเฉินหยวนถืออยู่ในมือเมื่อเปิดออก เสื้อคลุมยาวปักลายผีเสื้อที่ทำมาจากผ้าไหมเสฉวนอันงดงามวิจิตรตระการตาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ บนเสื้อคลุมยาวปักลายผีเสื้อที่พับไว้อย่างเรียบร้อยนั้น ยังมีกิ่งดอกเหมยวางทับไว้อยู่ทั้งกวาน ทั้งเสื้อคลุมยาวหรูหรา สุดท้ายยังมีดอกไม้อีก...มาถึงตอนน
“น้องหก เรื่องนี้พี่สามของเจ้าพูดถูกจริงๆ”เวินฉางอวิ้นก็ไม่เห็นด้วยที่เวินเยวี่ยจะนำของขวัญวันเกิดของตนเองออกมามอบให้“แต่วันนี้เป็นวันเกิดของพี่หญิงห้า หากนางไม่ได้รับของขวัญแม้แต่ชิ้นเดียว นางจะต้องเสียใจมากแค่ไหนกัน?”เวินเยวี่ยมองชะโงกข้ามไหล่ของเวินฉางอวิ้น พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย แต่สายตาที่มองเวินซื่อกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย“ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว จะมีอะไรให้เสียใจอีก? ในพิธีปักปิ่นก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้รับดอกไม้สักดอกเลยมิใช่หรือ?”เวินจื่อเยวี่ยยิ้มเยาะแล้วพูดจาแทงใจดำออกมา“ดังนั้นเวินซื่อเจ้าควรจะทำตัวดีๆ หน่อย หากเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี ท่านพ่อและพวกเราก็ใช่ว่าจะมอบของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ให้เจ้าไม่ได้”เวินซื่อกล่าวด้วยความรำคาญ “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ต้องการ...”“แท้จริงแล้วธรรมเนียมการอวยพรวันเกิดให้ผู้อื่นของจวนเจิ้นกั๋วกงก็คือมามือเปล่า แล้วยังต้องข่มขู่ผู้อื่นก่อน ถึงจะมอบของขวัญให้อย่างนั้นหรือ?”เวลานี้ น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังมาจากนอกเรือนอย่างกะทันหันเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ หันกลับไปมอง เห็นเพียงเป่ยเฉินหยวนท่านอ๋องผู้สำเร็
เวินอวี้จือกล่าวเตือนเขา “มีเรื่องอะไรก็ค่อยพูดกันวันหลัง อย่าลืมจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ในวันนี้”เวินฉางอวิ้นที่เดิมทีแล้วตั้งใจจะถามบิดาให้ชัดเจนก็ชะงักไปจริงสิ ธุระสำคัญในวันนี้คือการฉลองวันเกิดให้กับน้องห้าอย่ามัวเสียเวลาในวันเกิดของน้องห้าเลย“เฮ้อ ไม่ต้องหรอก ข้าไม่รีบ”เวินซื่อยิ้มเล็กน้อย “ถ้าพวกท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดให้ชัดเจนตอนนี้เลยก็ได้”นางกำลังมีความสุขที่ได้ดูละครฉากนี้เวินเยวี่ยไม่อยากให้นางได้ดูละครอยู่ตรงนี้จริงๆ หากไม่ขัดขวางเสียหน่อย เกรงว่าเวินฉางอวิ้นก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมของนางแล้วเวินเยวี่ยรีบยิ้มออกมาทันทีพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับวันเกิดของพี่หญิงห้าในวันนี้ ท่านว่าจริงหรือไม่ พี่ใหญ่?”เวินฉางอวิ้นพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ใช่ น้องหกพูดถูก”“ได้”เวินซื่อที่ไม่ได้ดูละครสนุกๆ ก็แบมือทั้งสองข้างออกไป แล้วกล่าวกับเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ “เช่นนั้นก็เอามาสิ”“อะไรนะ?”เวินฉางอวิ้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้างุนงง“ของขวัญอย่างไรเล่า”เวินซื่อยิ้มอย่างคลุมเครือพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านไม่ได้ตั้งใจมาอวยพรวั
แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่รองกินยาอะไรผิดมาถึงได้ทำตัวแปลกๆ ไม่ลงมือก็ช่างเถอะ แต่นี่กลับไปช่วยเวินซื่อทำไร่ทำสวนเชียวหรือ?ช่างน่าอับอายจริงๆ!“เจ้าสาม อย่าได้ใจร้อน ท่านพ่อก็ยังอยู่ที่นี่นะ”เวินฉางอวิ้นมองเวินจื่อเยวี่ยด้วยสายตากล่าวเตือน จากนั้นจึงปล่อยมือเวินจื่อเยวี่ยหันกลับไปมองสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งถึงแม้เวินเฉวียนเซิ่งจะไม่ได้พูดอะไร แต่เวินจื่อเยวี่ยก็ยังคงปิดปากเงียบอย่างว่าง่าย“เวินซื่อ เจ้าเสียใจบ้างหรือไม่?”เวลานี้ เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากขึ้นอย่างกะทันหันตั้งแต่ก้าวเข้ามาในเรือนแห่งนี้ เขาก็มองสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยท่าทีสูงส่งมาโดยตลอดรวมถึงลูกสาวของเขาที่ยืนอยู่ในแปลงสมุนไพร ดูเหมือนว่าจะกลมกลืนไปกับสถานที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์เวินซื่อถามกลับ “เสียใจ? เหตุใดข้าจึงต้องเสียใจด้วย?”“เจ้าสามารถเป็นบุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงผู้มีฐานะสูงส่ง เสวยสุขในความร่ำรวยและมีเกียรติไปตลอดชีวิตได้แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับตกต่ำถึงเพียงนี้ เจ้าไม่เสียใจบ้างเลยหรือ?”“หึ? บุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงผู้มีฐานะสูงส่งหรือ?”เวินซื่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เส
นางพูดอยู่ตรงนั้นคนเดียว เวินซื่อกลับไม่สนใจนางเมื่อเห็นท่าทีไม่เห็นหัวใครของนาง เวินจื่อเยวี่ยที่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้วทำหน้าเข้มทันที “ทำไม หลังจากออกบวชเป็นแม่ชี ตอนนี้เรียนรู้แกล้งทำเป็นใบ้แล้วหรือ?”“น้องสาม”เวินฉางอวิ้นตำหนิเวินจื่อเยวี่ยเพื่อให้เขาสำรวมอารมณ์เสียบ้างเวินจื่อเฉินมองดูเวินซื่อที่อยู่ใจกลางแปลงสมุนไพร เขาไม่ได้วู่วามเหมือนก่อน ตอนนี้กลับเป็นน้องสามที่ไม่ชอบพูดชอบจา ยิ่งเหมือนเขามากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเวินจื่อเฉินเงียบไปสักครู่ เขาก้าวเข้าไปหยิบถังน้ำอีกใบที่อยู่ในเรือน “ข้าช่วยเจ้า”“ไม่ต้อง”ในที่สุดเวินซื่อก็เอ่ยปาก แต่คำแรกที่พูดออกมาคือการปฏิเสธนางยืดตัวตรง จ้องมองพวกเวินจื่อเฉินอย่างเย็นชา “เรือนของข้าทั้งสกปรกทั้งเล็ก รองรับพวกคนใหญ่คนโตอย่างพวกท่านไม่ได้หรอก หากไม่มีธุระใดอย่าอยู่ในเรือนข้าอีกเลย”แต่เวินจื่อเฉินกลับทำเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของนาง ดื้อดึงถือถังน้ำเข้าไป แล้วทำท่าเหมือนเวินซื่อช่วยนางรดน้ำแปลงสมุนไพรที่เหลือสีหน้าเวินซื่อเยือกเย็นทันที นางกำลังจะบอกให้เวินจื่อเฉินวางลง เวินฉางอวิ้นที่อยู่ข้างกันเอ่ยขึ้นกะทันหัน“น้องห้า เจ้าอย
“อะไรนะ?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วทันที “พิธีปักปิ่นก่อนหน้านี้ไม่ใช่วันเกิดของอู๋โยวหรอกหรือ?”“เสด็จอาเองก็รู้สึกเหลือเชื่อสินะ?”ฮ่องเต้น้อยถอนหายใจอย่างสับสน “เราเองก็เพิ่งจะรู้ ที่แท้วันนี้ถึงจะเป็นวันเกิดของธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิง ส่วนเจิ้นกั๋วกงเองคงเพิ่งจะนึกได้ไม่นาน ดังนั้นตอนเที่ยงจึงได้มาขออนุญาตจากเรา”ตั้งแต่ท่านอาหลานจากไป จวนเจิ้นกั๋วกงยิ่งไร้ระเบียบเข้าไปทุกทีแม้จวนเจิ้นกั๋วกงจะประกาศต่อภายนอกว่าเวินเยวี่ยคือบุตรสาวของผู้มีคุณ ซึ่งรับไว้เป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่สำหรับฮ่องเต้ การสืบค้นเรื่องพวกนี้ง่ายดายมากดังนั้นพวกฮ่องเต้น้อยรู้นานแล้วว่าเวินเยวี่ยคือบุตรสาวนอกสมรสของเวินเฉวียนเซิ่งเดิมทีนึกว่าเรื่องนี้เหลวไหลมากพอแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าผู้ที่เป็นถึงเจิ้นกั๋วกงจะทำเรื่องเหลวไหลเพื่อบุตรสาวนอกสมรสได้ขนาดนี้ผู้ที่เป็นบุตรสาวในภรรยาเอกจวนเจิ้นกั๋วกง นอกจากไม่อนุญาตให้จัดงานพิธีปักปิ่นในวันเกิดแล้ว ยังต้องถูกจัดให้เป็นตัวรองเพื่อให้บุตรสาวนอกสมรสโดดเด่นช่างเหลวไหลสิ้นดีเป่ยเฉินหยวนสอบถาม “เขาขออนุญาตเรื่องใดหรือ?”ฮ่องเต้น้อยกล่าว “แม้จะตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่
อย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจว่าพี่ใหญ่กับพี่รองคิดอะไรกันอยู่ยามนี้ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นเอาใจใส่เวินซื่อมากทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ไม่สนใจไม่ใส่ใจเวินซื่อแม้แต่น้อย พี่รองยิ่งลงไม้ลงมือกับเวินซื่อ ไม่มีใครดีกับนางสักคนตกลงพวกเขาเป็นอะไรไป?เพราะเวินซื่อให้พวกเขากินยาเสน่ห์ จนทำให้พวกเขาลืมไปว่าก่อนนี้เวินซื่อเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดไหนงั้นหรือ?“พี่สาม อย่าพูดเช่นนี้ เกิดพี่หญิงห้าได้มายินคำพูดเช่นนี้ของท่าน นางจะเสียใจนะเจ้าคะ”เวินเยวี่ยที่ออกมาพร้อมกัน แม้ปากจะบอกให้เวินจื่อเยวี่ยอย่าพูดเช่นนี้ ทว่าในใจกลับพอใจมากโชคดีที่เวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในการควบคุมของนาง เพราะชายหนุ่มที่ดูเคร่งขรึมคนนี้ เป็นคนที่ดื้อดึงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนเมื่อเขาปักใจว่าเวินซื่อคือคนที่ใจคอโหดเหี้ยม มันจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะคำโน้มน้าวจากผู้อื่นเด็ดขาดดังนั้นหากเวินเยวี่ยอยากใช้เขาเล่นงานเวินซื่อ พูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก“อย่าว่าแต่ตอนนี้นางไม่ได้ยิน ต่อให้นางยืนอยู่ตรงหน้าข้า ก็ไม่มีสิ่งใดที่ข้าเวินจื่อเยวี่ยไม่กล้าพูด”น้ำเสียงของเวินจื่อเยวี่ยใจร้ายมาก ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนสะบัดแขนเสื้อจา